เมื่อฉันต้องมาเปฺ็นคุณแม่ลูกแฝด
ขายได้อีกนิดหน่อย
*****
หลังจากที่ผ่านลูกค้ารายแรกมาแล้ว เมิ่งหลันก็ไม่ได้อยู่กับที่ แต่พยามสลับไปสลับมา เพราะกลัวอันตราย เธอไม่รู้ได้ว่าใครเป็นมิตร หรือเป็นศัตรู เธอเดินหาลูกค้า ได้มาอีก สามราย รายแรกต้องการเนื้อสัตว์ เธอปล่อยของออกไปได้ 150 หยวนเลยทีเดียว
รายที่สองนั้นต้องการขนมเอาไปขายในโรงงาน เมิ่งหลันจึงนำ ขนมเปี๊ยะ และขนมใหว้พระจันทร์ ออกมาอย่างละ 50 ชิ้น เธอขายชิ้นละ 2.5 หยวน รวมเป็นเงิน 250 หยวน
ส่วนรายที่สามนั้น ต้องการน้ำมัน และน้ำตาล เธอจึงเอาออกมาให้แค่ น้ำมัน 10 ขวด น้ำตาล 20 ชั่ง น้ำมันขายขวดละ 2 หยวน น้ำตาลชั่งละ 1.5 หยวน เป็นเงิน 50 หยวน เธอจึงยุติการขายแค่นี้
สรุปแล้ววันนี้เมิ่งหลันขายของได้เงิน 640 หยวน ซึ่งถือว่าเยอะมากแล้ว
เธอจึงเดินออกมาจากตลาดมืด และหาที่ลับตาคน นำจักยานออกมา แล้วมุ่งตรงกลับบ้านทันที
เมื่อไกล้ถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอนำตะกร้าออกมา แล้วหยิบข้าวสาร หมูสามชั้นใส่ลงไป น้ำตาล เกลือ ไข่ ลูกอมสำหรับให้เด็กๆ แล้วแบกตะกร้าขึ้นหลัง เอาจักรยานเก็บเข้ามิติ แล้วเดินเข้าหมู่บ้านไป
"ฟางหลิน เหวินหลง แม่กลับมาแล้ว" เมิ่งหลันเรียกลูกแฝดของเธอที่หน้าบ้านป้าหวัง
“เย้ เย้ แม่กลับมาแล้ว” สองแฝดกระโดดโลดเต้นดีใจที่เห็นแม่กลับมา พวกเขามองประตูรั้วทั้งวัน เพื่อดูว่าเมื่อไหร่ที่แม่จะกลับมา
“คิดถึง/คิดถึง” สองแฝดพูดออกมาพร้อมกัน ที่เด็กทั้งสองคนกล้าพูดกล้สแสดงความรักออกมา เพราะว่าร่างเดิมนั้นมักจะแสดงความรักกับลูกอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าลูกจะขาดความรักความอบอุ่น เธอจึงคิดว่าการทำแบบนี้คือวิธีที่ดีที่สุด
“แม่ก็คิดถึงลูกทั้งสองเหมือนกัน” เมิ่งหลันหอมแก้มลูกแฝดไปคนละหนึ่งที
“เป็นยังไงบ้าง ได้ของแบบที่ตั้งใจไว้รึเปล่า” ป้าหวังถามหลังจากที่ดูแม่ลูกทักทายกัน เธอเองก็อดที่จะยิ้มเอ็นดูออกมาไม่ได้
“ได้ค่ะ อันนี้ฉันซื้อมาฝากค่ะ” เมิ่งหลันหยิบน้ำตาลทรายแดงออกมาหนึ่งชั่ง และแกะลูกอมแบ่งออกไป 1 กำมือเพื่อให้กับตี้ตี้
“อัยหยา..เก็บใว้ให้เด็กสองคนนี้กินเถอะ” ป้าหวังเกรงใจเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เมิ่งหลันมอบให้นั้นมันคืออะไร
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าป้าหวังไม่รับเอาไว้ คราวหน้าฉันจะกล้าฝากสองแฝดได้ยังไงกันละคะ” เมิ่งหลันทำเสียงน้อยใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจมากนะ ที่อุตส่าห์นึกถึงคนแก่ แล้วก็ตี้ตี้ ด้วยอีกคน” ป้าหวังยิ้มเอ็นดู
“อย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ สองแฝด บอกลาคุณยายก่อนเร็ว” เมิ่งหลันบอกลา
“กลับแล้วครับ/กลับแล้วนะคะ” เด็กทั้งสองคนโบกมือบ๊ายบายคุณยายที่ดูแลพวกตนมาทั้งวันอย่างน่าเอ็นดู
แล้วเมิ่งหลันก็พาสองแฝดกลับบ้านไป เอาของไปเก็บที่ห้องครัว แล้วพาเด็กๆไปล้างมือ ล้างตัว
“ไหน วันนี้ทำอะไรบ้าง เล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ” เมิ่งหลันพูดคุยกับลูกแฝด
“เล่นก้อนหิน กินส้ม กินหนม” ฟางหลินเริ่มพูดก่อน
