Share

ตอนที่2

last update Last Updated: 2025-09-02 11:05:17

ตอนที่2

...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่...

ทางฝ่ายเจ้าสาวก็หนีหายไปแล้ว ทางฝ่ายเจ้าบ่าวกลับดูไม่ทุกข์ร้อนเท่าใดนัก เห็นแล้วสหายรักเช่นตู้ชิงหลวน คุณชายตู้บุรุษหนุ่มเนื้อหอมผู้หนึ่งแห่งแคว้นฉู่ซึ่งมีวัยยี่สิบหกหนาวเลยอดใจไม่ไหวเลยต้องถามกันให้รู้ความกระจ่างไปสักหน่อยเมื่อพบว่าผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวนั้นยังไม่ว้าวุ่นใจเอาแต่ตรวจสอบบัญชีราวกับไม่ทุกข์ร้อนเช่นนี้

“ท่านจะไม่เดือดร้อนสักหน่อยหรือ อีกเพียงสามวันวิวาห์จะมาถึงแล้ว ทว่าเจ้าสาวกลับหายไปเช่นนี้น่ะ?” 

คนกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวซึ่งถูกเจ้าสาวทอดทิ้งไปเพียงชะงักมือที่กำลังดีดลูกคิด เพียงอึดใจเดียวเขาก็กลับไปดีดมันอย่างคล่องมือพลางตวัดพู่กันลงไปในสมุดบันทึกใหม่ได้โดยไม่ติดขัดสักนิด เห็นได้ชัดเจนว่านายท่านสวีผู้นี้นั้นมิได้นำพาจริงหาใช่เสแสร้ง

“คนพี่หนีไปคนน้องก็ยังอยู่ เช่นไรท่านนายอำเภอจางคงไม่ฉีกหน้าตนเองหรอก เชื่อข้าเถิดคุณชายตู้” 

...ช่างเป็นบุรุษที่อำมหิตเกินไปแล้วสหายข้า... 

“ท่านจะอำมหิตเกินไปหรือไม่หนานเฉิงกั๋วกงสวี” 

เพราะเป็นสหายรักกันมาเกินสิบหนาว ต้นเหตุที่หนานเฉิงกั๋วกงต้องเร่งคว้าสตรีสักนางมาตบแต่งเป็นหนานเฉิงกั๋วกงฟูเหริน มีหรือตู้ชิงหลวนเขาจะมิทราบไปด้วยกับบุรุษตรงหน้าที่นั่งหน้าเคร่งอยู่กับบัญชีมากมายนั้นมันเพราะเหตุใดกันอย่างไรเล่า ตรงกันข้ามนั้นเขาพอรู้มาไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งนิสัยเย็นชาและอำมหิตของสหายตรงหน้าเขายิ่งรู้ดีเกินผู้ใด 

“ข้าอำมหิตที่ใดกัน ในเช้าวันนั้นข้าส่งแม่สื่อไปถึงสามจวนแต่เป็นสกุลจางที่รับไมตรีจากแม่สื่อเข่อมาก่อนจวนใดในแคว้นฉู่แห่งนี้ทั้งสิ้น ข้าเอากระบี่ไปจี้ลำคอของท่านนายอำเภอจางเช่นนั้นหรือ ก็เปล่า ทั้งหมดเช่นนี้ข้าอำมหิตที่ใด เป็นคุณหนูสี่ของสกุลจางต่างหากที่นางอำมหิตต่อข้า อีกเพียงไม่ถึงสิบวันกลับหนีตามพ่อบ้านเฒ่าไปเช่นนี้ ข้านั้นช่างน่าสงสารหรือเจ้าว่าไม่จริง?” 

