LOGIN
เมื่อตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดเข้ามาเยือน เป็นเวลาที่เปาอี้ส่วงเดินกลับมาที่ห้องหอ ก่อนจากมาเขาได้กำชับเสียงหนักแน่น ไม่ให้มีการก่อกวนห้องหอ เขาไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น กว่าจะผ่านพ้นพิธีการต่างๆมาได้ก็เหนื่อยล้าเต็มทีแล้ว
แอ๊ด!
เสียงบานประตูถูกผลักให้เปิดออก ขายาวก้าวเดินเข้าไปข้างใน ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด แสงจากตะเกียงที่ส่องให้ความสว่างไสวทำให้มองเห็นร่างบางที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้าง
ลมหายใจของนางผ่อนเข้าออกบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท เปาอี้ส่วงคิดว่าวันนี้เจ้าสาวของเขาคงจะเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย ชายหนุ่มสาวเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียง ชะโงกหน้าไปมองคนที่นอนหลับอย่างสบายอารมณ์อย่างพินิจพิเคราะห์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองนางในระยะประชิดเต็มสองตา ทำให้เขาได้รู้ว่าเจ้าสาวของเขางดงามสมคำร่ำลือจริงๆ
ทว่า งดงามแล้วอย่างไรเล่า... กิตติศัพท์ของสวีอี้ฝาน ใครๆต่างก็รู้ดีว่านางมีดีแค่เป็นสตรีหน้าตางดงาม เกิดในชาติตระกูลสูงส่งก็เท่านั้น
"หญิงงามไร้ประโยชน์" กล่าวอย่างเย้ยหยัน หารู้ไม่ว่าวาจาของตนนั้นทำให้ใครบางคนที่นอนหลับอยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความกรุ่นโกรธ
ไร้ประโยชน์งั้นหรือ ได้! หากเขาคิดว่านางเป็นคนเช่นนั้น นางก็จะเป็นให้จริงๆ
"ฮ้าวววว" หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้น แสร้งยกมือขึ้นปิดปากหาวเสียงดัง เปาอี้ส่วงจึงรีบผละจากคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว เขาแกล้งยืนนิ่ง ดวงตาทอดมองไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย
"อ้าว สามี อุ๊ย ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเจ้าคะ" หญิงสาวแสร้งทำท่าตกใจ พลางเบะปากใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะดึงผ้าคลุมหน้าให้ปิดลงเช่นเดิม
เปาอี้ส่วงไม่ตอบคำถาม แต่กลับย่างเท้าเดินเข้ามาใกล้ มือหนาจับชายผ้าคลุมหน้าพร้อมตวัดเปิดออกอย่างแม่นยำ ทว่าสายตาของเขาไม่ได้จับจ้องมองนางแต่อย่างใด ก่อนจะหมุนกายหันหลัง ยื่นมือไปข้างหน้าทำท่าควานหาโต๊ะกลมที่วางสุรามงคลเอาไว้
"รีบดื่มสุรามงคลกันเถิด จะได้ทำให้พิธีเข้าหอไร้สาระนี่จบสิ้นไปเสียที"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ทว่าคำพูดของเขานั้นทำให้คนที่ได้ยินถึงกับทำตาโต ดวงหน้างามซีดเผือดลงไปทันที ท่านแม่ทัพเปาหมายความว่าจะร่วมเตียงกับนางในค่ำคืนนี้เลยหรือ
บ้าไปแล้ว! นางยังไม่พร้อมเสียหน่อย...
