Share

บทที่ 3 จับกบ

last update Last Updated: 2025-04-05 15:35:45

เช้าวันต่อมาเซวียนซานหลางตื่นแต่เช้าและเดินทางไปร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวงพร้อมกับบิดาของเขา เซวียนชินอ๋องนั้นเดิมทีเป็นพวกไม่เอาไหน นอกจากร่ายบทกวี ร่ำสุราและชื่นชมสาวงามแล้วเขาก็ไม่มีความสามารถอื่นใดอีก แตกลับให้กำเนิดบุตรชายที่เพรียบพร้อมเช่นเซวียนซานหลางออกมา

เดิมทีความสามารถเหล่านี้ เซวียนซานหลางล้วนได้มาจากมรรดาทั้งสิ้น ท่านแม่ของเขาเป็นถึงบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ หลังจากท่านแม่ตายไป ท่านตาก็ล้มป่วย เพราะท่านเป็นบุตรสาวคนเดียว เมื่อท่านตาและท่านแม่สิ้นอำนาจทางการทหารทั้งหมดจึงตกมาอยู่ในมือของเขาทั้งหมด ท่านตาเป็นคนสั่งสอนวรยุทธ์ให้เขา หลายปีมานี้ เซวียนซานหลางรบทัพจับศึกอยู่ชายแดน มีความดีความชอบไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นที่รักใครของฮ่องเต้ในวังหลวงเป็นอย่างมาก

การประชุมยามเช้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญใดมากนัก นอกจากเรื่องปากท้องของราษฎร ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศค่อนข้างเย็นสบาย

เซวียนซานหลางมักชอบสวมใส่ชุดสีขาวและสีดำเพียงเท่านั้น เขาก็ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นอีก มีครั้งหนึ่งเซวียนชินอ๋องถามบุตรชายว่าเพราะเหตุใดจึงไม่สวมเสื้อผ้าสีอื่นบ้าง แต่กลับได้คำตอบที่น่าเจ็บปวดมาแทนว่า

เพราะเซวียนซานหลางต้องการไว้ทุกข์ให้มารดาผู้น่าสงสาร!

เซวียนชินอ๋องถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก คำพูดที่บุตรชายเอ่ยกับเขาแต่ละประโยคล้วนแทงใจดำของเขาจนเขาไม่อาจหาวาจาใดมาโต้เถียงกลับ

ฮ่องเต้เซวียนจงมองเซวียนชินอ๋องน้องชายของตนด้วยแววตาที่เฉยชา เขาไม่อยากจะเสวนากับน้องชายผู้นี้เท่าใดนัก เซวียนชินอ๋องเองก็ไม่อยากจะสนทนากับพี่ชายเช่นเดียวกัน พี่ชายเขาเป็นพวกมากเรื่อง อยู่พูดคุยด้วยนานๆจะยิ่งมีแต่ถูกด่า เขาจึงขอตัวกลับจวนชินอ๋องของตนเองไปเสีย ซึ่งฮ่องเต้เซวียนจงก็ไม่คิดจะรั้ง

เมื่อเหลือกันเพียงสองลุงหลานแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงกวักมือเรียกเซวียนซานหลางให้มานั่งด้วยกัน

เสด็จลุงของเขาผู้นี้ดีกว่าบิดาของเขาเป็นไหนๆ เสด็จป้าสะใภ้ซึ่งรั้งตำแหน่งฮองเฮาก็มีนิสัยอ่อนโยนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สตรีในวังหลัง อีกทั้งยังมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ที่ผ่านมาเพราะมีบุตรยาก จึงต้องรั้งรอเวลา และเสด็จลุงของเขาก็ไม่มีนางสนมเลยแม้แต่คนเดียว ทรงรักมั่นต่อเสด็จป้าเป็นอย่างมาก จนเมื่อหลายปีก่อนทั้งคู่ก็ได้มีบุตรชายด้วยกันสมใจหวัง นามว่าเซวียนจิ้น อายุห้าขวบปีแล้ว การมีลูกตอนที่อายุมากแล้วทำให้เซวียนจิ้นสุขภาพไม่แข็งแรงเท่าใดนัก หมอหลวงเองก็พยายามหายาบำรุงชั้นดีมาให้เขาดื่ม อาการก็นับว่าดีขึ้นตามลำดับ

"อาซาน หลายปีมานี้เพราะมีเจ้าอยู่ ต่างแคว้นจึงไม่กล้ามารุกรานต้าหลางของพวกเรา วันใดที่ลุงจากไป ก็วางใจได้แล้ว"