“กินซาลาเปาด้วย แล้วก็นอน” เหวินหลงเองก็บอกคนเป็นแม่เช่นเดียวกัน แต่ติดที่ว่าพูดไม่ทันน้องสาว ทั้งสองคนแย่งกันเล่าในสิ่งที่ทำในวันนี้
“อืม..แล้ววันนี้มีคนดื้อใหมจ๊ะ” เมิ่งหลันแกล้งถาม
“ไม่มีคร้า/ ไม่มีครับ” สองแฝดรีบตอบพร้อมกัน เพราะพวกตนทำตัวเป็นเด็กดีมาก
“ดีแล้วล่ะจ๊ะ ที่พวกลูกเป็นเด็กดี เพราะว่าเด็กดีจะมีแต่คนรัก คนเอ็นดู” เมิ่งหลันสอนลูก ไม่ว่ายุคไหนผู้ใหญ่ก็มักจะเอ็นดูเด็กที่ว่าง่ายเสมอ
“หนูจะไม่ดื้อ”
“ผมก็เหมือนกันครับ” เด็กทั้งสองรับคำ พวกเขาในเชื่อในคำพูดแม่ของพวกเขา เพราะตั้งแต่จำความได้แม่ของพวกเขาไม่เคยโกหก
“นี่ก็บ่ายแล้ว พวกลูกไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขกนะ แล้วเอาของเล่นที่แม่ให้ออกมาเล่นรอแม่ เดี๋ยวแม่จะเอาขนมออกไปให้กิน” เมิ่งหลันให้ลูกทานขนมรองท้องไปก่อน
“ครับ/ค่ะ” ทั้ง 2 คนรับคำมารดาแล้ววิ่งไปที่ห้องโถง
แล้วเธอก็เอาขนมคุกกี้รสวนิลาใส่จานไปให้ลูกของเธอทั้งสองคน แล้วเดินกลับมาที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น
วันนี้เธอจะทำไข่ตุ๋นใส่หมูสับให้กับเจ้าแฝด ส่วนเธอนั้นกินแค่ผัดผักใส่หมูนิดหน่อยก็พอ เพราะเธอไม่ค่อยชอบกินเนื้อสัตว์เท่าไหร่
พวกเราคือครอบครัว…สี่ปีต่อมา…หลังจากวันที่เมิ่งหลันคลอดลูกชายฝาแฝด ก็ผ่านมามานานหลายปีแล้ว การเลี้ยงดูลูกของเธอช่างวุ่นวายเป็นอย่างมาก ดีที่เหอตี้ออกจากงานมาช่วยเธอดูแลร้าน ไม่อย่างนั้นเธอเองคงไม่มีเวลาพัก การเลี้ยงลูกถึงสี่คนไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยฟางหลินและเหวินหลงนั้น ดีที่โตพอจนรู้ความแล้ว ตอนนี้อายุก็เข้าปีที่สิบแล้ว หนูน้อยฟางหลินในตอนนี้ความงดงามนั้นเปล่งประกายมากถึงจะยังเด็กอยู่ก็ตาม จนทำให้คุณพ่อนั้นหวงมากเป็นพิเศษ เพราะยิ่งโตหน้าตาก็ยิ่งเหมือนกับคนเป็นแม่ส่วนแฝดน้องเหวินหลงเองก็ใช่ย่อย ความหล่อเหลาก็ไม่ได้แพ้ใคร ในทุกวันที่ไปโรงเรียนมักจะมีสาวน้อยมอบขนมให้อยู่เสมอ จนทุกวันนี้สหายมู่มู่ที่ไปโรงเรียนด้วยกันไม่ต้องเสียเงินซื้อขนมเลยส่วนแฝดชาย หวังจางหมิ่น และหวังเจียวจิ้นนั้น ตอนนี้ก็อายุสี่ขวบแล้ว ซึ่งความซุกซนไม่ต้องพูดถึง ขนาดที่ว่าเมิ่งหลันจ้างพี่เลี้ยงมาเพิ่ม ทั้งสองคนก็ยังหลุดลอดสายตาออกไปซนที่อื่นได้ “จางหมิ่น เจียวจิ้น แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามออกมาเล่นข้างนอกแบบนี้” เมิ่งหลันที่ออกมาเจอลูกๆของเธออยู่ที่ด้านนอกพอดี จึงอดที่จะดุไม่ได้“แม่ครับ พวกเราไม่อยากอยู่ในบ้าน” เ
ออกมาแล้ว…“หลันหลัน คุณไม่ต้องกลัวนะครับ” เหอตี้ผู้เป็นสามีปลอบใจภรรยาอยู่ที่ข้างเตียง วันนี้เป็นวันที่คุณหมอนั้นนัดผ่าคลอดให้กับเมิ่งหลัน เพราะว่าเธอนั้นมีความเสี่ยงจึงต้องใช้วิธีการผ่าคลอดแทนการคลอดธรรมชาติ“เหอตี้คะ ฉันกลัวจังเลยค่ะ” เธอบอกสามีออกไป นี่คือการคลอดครั้งแรกของเธอ เธอจะไม่กลัวได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเมิ่งหลันคนก่อนจะเคยคลอดลูกแต่มันก็ไม่ใช่เธออยู่ดี“ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะครับ หมอที่นี่เก่งอยู่แล้ว คุณนอนพักก่อนดีกว่า” เมื่อเหอตี้เห็นว่าภรรยานั้นมีความเครียดจึงอยากให้เธอได้พักผ่อน“แล้วสองแฝดอยู่ที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันถามหาลูกทั้งสองคน เพราะเธอมารอคลอดตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าลูกเลย“อยู่กับน้าอี้ฝานครับ สองแฝดไม่มีงอแงเลย พูดจารู้เรื่องมาก แค่บอกว่าแม่กำลังจะมาคลอดน้องพวกเขาก็เข้าใจ” เหอตี้เมื่อเช้านี้ได้กลับไปที่บ้านและพูดเรื่องนี้ให้สองแฝดฟัง ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจ และบอกว่าจะรอแม่และน้องอยู่ที่บ้าน“คุณจะรอฉันที่ด้านนอกใช่หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันถามสามีเมื่อมองเวลาแล้วไกล้ที่จะเข้าห้องคลอดเต็มที“ผมจะรอคุณอยู่ข้างนอกห้องคลอดแน่นอน ผมรับรองเลยว่าเมื่อคุณออกมา คุ
งานแต่งงานของพี่ใหญ่เหอซาน…วันนี้เป็นวันที่เมิ่งหลันนั้นต้องมาตรวจครรภ์เป็นครั้งที่สอง และการตรวจก็เป็นไปด้วยดี การเติบโตของทารกในครรภ์นั้นดีมากทีเดียวและอีกเรื่องที่ทำให้หลิวเมิ่งหลันและหวังเหอตี้ ต้องตกตะลึงกันอีกครั้ง นั่นก็คือในท้องของเมิ่งหลันนั้นมีลูกน้อยถึงสองคน นั่นก็หมายความว่าในตอนนี้เมิ่งหลันนั้นกำลังท้องลูกแฝดอีกครั้งนั่นเองแต่การแพทย์ในยุคสมัยนี้ก็ไม่สามารถตรวจได้ว่าเจ้าก้อนแป้งที่กำลังนอนอยู่ในท้องของเมิ่งหลันนั้นเป็นเพศไหน จะเป็นชายชาย หญิงหญิง หรือหญิงชาย ก็ไม่อาจรู้ได้ ถึงแม้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะแข็งแรงดี แต่เมิ่งหลันก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เธอกลัวการคลอดลูก เธอกลัวว่าจะไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย เหอตี้ที่รับรู้ได้ถึงความกังวลก็ได้แต่ปลอบใจภรรยา ไม่ว่าอย่างไรเขาจะหาหมอที่มีฝีมือที่สุดมาทำคลอดให้ภรรยาให้ได้“เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวนะครับ” เหอตี้เอ่ยขึ้นเมื่อพากันออกมาจากในโรงพยาบาลหลังจากที่ตรวจการตั้งครรภ์เสร็จแล้ว“คุณจะพาฉันไปที่ไหนหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็เดาไม่ถูก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ยังไม่ได้ออกไปที่ไหนแบบจริงจังสักที เพราะเธอทุ่มเทเวลาใ
คู่มือการเลี้ยงลูก…หลังจากที่ทุกคนรู้ข่าวเรื่องการท้องของเมิ่งหลันก็ยินดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านใหญ่หวัง แม่เหอที่รู้ข่าวก็ไปสรรหาของบำรุงต่างๆมาให้เมิ่งหลันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือรังนกก็ตาม“ฉันต้องขอบคุณคุณแม่มากเลยนะคะสำหรับของบำรุงพวกนี้” เมิ่งหลันบอกแม่สามี ถึงแม้เธอจะรู้ว่าของพวกนี้ดีมีสรรพคุณมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะกินมันได้ เพราะเมื่อครั้งก่อนที่แม่เหอก็ฝากให้เหอตี้เอามาให้เธอทาน พอเธอทานเข้าไปถึงกับอาเจียนไม่ยอมหยุด “ไม่เป็นไรเลยจ้ะ เธอต้องกินมันให้หมดนะ หลานของฉันจะได้ออกมาแข็งแรง” แม่เหอบอกด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เจ้าใหญ่ จะแต่งงานเมื่อไหร่ดีล่ะ เหอตี้มีลูกแซงหน้าไปแล้วนะ” แม่เหอเอ่ยถามลูกชายคนโต ที่ตอนนี้สานสัมพันธ์กับคู่หมั้นได้อย่างราบรื่น“แล้วคุณแม่ว่ายังไงล่ะครับ พร้อมที่จะไปสู่ขอสะใภ้ใหญ่ได้หรือยัง” เหอซานหันมาถามแม่ของตนบ้างแม่เหอที่ได้ยินแบบนั้นก็ตาโตทันที นี่เจ้าใหญ่ของเธอกำลังบอกให้ไปขอภรรยาให้เขาใช่หรือไม่“นี่ลูกพูดจริงใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่กับพ่อจะได้ไปพูดเรื่องนี้กับบ้านกงแต่เช้าเลย” “555” เหอซานอดที่จะยิ้มขำแม่ของตนไม่ได้ คงอยากได้สะใภ้มากเลยถ
