LOGIN“คุณพูดจริงเหรอคะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างออกมา เธอไม่รู้ว่าราคาจะแพงไหมแต่อย่างน้อยหลานของเธอก็จะมีงานทำแล้ว
“จริงสิคะ ฉันยังจะพาพวกคุณไปรายงานตัวที่โรงงานด้วยนะคะ” ซินเหยาต้องการทำทุกอย่างให้เรียบร้อยและมั่นใจว่าพวกเขาจะได้เข้าทำงานจริง
“ไม่ทราบว่าคุณขายราคาเท่าไหร่เหรอคะ เรามีเงินไม่มากนัก” หญิงวัยกลางคนรีบถามเรื่องสำคัญทันที เธอไม่แน่ใจว่าตำแหน่งงานนี้ทำอะไรและราคาแพงไหม
“ตำแหน่งของพ่อแม่ฉันเป็นตำแหน่งจัดซื้อวัสดุค่ะ เงินเดือนที่จะได้รับเดือนละห้าสิบหยวน ฉันขายในราคาตำแหน่งละหนึ่งพันหยวน คุณคิดยังไงคะ” ซินเหยาลองถามราคาที่สูงสุดก่อน เผื่อว่าพวกเขาจะต่อรอง
“ป้าครับ ราคามันแพงเกินไปนะครับ ผมกับภรรยารอสมัครงานอื่นก็ได้” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่รีบส่ายหน้าปฏิเสธ พวกเขาเป็นเพียงหลานเท่านั้นเลยไม่อยากรบกวนป้า
“เฮ้อ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจสิ ป้าเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอต้องอยากให้พวกเธอทำงานที่นี่แน่ อีกอย่างเงินเดือนที่ได้ก็ไม่น้อย แม่หนู ช่วยลดราคาให้เราหน่อยได้ไหมจ๊ะ ป้าอยากซื้อทั้งสองตำแหน่งเลย พวกเขาจะได้ทำงานด้วยกัน” หญิงวัยกลางคนหันมาต่อรองราคากับซินเหยา
“อืม… คุณอยากซื้อราคาเท่าไหร่คะ ฉันจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะขายดีไหม” ซินเหยาไม่อยากตั้งราคาเองอีก เธออยากรีบจบเรื่องให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าจะกลับค่ำจนพวกคนบ้านฟู่สงสัยเอาได้
“เอ่อ… ฉันขอซื้อในราคาตำแหน่งละเจ็ดร้อยห้าสิบหยวนได้ไหมจ๊ะ พวกเรามีเงินเก็บอยู่ไม่มาก” หญิงวัยกลางคนต่อรองอีกครั้ง เธอยอมนำเงินเก็บมาซื้อตำแหน่งให้หลานชายกับหลานสะใภ้แล้วค่อยให้พวกเขาผ่อนจ่ายคืนทีหลัง เพราะพ่อแม่ของพวกเขาเคยช่วยเหลือเธอกับสามีมาก่อน
“ตกลงค่ะ คุณจะจ่ายยังไงเหรอคะ” ซินเหยาถามต่อ เธอคิดว่าราคานี้ก็ไม่เลว
“รบกวนรอฉันที่นี่สักครู่นะคะ ฉันกับสามีจะไปถอนเงินจากธนาคารมาให้” หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ราคาที่ต้องการ
“ไม่มีปัญหาค่ะ พวกคุณรีบไปเถอะ” ซินเหยาพยักหน้ารับคำ
หลานชายกับหลานสะใภ้ของเธอต่างพากันน้ำตารื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าป้าของเขาจะใช้เงินเก็บซื้อตำแหน่งงานให้จริง ๆ พวกเขาถึงกับพูดไม่ออกขึ้นมาเลยทีเดียวที่ได้รับความเมตตาจากญาติผู้ใหญ่อย่างคาดไม่ถึง
ซินเหยานั่งรอกับพวกเขานานถึงครึ่งชั่วโมง กว่าที่สองสามีภรรยาสูงวัยจะกลับมามอบเงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวนให้เธอที่ร้านอาหาร
“ขอบคุณพวกคุณมากค่ะ เราไปที่โรงงานกันเถอะ ฉันจะพาไปรายงานตัว อ้อ ฉันจะบอกพวกเขาว่าพวกคุณเป็นญาติฉันนะคะ ฉันชื่อซินเหยา” ซินเหยารีบเตรียมข้อมูลให้กับพวกเขาเอาไว้ก่อน