เมื่อได้ยินอย่างนั้นมือที่กำลังถือถ้วยชาของเซวียนซานหลางพลันชะงัก เขาเงยหน้ามามองเสด็จลุงของตน ก่อนจะเอ่ย

"อย่าทรงตรัสเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุงยังแข็งแรงดี อาจิ้นยังเด็ก เสด็จลุงจะทิ้งเขาไปไม่ได้ "

ฮ่องเต้เซวียนจงเมื่อได้ฟังก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

"ลุงแก่แล้ว จะสู้แรงคนหนุ่มได้ยังไงกัน จะหวังพึงพาพ่อเจ้าหรือ หึ แค่เขาไม่ก่อเรื่องข้าก็เบาใจแล้ว อีกอย่างอาจิ้นสุขภาพไม่สู้ดี ลุงไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากเจ้า"

"เสด็จลุงอย่าทรงกังวล หมอหลวงในวังหลวงมีฝีมือล้ำเลิศ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น"

ฮ่องเต้เซวียนจงยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

"อาซาน ไม่นานมานี้ที่หมู่บ้านถงหวาง มีชาวบ้านแอบมาร้องเรียนมาว่าเกิดคดีแปลกประหลาดขึ้น แม้แต่นายอำเภอถงหวางก็ยังปิดคดีไม่ได้ ลุงคิดว่าจะส่งเจ้าไปตรวจดูเสียหน่อย ครั้งนี้จะให้เสิ่นเหวยอัน หัวหน้าสำนักบูรพามาช่วยเจ้าสืบคดีนี้อีกแรงหนึ่ง"

เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินก็พยักหน้ารับ ภายใต้ฝ่าเท้าของฮ่องเต้ก็ยังมีขุนนางที่คิดคดซ่อนเร้นแฝงตัวทำความชั่วเพื่อหวังผลประโยชน์อยู่ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีหลายคดีที่อาจจะเกี่ยวพันกับขุนนางคนสำคัญในเมืองหลวง

เซวียนซานหลางอยู่สนทนากับฮ่องเต้เซวียนจงต่ออีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับจวน ก่อนกลับเขายังไปพบกับเซวียนจิ้น ญาติผู้น้องของเขา เซวียนจิ้นชอบเซวียนซานหลางมาก เขาถึงกับพยายามรั้งให้ญาติผู้พี่คนนี้นอนด้วยกันในวังหลวง เซวียนซานหลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กน้อยและบอกว่าเขาจะมาเล่นด้วยใหม่ แม้เด็กน้อยจะมีท่าทีงอแงไปบ้าง แต่กลับยิ้มตาหยีและมอบลำไยแห้งให้เซวียนซานหลางหลายเม็ด ก่อนจะวิ่งกลับตำหนักของตนไป

เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้ว เซวียนซานหลางจึงเดินทางกลับจวนชินอ๋อง เมื่อเข้ามาถึงด้านในจวน ภาพที่เขาเห็นก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

มันเกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดมู่หลานเฟินถึงเอาแต่วิ่งอยู่ในสวนพร้อมกับเซวียนเจ๋อและสาวใช้อีกสองสามคนคล้ายว่ากำลังวิ่งไล่จับบางอย่างอยู่

เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้คนเหล่านั้นจนได้ยินบทสนทนาชัดเจน

"เซวียนเจ๋อ ท่านเป็นบุรุษเหตุใดแค่กบเพียงตัวเดียวจึงจับไม่ได้เล่า ดูสิมันกระโดดหนีไปแล้ว ให้ตายเยอะ ข้าเหนื่อยแล้วนะ วันนี้คงไม่ได้กินหม้อไฟกบแล้ว!"

เซวียนซานหลาง "..."

ที่วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายนี่คือกำลังไล่จับกบอย่างนั้นหรือ?

เมืองชนบทมักจะกินกบเป็นอาหาร แต่ในเมืองหลวงผู้คนไม่นิยมกิน เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคนกินมันเลยด้วยซ้ำ นอกจากปล่อยให้มันส่งเสียงร้องอยู่ข้างบ่อน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่านั้น

แต่มู่หลานเฟินกลับไล่จับพวกมันมากิน?