'สวีฉีเฟิ่ง'กั๋วกงหนุ่มเอ่ยเนิบนาบแต่ก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะในเช้าต่อมาหลังจากงานชมบงกชที่ก็ทราบกันดีว่าจวนหนานเฉิงกั๋วกงนั้นต้องการหาว่าที่เจ้าสาวจึงเชิญสกุลที่มีบุตรีมาร่วมงาน แล้วในวันนั้นหนานเฉิงกั๋วกงเขาก็แลเห็นคุณหนูสกุลดีที่ดูจะพอนำมาตบแต่งแก้ทางฝ่ายเหลิ่งกุ้ยเฟยที่คิดจะดึงเขาไปเป็นฝ่ายตนเองด้วยการยัดเยียดองค์หญิง 'จ้าวหรูหลัน' บุตรของนางกับฮ่องเต้ลำดับที่เจ็ดมาตบแต่งกับเขาดองกันอีกชั้นให้แนบแน่นขึ้นไปกว่าเดิม 

เขาที่นอกจากเป็นหลานชายของไทเฮา 'สวีหลิงอี' ก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยววุ่นวายอันใดกับราชวงศ์อีกจึงต้องเร่งรีบหาภรรยาเอกให้นางคอยมาปกป้องเขาเอาไว้ก่อน แล้วเป็นสกุลจางที่ไม่รู้สี่รู้แปดยื่นลำคอมาให้เขาเชือดเอง พอใกล้วันวิวาห์จะมาผิดสัญญาเห็นทีว่า ‘พ่อค้า’ ใหญ่เช่นเขาคงยากจะยอมขาดทุนไปโดยง่าย

ถึงเขาจะรู้ดีว่าฝ่ายเหลิ่งกุ้ยเฟยแล้ว คราวนี้คงไม่ยอมรามือจากเขาไปโดยง่ายเป็นแน่เลยยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการสมรสของเขาในคราวนี้ คุณหนูสี่นางจึงมาหลบหนีไปได้ในเวลาเหลืออีกเพียงเก้าวันงานวิวาห์ก็จะบังเกิด ทว่าเมื่อช่วงสายเขาได้ส่งท่านพ่อบ้านซูไป ‘จัดการ’ เจรจากันให้กระจ่างแจ้งไปแล้วกับจวนสกุลจางว่าเช่นไรวันวิวาห์เขาจะต้องมีเจ้าสาวให้ไปรับ ไม่ว่าสินสอดจะแพงเท่าใดทางจวนหนานเฉิงกั๋วกงล้วนยินดีจ่าย

...โดยเฉพาะหากเจ้าสาวผู้นั้นยิ่งโง่เขายิ่งพึงใจ...

คาดว่าเช่นไรท่านนายอำเภอจางคงไม่อยากมีปัญหากับเขาเป็นแน่อย่างไรเขาก็เป็นถึงหนานเฉิงกั๋วกง ไม่นับรวมที่เขาเป็นหลายชายคนโปรดของไทเฮาสวี กับอำนาจในมือที่มีไม่น้อย นายอำเภอขนาดเล็กย่อมไม่คิดเป็นปฏิปักษ์กับเขาอยู่แล้ว ที่สำคัญเขาทราบมาว่าจวนท่านนายอำเภอจางนั้นยังมีธิดาอีกหนึ่งคนที่รูปโฉมมิได้ด้อยไปกว่าฝาแฝดคนพี่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจะเป็นคนพี่หรือคนน้องให้นางเป็นบุตรีจากภรรยาเอกเขาล้วนพึงใจรับเอาไว้ได้หมด ขอเพียงตบแต่งนางมาแล้วเขาไม่ต้องรับองค์หญิงเจ็ดจ้าวหรูหลินเข้าจวน และสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายเขาล้วนพอใจทั้งสิ้น ต่อให้ฝาแฝดคนน้องขี้ริ้วขี้เหร่เช่นไรเขาฉีเฟิ่งนั้นก็ไม่เกี่ยงงอนอันใดทั้งสิ้นขอเพียงนางโง่เขลาไม่เรื่องมากวุ่นวายเป็นพอ! 

