แชร์

บทที่ 6 คารวะฮูหยินผู้เฒ่า

ผู้เขียน: หย่งเอ๋อร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-06 18:21:18

เมื่อคืนสวีอี้ฝานนอนหลับสนิทตลอดคืนคงเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการถูกเคี่ยวกรำที่งานแต่งงานเมื่อวาน อีกทั้งยังรู้สึกวางใจที่เห็นเปาอี้ส่วงโดนฤทธิ์ยานอนหลับของนางจึงมั่นใจว่าเขาคงไม่ตื่นขึ้นมาทำมิดีมิร้ายนางได้แน่

"ฮูหยินเจ้าขา ตื่นเถิดเจ้าค่ะ" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเบาๆที่ข้างหู ปลุกให้คนที่นอนหลับใหลค่อยๆรู้สึกตัวตื่น

"หลิงหลิง เหตุใดถึงมาปลุกข้าแต่เช้าเช่นนี้เล่า ข้าขอนอนต่ออีกหน่อยเถิดนะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ดวงตากวางยังคงปิดสนิทเช่นเดิม หญิงสาวพลิกกายหันหลังให้หลิงหลิงด้วยความรำคาญ ไม่ว่านางจะตื่นเวลาไหน ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไม่ตำหนินางหรอก

"นอนต่อไม่ได้นะเจ้าคะฮูหยิน วันนี้ต้องไปเคารพฮูหยินผู้เฒ่าท่านย่าของท่านแม่ทัพเปาอี้ส่วงนะเจ้าคะ" หลิงหลิงที่ติดตามมารับใช้สวีอี้ฝานที่จวนสกุลเปากล่าวเตือนสติ ซึ่งมันก็ได้ผลเพราะทำให้คนที่นอนอยู่ถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่ายามนี้นางไม่ได้อยู่ที่จวนสกุลสวีอีกต่อไปแล้ว

"แย่แล้ว! หลิงหลิงไยเจ้าไม่ปลุกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า"

"หามิได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพสั่งว่าห้ามรบกวนเวลานอนของฮูหยิน" หลิงหลิงก้มหน้าลงต่ำเอ่ยเสียงเบา หน้าเสียเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามแกมตำหนิของเจ้านาย

สวีอี้ฝานอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของหลิงหลิง ความทรงจำของเมื่อคืนหวนกลับคืนมา นางวางยานอนหลับเขา แต่เขากลับตื่นนอนก่อนนางเสียอย่างนั้น

"เอาเถิดๆ ตอนนี้ท่านแม่ทัพอยู่ไหนเสียเล่า"

"ท่านแม่ทัพรออยู่หน้าห้องเจ้าค่ะ"

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย รีบตวัดผ้าห่มออกอย่างรวดเร็ว ขาเรียวก้าวยาวๆเข้าไปในห้องอาบน้ำ จนกระทั่งหลิงหลิงช่วยปรนนิบัตินางแต่งตัวเสร็จถึงเดินออกมา

เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา เปาอี้ส่วงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังตึกตักอยู่ทางด้านหลัง มุมปากหนากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายหันกลับมาหา

"ท่านพี่ ข้าขออภัย วันนี้ข้าตื่นสายเจ้าค่ะ" หญิงสาวกล่าวเสียงเบา ใบหน้างามบ่งบอกถึงความเครียดขึง ไม่กล้าสบตากับเขาเพราะความละอายใจ ถึงแม้ว่านางไม่ได้ตั้งใจตื่นสายเสียหน่อย แต่เป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยมากจริงๆ กว่าจะวางใจว่าเปาอี้ส่วงหลับสนิทไปแล้วก็เป็นเวลาเกือบสองชั่วยามนางถึงหลับลง

"อยู่ที่จวนสกุลสวีเจ้าคงนอนตื่นสายเช่นนี้เป็นประจำสินะ" เปาอี้ส่วงแค่นเสียงเหอะออกมาเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะหยัน

"เอ่อ... ข้ายอมรับเจ้าค่ะว่าข้าตื่นสาย แต่วันหลังข้าจะไม่..." กล่าวยังไม่ทันจบประโยค สวีอี้ฝานก็ต้องเงียบเสียงลง เมื่อเห็นมือหนายกขึ้นส่งสัญญาณให้นางหยุดพูด

