LOGINเซียวอี้เหยามองมารดาของตนแต่งตัวงดงามเดินจากไปด้วยสายตาปวดร้าว เท้าที่เดินเข้าบ้านรู้สึกหนักกว่าทุกครั้ง หากแต่ก็ยังคงต้องฝืนทนก้าวเดินต่อ
"พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว"
เมื่อได้ยินเสียงของน้องสาว ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเซียวอี้เหยาก็พลันเบาบางลง
"รีบกินไข่ต้มเร็วเข้า"
ทันทีที่เห็นไข่ต้มครึ่งฟองในมือของน้องสาว เซียวอี้เหยาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบจับเธอยืนหลบอยู่ด้านหลังแล้วกวาดตามองรอบๆ ตัวด้วยท่าทีหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครนอกจากพวกเขาสองคนความตื่นกลัวก็ผ่อนคลายลง รีบหันมาจับไหล่เล็กเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
"หยาหยา เหตุใดเธอจึงเอาไข่ต้มมากิน หากผู้หญิงคนนั้นรู้เข้าต้องตีเธอตายแน่ๆ"
เซียวอี้หยายิ้มกว้างสดใสให้พี่ชายก่อนจะจับมือเล็กหยาบกร้านของเขาออกมาแล้ววางไข่ไก่ครึ่งฟองลงบนกลางมือเล็ก
"ไข่นี่แม่บอกว่าเบื่อ ไม่อยากกินแล้ว ให้เอาไปทิ้ง หยาหยาเสียดายจึงได้เก็บเอาไว้กิน"
เอาไปทิ้ง ทั้งบ้านมีเพียงไข่ไก่วันละฟอง หญิงสาวใจร้ายคนนั้นยังให้เอาไปทิ้ง ช่างเป็นคนเอาแต่ใจไม่รู้คุณค่าของอาหารจริงๆ
"พี่ชายรีบกินเถิด ไม่อย่างนั้นแม่กลับมาเห็นต้องตีหยาหยาแน่ๆ"
เพราะกลัวว่าน้องสาวจะถูกตี เซียวอี้เหยาจึงรีบเอาไข่ในมือใส่ปากกินในทันที เซียวอี้หยาเห็นพี่ชายได้กินไข่ก็ยิ้มกว้าง หลายปีมานี้แม้เธอจะอายุยังน้อยแต่ก็รู้ดีถึงความรัก ความห่วงใยที่พี่ชายตรงหน้ามีให้
"พี่ชายค่อยๆ กิน อย่าลืมดื่มน้ำตามมากๆ จะได้อยู่ท้อง"
เพราะที่ผ่านมาอาหารที่กินนั้นน้อยนิด สิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความทรมานจากอาการหิวก็คือน้ำเปล่าเหล่านี้ เมื่อพี่ชายรับน้ำไปดื่ม เซียวอี้หยาก็เอาผักป่าที่เขาเก็บมาไปล้างก่อนจะมองต้นผักประหลาดที่ไม่เคยเห็นด้วยความสงสัย
"พี่ชายนี่คือผักอะไรหรือ"
เซียวอี้เหยารีบดึงสมุนไพรพิษในมือน้องสาวกลับคืนมาด้วยอาการตื่นตกใจ ก่อนจะแสร้งกลบเกลื่อนด้วยคำพูดราบเรียบ
"พี่เก็บมาผิด นี่ไม่ใช่ผักแต่เป็นสมุนไพรพิษ ต่อไปเธออย่าได้เก็บมากิน"
"อืม... หยาหยารู้แล้ว พี่ชายเก่งที่สุด ดีที่สุด"
เก่งที่สุด ดีที่สุด หากน้องสาวได้รู้ความคิดของเขาที่มีต่อมารดายังจะเอ่ยคำพูดนี้อยู่หรือไม่ มือที่กำสมุนไพรพิษพลันเกร็งแน่น ในใจเกิดความรู้สึกหนักอึ้ง หากแต่เมื่อคิดถึงบทสนทนาของมารดากับหญิงข้างบ้านไห่เยียน ความตั้งใจที่สั่นคลอนก็กลับมามั่นคงอีกหน
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่ยอมให้น้องสาวถูกขายไปเด็ดขาด
.........................................