ส่วนทางฝ่ายคนถูกหมายหัว ที่จะให้เป็นเจ้าสาวแทนนั้น กลับกำลังปวดศีรษะอย่างรุนแรงที่ในเรือนของตนมีเงินรวมกันไม่ถึงยี่สิบตำลึงสอบถามจนได้ความว่า...

“ก็มิใช่คุณหนูกล่าวว่าตัวท่านไม่จำเป็นต้องใช้เบี้ยหวัดก็อยู่ได้จนแก่เฒ่าจึงไม่รับหรอกหรือเจ้าคะ?” 

...โอ๊ย!... 

ฟังแล้วคนที่ไม่ยอมขายชีพ...หากเงินไม่มากพอแทบกรีดร้องแล้วดึงทึ้งหนังศีรษะตนเองให้สาแก่ใจอย่างยิ่ง เพราะหลับตาแล้วเหตุการณ์ที่จางเยว่เซียงสงบเสงี่ยมบอกบิดาของนางในอดีตเมื่อครั้งที่เพิ่งเสียมารดาไปแล้วบิดาจัดการแบ่งส่วนเบี้ยหวัดให้บุตรสาวทั้งสองคนมิคาดเจ้าของร่างเดิมนี้นางกลับยกในส่วนของตนเองให้พี่สาว 

“คนดีกับคนโง่เนี่ยมันมีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นขวางนิดเดียวเท่านั้น...นิดเดียวจริง ๆ” 

กรีดน้ำตาด้วยกิริยา ‘นางร้ายเงินล้าน’ จนปลายนิ้วก้อยเด้งไปพลางเรียวปากงามนั้นก็พึมพำบ่นให้เจ้าของร่างคนเก่าไปพลาง คิดว่าร่างกายนี้อิ่มทิพย์หรือไรเงินเดือนเลยไม่รับ 

...สิ้นคิดเป็นที่สุด!... 

แล้วช่วงสายของวันนั้นเมื่อท่านหมอฟางตรวจอาการของนางเรียบร้อยจางเยว่เซียงผู้มาไกลจากต่างภพจึงค่อย ๆ สอบถามฟื้นฟูความทรงจำให้กับตนเองทีละเรื่องโดยอาศัยประโยคที่ว่านางปวดศีรษะจึงจำอันใดสลับกันไปหมด ซึ่งท่านหมอฟางก็วิเคราะห์อาการของโรคนี้ว่ามันคือผลกระทบของการถูกฟาดศีรษะนั่นเอง 

“ขออนุญาตเจ้าค่ะคุณหนูห้า นายท่านเชิญท่านไปพบที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” 

...ดูทรงเหมือนงานจะเข้า... 

นางร้ายเงินล้านคิดในใจแต่กิริยาข้างนอกคือวางใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะเอ่ยรับคำออกไปว่าอีกครู่หนึ่งนางจะเร่งตามไปแล้วจึงหันมาสำรวจร่างกายกับอาภรณ์ว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงให้ฟางปี้เหลียนเดินนำทางไป ซึ่งคราวนี้สาวใช้ไม่คิดมากหรือสงสัยอันใดอีกเพราะทราบแล้วว่าคุณหนูของตนเองนั้น นางบาดเจ็บไปถึงภายในสมองด้วย จึงอาจดูแปลกประหลาดขัดนัยน์ตาไปบ้างต้องทำใจ

…ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…

“ท่านพ่อ” 

พอเคาะประตูแล้วเสียงจากภายในอนุญาต จางเยว่เซียงจึงผลักประตูเข้าไปภายในห้องหนังสือที่บิดานั้นมักใช้เป็นห้องทำงานไปในตัวยามเมื่อกลับมาอยู่ที่จวน นางมองสำรวจโดยรอบจากความเคยชินของตะวันฉาย

“มานั่งก่อนอาเซียง” 