สองแฝดจะมีน้อง…“ท้อง???”“คุณหมอช่วยพูดอีกครั้งได้หรือเปล่าคะ” เมิ่งหลันที่ต้องการได้ยินอีกครั้ง ว่าอาการที่เธอเป็นนั้นเป็นโรคอะไรกันแน่ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม“คนไข้ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนะครับ อาการที่เป็นอยู่ เป็นอาการของคนท้องเท่านั้นครับ” หมอเองได้ตรวจซ้ำถึงสองรอบจากการจับชีพจร ซึ่งผลที่ออกมาก็เหมือนกันทั้งสองครั้งและเขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างมากเมิ่งหลันคิดว่ากลับบ้านไปเธออาจจะเรียกเอาชุดทดสอบการตั้งครรค์ออกมาตวจอีกสักครั้ง เพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจหมอในยุคนี้หรอกนะ แค่เธออยากมีโมเม้นท์ขึ้นสองขีดแบบคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง“แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ฉันท้องกี่เดือนแล้วหรือคะ” เมิ่งหลันเองก็แอบงงเหมือนกัน ทั้งที่เธอเองก็กินยาคุม แล้วลูกของเธอนั้นทะลุยาคุมออกมาได้ยังไงกัน หรือยาที่เธอกินจะหมดอายุนะ แต่ก็ไม่น่าใช่“ประมาณ เดือนกว่าได้แล้วครับ ช่วงนี้คุณก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะครับ ของหนักก็ห้ามยกเพราะมันจะเสี่ยงต่อการแท้ง ส่วนในเรื่องของอาหารก็ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ และก็อย่าลืมดื่มนมด้วยนะครับ อ้อ…และอีกอย่างเรื่องบนเตียงช่วงนี้ก็ให้งดไปก่อนนะครับจนกว่าจะมีอ
เมิ่งหลันป่วย???วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว ที่เมิ่งหลันและคนงานช่วยกันบรรจุของเพื่อทำถุงยังชีพ และทุกวันก็จะทำได้ประมาณหนึ่งพันชุดทุกวัน“คุณเมิ่งหลันคะ วันนี้มีคนมาโวยวายที่หน้าร้านอีกแล้วค่ะ” ซูเหวินเข้ามารายงานเมิ่งหลัน เพราะหลายวันมานี้มีคนต้องการมาซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง แต่ทางร้านไม่สามารถเปิดขายให้ได้ เพราะต้องนำไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน นั้นจึงสร้างความไม่พอใจกับลูกค้าบางคน“แล้วได้บอกเหมือนที่ฉันสั่งไว้หรือเปล่าจ๊ะ” เมิ่งหลันเองให้ลูกจ้างทุกคนนั้นบอกลูกค้าไปตามความจริง ว่าทางร้านไมาสามารถขายสินค้าให้ได้ ให้ไปหาซื้อที่อื่นก่อน “บอกแล้วค่ะ….” ทั้งสองพูดกันไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงดังโวยวายกันอยู่ที่ด้านนอก“เฮอะ ที่ไม่ยอมขายข้าวให้พวกฉัน เป็นเพราะว่าจะเอาไปขายให้กับทางการใช่หรือเปล่าล่ะ” เสียงลูกค้าที่เป็นสตรีเอ่ยขึ้น“ไม่อยากขายให้พวกเราก็พูดมาตรงๆเถอะ ไม่ต้องอ้างทางการหรอก มันน่าอาย” เธอยังพูดไม่หยุด“ทำมาเป็นบอกว่าเอาไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ฉันเองก็เดือดร้อนเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้ของพวกนี้กับฉันด้วย” ผู้หญิงทืี่มาด้วยกันเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซ