ด้านมู่หลานเฟินนั้น นางเดินเตร็ดเตร่มาตามทางเดินที่ปูลาดด้วยหินกรวด พลางสอดส่ายสายตามองไปโดยรอบ
ที่จวนชินอ๋องแห่งนี้ตกแต่งงดงามใช้ได้ ต้นไม้ดอกไม้ออกดอกงดงามตามฤดูกาล ให้ความรู้สึกเย็นสบายสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง
ชีวิตของนางผ่านการทะลุมิติมาหลายชาติภพ มีชาติหนึ่งทะลุเข้าไปเป็นแม่ครัว ได้เรียนการทำอาหารมาไม่น้อย แต่ละครั้งที่ทะลุมิตินั้นจะไม่ซ้ำสถานที่กันเลยสักครั้ง พบเจอบุคคลมากหน้าหลายตา หลายสิ่งหลายอย่างช่วยขัดเกลาให้นางกลายเป็นคนที่เข้าใจโลกมากขึ้น
มู่หลานเฟินไม่รู้เลยว่า การทะลุมิติมาในครั้งนี้จะมีชีิวิตอยู่รอดอีกนานเท่าไหร่และจะอายุสั้นเหมือนชาติก่อนๆหรือไม่
หญิงสาวทิ้งกายลงนั่งที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะไกวมันไปมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ร่างนี้มีอายุสิบหกปีแล้ว ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมบอกนางว่าชีวิตความเป็นอยู่ก่อนหน้านี้ของมู่หลานเฟินคนเก่าไม่ได้ดีมากเท่าใดนัก
บ้านตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี มีบุตรสาวสามคน คนโตคืออวี้หลิง ส่วนแม่ของนางเป็นบุตรสาวคนรอง และมีบุตรสาวคนเล็กที่เกิดจากอนุนามว่าอวี้หลัน
ไม่นานแม่ของมู่หลานเฟินได้แต่งงานกับพ่อค้าตระกูลมู่และให้กำเนิดนางออกมา แต่หลายปีต่อมาพ่อแม่ของนางตายก็ป่วยตายจากไป นางจึงต้องใช้ชีวิตอยู่กับอวี้หลันผู้เป็นน้าสาว อีกทั้งสามีของอวี้หลันยังจ้องจะทำไม่ดีไม่ร้ายนางอยู่ตลอดเวลา อวี้หลิงป้ามหาภัยนางนั้นเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและบอกว่าหากมู่หลานเฟินมาช่วยงานนางจะต้องสุขสบายไปทั้งชาติแน่นอน
มู่หลานเฟินคนเก่านั้นมีนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง ขอเพียงได้ใช้ชีวิตบนความสุขสบายเจ้าตัวล้วนทำได้ทุกอย่าง จึงตอบตกลงโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วน
ไม่รู้ว่าจะนับเป็นความโชคดีได้หรือไม่ แม้อวี้หลิงจะบังคับให้นางทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์แอบแฝงแต่กลับไม่เคยทุบตีนางจริงจังเลยสักครั้ง แม้ปากจะด่า ที่ลงโทษมากสุดก็เพียงให้อดข้าวเท่านั้น
ที่สำคัญนางยังมีญาติผู้พี่ที่อายุห่างกันหนึ่งปีนามว่าเซวียนเจ๋อ ซึ่งก็คือบุตรชายของอวี้หลิง น้องชายแท้ๆของเซวียนซานหลาง นางยังไม่ได้พบเจอเขาเลย แต่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมยามที่นึกถึงเซวียนเจ๋อนั้น ไม่ได้มีความเกลียดชังหรือมีความคิดใดแอบแฝงเลยแม้แต่น้อย
เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋ออายุห่างกันหลายปี ลั่วเหมยบอกนางว่าปีนี้เซวียนซานหลางอายุยี่สิบสองปีแล้ว แต่ทว่าเขายังไม่แต่งงานหรือชอบพอสตรีคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว ท่าทางเย็นชาวางตัวสูงส่งของเขามันทำให้มู่หลานเฟินรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หญิงสาวยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว ช่างเถอะ จะว่าไปแล้ว ชาตินี้นางก็มีชีวิตสุขสบายกว่าชาติก่อนๆมากนัก ใช้ชีิวิตให้เป็นไปตามครรลองเถอะ จะเกิดสิ่งใดขึ้นก็แล้วแต่สวรรค์จะกำหนด