บิดาชี้ไปที่เก้าอี้ หญิงสาวไม่ได้ดื้อดึง กิริยาสงบเสงี่ยมเรียบร้อยนี้มิได้แสดงยากเย็น จางเยว่เซียงขยับเก้าอี้มานั่งตัวตรงเช่นในยามคุณแม่ผู้อำนวยการเรียกไปคุยธุระสำคัญก็มิปาน 

“พ่อจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะอาเซียง เมื่อช่วงสายท่านพ่อบ้านใหญ่ในจวนรองของหนานเฉิงกั๋วกงสวีเขาได้มาฟังข่าวจากทางฝ่ายเราว่าจะเอาเช่นไรกันดีในเมื่อพี่สาวของเจ้าก็ดันหนีไปเช่นนั้นแล้ว” 

...คิดเอาไว้แล้วทีเดียวว่ากรรมหนักจะมาตกใส่ศีรษะของข้า... 

จางเยว่เซียงพลันบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ว่าการนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา เนื่องจากเมื่อเช้ากิริยาของท่านย่ามหาภัยมันแปลกไป คนเช่นเหล่าฮูหยินจางไม่เคยสงบปากสงบคำ แล้วหลานรักหายไปตั้งหลายวันไม่บ้าคลั่งตามหานางมองว่ามันผิดปกติ 

“ท่านพ่อหากลูกเสียมารยาทถามสักสองสามประโยคจะได้หรือไม่” 

นางเอ่ยอย่างระวังกิริยามากมาย เพราะสถานที่แห่งนี้ โลกใบนี้สตรีมิใช่จะมีสิทธิ์มีเสียงมากนัก จะทำจะพูดสิ่งใดนางจึงต้องคิดให้ดีจึงค่อยพูดค่อยถาม 

“ลองถามมาเถิด พ่อตอบได้จะไม่เก็บเอาไว้” บุตรสาวคนที่ห้าของตนวันนี้ช่างขวัญกล้ายิ่งนัก ปกติแล้วเขานั้นไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนว่า ‘อาเซียง’ จะกล้าถามผู้ใด มีเพียงใครสั่งนางก็ก้มหน้ายอมรับจนหลายครั้งเขาทุกข์ใจไม่น้อย

“เช่นนั้นที่พี่สี่หายไป ท่านย่าอยู่เบื้องหลังนี้เป็นความจริงหรือไม่?” 

“!!!” 

ท่านนายอำเภอจางมิคาดว่าบุตรสาวผู้สงบเสงี่ยมเรียบร้อยมาถึงสิบเจ็ดปีกลับถามออกมาได้ตรงเผงมิอ้อมค้อมเช่นนี้จึงตกใจจนพูดไม่ออกไปเป็นครึ่งเค่อจึงค่อยหาลิ้นกับเสียงตนเองเจอ 

“อันใดทำให้เจ้าคิดเช่นนั้นหรืออาเซียง” 

ลองหยั่งเชิงดูว่าที่นางถามออกมานั้นรู้แจ้งหรือเพียงกล่าวมาโดยบังเอิญเท่านั้น แล้วสองพ่อลูกจึงมองจ้องตากันอย่างวัดใจอีกครู่จางเยว่เซียงจึงตัดสินใจว่าจะยอมพูดออกไป เพราะนางคิดดีแล้วว่าย่อมมีประโยชน์มากกว่านางจะเสแสร้งทำเป็นเบาปัญญา 

“เพราะท่านย่ารักพี่สี่มาก เช่นนี้ก็เพียงพอให้อาเซียงคาดเดาได้แล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ” 

ท่านนายอำเภอจางฟังคำตอบแล้วจึงหัวเราะสาแก่ใจออกมาครู่หนึ่ง เพราะมิคาดการถูกดุ้นฟืนฟาดศีรษะไปหนึ่งครั้งจนสลบ

...รู้เช่นนี้เขาฟาดศีรษะนางไปนานแล้ว... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status