"ข้าไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว กิตติศัพท์ของเจ้าข้าเองก็ได้ยินมาไม่น้อย เจ้าจะเป็นอย่างไรข้าไม่สนใจหรอก แต่ท่านย่าของข้าคงไม่พอใจมากแน่ๆ"

"ข้าจะยอมรับผิดกับท่านย่าเองเจ้าค่ะ" นางรู้ตัวว่าครั้งนี้นางเป็นคนผิด นางจะยอมรับผิดแต่โดยดี

คนตัวโตได้ยินเช่นนั้นจึงขานรับดังอืม ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยท่าทางมั่นคง ไม่สนใจคนตัวเล็กที่กำลังยืนทำหน้าเศร้าอีกต่อไป

"ท่านพ่อบ้าน เจ้านายของท่านเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้านำทางเลยหรือ" สวีอี้ฝานมองคนที่เดินจากไปอย่างอึ้งๆ พร้อมหันมากระซิบถามพ่อบ้านประจำตระกูลที่ยืนสงบเสงี่ยมอย่างเรียบร้อยอยู่อีกมุมหนึ่ง ทางด้านพ่อบ้านหลิวได้ยินเช่นนั้นจึงคลี่ยิ้มผงกศีรษะตอบนางเบาๆ

"ขอรับฮูหยิน ท่านแม่ทัพสามารถทำทุกอย่างได้เองโดยที่ไม่ต้องมีผู้ติดตาม แม้กระทั่งการขี่ม้าท่านแม่ทัพก็สามารถทำได้ขอรับ"

สวีอี้ฝานร้องอ้อออกมาเบาๆ รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ถึงแม้จะสงสัย นางก็ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนัก เหตุเพราะต้องรีบไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่า คิดพร้อมรีบสาวเท้าวิ่งตามคนร่างสูงไปอย่างรวดเร็ว

จวนสกุลเปาใหญ่โตโออ่าไม่น้อย ภายในพื้นที่แบ่งเป็นเรือนเล็กกับเรือนใหญ่ หอนอนของฮูหยินผู้เฒ่าจะอยู่ที่เรือนเล็กทางด้านทิศตะวันออกติดกับสระบัว หลังจากที่เปาอี้เหวยบุตรชายของนางซึ่งเป็นบิดาของเปาอี้ส่วงจากไป นางจึงได้ขอย้ายออกมาอยู่ที่เรือนเล็ก

ยามนี้เปาอี้ส่วงและสวีอี้ฝานนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นภายในเรือนเล็ก ชายหนุ่มนั่งนิ่งไม่ไหวติงทว่าสายตากลับแอบเหลือบมองคนข้างกายที่กำลังส่งสายตามองไปรอบๆอย่างสำรวจ ยามที่นางหันกลับมาทางเขา เปาอี้ส่วงก็รีบเบนหน้าหนีนางไป เพราะเกรงว่าสวีอี้ฝานจะจับได้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตาบอด

ทางด้านสวีอี้ฝานหาได้สนใจคนตัวโต นางเอาแต่ครุ่นคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงจะเป็นคนเจ้าระเบียบและหัวสูงมิใช่น้อย ดูจากสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่วางอยู่ล้วนปราณีตและมีราคาแพง บริเวณโดยรอบสะอาดสะอ้านแม้กระทั่งเก้าอี้ไม้ที่ถูกขัดจนขึ้นเงาวับ

"เชิญท่านแม่ทัพกับฮูหยินเจ้าค่ะ" รอเพียงไม่นานบ่าวรับใช้ก็เดินออกมาเชื้อเชิญให้คู่สามีภรรยาเข้าไปพบฮูหยินผู้เฒ่าที่หอนอน

สวีอี้ฝานรับผ้าปักลายหงส์มาจากหลิงหลิงเดินตามหลังสามีไปยังหอนอนของฮูหยินผู้เฒ่า ตามกฏธรรมเนียมของแคว้นฮั่น วันแรกหลังจากงานสมรส ฝ่ายเจ้าสาวต้องนำของกำนัลมาให้ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายเจ้าบ่าว

