Share

ตอนที่7

last update Last Updated: 2025-09-05 07:47:29

ตอนที่7

และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา 

ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ 

หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง 

ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว และเจ้าสาวคือคนมีฐานะจัดอยู่ในระดับสูงของแคว้นฉู่ และต้าเหลียงจึงเป็นไข่มุกงดงามหาได้ยากในต้าเหลียง สีของไข่มุกนั้นเป็นสีชมพูสวย เห็นแล้วนางร้ายเงินล้านอยากแอบขโมยไปขายเสียนักเพราะคงแพงไม่น้อย 

นอกจากนั้นก็ยังมีห่อเมล็ดพืชห้าชนิดพร้อมเสียบปิ่นทอง และต้นชุงเฉ้าสองต้นใส่ไว้ในช่องกระเป๋าเอี๊ยมแต่งงาน ซึ่งเมล็ดพืชนี้สื่อถึงความเจริญงอกงาม และมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองนั่นเอง ยังมีพัดสีแดงไว้สำหรับให้เจ้าสาวนั้นได้ถือในยามส่งตัวนางไปยังจวนของฝ่ายเจ้าบ่าวที่ปักลวดลายงดงามแทนการใช้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเช่นที่จางเยว่เซียงเคยพบเห็นมา 

กล้วยหอมหนึ่งเครือซึ่งใช้เป็นกล้วยดิบสีเขียวเครือใหญ่ ในหนึ่งเครือฟางปี้เหลียนบอกแก่นางว่าต้องมีจำนวนหวีเป็นเลขคู่เพื่อความเป็นมงคล ก้านเครือพันด้วยกระดาษสีแดง ส่วนผลกล้วยให้ติดตัวหนังสือซังฮี้สีแดงไว้เช่นกัน หลังเสร็จงานพิธีแล้วยกให้ฝ่ายเจ้าบ่าวนำกลับจวนไปพร้อมกับตัวของเจ้าสาว ซึ่งพอแลเห็นแล้วจางเยว่เซียงก็นึกสงสารคนต้องแบกหามเจ้ากล้วยหอมเครือยักษ์นั้นอย่างยิ่ง 

ถัดไปก็คือถาดบรรจุส้มเช้งเขียวตามจำนวนที่เป็นเลขคู่ ติดตัวอักษรซังฮี้สีแดงทุกลูก หลังเสร็จสิ้นพิธีก็ยกให้ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นต้องนำกลับจวนไปอีกเช่นกัน 

บนโต๊ะกลางเรือนนั้นยังมีถาดบรรจุหมูสดหนึ่งชุด โดยฝ่ายเจ้าสาวนั้นจะเตรียมแค่เพียงถาดเดียวเพราะที่เหลือฝ่ายเจ้าบ่าวจะเป็นผู้จัดเตรียมมาพร้อมกับตัวเจ้าบ่าวอีกสามชุด ซึ่งภายในถาดนั้นประกอบไปด้วย หัวใจทั้งยวงที่มีทั้งปอดและตับติดไปด้วย หลังเสร็จพิธีแต่งงาน ฝ่ายเจ้าสาวจะแบ่งหัวใจหมูครึ่งหนึ่งให้กับเจ้าบ่าว เพื่อนำกลับไปทำอาหาร เพื่อสื่อถึงคู่บ่าวสาวมีหัวใจเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นเอง 