ซูหย่าฉินหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าอาคารหลังหนึ่ง จากบทละครที่เธอเคยอ่านเมื่อโลกก่อน ซูหย่าฉินจำได้ว่าช่วงนี้ ผู้พันหลี่กัง หัวหน้าหน่วยรักษาความมั่นคงจะมาทำภารกิจตามจับอาชญากรค้ามนุษย์รายใหญ่ในเขตไห่จิง และอีกฝ่ายจะได้พบ ชุ่ยผิงอัน นางเอกของเรื่องที่บังเอิญช่วยให้เบาะแสคนร้าย กลายเป็นวีรสตรีที่มีคุณต่อแผ่นดิน ได้รับการยกย่องประกาศเกียรติคุณ ชีวิตพลิกผันในชั่วข้ามคืน เพียงแต่เรื่องราวของนางเอกเธอไม่คิดยุ่ง มุ่งหวังเพียงจัดการภัยคุกคามครอบครัวของเธอเท่านั้น
"สหายท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณต้องการพบใคร"
"ฉันต้องการพบหัวหน้าหลี่"
นายทหารนอกเครื่องแบบขมวดคิ้วแน่น เรื่องการลงพื้นที่เพื่อทำภารกิจครั้งนี้เป็นความลับสูงสุด เหตุใดสตรีตรงหน้าจึงได้ล่วงรู้ และยังมาหาผู้พันหลี่โดยตรงเช่นนี้อีก
"สหายคุณรู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรออกมา"
"แน่นอนว่าฉันรู้ รบกวนคุณแล้ว"
ท่าทีสงบและรู้ความของหญิงสาวทำให้นายทหารตรงหน้าอดคิดไม่ได้ว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นสายลับที่ผู้พันหลี่กังส่งมาสืบความ แต่เพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นต้องเข้าไปรายงานผู้เป็นนายก่อน ทว่าเมื่อหลี่กังได้ยินรายงานกลับขมวดคิ้วหนา เดิมทีคิดไล่คนกลับ แต่เมื่อตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายรู้สถานะของตนก็ไม่อาจปล่อยคนไปได้ เรียกให้เข้ามาพบตนเองในทันที
"ฉันจะไม่อ้อมค้อม เธอรู้สถานะของฉันได้อย่างไร"
"เรื่องที่ฉันรู้ได้อย่างไรนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือฉันมีเบาะแสของพวกค้ามนุษย์"
แม้ว่าไห่เยี่ยนจะไม่ใช่แก๊งค้ามนุษย์รายใหญ่ที่หลี่กังกำลังตามหา แต่ก็เป็นแก๊งค้ามนุษย์เช่นกัน นี่จึงไม่นับว่าเธอหลอกลวงเขา
"เธอมีเบาะแสอะไร"
"วันนี้มีคนมาที่บ้านฉันติดต่อขอซื้อลูกชายและลูกสาวของฉันที่ราคา ห้าร้อยและสามร้อยหยวน ฉันยังได้ยินมาว่านอกจากบ้านฉันยังมีอีกหลายบ้านที่ถูกติดต่อซื้อลูกหลานเล็กๆ"
ซูหย่าฉินจงใจเน้นคำว่า หลายบ้านที่ถูกติดต่อซื้อ เป็นพิเศษ แม้ว่าปกติแล้วการขายลูก ขายหลานจะเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคนี้ แต่การซื้อทีละหลายคนเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องปกติ และก็คล้ายว่าผู้พันหลี่กังจะรับทราบเจตนาของเธอ จึงเอ่ยถามรายละเอียดต่อ
"เช่นนั้นฉันจะให้คนของฉันแฝงตัวสังเกตการณ์ในหมู่บ้าน อีกสามวันจะะร่วมจับกุมคนร้าย"
ผู้พันหลี่กังบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซูหย่าฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก หากไม่สามารถจัดการไห่เยียนแบบตัดรากถอนโคนเธอก็คงไม่สามารถวางใจ ดังนั้นครั้งนี้แม้จะเสี่ยงแต่เธอก็ต้องลองดู หวังเพียงว่าเด็กทั้งสองจะเข้าใจเจตนาของเธอ
..............................................