ภายในหอนอนของฮูหยินผู้เฒ่าถูกตกแต่งอย่างวิจิตรหรูหรา นางนั่งอยู่บนตั่งนอนซึ่งล้อมด้านหนึ่งด้วยฉากเล็กๆที่ทำจากไม้ประดู่ ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นสตรีวัยหกสิบเศษ รูปร่างผอมบาง สวมอาภรณ์หรูหรา ประดับหยกมุกบนศีรษะ สวีอี้ฝานคิดว่าในวัยสาวคงจะเป็นสตรีที่งามสะคราญผู้หนึ่ง

สวีอี้ฝานตั้งใจจะผูกมิตรกับญาติผู้ใหญ่หนึ่งเดียวของเปาอี้ส่วงผู้นี้ เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าปรายตามาทางที่ตนยืนอยู่ นางจึงส่งยิ้มหวานให้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาที่ปราดมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

"ย่านึกว่าหนุ่มสาวสมัยนี้จะไม่เคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติเสียแล้ว" นางกล่าวเสียงเรียบพร้อมแค่นเสียงเหอะออกมาเล็กน้อย วาจานั้นทำให้สวีอี้ฝานรับรู้ได้ทันทีว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังกระทบกระเทียบเรื่องที่นางตื่นสาย

"ท่านย่าเจ้าคะ ข้าขออภัยที่วันนี้มาคารวะท่านย่าสาย นั่นเป็นเพราะว่า..."

"เป็นเพราะว่าเมื่อคืนหลานไม่ยอมปล่อยให้ฝานเอ๋อร์ได้พักผ่อนเองขอรับ" มือหนาโอบไปที่ไหล่บอบบางของนางพร้อมดึงเข้าหาตัว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุขราวกับว่าเมื่อคืนทั้งเขาและนางได้ผ่านคืนวันอันหวานชื่นมาด้วยกันจริงๆ

คำตอบของเปาอี้ส่วงทำให้ทุกคนหันมองมายังเขาเป็นตาเดียว ฮูหยินผู้เฒ่าปรายตามองหลานชายสลับกับสวีอี้ฝานด้วยความไม่พอใจเท่าใดนัก เดิมทีนางตั้งใจจะกล่าวคำตำหนิสวีอี้ฝาน แต่ในเมื่อเปาอี้ส่วงออกหน้ารับแทนเช่นนี้ นางจะทำอย่างไรได้

"ท่านพี่เหตุใดถึงพูดเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ" สวีอี้ฝานกระซิบถามคนข้างกายด้วยความไม่เข้าใจ จู่ๆเขาจะออกหน้ายอมรับผิดแทนนางทำไมกัน

"ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ" เปาอี้ส่วงกระซิบถามต่อ

"ก็เมื่อคืนเราไม่ได้... เอ่อ ไม่ได้อุ่นเตียงกันจริงๆเสียหน่อย"

"ใช่ เมื่อคืนเราไม่ได้ทำ แต่ข้าพูดเผื่อถึงวันนี้ต่างหาก"

สองแก้มขาวเปล่งสีแดงระเรื่อ หัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมานอกอก ท่านแม่ทัพเปาอี้ส่วงหมายความว่าวันนี้เขาจะทำเช่นนั้นกับนางหรือ

โอย... จะบ้าตาย เหตุใดเขาคิดถึงแต่เรื่องใต้สะดือกันนะ!

เปาอี้ส่วงไม่ตอบอะไร แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าซีดเผือดของคนข้างกาย เขาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆในลำคอ ยิ่งเห็นนางกลัว เขาก็ยิ่งอยากแกล้ง

จางเข่อซินเห็นสองสามีภรรยาพูดคุยกันกระหนุงกระหนิงก็บังเกิดความไม่พอใจ สวีอี้ฝานไม่ใช่หลานสะใภ้ที่นางต้องการ คนที่นางต้องการจะให้หลานชายแต่งงานด้วยก็คือหยวนเสี่ยวหงต่างหาก นางหมายตาบุตรสาวสกุลหยวนผู้นั้นมานานแล้ว เหตุเพราะเปาอี้เหวยและหยวนตวนฮ่าวบิดาของหยวนเสี่ยวหงเป็นสหายรักกันมานาน ทำให้สองตระกูลสนิทสนมกันมาก อีกทั้งหยวนเสี่ยวหงก็เป็นสตรีที่เปี่ยมไปด้วยรูปทรัพย์ จิตใจดี มีเมตตาหาที่ติไม่ได้ แตกต่างจากสวีอี้ฝานที่มีดีแค่หน้าตากับฐานะ แต่นิสัยแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