“ขอบคุณมากคุณซิน ฉันแซ่ลู่ นี่หลานชายกับหลานสะใภ้ของฉันเองค่ะ” ลู่หลินบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว เราไปกันเถอะ” ซินเหยายิ้มบางตอบและลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านหลังจากพวกเขาจ่ายค่าอาหารเสร็จ
คนทั้งห้าเดินทางไปถึงโรงงานในเวลาไม่นาน ซินเหยาบอก รปภ.ว่ามาขอพบกับผู้จัดการฝางซึ่งเคยเป็นหัวหน้างานของพ่อแม่เธอ พวกเขารออยู่ที่หน้าประตูโรงงานไม่ถึงสิบห้านาที ฝางอู่ชิงก็เดินยิ้มออกมาหาซินเหยาแล้ว
“สวัสดีหลานสาว อยากทำงานกับลุงแล้วใช่ไหม” ฝางอู่ชิงถามอย่างเอ็นดู เขาจำได้ว่าซินเหยาเป็นลูกสาวของซินโจวและอู่เหมยฮวาลูกน้องเก่าเขาที่ประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางไปซื้อวัตถุดิบให้กับโรงงานเมื่อสามปีก่อน
“ไม่ใช่หนูค่ะคุณลุง หนูพาญาติมาทำงานแทนพ่อกับแม่ค่ะ พี่ชาย พี่สาว แนะนำตัวกับคุณลุงฝางสิคะ” ซินเหยาหันไปบอกทั้งสองคนที่ยังดูตื่นเต้นอยู่ใกล้ ๆ
“สวัสดีครับ ผมลู่ถิงอัน นี่ภรรยาผมไช่หนี่ครับ” ชายหนุ่มรีบแนะนำตัว
“โอ้ สวัสดี ๆ พวกเธอจบอะไรกันมาล่ะ ทำบัญชีเป็นไหม” ฝางอู่ชิงถามต่อ เขาไม่คิดว่าซินเหยาจะยอมมอบตำแหน่งงานดี ๆ แบบนี้ให้กับญาติของเธอจริง ๆ
“พวกเราจบ ม.ปลายครับ เรื่องบัญชีพวกเราพอจะเรียนรู้มาบ้าง ถ้ามีคนสอนสักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาครับ” ลู่ถิงอันตอบพร้อมรอยยิ้ม ดีที่พวกเขาเคยขอให้อาจารย์สอนบัญชีเบื้องต้นให้มาก่อน เพราะพวกเขารู้ดีว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเกินไปจึงพากันเรียนรู้ด้านนี้มาเพื่อสมัครทำงานโดยเฉพาะ อย่างน้อยการมีวิชาบัญชีติดตัวก็ทำให้พวกเขาหางานได้ไม่ยาก
“ดี ๆ ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปด้านในกันเถอะ ฉันจะพาพวกเธอไปรายงานตัวนะ” ฝางอู่ชิงพยักหน้าอย่างพอใจ เขาดูท่าทางเด็กสองคนนี้แล้วก็เห็นว่าไม่เลว ถ้าได้พวกเขามาทำงานในโรงงานคงช่วยได้มาก
“ลุงคะ หนูต้องขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ ฝากพี่ชายกับพี่สาวด้วยค่ะ” ซินเหยาไม่อยากอยู่ต่อหลังฝากฝังคนเสร็จ เธอยังต้องเดินทางกลับหมู่บ้านอีกเกือบสองชั่วโมง
“ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขานะ ลุงจะดูแลพวกเขาให้เอง” ฝางอู่ชิงยิ้มตอบ
ซินเหยาค้อมหัวคำนับทุกคนก่อนจะเดินออกจากโรงงานไป เธอในตอนนี้มีเงินติดตัวอยู่มากถึงห้าพันหยวนกว่าแล้ว หากต้องการค้าขายหลังหย่าสามี ซินเหยาคิดว่าเงินทุนแค่นี้น่าจะเพียงพอ ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าสามีคนนั้นเป็นยังไงก็เถอะ ถ้าดูแล้วเขาไม่ดีกับร่างเดิม ซินเหยาก็ไม่รังเกียจที่จะหย่าขาดจากเขา