"แม่ หยาหยากลัวแล้ว แม่ปล่อยหยาหยากับพี่ชายเถิด ต่อไปพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง"เซียวอี้หยาร้องไห้ น้ำตาอาบแก้มราวกับหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในตอนนี้จริงๆ หากแต่เมื่อสบตากลมใสของเด็กสาวกลับพบว่าไร้ความกังวล อีกทั้งยังลอบยิ้มเล็กๆ ให้มารดาและพี่ชาย เพื่อบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงของเธอ ทำเอาพี่ชายอย่างเซียวอี้เหยาถึงกับถอนหายใจยาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขารู้จักการเสแสร้งเช่นนี้"เงียบเดี๋ยวนี้ หากทำให้ฉันโมโห ฉันจะตีแกให้ขาหักเลย"ซูหย่าฉินแสร้งตวาดดุ เซียวอี้หยาก็ตอบรับบทด้วยการเม้มริมฝีปาก ไหล่สะท้านราวกับกำลังกั้นก้อนสะอื้น หวาดกลัวสุดหัวใจ ไห่เยี่ยนเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจ ส่งสายตาให้คนที่แอบดูอยู่ออกมารับคน"นายท่าน นี่คือเด็กสองคนที่ฉันบอกว่าจะเอามาขายให้คุณ"ซูหย่าฉินมองกลุ่มค
หลังจากนำผักป่าและไข่ไปส่งให้จางเสวี่ยนอิง เซียวอี้เหยาก็กลับมาที่บ้าน เขาตรงไปที่เล้าไก่เพื่อนำแม่ไก่ทั้งสองตัวออกไปหาอาหาร ทว่าเมื่อไปถึงเล้าไก่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กหนาขมวดเข้าหากันแน่น นี่แสดงว่าแม่ไก่ที่หายไปเมื่อคืนก่อนยังไม่กลับมา เช่นนั้นไข่ไก่ที่แม่ใช้ทำอาหารให้พวกเขากินมาจากที่ใดกัน เด็กชายคิดด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงเงินที่คนเป็นพ่อจะส่งมาให้ทุกเดือนในใจของเขาก็คลายความสงสัยลง บางทีมารดาอาจจะซื้อไข่ไก่กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปให้กับความสงสัยของตนเองแล้ว เด็กชายก็เดินไปหยิบถังน้ำเมื่อวานเขาไม่ได้ไปตักน้ำ หากมารดาเกิดต้องการใช้น้ำแล้วพบเพียงถังน้ำที่ว่างเปล่าต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันเดินออกจากประตูรั้วบ้านเสียงของน้องสาวก็ดังขึ้น"พี่ชายจะไปไหนหรือ""หยาหยา เธอไปเล่นในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ชายตักน้ำเสร็จค่อยพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก"
ซูหย่าฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง มองดูเด็กสองคนที่นอนอยู่บนผ้านวมผืนหนา แล้วย่อตัวลงหยิบผ้ามาห่มให้พวกเขาอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอต้องการหาทางกลับโลกเดิมของตน เมื่อไม่สามารถกลับไปได้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องตกตายอย่างทรมานเพราะแรงแค้นของเซียวอี้เหยา ดังนั้นเพื่อหยุดเส้นเรื่องเหล่านี้สิ่งที่เธอต้องจัดการเป็นอันดับแรกก็คือเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสองเซียวอี้เหยาฟังเสียงฝีเท้าของมารดาที่เดินห่างออกไป ก็ลืมตาขึ้นมองดูผ้าห่มบนตัว ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัส หากทั้งหมดที่มารดาของเขากำลังกระทำในตอนนี้เป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยินดีเสแสร้งแกล้งทำไปทั้งชีวิตจวบจนเช้าวันใหม่มาเยือนซูหย่าฉินที่ตื่นก่อนเด็กๆ ก็รีบเดินไปในห้องครัวเพื่อเข้าไปในระบบเพาะปลูก ดวงตากลมเบิกกว้าง มองดูลูกไก่สี่ตัวที่ฟักออกมาจากไข่แล้วยิ้มกว้าง ตอนนี้ในระบบมีแม่ไก่ที่พร้อมออกไข่สามตัว ลูกไก่ที่กำล