นอกจากนั้นในส่วนของหีบที่วางรวมกับสินเดิมก็ยังมีของใช้ส่วนตัวที่จางเยว่เซียงนั้นต้องนำติดตัวไปด้วย ได้แก่ ถังน้ำสีแดงสองใบ กะละมังสีแดงสองใบ กระป๋องน้ำสีแดงสองใบ กระโถน ถาดสีแดง กรรไกร ด้าย เข็ม และกระจก อย่างละหนึ่งชิ้น เครื่องนอน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นสีแดงเท่านั้นจึงนับว่าดี ซึ่งฟางปี้เหลียน และเสี่ยวฮูหยินจางนั้นได้ช่วยกันจัดเตรียมไว้ทั้งหมดตั้งแต่สามวันก่อนนั่นแล้ว มีผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม และหมอนข้าง อย่างละหนึ่งชุด อีกทั้งยังมีหวีสี่เล่ม ซึ่งชาวต้าเหลียงต่างเชื่อกันว่าจะได้มีทรัพย์สินมากมายมหาศาล รวมไปถึงกาและถ้วยน้ำชา สำหรับทำพิธียกน้ำชา ในช่วงเช้าหลังราตรีเข้าหอผ่านพ้นไป เห็นข้าวของแล้วเจ้าสาวก็ถึงกับยกมือขึ้นมาซับเหงื่อเพราะดูมากมายเหลือเกินนั่นเอง 

ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้สำหรับนางร้ายเงินล้านที่เพิ่งข้ามภพหลงมิติมานั้นทำได้เพียงนั่งมองมารดาเลี้ยงกับสาวใช้เตรียมงานกันไปเท่านั้น มิได้เข้าไปลงมือช่วยแต่อย่างใด เพราะเกรงว่าหากเข้าไปช่วยแล้วจะทำให้ทุกอย่างวุ่นวายมากกว่าที่จะสำเร็จเสร็จโดยเร็ว 

หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้วมาแต่งกายด้วยชุดเจ้าสาวที่งดงาม ทว่าทั้งหนา และหนักไม่พอยังสวมยากอย่างร้ายกาจที่ปักลวดลายนกยวนยางคู่สีทองตัดกับตัวผ้าไหมสีแดงสดใสแล้ว บนศีรษะของเจ้าสาวปักด้วยปิ่นเงิน และปิ่นทองซึ่งมีใบทับทิมที่ท่านแม่เลี้ยงของนางนั้นเป็นผู้มอบให้แทนมารดาผู้ลาจาก เสร็จแล้วก็มาถึงพิธี ‘ร่ำลาสกุลเดิม’ ของฝ่ายเจ้าสาว 

โดยเริ่มจากนางผู้เป็นเจ้าสาวนั้นถูกท่านนายอำเภอจางพาไปกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้ป้ายบรรพบุรุษแล้วจึงค่อยไปร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัว และญาติทางฝ่ายท่านนายอำเภอจาง โดยที่ผู้เป็นบิดาของเจ้าสาวเองจะคีบอาหารมงคลให้แก่จางเยว่เซียงด้วยตนเองเพื่อเป็นการอวยพรให้กับบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นางจะกลายเป็นคนของสกุลอื่น ซึ่งอาหารมงคลประกอบไปด้วย 

หนึ่งเส้นหมี่เพื่อเป็นการอวยพรให้ลูกสาว และว่าที่บุตรเขยนั้นได้มีอายุยืนยาว และรักกันยาวนานเป็นหมื่น ๆ ปี อย่างที่สองนั้นคือปลาเพื่อเป็นการขอให้ลูกสาว และลูกเขยได้มีกินมีใช้เหลือเฟือ อย่างที่สามนั้นคือไก่เพื่ออวยพรขอให้บุตรสาว และบุตรเขยนั้นได้มีความกล้าหาญ และเที่ยงตรง สี่นั้นคือตับหมูเพื่ออวยพรให้บุตรสาว และบุตรเขยนั้นได้มีแต่ความเจริญก้าวหน้า อย่างที่ห้านั้นคือหัวใจของหมูเพื่ออวยพรขอให้หัวใจของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวนั้นรักใคร่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดไป อย่างที่หกก็คือไส้หมู และกระเพาะหมูเพื่อเป็นการสื่อความหมายว่าถ้าหากอนาคตต่อไปพวกเขาทั้งสองสามีภรรยาเกิดได้เจอการเปลี่ยนแปลง ก็ขอให้เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี ส่วนปูนั้นเป็นการสื่อความหมายว่าขอให้ทั้งคู่มีแต่ความขยัน คล่องแคล่วว่องไว กับเห็ดหอมนั้นขอให้ชีวิตคู่หอมหวานเหมือนดั่งเห็ดหอม ส่วนผักกุ้ยช่ายขอให้ทั้งคู่ครองคู่กันยาวนานตราบชั่วนิจนิรันดร์ และสุดท้ายนั้นก็คือผักเกาฮะไช่มีความหมายว่าผู้เป็นบิดานั้นขอให้บุตรสาว และบุตรเขยนั้นจงเป็นคู่รักที่รักกันมากมายแล้วยาวนานตลอดไป 