คนตระกูลลู่ได้แต่มองส่งซินเหยาจากไปอย่างขอบคุณ พวกเขาไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงที่เพิ่งพบกันครั้งแรกจะใจดีกับคนแปลกหน้าอย่างพวกเขาขนาดนี้ หลังจากนี้หลานชายกับหลานสะใภ้ยังมีงานที่มั่นคงทำอีกด้วย เรื่องนี้ทำให้สองสามีภรรยาสูงวัยได้แต่สำนึกขอบคุณซินเหยา
กว่าซินเหยาจะเดินทางกลับถึงหมู่บ้านซวงหลิน พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปได้พักใหญ่แล้ว ดีที่เมื่อเที่ยงซินเหยาได้กินข้าวอย่างอิ่มหนำสำราญเป็นครั้งแรกตั้งแต่ร่างเดิมแต่งงานกับฟู่จิงถิง ทำให้การเดินทางกลับครั้งนี้ไม่ทำให้เธอเหนื่อยมากเกินไปนัก ซินเหยายังแวะซื้อเนื้อเล็กน้อยมาฝากป้าเพ่ยด้วย เธอรีบเดินเข้าบ้านของป้าเพ่ยและนำเนื้อไปให้ก่อนเดินกลับไปยังบ้านตระกูลฟู่ในเวลาต่อมา
“นังบ้าเอ้ย! หายหัวไปไหนมาทั้งวันฮะ!” เสียงเหมียนจูดังออกมาตั้งแต่ซินเหยาเพิ่งจะก้าวเข้าประตูบ้านตระกูลฟู่
“เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย” ซินเหยาพึมพำอย่างหัวเสีย เธอรำคาญแม่สามีของร่างเดิมคนนี้เสียจริง ๆ ขนาดเวลาผ่านมานานถึงหนึ่งสัปดาห์แล้ว เหมียนจูก็ยังคิดจะใช้งานเธอเหมือนกับร่างเดิมอยู่ทุกวัน ดีที่ซินเหยาในตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว เธอมีหรือที่จะยอมเชื่อฟังคนบ้านฟู่อีกให้ลำบากตัวเอง ซินเหยาทำหูทวนลมและเดินกลับเข้าไปในห้องเก็บฟืนซึ่งเป็นที่นอนของเธอทันที ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะหนีไปจากที่นี่ ซินเหยายังต้องรอเวลาอีกสักพักเพื่อเตรียมตัวเดินทางไกลไปหาฟู่จิงถิง
เสียงก่นด่าของเหมียนจูยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านหลายคนต่างแอบดูแอบฟังกันอย่างเป็นห่วงซินเหยา ดีที่พวกเขาไม่ได้ยินเสียงตบตีในบ้านฟู่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเป็นห่วงว่าซินเหยาจะบาดเจ็บหนักเอาได้
“แม่จะไปยุ่งกับมันทำไมเนี่ย เจ็บตัวคราวก่อนยังไม่เข็ดอีกหรือไง” ฟู่โหรวได้แต่พูดขึ้นมาอย่างรำคาญ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงได้เอาแต่อยากรังแกซินเหยานัก ทั้งที่แม่ของเธอสามารถทำงานทุกอย่างในบ้านเองได้
“แกจะไปรู้อะไรฮะ! งานบ้านงานในนาแกจะเป็นคนทำไหมล่ะถ้าไม่ใช่นังซินเหยา พวกแกแต่ละคนก็เอาแต่นั่งเล่นไปวัน ๆ งานการไม่คิดจะหาทำกันสักคน แกคิดว่าเงินในบ้านเรามีมากนักหรือยังไง” เหมียนจูอดด่าว่าพวกคนไร้ประโยชน์ในบ้านนี้ไม่ได้ สามีเธออย่างฟู่อ้ายโกวก็ขี้เกียจมาแต่ไหนแต่ไร งานในนาเมื่อก่อนก็เป็นเธอที่ต้องลงไปทำเองเพื่อให้บ้านมีข้าวกิน พอได้ฟู่จิงถิงมาอยู่ในบ้าน เหมียนจูก็สบายขึ้นมากจนไม่ต้องไปทำงานในนาอีก หากซินเหยาไม่ยอมไปทำงาน บ้านเธอจะเอาอะไรกินกัน เงินในบ้านก็มีแค่ที่ฟู่จิงถิงส่งมาให้ทุกเดือนเท่านั้น