บุตรสาวสกุลสวีเทียบกับหยวนเสี่ยวหงไม่ได้แม้กระทั่งเศษฝุ่น

"อะแฮ่ม" มือบางยกมือขึ้นปิดปากส่งเสียงกระแอมเบาๆ ขัดจังหวะสองหนุ่มสาว

"เข้าไปคารวะท่านย่าเถิด" เปาอี้ส่วงกระซิบบอกคนข้างกาย สวีอี้ฝานจึงขยับเข้าไปใกล้โขกศีรษะคำนับฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนตั่ง หลังจากนั้นจึงประคองผ้าปักชูขึ้นเหนือศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่าตามธรรมเนียม

จางเข่อซินนั่งนิ่งหลังตรง ไม่แม้แต่จะปรายตามองมายังหลานสะใภ้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เปาอี้ส่วงเห็นเช่นนั้นจึงหยิบงานปักชิ้นนั้นไปวางอยู่ตรงหน้าตักของฮูหยินผู้เฒ่าแทน

"ท่านย่า หากไม่มีเรื่องใดแล้ว พวกข้าสองคนต้องขอตัวก่อน" เปาอี้ส่วงประคองสวีอี้ฝานขึ้นพร้อมเดินออกไปจากห้องโดยมีสายตาของฮูหยินผู้เฒ่ามองตามไปด้วยความไม่พอใจนัก

ดูท่าว่าหลานชายสุดที่รักของนางจะหลงใหลในตัวบุตรสาวสกุลสวีเป็นอย่างมาก หญิงสาวผู้นั้นก็ช่างปะไรทำหน้าตาน่าสงสารออดอ้อนออเซาะเขา เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ยิ่งนัก! เห็นทีเรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้เสียแล้ว หาไม่ความหวังที่จะได้หยวนเสี่ยวหงมาเป็นหลานสะใภ้คงต้องจบลงตรงนี้เป็นแน่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 2 ยั่วสามี

    หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมากเจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้างแม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้ ฮูห

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   ตอนพิเศษ 1 อยากกินของเปรี้ยว

    ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ"ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปากทว่ากินไปได้ไม่ก

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทส่งท้าย

    ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 34 จะกินเต้าหู้หรือกินข้า​

    "ฝานฝานไม่ต้องกินเต้าหู้ก็ได้ เปลี่ยนมากินข้าแทนเถิด" เขาจัดการพลิกคนร่างบางให้นอนหงาย ก้มหน้าลงหมายจะจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่าสวีอี้ฝานกลับอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงมาใกล้ นางก็ใช้มือดันใบหน้าของเขาออกห่าง จากนั้นจึงตวัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมหยิบหมอนใบใหญ่มากระหน่ำฟาดไปยังคนใต้ร่าง"ข้ากำลังโกรธท่านอยู่มิใช่หรือ ไยถึงได้ยังกล้าทำตัวลามกอีกเล่า""โอ๊ยๆ ฝานฝานให้อภัยข้าเถิด ข้าไม่ได้ตั้งใจแต่ข้าสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ" มือหนายกมือขึ้นปัดป้อง สวีอี้ฝานจัดการเขาด้วยหมอนใบใหญ่จนเหนื่อยหอบ นางจึงหยุดพักนั่งหอบหายใจสะท้านโดยที่ยังนั่งคร่อมคนตัวโตอยู่"อึ่ก!" สวีอี้ฝานรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันออกมาผ่านเนื้อผ้าและตอนนี้มันกำลังทิ่มแทงไปที่กลางกายของนาง"ฝานฝาน ข้า..." เปาอี้ส่วงขานเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงเบา ดวงตาจับจ้องไปยังแก่นกลางกายที่นางกำลังนั่งทับอยู่สวีอี้ฝานก้มลงมองตามสายตาของเขาจึงได้เห็นแท่งหยกอันใหญ่ตั้งแข็งชี้โด่ขึ้น"ว้าย!" หญิงสาวอุทานร้องลั่นรีบปีนลงจากตัวเขาวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะกลมเปาอี้ส่วงหยัดกายลุกขึ้นตาม เขาเดินตามเข้ามาใกล้