สวีอี้ฝานคิดในใจ นิ่งไปชั่วครู่พยายามขบคิดหาหนทางรอด
"เงียบไปไย ไม่พอใจงั้นหรือ" ชายหนุ่มแอบชำเลืองมาไปยังนาง เห็นใบหน้างามซีดเผือดเขาจึงลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ
"ท่านพี่เข้ามาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ" หญิงสาวปรี่เข้าไปหา พาคนตัวโตไปนั่งบนเก้าอี้ใช้มือบีบนวดไปที่ไหล่หนาอย่างเอาใจ
"ทำอะไรของเจ้า" ถามด้วยความไม่พอใจ พลางปัดมือเล็กออกด้วยความรำคาญ
"ข้าก็บีบนวดให้ท่านพี่คลายเหนื่อยอย่างไรล่ะเจ้าคะ"
"ไม่ต้อง ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเอาอกเอาใจข้า แต่ข้าต้องการเข้าหอกับเจ้า"
สองแก้มขาวเปล่งสีแดงระเรื่อราวกับผลมะเขือเทศสุกหลังจากได้ยินวาจาห่ามๆของเขา ตั้งแต่เกิดมาจนถึงยามนี้ ไม่เคยมีครั้งใดที่โดนบุรุษเกี้ยวมาก่อน
สวีอี้ฝานกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้การแล้ว เห็นทีคืนนี้ต้องใช้ไม้ตาย หญิงสาวล้วงมือเข้าไปภายใต้แขนเสื้อตัวยาวหยิบห่อยาขึ้นมา ก่อนจะเทผงสีขาวลงไปในป้านสุรามงคล
คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอด สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นางไม่อยากเข้าหอกับเขาจนถึงกับต้องวางยากันเชียวหรือ
"ท่านพี่เจ้าขา มาเถิดเจ้าค่ะ มาดื่มสุรามงคลด้วยกัน" สวีอี้ฝานยกจอกสุราใส่มือให้เขา พลางสอดแขนของนางเข้าหาแขนของเขา เปาอี้ส่วงชำเลืองมองจอกสุราในมือเล็กน้อย
'เอาเถิด เขาจะทำให้นางตายใจก่อนก็แล้วกัน'
สวีอี้ฝานยกยิ้มด้วยความพึงพอใจมองคนข้างกายที่ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดแก้วด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรีบเทสุราในจอกของตนทิ้งไป ทำทีเป็นว่านางดื่มสุราหมดแล้วเช่นกัน
ได้สามีเป็นแม่ทัพตาบอดก็มีข้อดีเช่นกัน นางไม่ต้องวางแผนมากมายให้ปวดหัว เพราะไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็ไม่มีวันรับรู้สิ่งที่นางทำ เหตุเพราะเขามองไม่เห็นอย่างไรเล่า สวีอี้ฝานคิดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
ร่างบางหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้ามของคนตัวโต รอคอยเวลาที่ยานอนหลับออกฤทธิ์อย่างใจเย็น เวลาผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชา คนตรงหน้าก็แสดงอาการง่วงงุนออกมาให้เห็น ก่อนที่เปาอี้ส่วงจะล้มฟุบลงบนโต๊ะกลมเสียงดังตึง
"ท่านแม่ทัพ ท่านหลับแล้วหรือ" สวีอี้ฝานปรี่เข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างกาย ใช้นิ้วสะกิดหัวไหล่หนาเบาๆ ทว่าคนตัวโตกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคู่คมปิดสนิทเช่นเดิม เมื่อมั่นใจว่าเปาอี้ส่วงนอนหลับสนิทไปแล้ว หญิงสาวจึงใช้แขนของเขาคล้องไปที่ต้นคอของนางพาคนตัวโตไปนอนอยู่บนเตียงกว้างอย่างทุลักทุเล กว่าจะส่งเปาอี้ส่วงขึ้นเตียงได้สำเร็จก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไม่น้อย
"เฮ้อออ" สวีอี้ฝานล้มตัวลงนอนข้างกายเขา ทรวงอกหอบสะท้านขึ้นลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผ่านพ้นเงื้อมมือเขาไปได้หนึ่งวัน แต่วันต่อๆไปนางจะทำเช่นไรดี คงจะใช้มุขยานอนหลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวคิดด้วยความกลัดกลุ้มใจ นางต้องกระทำการให้แยบยลที่สุด หาไม่เช่นนั้นคงถูกเขาจับได้เป็นแน่
"ฝานฝานข้าหิวแล้วรีบไปกินข้าวกันเถิด" เขากล่าวเสียงสั่นก่อนรีบสาวเท้าเดินออกมาจากห้อง สวีอี้ฝานทำหน้ามุ่ยอย่างไม่เข้าใจนัก เขาไม่ต้องการนางแล้วหรือ ไยถึงทำท่าทางรังเกียจไม่อยากแตะต้องตัวนางเช่นนั้นเล่าทว่านางยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สวีอี้ฝานรีบก้าวยาวๆตามสามี จับมือหนาของเขาเอาไว้และเดินไปตรงระเบียงหน้าหอนอนที่มีโต๊ะกลมวางอยู่ บนโต๊ะถูกจุดด้วยเทียนเล่มเล็กให้ความสว่างไสวอย่างสลัวๆ ที่ตรงนี้บรรยากาศดีสามารถมองเห็นวิวของสวนอุทยานในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน"ท่านพี่นั่งก่อนเจ้าค่ะ" หญิงสาวผายมือให้เขาอย่างเชื้อเชิญ เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งลงแล้ว นางจึงเดินกรีดกรายไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขา"วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่า" เปาอี้ส่วงถามด้วยความสงสัย มองบรรยากาศรอบกายด้วยความสับสน วันนี้หาใช่วันเกิด หรือวันครบรอบแต่งงานของเขาและนาง เหตุใดนางถึงทำเหมือนว่าวันนี้มันเป็นวันพิเศษ"ถ้าไม่ใช่วันพิเศษข้าจะกินข้าวกับท่านพี่ด้วยบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้หรือเจ้าคะ" มือบางเท้าคางจดจ้องไปยังคนตัวโตตาแป๋ว ท่าทางน่ารักน่าชังจนทำให้คนมองใจสั่นสะท้าน"แน่นอนว่าย่อมได้ ฝานฝานก็รู้ว่าข้าตามใจเจ้าเสมอ" ชายหนุ่มเ
หลายเดือนต่อมาสวีอี้ฝานได้ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝดแก่เปาอี้ส่วง สร้างความปีติยินดีให้แก่คนสกุลเปาและคนสกุลสวีอย่างมาก เจ็ดวันหลังจากที่เจ้าก้อนแป้งคลอด สวีอี้ฝานก็ได้รับของขวัญที่ถูกส่งมาจากหวางจื่อชางอ๋อง นับตั้งแต่ที่เขาจากไปท่องยุทธภพ นางก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย เปาอี้ส่วงจัดการเปิดห่อของขวัญอย่างระมัดระวังพบว่ามันคือป้ายหยกสลักลวดลายมงคลหาใช่สิ่งของที่ใช้เกี้ยวสตรีอย่างที่เขานึกกลัวจึงค่อยโล่งใจไปบ้าง แม้ตัวของหวางจื่อชางอ๋องจะจากไป แต่เปาอี้ส่วงรู้ว่าอย่างไรเสียคนผู้นั้นไม่มีทางตัดใจจากสวีอี้ฝานได้โดยง่าย เขาจึงยังมีความหวาดระแวงเกรงว่าหวางจื่อชางอ๋องจะกลับมาแย่งชิงสวีอี้ฝานไปจากเขาอยู่ ยามนี้เจ้าเด็กแฝดทั้งสองคนอายุได้หนึ่งหนาวแล้ว เป็นเด็กอ้วนท้วนรูปร่างแข็งแรง พวกเขามีชื่อว่าเปาอี้เฉิงและเปาอี้หาน ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งได้เห็นพัฒนาการทางด้านหน้าตาทำให้ได้รู้ว่าเด็กๆทั้งสองคนถอดแบบจากคนเป็นพ่อแม่มาคนละครึ่ง ดูเป็นความแตกต่างที่สร้างสรรค์กันอย่างลงตัว คนที่ดูจะดีใจพอๆกับเปาอี้ส่วงที่เจ้าก้อนแป้งทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นดูจะไม่พ้นเป็นฮูหยินผู้เฒ่า นับตั้งแต่ตอนที่เด็กๆเกิดมาจนถึงตอนนี้
"ว้าย! ฝานฝานขึ้นไปทำอะไรบนนั้นรีบลงมาเถิด เดี๋ยวจะตกลงมานะ อันตรายจริงๆ!""ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านย่า แต่ก่อนข้าเคยขึ้นไปสูงกว่านี้ด้วยซ้ำ" หญิงสาวตอบอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทีตกใจของจางเข่อซินยามนี้ความสัมพันธ์ของคนสกุลสวีกับฮูหยินผู้เฒ่าดีขึ้นมาก นับว่าเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่ายามนี้สวีอี้ฝานกำลังตั้งครรภ์ นางรู้สึกดีใจจนร้องไห้ออกมา หากเจ้าก้อนแป้งเกิด นางก็จะกลายเป็นท่านทวด เมื่อนึกถึงเจ้าก้อนกลมที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของคนสกุลเปาส่วนหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจ นางมักจะสรรหาของกินอร่อยๆหรือยาบำรุงชั้นเลิศมาให้สวีอี้ฝานอยู่เสมอ ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะยินดียิ่งกว่าคนเป็นแม่อย่างนางเสียอีก"ตายแล้ว! หนิงเชา ข้าจะทำอย่างไรดี หากฝานฝานตกลงมาหลานข้าคงไม่รอดแน่ โอย" ร่างบางของจางเข่อซินถึงกับซวนเซทำท่าจะล้มลง ยิ่งได้เห็นตอนที่สวีอี้ฝานกระโดดขึ้นเกาะลำต้นไม้ใหญ่สลับต้นกันไปมา นางก็รู้สึกใจสั่นราวกับจะหลุดออกมานอกอก ห่วงทั้งเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในท้องและแม่ของเจ้าก้อนกลมที่ดูจะดื้อรั้นมากเหลือเกินทว่าเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวก็มีสายลมพัดวูบผ่าน
ยามนี้สวีอี้ฝานตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว หน้าท้องกลมนูนขยายใหญ่ออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ตอนที่ส่องกระจกทองเหลืองนางได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่นึกเลยว่าการตั้งครรภ์ช่างลำบากยากเข็ญยิ่งนัก นอกจากรูปร่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมากแล้ว เวลาจะเดิน นั่งหรือนอนก็ไม่รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อน ดีแต่ว่าเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น อาการแพ้ท้องที่มีค่อยๆทุเลาลงไปมากแล้ว