แต่ไหนแต่ไรมู่หลานเฟินมักจะทำตัวหยิ่งยโสโอหัง นางไม่เพียงวางท่าทางสง่างามตลอดเวลา แม้นางจะมาจากครอบครัวคหบดีจากนอกเมืองหลวง แต่ไม่มีทางทำเรื่องน่าอับอายเช่นการวิ่งไล่จับกบต่อหน้าคนในจวนเป็นแน่ แต่วันนี้ภาพที่เขาเห็นคือสภาพของนางดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง มือไม้เลอะเทอะ เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมด

เดิมทีคิดว่าหลังจากตกน้ำสมองนางคงมีปัญหาแต่ไม่คิดว่าจะเกินเยียวยาถึงเพียงนี้!

ด้านเซวียนเจ๋อก็ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นหญ้าพลางหายใจเหนื่อยหอบ

"หรานหร่าน ข้าไม่ไหวแล้ว เจ้าปล่อยกบตัวนั้นไปไหม ให้ตายเถอะ ในเมืองหลวงไม่มีใครกินมันหรอกนะ เจ้าหาอย่างอื่นกินเถอะ ที่ภัตตาคารในเมืองหลวงมีของราคาแพงๆอร่อยๆกว่ากบพวกนี้ตั้งเยอะ"

"ไปซื้อให้สิ้นเปลืองทำไมกัน ในเมื่อที่จวนมีกบอยู่ พวกมันอร่อยมากท่านต้องลองชิมดู เหอะ คิดว่ามีเงินแล้วจะใช้จ่ายมือเติบได้ตามใจหรือ ให้นึกถึงตอนไม่มีสิ ตัวท่านเองวันวันเอาแต่เที่ยวเตร่ยังหาเงินไม่ได้กลับใช้จ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้เรื่องเลย ลุกขึ้นมาจับกบ โอะ! มันกระโดดไปทางนั้นแล้ว เจ้ากบมานี่เลย วันนี้เจ้าจะต้องถูกจับลงหม้อไฟให้ได้!"

เหอะ ไม่รู้จักของดีซะแล้ว ในยุคปัจจุบันกบราคาแพงมากนะจะบอกให้!

เมื่อเห็นว่าเจ้ากบตัวดีกำลังเปลี่ยนทิศทาง มู่หลานเฟินไม่รอช้า นางจับชายกระโปรงถลกขึ้นเหนือหัวเข่า ก่อนจะพุ่งเข้าไปจับกบตัวนั้นได้ทันเวลา แต่เพราะรีบร้อนเกินไปทำให้นางไม่ทันระวัง ชนเข้ากับใครบางคน เมื่อเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็นเซวียนซานหลางนั่นเอง

หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ก่อนจะดีดตัวถอยออกมาจากเขา แต่กลับลืมตัวว่าตอนนี้นางกำลังจับเจ้ากบตัวอ้วนเอาไว้ในมือซ้ำยังยื่นมันไปตรงหน้าเขา เจ้ากบส่งเสียงรองอ๊บอ๊บ ก่อนจะฉี่ใส่เสื้อผ้าของเซวียนซานหลางทันที

มู่หลานเฟิน"..."

มู่หลานเฟินตกใจจนตาค้าง ให้ตายเถอะ นางไปล่วงเกินคนโหดเหี้ยมอย่างเซวียนซานหลางเข้าให้แล้ว เขาจะชักดาบขึ้นมาฟันนางให้ตายตรงนี้หรือไม่

เซวียนซานหลางกำมือแน่น พยายามระงับโทสะ 

มู่หลานเฟิน พบเจอเจ้าทุกครั้งล้วนไม่เคยมีเรื่องดีเลย!

ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามาหาหญิงสาวช้าๆ มู่หลานเฟินหน้าซีดเผือดรีบถอยหลังหลบตามสัญชาตญาณอย่างระวังตัว

เดิมทีนางมีวรยุทธ์ แต่ไม่กล้านำออกมาใช้เพราะเกรงจะมีพิรุธ

"ยะ อย่าเข้ามานะ! หากท่านเข้ามาอีกแม้เพียงก้าวเดียว ข้าจะเอากบตบปากท่านแน่!"

เซวียนซานหลางยกยิ้มมุมปาก มู่หลานเฟินถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

หล่อมาก แต่อันตรายเกินไป!

นางถอยหลงจนไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ไร้หนทางหลบหนีอีก ทำได้เพียงมองเซวียนซานหลางอย่างระแวดระวัง

เมื่อเห็นว่าต้อนมู่หลานเฟินจนมุมแล้ว เซวียนซานหลางก็เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

"จวนของข้าไม่ใช่สถานที่เที่ยวเล่น ไม่ใช่ตลาดสดให้เจ้ามาไล่จับกบได้ตามใจชอบ นับวันเจ้ายิ่งทำตัวน่ารังเกียจมากขึ้นทุกวัน น่ารังเกียจเหมือนกบตัวนี้ที่เจ้าถืออยู่"

มู่หลานเฟินที่ถูกด่าก็ถึงกับลอบซู๊ดปากในใจ ฝีปากเขาจัดจ้านเกินไปแล้ว

ในขณะที่นางกำลังจะโต้เถียงกลับ ก็พบว่าเซวียนเจ๋อพุ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้ได้ พร้อมกับยกมือปิดปากนาง และหันไปเอ่ยกับเซวียนซานหลาง

"พี่ใหญ่ หรานหร่านยังไร้เดียงสา นางก็แค่อยากทำหม้อไฟกบให้ข้าลองกินไม่ได้มีเจตนาร้าย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้ ไม่ให้อยู่ขวางหูขวางตาพี่ใหญ่อีก รีบกลับเรือนเร็วเข้า! หรานหร่าน!"

เอ่ยจบเซวียนเจ๋อก็ลากมู่หลานเฟินเดินจากไปพร้อมกันทันที เซวียนซานหลางมองดูสองคนนั้นที่ลากกันกลับเรือนอย่างทุลักทุเลไปพร้อมกบหนึ่งตัวก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมา

เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่ามู่หลานเฟินมีบางอย่างที่ดูแปลกไป?

หรือว่านางจะคิดแผนการใหม่ขึ้นมาได้ เพราะแผนการเดิมใช้ไม่ได้ผลนางจึงแสร้งทำตัวบ้าๆบอๆเช่นนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา

แต่ไม่ว่านางจะมีแผนการใด เขาก็จะไม่มีวันหลงกลนางเป็นอันขาด!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   ตอนจบ

    แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าห่ำหั่นกับศัตรูเพื่อปิดจบสงครามฉากนี้นี้ ก็ได้ยินเสียงเกือกเท้าม้าดังกึกก้อง คนทั้งสามหันมาสบตากันอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววเคร่งเครียดหรือนี่จะเป็นกำลังเสริมของชนเผ่าทุ่งหญ้า?ยังไม่ทันได้คิดสิ่งใดให้มากความเซวียนซานหลางก็เห็นว่ากองทหารของแคว้นทุ่งหญ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าแตกแถวออกเป็นวงกว้าง ศีรษะของแม่ทัพเผาทุ่งหญ้าร่วงกระเด็นตกลงบนพื้นดวงตาเบิกโพลงเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนจะถูกสังหาร"ฆ่าทิ้งให้หมด!"เซวียนซานหลางมองไปเบื้องหน้า ก่อนที่ดวงตาของเขาจะแดงก่ำตอนนี้มู่หลานเฟิรกำลังควบอยู่บนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจ มือหนึ่งจับบังเหียน มือหนึ่งถือหอกเอาไว้ในมือ ปลายด้ามหอกอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด นางสวมชุดเกราะรวบผมขึ้นสูง ดวงตามั่นคงหนักแน่นไม่หวาดหวั่น ทุกทีที่นางควบม้าพาดผ่าน ล้วนมีทหารของชนเผ่าทุ่งหญ้าล้มตายราวกับใบไม้ร่วงเสิ่นเหวยอันและซูอวี้เฉิงเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกไม่น้อย เดิมทีพวกเขารู้ว่านางมีความสามารถ แต่ไม่คิดว่าจะองอาจเยี่ยงแม่ทัพใหญ่ผู้เจนจัดสงครามในสนามรบเช่นนี้มู่หลานเฟินหันมามองบุรุษทั้งสามคน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่องอาจ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 46 สงคราม