ซึ่งกว่าจะกินครบทุกจานจางเยว่เซียงนั้นก็แทบจะอาเจียนออกมาได้อยู่แล้ว นางไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าพิธีการแต่งงานมันจะทรมานกระเพาะอาหารกับลำไส้นางถึงเพียงนี้ แอบมองดูตรงหน้าท้องแล้วรู้สึกขอบคุณชุดเจ้าสาวในยุคสมัยนี้อย่างยิ่งที่ไม่รัดแน่นตึงหาไม่นางคงอับอายที่ ‘พุง’ อาจยื่นนำหน้าสองเต้าทรวงของตนเองก็เป็นไปได้ 

พอถึงต้นยามเฉินขบวนมารับตัวเจ้าสาวที่นำมาโดยสวีฉีเฟิ่งในอาภรณ์สีแดงถูกเชิญเข้าสู่จวนสกุลจาง พร้อมกับแม่สื่อใหญ่ และท่านพ่อบ้านซูพร้อมด้วยรองพ่อบ้านฮัว ซึ่งมีท่านนายอำเภอจาง กับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว อีกหลายสิบคนรออยู่แล้วที่ห้องรับรองจวนสกุลจาง หนึ่งก็เพราะญาติเหล่านั้นอยากชมโฉมของหนานเฉิงกั๋วกงตัวจริงแท้ ส่วนสองก็เพื่อที่ว่าหากท่านนายอำเภอจางได้ดิบได้ดีจะไม่ลืมพวกตนนั่นเอง 

โดยที่ฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นนอกจากจะมาพร้อมสินสอดมากมายแล้วยังมีของมงคลอีกหลายอย่างดังเช่น ส้มเช้งจำนวนแปดสิบแปดลูก ซึ่งผลส้มที่นำมานั้นทุกลูกมีตัวอักษร ‘ซังฮี้’ สีแดงติดไว้ทุกผล โดยมีเป็นความเชื่อของชาวต้าเหลียงว่าจะมีความโชคดีเข้ามาในชีวิตของคู่แต่งงานนั่นเอง ตามมาด้วยกล้วยหอมหนึ่งเครือที่เป็นกล้วยหอมดิบสีเขียวเครือใหญ่ไม่ต่างจากที่บ้านฝ่ายเจ้าสาวนั้นได้เตรียมเอาไว้เช่นกัน และย่อมแน่นอนว่าในหนึ่งเครือต้องมีจำนวนหวีที่เป็นเลขคู่เพื่อความมงคลมิแตกต่างกัน ก้านของเครือกล้วยหอมนั้นจะต้องพันด้วยกระดาษสีแดง ส่วนผลกล้วยให้ติดตัวหนังสือซังฮี้สีแดงไว้เช่นเดียวกัน  แล้วยังคงมีต้นอ้อยหนึ่งคู่ ด้วยความที่น้ำอ้อยนั้นมีรสชาติที่หวาน และหอม ดังนั้นต้นอ้อยหนึ่งคู่นี้ จึงให้ความหมายที่แสดงถึงความรักของคู่บ่าวสาวที่หวานชื่นยืนยาวเช่นน้ำอ้อย และยังมีถาดใส่หมูสดซึ่งจะต้องจัดเตรียมชุดหมูเหล่านั้นเป็นสามถาดโดยชิ้นส่วนของหมูทุกชิ้นจะต้องติดตัวหนังสือซังฮี้สีแดง ถาดแรกประกอบไปด้วย หัวหมูหนึ่งหัว เท้าสี่ข้าง และหางหนึ่งหาง ถาดที่สองประกอบไปด้วย ขาหมูสี่ขา และถาดที่สามประกอบไปด้วย เนื้อหมูส่วนท้องของแม่หมู ที่เรียกว่า ‘โต้วเตี๊ยบะ’ เพื่ออวยพรให้ฝ่ายเจ้าสาวนั้นตั้งครรภ์แรกเป็นบุตรผู้ชายนั่นเอง แล้วจึงตามมาด้วยชุดขนมหมั้น และขนมแต่งงาน (หรือก็คือขนมจันอับ) ที่ทางเจ้าบ่าวนั้นจัดเตรียมมายิ่งใหญ่จนสาวใช้ และบ่าวชายต้องช่วยกันถือติดตามเข้ามาไม่น้อยกว่ายี่สิบแปดคู่ ซึ่งในพิธีแต่งงานของชาวต้าเหลียงนี้จะใช้ขนมทั้งหมดนั้นเป็นห้าสี หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า ‘โหงวเส็กทึ้ง’ ที่มีทั้งหมดได้แก่ 