จากเดิมที่มักจะคลื่นเหียนเวลาที่ได้กลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้นางกลับเจริญอาหารมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ เปาอี้ส่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้นางออกไปข้างนอกโดยที่ไม่มีเขาไปด้วย ทุกๆวันสวีอี้ฝานจึงได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ที่จวนสกุลเปาอย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ว่าหลี่อ้ายซีผู้เป็นมารดากับสวีหยางโปผู้เป็นบิดามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมนางอยู่บ่อยๆ "ฮูหยินเจ้าขา ผลไม้มาแล้วเจ้าค่ะ" หลิงหลิงเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ในมือถือถาดใส่อาหารเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลม สวีอี้ฝานที่นอนเล่นอยู่บนเตียงค่อยๆหยัดกายลุกขึ้น "หลิงหลิงเอามาให้ข้าที่เตียง" นางเอ่ย หลิงหลิงจึงรีบยกมาให้ตามคำบอก ร่างบางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง บนตักวางถาดใส่ผลไม้พลางหยิบมันเข้าปาก ทว่ากินไปได้
ระหว่างที่สวีอี้ฝานกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาด ประตูห้องที่ปิดสนิทลงในตอนแรกก็ถูกเปิดออก ร่างสูงของเปาอี้ส่วงก้าวเข้ามาร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดขาวของหิมะ"ทุกคนมาทำอะไรที่ห้องของข้าขอรับ" ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวเข้าไปหาภรรยา เมื่อได้เห็นหยาดน้ำตาของนาง หัวใจของเขาราวถูกบีบรัดอย่างรุนแรง"ฝานฝานเป็นอะไรไป ใครรังแกเจ้า" เขาถามพลางหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากับหนิงเชา"ข้าเปล่านะ" จางเข่อซินรีบส่ายศีรษะไปมา ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับหนิงเชาเดินออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสวีอี้ฝานปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวกๆ มองสามีอย่างงอนๆ เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพลางส่งสายตามองสำรวจทั่วตัว"ท่านพี่ท่องยุทธภพกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ""ท่องยุทธภพอะไรกัน" คิ้วกระบี่ขมวดเข้าหากัน เปาอี้ส่วงถามด้วยความไม่เข้าใจ"ท่านพี่หนีข้ามาจากจวนสกุลสวีเพราะจะออกไปท่องยุทธภพมิใช่หรือเจ้าคะ""ใครบอกเจ้ากัน""หมิงหมิงบอกเจ้าค่ะ"เปาอี้ส่วงได้ยินเช่นนั้น เขาเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความขบขัน เขาบอกสวีชางหมิงว่าจะไปส่งหวางจื่อชางอ๋องไปท่องเที่ยวทั่วยุทธภพต่างหากไ
หญิงสาวรับแผ่นกระดาษใบเล็กมาจากสาวใช้ก่อนจะเปิดคลี่ออกอ่าน เนื้อความในจดหมายเปาอี้ส่วงเขียนถึงนางไว้ว่า'ฝานฝาน เจ้าคงเกลียดและผิดหวังในตัวข้ามากที่ข้าไม่เชื่อใจเจ้า ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ทว่าข้ารู้ว่าต่อให้ข้ากล่าวคำขอโทษซ้ำๆเจ้าก็คงยากที่จะให้อภัยข้า เดิมทีข้าคิดว่าหากข้าง้องอนเจ้า เจ้าคงจะให้อภัยข้าได้ไม่ยาก แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าคิดผิด ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้ารำคาญ ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่มากวนใจเจ้าอีก'สวีอวี้ฝานขมวดคิ้วมุ่น "คนบ้า! ข้ารำคาญท่านเสียที่ไหนกัน แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือว่าข้าแกล้งทำเพราะอยากทดสอบความอดทนของท่านเท่านั้น"หญิงสาวรู้สึกผิดหวังไม่น้อยที่เปาอี้ส่วงถอดใจจากนางอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเห็นถ้อยคำทิ้งท้ายที่เขาเขียนไว้ในจดหมาย จากความรู้สึกผิดหวังน้อยใจก็เปลี่ยนเป็นตกใจทันที'เจ้าจะอยู่ในความทรงจำของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นสวีอี้ฝานหรือมู่ฝาน ข้าก็จะรักเจ้าตลอดไป'สวีอี้ฝานรู้สึกใจหายวาบ นิ่งอึ้งไปหลายวินาที จ้องข้อความในจดหมายตาไม่กะพริบ ทางฝ่ายหลิงหลิงเห็นเจ้านายเงียบไปนางก็รู้สึกใจคอไม่ดีเท่าใดนัก นางสงสารฮูหยินเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่เข้าใจท่านแม่ทัพเปาว่าเหตุใดเขาถึงทอดทิ้งฮู