นั่งเล่นอยู่นาน ในที่สุดมู่หลานเฟินก็รู้สึกเบื่อ จึงเดินกลับมาที่เรือน เมื่อมาถึงก็พบกับป้าของตนที่กำลังนั่งรออยู่ด้านในเรือน แววตาที่มองมาฉายความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าอวี้หลิงคงจะรู้แล้วว่าแผนการที่สั่งให้นางทำไม่สำเร็จ
มู่หลานเฟินไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาของป้าตนเองเลยแม้แต่น้อย
"หรานหร่าน เจ้าทำไม่สำเร็จกี่ครั้งแล้ว เห็นทีข้าคงต้องอดข้าวเจ้าจริงจังเสียแล้ว"
มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองอวี้หลิง ก่อนจะเอ่ย
"ท่านป้า ข้าขอเตือนท่านหน่อย เซวียนซานหลางไม่ใช่คนที่พวกเราจะล่วงเกินได้ง่ายๆ วันนี้เขาถึงกับขู่จะฆ่าข้า ท่านก็ระวังตัวเอาไว้บ้างเถอะ"
อวี้หลิงเมี่ื่อได้ฟังก็ถึงกับลมออกหู นางก้าวเข้ามาหาหลานสาวก่อนจะยกนิ้วชี้จิ้มหน้าผากของมู่หลานเฟินอย่างไม่พอใจ
"นังโง่! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซวียนเจ๋อจะต้องลำบากเพียงใดในวันหน้า หากซานหลางได้ตำแหน่งชินอ๋องเมื่อใด เขาไม่มีทางปล่อยพวกเราเอาไว้แน่"
“เช่นนั้นก็ไปหาที่อยู่ใหม่เสียสิ ยากตรงไหนกัน สิ่งใดที่ไม่ใช่ของตนเอง ท่านจะพยายามแย่งชิงไปเพื่ออะไรกัน ข้าไม่ช่วยท่านแล้ว ข้าเหนื่อยข้าเบื่อ"
"เจ้า!"
อวี้หลิงง้างฝ่ามือหมายจะตบสั่งสอนหลานสาว แต่เมื่อเห็นมู่หลานเฟินเงยหน้ามามองตนอย่างไม่เกรงกลัว อีกทั้งแววตาคู่งามยังแสดงออกถึงความรำคาญอย่างไม่ปิดบัง อวี้หลิงก็ลดมือลงก่อนจะส่งเสียงฮึดอัดออกมา
มู่หลานเฟินเป็นบุตรสาวที่เกิดจากน้องสาวที่นางรักที่สุด ซ้ำยังมีใบหน้าคล้ายกันยิ่งนัก ก่อนตายน้องสาวได้ส่งคนแอบนำจดหมายมามอบให้นาง ขอร้องให้นางช่วยเลี้ยงดูมู่หลานเฟิน พามู่หลานเฟินออกมาจากบ้านตระกูลอวี้ด้วย น้องสาวของนางตายอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ได้ป่วยตายอย่างที่คนอื่นเห็น เรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับอวี้หลันและสามีชั่วของนาง น่าเจ็บใจนักที่อวี้หลันเชื่อสามีมากกว่าพี่น้อง และนางเองยังหาหลักฐานไม่ได้ จึงไม่อาจสะสางหนี้แค้นแทนน้องสาวได้
นางไม่มีทางทำร้ายมู่หลานเฟินได้ลงคอ แม้ปากจะบ่นด่าแต่นางไม่อาจทำใจดำกับหลานแท้ๆของตนเองได้ลง
"เหอะ เจ้ารู้จักกลัวด้วยหรือ จำไว้นะหรานหร่าน หากแผนสำเร็จ ข้าสบายเจ้าก็สบายไปด้วย อย่าโง่ให้มาก แล้วก็อย่าได้คิดหลงรักซานหลางเข้าจริงๆ"
เอ่ยจบอวี้หลิงก็จากไปทันที มู่หลานเฟินพรูลมหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตียง
ใช้ชีวิตก็ยากแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก น่าปวดหัวจริงๆ
เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามเย็น เป็นเวลาที่ต้องกินมื้อเย็นร่วมกัน ที่จวนชินอ๋องมีกฎระเบียบซึ่งปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนั้นก็คือ มื้อเย็นคนในครอบครัวจะต้องกินอาหารพร้อมหน้า ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว ที่ทำเช่นนี้เพื่อจะได้กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ได้แลกเปลี่ยนสุขทุกข์ที่พบเจอในแต่ละวันให้คนในครอบครัวได้รับรู้