    เมื่อเรื่องราวคลี่คลายแล้ว ทุกคนจึงเกินทางกลับมาที่เมืองหลวง เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวร้ายก่อนหน้านี้เซวียนชินอ๋องติดสุราจนเมามาย ทำให้สุขภาพไม่สู้ดีจนถึงขึ้นล้มป่วยลง อีกทั้งยังได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเนื่องจากรู้ข่าวว่าอวี้หลิงปลิดชีพตนเองตายจากไป แม้ปากจะบอกว่าเกลียดชังนางย่ แต่เมื่อนางตายจากไปจริงๆ เขากลับทำใจไม่ได้ สุดท้ายจึงดื่มเหล้าหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุขภาพทรุดหนักลงเรื่อยๆ จวบจนทนไม่ไหวและตรอมใจตายตามอวี้หลิงไปก่อนจากเขาไม่ได้สั่งเสียสิ่งใดกับบุตรชายทั้งสองคน เอาแต่เหม่อลอยเรียกหาอวี้หลิงและอดีตพระชายาซึ่งก็คือมารดาของเซวียนซานหลาง จวบจนวาระสุดท้ายท่านพ่อของพวกเขาสองคนก็คิดถึงแต่ตนเอง ไม่เคยคิดถึงบุตรชายเลยแม้แต่น้อยงานศพของเซวียนชินอ๋องถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเมื่อบิดาตายจากไป ตำแหน่งชินอ๋องย่อมตกเป็นของเซวียนซานหลางโดยชอบธรรม ส่วนเซวียนเจ๋อนั้นเขาไม่อยากจะรับตำแหน่งใดทั้งสิ้น เขาอยากเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญที่ได้ใช้ชีวิตตามใจของตนด้านวังหลวงเองก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก ฮ่องเต้เซวียนจงอาการไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ม่ีทายาทสืบทอด เหล่าขุนนางต่างหวาดหวั่นใจยิ่งน

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 45 จับคนร้าย

    วันคืนก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งสุขภาพของมู่หลานเฟินดีขึ้นมาก และเซวียนซานหลางก็สะสางธุระแล้วเสร็จและกลับมาเมืองหลวงพอดี นางจึงบอกเรื่องนี้กับเขาและตัดสินใจกลับบ้านเดิมสักครั้งจวนตระกูลอวี้เป็นตระกูลคหบดี พวกเขาเป็นคนเมืองจินหลิงซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปไม่ไกลเท่าใดนัก นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว พวกเขาทำการค้าหลายอย่าง หลายปีมานี้กิจการก้าวหน้า เพราะมีน้าสาวและสามีของนางคอยดูแลวันแรกที่มู่หลานเฟินกลับไปถึง ก็พบว่าพวกเขามีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับ ราวกับมีบางอย่างปิดบังนางอย่างไรอย่างนั้น แต่่เพราะมู่หลานเฟินต้องการสืบความจริง นางจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทีนั้นของพวกเขาและยังบอกอีกว่าอยากจะพักอยู่ที่นี่สักระยะเพราะมีเรื่องจะมาแจ้งทุกคน นางเดินทางมาครั้งนี้นำสมบัติมาด้วยหลายหีบบอกว่าเป็นของที่นางเก็บสะสมเอาไว้ แต่ตอนนี้ถูกไล่ออกจากจวนอ๋องแล้วไร้หนทางไปจึงต้องกลับมาบ้านเดิม อวี้หลันมองหลานสาวตนเองด้วยแววตาที่่อ่อนโย แต่ภายในใจกลับเย้ยหยัน ตอนนี้อวี้หลิงถูกขับออกจากจวนอ๋องไปอยู่ที่วัด นางเองไม่ได้สนใจพี่สาวเท่ามดนักเดิมทีพวกนางก็เป็นพี่น้อง

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 44 น้องสาวบุญธรรม

    เรื่องราวสะเทือนขวัญทั้งหมดที่เกิดขึ้น สร้างคลื่นลมใหญ่หลวงให้กับราชสำนักเป็นอย่างมาก เหล่าราษฎรต่างหวาดหวั่น ต้องใช้เวลาร่วมหลายเดือนกว่าที่คราวจะเงียบหายไปหลังจากเกิดเรื่อง เซวียนชินอ๋องก็กลายเป็นคนเมามาย และวาดใส่คนอื่นไปทั่วทั้งจวน โดยเฉพาะกับมู่หลานเฟิน เขาเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่นาง บอกว่านาและป้าของนางคือตัวซวย อีกทั้งยับขับไล่นางออกจากจวนอ๋อง เซวียนซานหลางและเซวียนเจ๋อเองก็ปวดหัวไม่น้อยแต่มู่หลานเฟินกลับไม่ได้โกธร นางเข้าใจเรื่องราวได้อย่างกระจ่างแจ้ง เมื่ออวี้หลิงสิ้นอำนาจแล้ว นางย่อมไม่อาจอยู่ที่จวนอ๋องได้อีก และนางเองก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม จึงปรึกษากับเขาว่าจะไปหาซื้อบ้านใหม่อยู่ เปิดร้านขายอาหาร เพราะของมีค่าที่ได้รับพระราชทานมาก่อนหน้านี้ก็ยังมีเหลืออยู่ไม่น้อย แรกเริ่มเซวียนซานหลางไม่เห็นด้วย แต่ม่หลานเฟินกลับเอ่ยโน้มน้าวเขาอย่างใจเย็น เขาจึงยอมตามใจนางเซวียนซานหลางหาบ้านหลังหนึ่งได้ มันตั้งอยู่ในตลาดสามารถทำมาค้าขายได้ เซวียนเจ๋อเป็นห่วงน้องสาวอยากตามมาอยู่ด้วย แต่มู่หลานเฟินบอกว่านางอยู่ได้ชีวิตที่ยากกำบากไม่ใช่ว่านางไม่เคยพานพบ ใช้ชีวิตมาหลายชาติพบเจอความทุ

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 43 ยาพิษ

    เซวียนซานหลางและมู่หลานเฟินรีบวิ่งมาที่เรือนของอวี้หลิงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงภาพตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาถึงกับหน้าซีดเผือดตอนนี้เซวียนเจ๋อกำลังนอนอยู่บนเตียงเขากระอักโลหิตออกมาไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือดจนน่าหวาดหวั่น ลมหายใจก็รวยรินราวกับจะขาดเสียให้ได้ เซวียนซานหลางที่เห็นสภาพน้องชายตนที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ก็ตื่นตระหนกรีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงมาอย่างเร่งด่วน มู่หลานเฟินเข้าไปประคองญาติผู้พี่ของตนเอง ดวงตาของนางแดงกล่ำ ก่อนจะเอ่ย"เซวียนเจ๋อ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ท่านดื่มยาพิษเข้าไปได้อย่างไรกัน"เซวียนเจ๋อเงยหน้ามามองมู่หลานเฟินอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบอันใด เพียงมองไปที่มารดาของตนด้วยแววตาที่เย็นชาห่างเหินก่อนหน้านี้ท่านแม่ดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง นางดูเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา เขาจึงจับตาดูนางและพบว่านางกำลังวางแผนจะสังหารพี่ใหญ่ของเขาอีกครั้งเซวียนเจ๋อรู้สึกผิดหวังในตัวมารดาเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าท่านแม่จะสามารถปล่อยวางความโลภในใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย ท่านแม่ยังคงมีจิตใจริษยามักใหญ่ใฝ่สูงท่านแม่คิดอาศัยช่วงชุลมุนวางยาพิษพี่ใหญ่ เขาที

  • เมื่อข้าทะลุมิติมาเป็นนางร้ายผู้ประสบภัย   บทที่ 42 ความจริง

    ด้านมู่หลานเฟินตอนนี้ก็ถูกโซ่ตรวนพันธนาการมือเท้าเอาไว้ นางได้กลิ่นสมุนไพรเข้มข้นสายหนึ่งที่ฉุนจนแทบแสบจมูก มันเป็นกลิ่นเดียวกับที่ได้กลิ่นจากศพในรูปปั้นเทพธิดา อีกทั้งบนโต๊ะยังมียันต์หลายแผ่นวางเอาไว้"สวีเจี๋ย เราต้องรีบทำพิธีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะเลยฤกษ์ยามดี หลังจากนางตายก็เอาร่างนางหล่อเป็นรูปปั้นของเทพธิดา มอบนางเป็นเครื่องบูชายัญให้เทพปีศาจ เอาล่ะ ข้าจะเร่งขอพร ท่านก็รีบสังหารนาง จากนั้นก็ผ่าท้องนางและเอายันต์ขอพรยัดใส่เข้าไปพร้อมสมุนไพร""ได้เลย"ราชครูสวีรับคำ ด้านเฉินฮองเฮาก็นั่งลงเบื้องหน้าแท่นบูชาที่ตั้งอยู่ในห้องลับ ก่อนจะเอ่ยขอพรอย่างตั้งใจ"ท่านเทพปีศาจ ข้าได้นำเทพธิดามาสังเวยให้ท่านแล้ว หวังว่าท่านจะพอใจ เมื่อท่านพอใจแล้วก็ได้โปรดอำนวยอวยพระให้เซวียนจิ้น บุตรชายของข้าแข็งแรงโดยเร็ว ให้เขาได้ครองราชย์ยอย่างราบรื่น ไร้กังวลด้วยเถิด"มู่หลานเฟินมองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว นางพอจะเข้าใจเรื่องราวได้แล้วราชครูสวีและเฉินฮองเฮาดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกัน หรือว่าองค์ชายน้อยผู้นั้นจะ...ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดสิ่งใดต่อ ก็พบกับสวีเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามา ราชครูสวีและเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status