หนึ่งขนมเปี๊ยะโรยงาเพื่อความสิริมงคล สองก็คือขนมถั่วตัดเพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตที่ดีเจริญงอกงาม สามก็คือขนมข้าวพองทุบ ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ และยังมีขนมเหนียวเคลือบเมล็ดงา ให้ความรักของคู่บ่าวสาวเหนียวแน่นตัดไม่ขาด และสุดท้ายคือขนมโก๋ ให้ความหมายสื่อถึง ความร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมามิขาดสาย 

เมื่อทุกสิ่งพร้อมสรรพจางเสียนอีก็นำสวีฉีเฟิ่งไปกราบไหว้ป้ายบรรพชนของสกุลจาง และกราบไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ เพื่อเป็นการบอกกล่าวว่าตนเอง และฝ่ายของเจ้าสาวนั้นได้เป็นครอบครัวเดียวกันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จากนั้นจึงพาเขาไปดื่มสุรามงคลกับแขกทั้งหลายจวบจนถึงเมื่อได้ฤกษ์งามยามดีต้องส่งตัวเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวไปประกอบพิธีต่อที่จวนรองสกุลสวี 

“เจ้าสาวมาแล้ว...”  

เสียงญาติสูงวัยฝ่ายเจ้าสาวร้องบอกนำทางมาก่อน จากนั้นภาพของจางเยว่เซียงในอาภรณ์เจ้าสาวถือพัดด้ามงดงามก็เดินเนิบช้าออกมาโดยมีจางเยว่หนี่ว์ผู้เป็นน้องสาว และฟางปี้เหลียนเป็นผู้จับชายกระโปรงของเจ้าสาวอยู่ด้านหลัง สวีฉีเฟิ่งตะลึงต่อความงดงามนั้นจนเผลอลืมหายใจไปชั่วครู่จนได้ยินเสียงแม่สื่อกำกับบอกขั้นตอนต่อไป เขาจึงขยับเข้าไปรับมือข้างขวาของเจ้าสาวมากุมเอาไว้ แล้วจับจูงนางไปที่โต๊ะกลางเรือน จากนั้นเขาจึงเป็นผู้คีบขนมอี๊สีชมพูป้อนให้นางกินหนึ่งคำ และตัวของเขากินที่เหลือจนหมด เมื่อทานขนมเสร็จทั้งสองได้คารวะ และกล่าวลาผู้เป็นบิดาของเจ้าสาวเช่นจางเสียนอีเพื่อเดินทางกลับจวนของเจ้าบ่าว ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ เจ้าสาวจะต้องนำสิ่งของที่เตรียมไว้นำไปด้วยพร้อมทั้งสาวใช้คนสนิทเช่นฟางปี้เหลียนที่นับต่อจากนี้นางก็จะกลายเป็นคนของสกุลสวี มิใช่สกุลจางอีกต่อไปเช่นผู้เป็นนายสาว

เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้นจากจวนของสกุลจางแล้ว จางเสียนอีจึงเป็นผู้เดินนำเจ้าสาวไปส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวที่ฝ่ายสกุลสวีจัดเตรียมมาพร้อมกับอวยพร ส่วนญาติทางฝั่งเจ้าสาวซึ่งก็คือจางเยว่หนี่ว์ สาวน้อยวัยสามหนาวที่มิอาจถือตะเกียงไปส่งคนเป็นพี่สาวได้เพราะยังเด็กเกินไปหน้าที่นั้นจึงตกไปเป็นของฟางปี้เหลียนต่อไป เมื่อนางส่งจางเยว่เซียงขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปเรียบร้อยแล้ว นางจึงนำพาตะเกียงนั้นไปนั่งยังรถม้าด้านหลังที่มีสินเดิม และข้าวของใช้ส่วนตัวของผู้เป็นคุณหนูของตนเองโดยมีสวีฉีเฟิ่งขี่อาชาสีดำตัวโตนำขบวน และแน่นอนว่าขบวนเจ้าสาววันนี้ย่อมมีการคุ้มกันแน่นหนาทั้งที่สายตาของจางเยว่เซียงมองเห็นได้ และมองไม่เห็นทว่าก็รับรู้ได้ ทำเอานางอดจะคิดเสียมิได้ว่านี่ตกลงนางตบแต่งกับหนานเฉิงกั๋วกงที่เป็นหลานรักของฮ่องเต้ และไทเฮา หรือที่แท้นางแต่งงานกับมาเฟียในยุคจีนโบราณกันแน่ 

...คุ้มกันแน่นหนากว่าคุ้มกันฮองเฮาเสียอีกกระมัง... 

แต่ทุกสิ่งก็ราบรื่นจนมาถึงจวนรองสกุลสวี ทุกพิธีการดำเนินไปจนเสร็จสิ้น นางและฟางปี้เหลียนถูก ‘ต้อน’ ไปส่งในห้องหอที่มีแต่สีแดง และแดงจนนางที่ปวดเท้าปวดหลังแทบตายอยากจะเอนกายลงไปนอนกลับไม่กล้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น สุดท้ายนางก็มิอาจทานทนไหวต้องเอ่ยปากขออาบน้ำอุ่นให้สบายตัวก่อนส่วนที่เหลือจะโดน ‘เชือด’ จนโลหิตแดงฉานดังสีของห้องหอหรือไม่นั่นจึงค่อยว่ากันเถิด... 

“อย่าบอกว่ามีกฎข้อห้ามว่าคืนเข้าหอห้ามข้าอาบน้ำนะอาเหลียน”  

ฟางปี้เหลียนหัวเราะขบขันคุณหนูของตน แต่ก็ไม่ได้กล่าวห้าม นางออกไปเรียกหาน้ำอุ่นมาให้ผู้เป็นนายได้นอนแช่ให้ผ่อนคลายโดยที่ตนเองอยู่คอยบีบนวดให้อย่างอดจะสงสารเจ้าสาวที่ต้องแบกอาภรณ์และเครื่องประดับทั้งวันเสียมิได้ จนผ่านไปครึ่งชั่วยาม ท่านพ่อบ้านซูก็ให้สาวใช้อีกสองนางประคองถาดบรรจุอาภรณ์สีแดงแต่บางเบามาให้ผู้เป็นเจ้าสาวนั้นสวมใส่เอาไว้รอผู้เป็นเจ้าบ่าวบนเบาะนุ่มด้านหน้าเตียงซึ่งนุ่มมากจนนั่งได้ไม่ถึงสองเค่อ จางเยว่เซียงก็หนีเจ้าบ่าวไปเข้าเฝ้าเง็กเซียนเสียแล้ว... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status