หลังจากบอกชัดเจนถึงเจตนาของตนเองแล้ว ซูหย่าฉินก็จับเด็กทั้งสองคนให้นั่งเผชิญหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ครั้งนี้ที่แม่ตกลงกับคนบ้านไห่ว่าจะขายลูกๆ ก็เพราะต้องการจัดการพวกค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมด ลูกๆ ยินดีช่วยแม่ไหม""หยาหยา ยินดีค่ะ"เด็กสาวเอ่ยบอก ขณะที่เด็กชายมีท่าทีลังเลอีกครั้ง"แม่ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ""แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย"แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะเข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงหวาดระแวง หลายปีมานี้มารดาของเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับหนึ่ง และรังเกียจการมีอยู่ของพวกเขาสองคนเสมอ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เธอเปลี่ยนไปจึงยากจะเชื่อใจ"หยาหยาขี้กลัว เช่นนั้นให้ผมไปคนเดียวได้ไหม"ซูหย่าฉินย่อมมองความคิดของเด็กชายออก เดิมทีที่แจ้งกับไห่
"พี่ชาย มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมพี่ถึงไม่ให้หยาหยากินข้าวกับแม่"เซียวอี้เหยาไม่ตอบคำถามของน้องสาว แต่นำอาหารสองจานบนโต๊ะไปเททิ้งในทันที มือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทา ความกลัวเข้ากอบกุมในจิตใจจนไม่อาจต้านทานทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวสั่นโยง"ในเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วจะเสียใจทำไม"น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงความเจ็บปวด ผิดหวังที่ชัดเจนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า เซียวอี้เหยากลืนก้อนสะอื้นลงท้อง แล้วเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นสบตาที่แดงก่ำของมารดาผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งร้องไห้มาหรือ"อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรบอกเหตุผลสักหน่อยไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้"เซียวอี้เหยาขบกรามกำหมัดแน่น ก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่า ก้มหน้า"แม่... ขายผมแค่คนเดียวได้ไหม"ขาย คำพูดที่หนักแน่นมั่นคงของเซียวอี้เหยาทำให้ซูหย่าฉินขมวดคิ้วแน่น"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะขายพวกเธอ"เซียวอี้เหยาเม้มริมฝีปากเล็ก หากเขาบอกว่าบังเอิญได้ยินมารดาสนทนากับไห่เยี่ยนเธอจะโกรธจนเร่งขายเขากับน้องสาวออกไปหรือไ
ซูหย่าฉินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสองที่ควรนอนพักอย่างที่เธอสั่งความเอาไว้ก่อนขึ้นเขาไป ตอนนี้กลับกำลังช่วยกันทำงานบ้าน เซียวอี้หยากำลังซักผ้า ในขณะที่เซียวอี้เหยากำลังกำขวานฝ่าฟืนจนฝ่ามือแตกเป็นแผล ซูหย่าฉินมองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาเอ่อคลอ ได้แต่คิดอย่างสงสัยว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้เป็นพวกเกิดมามีแต่ตัวไม่มีความคิดหรืออย่างไร ทั้งมีลูกที่น่ารัก ทั้งมีญาติที่เอื้อเฟื้อ เหตุใดยังไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดีๆ ร้องหาแต่สามีเฮงซวย ไร้ความรับผิดชอบผู้นั้นอยู่ได้!!"หยาหยา เหยาเหยา""แม่กลับมาแล้ว"เป็นเซียวอี้หยาที่ร้องเรียกแล้ววางผ้าในมือ ก่อนจะวิ่งมาหามารดาเป็นคนแรก ซูหย่าฉินย่อตัวลงนั่งให้ระดับสายตาอยู่ในแนวเดียวกับเด็กหญิง ปลดตะกร้าบนบ่าออกวางแล้วอ้าแขนโอบคนตัวเล็กเข้าแนบอก เซียวอี้หยายิ้มกว้างซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดาด้วยความสุขอ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดเลยเซียวอี้เหยามองภาพตรงหน้าแล้ว