“คุณจะเสียงดังทำไมนักหนาเนี่ย! จิงถิงมันก็ส่งเงินมาให้ทุกเดือนไม่ใช่หรือไง เงินพวกนั้นก็พอให้ซื้อข้าวของมากินได้ทั้งเดือนแล้ว ทำเหมือนบ้านเราไม่มีเงินอย่างนั้นแหละ น่ารำคาญจริง” ฟู่อ้ายโกวไม่ชอบใจนักที่ภรรยาดูถูกเขาต่อหน้าลูก
“นั่นสิครับแม่ เงินชดเชยของซินเหยาก็มีตั้งหลายพันหยวนไม่ใช่หรือไง เมื่อไหร่แม่จะหาเมียให้ผมสักทีเนี่ย ผมรอมาหลายปีแล้วนะครับ” ฟู่หยางเซิงรีบถามเรื่องสำคัญกับแม่ของตัวเองทันที เขาอยากมีเมียใจจะขาดแล้ว
“เงินนั่นฉันก็เอาไว้ให้พวกแกแต่งงานยังไงล่ะ ส่วนเมียแกน่ะฉันยังหาคนรวย ๆ ไม่ได้แล้วจะให้ทำยังไง แกเรียนจบแค่ ม.ต้น ความรู้อะไรก็ไม่มี จะมีปัญญาเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกได้หรือไงกัน เฮอะ! พูดไม่คิด” เหมียนจูร่ายยาวให้ลูกชายฟัง
“แม่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ แม่ไม่ยอมให้พวกเราออกไปในเมือง แล้วแบบนี้เราจะเจอคนรวยได้ยังไงล่ะ” ฟู่โหรวเองก็อยากแต่งงานกับคนรวยหรือไม่ก็คนที่จบมหาวิทยาลัยสักคนเช่นกัน น่าเสียดายที่แม่เธอไม่ยอมให้ออกจากบ้านไปไหน
“ชิ! หุบปากไปเลย! แกคิดว่าคนรวย ๆ จะมาเดินตามถนนในเมืองกันง่าย ๆ เหรอ ฉันรอให้ใกล้ปีใหม่ก่อนต่างหาก ค่อยพาพวกแกไปที่เมืองข้าง ๆ”
“ฉันแน่ใจค่ะป้า ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วว่าไม่ควรถูกเอาเปรียบอีกต่อไป” ซินเหยาบอกด้วยสีหน้าจริงจังต่างกับความอ่อนแอเมื่อก่อนลิบลับ“เฮ้อ ป้าชุย ไปตามผู้ใหญ่บ้านมาทีจ๊ะ” ป้าเพ่ยได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปบอกเพื่อน“อืม ๆ รอสักประเดี๋ยวก็แล้วกันนะ” ป้าชุยพยักหน้ารับคำและรีบเดินออกจากบ้านฟู่ไป“นังเนรคุณ! แกกล้าเรียกผู้ใหญ่บ้านมาเลยเหรอ” เหมียนจูอดตวาดว่าซินเหยาเสียงดังไม่ได้“ทุกคนดูแม่สามีฉันสิ คำก็เนรคุณ สองคำก็สารเลว นี่ฉันเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของเธอหรือว่ามาเป็นที่รองรับอารมณ์กันแน่คะ” ซินเหยาแสร้งทำหน้าตาน่าสงสารให้ชาวบ้านดู“เหมียนจู เธอทำเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ใช่ว่าพวกเราไม่เห็นความลำบากของซินเหยาตลอดหลายปีที่ผ่านมานะ เพียงแต่ครั้งนี้พวกเธอทำเกินไปจริง ๆ ที่กล่าวหาซินเหยา” ชาวบ้านที่ฟังอยู่ตลอดรีบเอ่ยปากช่วยซินเหยา เธอไม่ชอบใจนักที่เหมียนจูจิกหัวเรียกลูกสะใภ้แบบน
สี่พ่อแม่ลูกยังคงวางแผนการที่จะเดินทางเข้าเมืองเพื่อหาคนแต่งงาน พวกเขาไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่วันจะเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านจนไม่สามารถเดินทางไปทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ คืนนั้นคนบ้านฟู่ยังคงต้องกินอาหารฝีมือของเหมียนจูเหมือนเคย เพราะไม่สามารถลากซินเหยามาทำงานให้ตัวเองได้สามวันต่อมาเสียงกรีดร้องดังออกมาจากภายในบ้านตระกูลฟู่ต่างจากทุกวัน เหมียนจูที่เตรียมตัวจะนำเงินเก็บพาครอบครัวไปยังเมืองข้าง ๆ เพื่อหาคนแต่งงานให้ลูกชายและลูกสาวต้องตกใจที่เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวหายไป“เกิดอะไรขึ้น!! ทำไมเสียงดังขนาดนี้!” ฟู่อ้ายโกวรีบเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน“เงิน! เงินเก็บบ้านเราหายไปหมดแล้ว!!!” เหมียนจูตะโกนร้องไห้เสียงดัง“บ้าน่า! คุณเป็นคนรู้ที่เก็บอยู่คนเดียว แล้วเงินมันจะหายไปได้ยังไง” ฟู่อ้ายโกวเองก็ตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าตอนนี้ในบ้านเขาไม่มีเงินเหลืออีกแล้ว
“คุณพูดจริงเหรอคะ” หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างออกมา เธอไม่รู้ว่าราคาจะแพงไหมแต่อย่างน้อยหลานของเธอก็จะมีงานทำแล้ว“จริงสิคะ ฉันยังจะพาพวกคุณไปรายงานตัวที่โรงงานด้วยนะคะ” ซินเหยาต้องการทำทุกอย่างให้เรียบร้อยและมั่นใจว่าพวกเขาจะได้เข้าทำงานจริง“ไม่ทราบว่าคุณขายราคาเท่าไหร่เหรอคะ เรามีเงินไม่มากนัก” หญิงวัยกลางคนรีบถามเรื่องสำคัญทันที เธอไม่แน่ใจว่าตำแหน่งงานนี้ทำอะไรและราคาแพงไหม“ตำแหน่งของพ่อแม่ฉันเป็นตำแหน่งจัดซื้อวัสดุค่ะ เงินเดือนที่จะได้รับเดือนละห้าสิบหยวน ฉันขายในราคาตำแหน่งละหนึ่งพันหยวน คุณคิดยังไงคะ” ซินเหยาลองถามราคาที่สูงสุดก่อน เผื่อว่าพวกเขาจะต่อรอง“ป้าครับ ราคามันแพงเกินไปนะครับ ผมกับภรรยารอสมัครงานอื่นก็ได้” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่รีบส่ายหน้าปฏิเสธ พวกเขาเป็นเพียงหลานเท่านั้นเลยไม่อยากรบกวนป้า“เฮ้อ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจสิ ป้าเชื่อว่าพ่อแม่ของเธอต้องอยาก
ควับ! พลั่ก! ตุ้บ!“กรี๊ด!!! นังสารเลวซินเหยา แกกล้าเตะฉันเหรอ!” เหมียนจูกรีดร้องอย่างโกรธแค้น“น่ารำคาญจริง ไสหัวไป!!!” ซินเหยาถลึงตาใส่หญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างรังเกียจ“ฉันจะฆ่าแก” เหมียนจูลุกขึ้นมาง้างไม้กวาดขึ้นอีกครั้ง“อยากเจ็บตัวใช่ไหม? ดี!” ซินเหยาทะลึ่งพรวดลุกขึ้นเต็มความสูง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังไม่หายดี แต่ก็นับว่าร่างใหม่ของเธอเพียงพอที่จะกำราบผู้หญิงตรงหน้าก่อนที่ไม้กวาดจะฟาดถูกร่างของซินเหยา เหมียนจูก็ถูกซินเหยาเตะเข้าที่เอวอย่างจังจนล้มคว่ำลงไปเป็นครั้งที่สอง ซินเหยาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เธอตามเข้าไปตบหน้าเหมียนจูซ้ำอีกหลายครั้งจนหน้าบวมเป็นหัวหมู“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ มาช่วยฉันเร็วเข้า!” เหมียนจูร้องตะโกนเสียงดังเมื่อดูแล้วว่าซินเหยาไม่คิดจะหยุดมือง่าย ๆ ตอนนี้เธอได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวแล้ว
ซินเหยาลากร่างที่บาดเจ็บเดินไปยังหน้าเตา เธอหาข้าวที่เหลือในบ้านมาหุงอย่างยากลำบาก ผักและเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดในครัวทำให้ซินเหยาไม่มีทางเลือกมากนัก เธอทำแค่ผัดผักใส่เนื้อง่าย ๆ ให้ทุกคนเท่านั้น ไข่ถูกนำมาเจียวเพียงสองฟองตามที่เหมียนจูกำหนดเอาไว้ในอาหารแต่ละมื้อของบ้าน ซินเหยาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้กินข้าวในมื้อนี้แต่แรก ด้วยร่างกายที่กำลังเจ็บปวดของซินเหยา เธอใช้เวลานานเกือบหนึ่งชั่วโมงในการทำอาหารกว่าจะเสร็จ ขณะที่กำลังยกอาหารไปให้คนบ้านฟู่ที่ห้องรับแขก ซินเหยาเกือบล้มลงก็หลายครั้ง ถ้าเธอไม่กลัวว่าจะถูกทุบตีอีก ซินเหยาคงประคองร่างไม่ไหวตั้งแต่แรกแล้ว ฟู่อ้ายโกว ฟู่หยางเซิงและฟู่โหรวมองดูซินเหยาด้วยสายตานิ่งเรียบ พวกเขาเคยชินกับการที่เหมียนจูทำร้ายร่างกายซินเหยามานานแล้ว“วางเสร็จก็ไสหัวไปได้แล้ว คืนนี้ไม่ต้องกินข้าว ใครใช้ให้แกกลับช้า” เหมียนจูตวาดว่าเสียงดังอย่างหมั่นไส้ไม่หาย เธอเกลียดท่าทางน่าสงสารของซินเหยาจริง ๆซินเหยาทำได้เพียงพยักหน้าและลากร่างบางเดินจากไปเงียบ ๆ เธอกลับเข้าไปในห้องเก็บฟืนเพื่อพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ตอนนี้ซินเหยาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมา
หมู่บ้านซวงหลิน เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกลจากมณฑลเจ้อเจียงไปทางตะวันตกมากถึงห้าร้อยกิโลเมตร เสียงด่าทอต่อว่าที่ดังอยู่เป็นประจำสร้างความหดหู่ให้เพื่อนบ้านที่ได้ยินไม่น้อย พวกเขาสงสารสะใภ้อย่างซินเหยาที่สุด เพียงแต่ชาวบ้านไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลฟู่ซึ่งมีนิสัยไม่ต่างจากอันธพาลได้ ชาวบ้านจึงทำได้แค่แอบช่วยเหลือซินเหยาอย่างลับ ๆ เท่านั้น“สำออยอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน รีบทำกับข้าวแล้วไปถอนหญ้าในนาให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกินข้าว เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ” เหมียนจูแม่สามีของซินเหยาอ้าปากขึ้นก็เอาแต่ด่ามาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้ว“รู้แล้วค่ะแม่ ฉันจะรีบทำ” ซินเหยาตอบกลับเสียงสั่น ตอนนี้ร่างกายเธอรู้สึกร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ คงเพราะงานที่เธอต้องทำรับใช้คนตระกูลฟู่มีมากเกินไปจนร่างกายผอมบางของเธอรับไม่ไหวจึงเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ซินเหยาแต่งงานเข้าตระกูลฟู่ เธอกับสามียังไม่ได้เข้าหอด้วยซ้ำ กลับถูกแม่สามีลากให้ฟู่จิงถิงไปเป็นทหารแทนพี่ชายอย่างฟู่หยางเซิง ตอนนี้ผ่านมาสามปีแล้ว ซินเหยายังไม่เคยได้คุยกับคนเป็นสามีเลยแม้แต่คำเดียว ขนาดจดหมายที่เขาส่งมาพร้อมเงินเลี้ยงดูของเธอ แม่สามีก