มู่หลานเฟินเดินตามป้าของตนมาที่เรือนใหญ่พร้อมกับญาติผู้พี่นั่นก็คือเซวียนเจ๋อ
การได้พบกับเซวียนเจ๋อนับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลย นิสัยของเซวียนเจ๋อแตกต่างจากมารดาของตนเองราวฟ้ากับเหว หน้าตาของเขาหล่อเหลามีส่วนคล้ายกับเซวียนซานหลางถึงสิบส่วน อีกทั้งยังมีนิสัยร่าเริง พูดคุยไม่หยุด และยังชอบชวนนางทำอะไรที่แปลกใหม่ ที่จวนแห่งนี้ไม่น่าเบื่อก็เพราะมีเซียวเจ๋อ
เมื่อมาถึงทุกคนก็กินอาหารกันพร้อมหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หลานเฟินได้พบกับเซวียนชินอ๋อง ถึงแม้เขาจะอายุมากแล้วแต่กลับมีใบหน้าหล่อเหลา นางไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบุตรชายสองคนของเขาถึงรูปงามเช่นนี้ ก็เพราะมีบิดารูปหล่ออย่างไรเล่า
มู่หลานเฟินกินอาหารไปก็ชำเลืองมองเซวียนซานหลางเป็นระยะ แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับไม่ได้ปรายตามองนางเลยด้วยซ้ำ เขากินอาหารอย่างเงียบๆ ทุกท่วงท่างดงามและชวนมองเป็นอย่างมาก
มู่หลานเฟินคีบหมูสามชั้นเข้าปาก พบว่ารสชาติดีไม่น้อยเลย
อยู่ๆนางก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนเอาเท้าสะกิดขาของนาง เมื่อหันไปมองโดยรอบก็พบว่าอวี้หลิงกำลังขยับตาให้นาง และทำท่าทางบอกให้นางคืบอาหารให้เซวียนซานหลาง มู่หลานเฟินกลอกตาไปมา ป้ามหาภัยนี่แม้ยามกินข้าวก็ยังไม่ให้นางได้สงบสุข เอาเท้าสะกิดขานางอยู่นั่น!
มู่หลานเฟินใช้ตะเกียบคีบหมูสามชั้นวางลงในถ้วยข้าวของเซวียนซานหลางอย่างลวกๆ ชายหนุ่มปรายตามองนาง ก่อนจะจัดการใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูเหล่านั้นไปวางใส่เอาไว้ในถ้วยอีกใบโดยไม่กินแม้แต่คำเดียว ท่าทีเหมือนรังเกียจเสียเต็มประดา
"นางมีน้ำใจคีบอาหารให้เจ้า เหตุใดไม่ชิมสักคำเล่า ไร้มรรยาทเสียจริง"
เซวียนชินอ๋องเอ่ยกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เซวียนซานหลางวางตะเกียบลง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
"ลูกอิ่มแล้ว จะกลับไปจัดการงานที่เรือน ขอตัวก่อน"
เอ่ยจบเขาก็เดินจากไปทันที ก่อนจากยังไม่ลืมส่งสายตาไม่พอใจมาให้มู่หลานเฟินอย่างไม่ปิดบัง เซวียนชินอ๋องส่ายหน้าไปมารู้สึกจนปัญญากับนิสัยเย็นชาของบุตรชาย ตั้งแต่เขามีภรรยาใหม่ เซวียนซานหลางก็ทำตัวห่างเกินกับเขามาโดยตลอด ทำราวกับไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี เขายังไม่แก่ชรา ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวย่อมรู้สึกเปล่าเปลี่ยว วันใดที่เซวียนซานหลางมีภรรยาจะต้องเข้าใจเขาในสักวัน
ส่วนมู่หลานเฟินนั้นก็ไม่สนใจสิ่งใด นางยังคงคีบอาหารเข้าปากอย่างสบายอารมณ์
ช่างสิใครไม่กินก็เรื่องของเขาแต่นางจะกิน
ส่วนอวี้หลิงก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก
อาหารมื้อเย็นของวันนี้ผ่านไปอย่างไม่คอยราบรื่นเท่าใดนัก หลังจากกินอิ่มแล้วเซวียนเจ๋อก็ตรงไปหาเซวียนซานหลางที่เรือนของพี่ชายทันที ในมือของเขามีขนมหวานถ้วยหนึ่ง ตั้งใจเอามาให้พี่ชายได้ลองชิม
เซวียนเจ๋อรักใคร่พี่ชายคนนี้มาก เขามองเซวียนซานหลางเป็นแบบอย่างที่ดีมาตลอด เซวียนเจ๋อรู้ทุกการกระทำของมารดา แต่เขากลับทำเป็นมองไม่เห็น และไม่อยากมีส่วนร่วม เขาไม่อยากเป็นซื่อจื่อ การได้ใช้ชีวิตอิสระต่างหากคือสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน
"พี่ใหญ่"
เซวียนซานหลางที่กำลังนั่งอ่านตำราพลันเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นเซวียนเจ๋อเขาก็วางตำราในมือลง ก่อนจะกวักมือเรียกน้องชายให้เข้าไปหา เซวียนเจ๋อที่เห็นอย่างนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปทันที
แม้เขากับอวี้หลิงจะมีความสัมพันธ์ที่พร้อมทำลายกันและกันอยู่ตลอดเวลา แต่กับเซวียนเจ๋อนั้น เซวียนซานหลางกลับเอ็นดูไม่น้อย
เขารู้ดีว่าเซวียนเจ๋อไม่เคยคิดจะทำร้ายเขา แต่สิ่งที่เขากังวลก็คือ สักวันเซวียนเจ๋ออาจจะถูกความโลภของมารดาตนทำร้ายเข้าสักวัน
"พี่ใหญ่ ข้าเอาขนมหวานมาให้ท่าน เห็นท่านรีบร้อนลุกออกจากโต๊ะอาหารยังไม่ได้กินขนมเลย ชิมสักคำสิ ข้าทำเองกับมือเลยนะ"
เซวียนเจ๋อวางถ้วยขนมลงตรงหน้าพี่ชาย เซวียนซานหลางมองขนมถ้วยนั้น ก่อนจะเอ่ยกับน้องชาย
"เป็นบุรุษเช่นใดกันจึงเข้าครัวเยี่ยงสตรี การเรียนเข้าก็ไม่เอาไหน อาเจ๋อ วันหน้าเจ้าจะทำมาหากินอันใดกัน"
"ไม่ทำหรอก ข้ามีพี่ชายเก่งกาจเช่นท่าน ก็เกาะท่านกินไปตลอดชีวิตเสียก็สิ้นเรื่อง"
เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินก็ส่ายหน้าไปมาและยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบถ้วยขนมขึ้นมาชิม รอจนพี่ชายกินอิ่มแล้ว เซวียนเจ๋อจึงเอ่ยขึ้นมา
"พี่ใหญ่ ท่านอย่างถือสาหรานหร่านเลยนะ นางก็ถูกท่านแม่ข้าบังคับมาอีกต่อหนึ่ง เดิมทีนางก็แค่หลงรักท่าน มีจิตใจฝันสูง ท่านไม่ชอบนางก็ช่างเถอะ แต่ได้โปรดไว้ชีวิตนางด้วย ส่วนท่านแม่ข้า หากนางทำผิดต่อท่านจริง ข้าก็จะไม่เข้าข้าง คนเราเกิดมาควรเดินบนความถูกต้อง"
เซวียนเจ๋อเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ พี่ชายของเขาแม้จะไม่เคยด่าทอเขารุนแรง แต่เขาก็ค่อนข้างเกรงใจอยู่ไม่น้อย
เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินที่น้องชายเอ่ยขึ้นมาก็ลอบถอนหายใจด้วยความเวทนา อวี้หลิงโลภมาก จิตใจสกปรก แต่กลับคลอดบุตรชายที่มีนิสัยแตกต่างจากนางมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
"ช่างเถอะ หากพวกนางไม่ก่อความวุ่นวายให้ข้ามากไปกว่านีิ ข้าเองก็จะไม่ถือสา"
"ขอบคุณพี่ใหญ่ ไว้ข้าจะมาทำขนมให้ท่านกินอีก ข้ารักท่านนะ"
เอ่ยจบเจ้าเด็กแสบเซวียนเจ๋อก็รีบวิ่งกลับเรือนของตนเองไปทันที เซวียนมองตามแผ่นหลังของน้องชายพร้อมกับยิ้มออกมา
อวี้หลิงที่เห็นว่าบุตรชายกลับมาแล้วก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชีวิตนางช่างดีนัก บุตรชายรักใคร่พี่ชายต่างมารดาออกปานนั้น หลานสาวก็เริ่มไม่เชื่อฟัง นี่นางทำเวรกรรมอันใดมากัน ทั้งลูกทั้งหลานไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน!
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ
เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน
วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง
เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ
เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที
ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