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 33 แกล้งสามี

    ข่าวเรื่องจอมโจรชุดดำแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง สีหน้าของบรรดาเหล่าชาวเมืองต่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาต่างพากันเปล่งวาจาชื่นชมแม่ทัพเปาอี้ส่วงอย่างไม่ขาดปาก จอมโจรชุดดำเปรียบเสมือนหนามยอกตำใจของชาวเมืองแคว้นฮั่นมาหลายปี พวกเขาต้องคอยอยู่อย่างหวาดผวาเพราะกลัวจอมโจรชุดดำออกอาละวาด ทว่ายามนี้ไม่ต้องคอยอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจอมโจรชุดดำถูกจับตัวได้แล้ว อีกทั้งแหล่งกบดานของพวกมันยังถูกแม่ทัพเปาอี้ส่วงทำลายจนไม่เหลือซากฉีกังหรืออดีตท่านอาจารย์ฉีคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าจอมโจรชุดดำนี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใครต่างพากันตกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าคนที่สุภาพเปี่ยมไปด้วยความรู้และคุณธรรมอย่างท่านอาจารย์ฉีจะกลายเป็นคนร้ายตัวจริงไปเสียได้ ทว่าคนผิดก็ต้องได้รับโทษ หลักฐานที่มีมัดตัวฉีกังจนดิ้นไม่หลุด ยามนี้เขาถูกคุมขังไว้ที่คุกมืดเพื่อรอการตัดสินโทษต่อไปหวางฮ่องเต้พระราชทานรางวัลมากมายให้เปาอี้ส่วง ทว่าเขาไม่ขอรับความดีความชอบนี้ไว้เพียงผู้เดียว เพราะสวีชางหมิงก็มีส่วนช่วยให้เขาปราบจอมโจรชุดดำได้สำเร็จเช่นกันวันนี้ที่จวนสกุลสวีจึงมีรถม้าคันใหญ่หลายคันทยอยเข้าออก เบื้องหน้า

  • เมื่อตัวประกอบเช่นข้าเปลี่ยนมารับบทนางรองผู้จืดจาง   บทที่ 32 ช่วยสามี

    เช้ามืดเปาอี้ส่วงได้เคลื่อนกำลังพลไปยังป่ามืดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวง เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามก็ไปถึงแหล่งกบดานของพวกจอมโจรชุดดำ เปาอี้ส่วงสั่งให้กองกำลังซุ่มอยู่บริเวณแนวเขารอบๆ ก่อนจะจัดการยิงธนูไฟไปที่กระโจมของพวกมันจนไฟติดพรึ่บฟ้ายังไม่ทันสางดีก็บังเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่โหมกระหน่ำไปทั่วกระโจมของพวกมัน เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น บรรดาจอมโจรชุดดำต่างวิ่งวุ่นพากันช่วยดับไฟ เปาอี้ส่วงอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งสัญญาณให้กองทัพเคลื่อนลงไปโจมตีพวกมันในขณะที่กองทัพของแม่ทัพเปาอี้ส่วงกำลังเป็นต่อกลับมีกองกำลังของคนอีกกลุ่มหนึ่งปรี่เข้ามาห้อมล้อมคนของเปาอี้ส่วงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง เปาอี้ส่วงจำได้ว่าหัวหน้ากองกำลังผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ผู้ติดตามของท่านอาจารย์ฉีกัง"คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ แท้ที่จริงแล้วท่านอาจารย์ฉีก็เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรชุดดำจริงๆ""รู้แล้วท่านแม่ทัพจะทำอย่างไรได้ ป่านนี้ท่านอาจารย์ฉีคงพาพวกบรรดาเหล่าคุณชายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" ซุนเชากล่าวอย่างยิ้มเยาะในทุกๆปีท่านอาจารย์ฉีกังจะทำการคัดเลือกบรรดาคุณชายสกุลต่างๆไปที่วัดบนภูเขาอันเป็นแหล่งกบดานชั้นดีอีกที่หนึ่ง โดยนำวิชา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status