Share

ตอนที่8

last update Last Updated: 2025-09-06 09:55:40

ตอนที่8

ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว 

“นายท่าน/นายท่าน”  

ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน 

“ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า”  

ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย 

“พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก”  

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”  

สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ขัดขวางคู่บ่าวสาวในราตรีเข้าหออีกต่อไป ซึ่งพอสวีฉีเฟิ่งเห็นประตูปิดสนิทเรียบร้อย ก็หันไปมองที่คนตัวเล็กนอนขดตัวกลมคล้ายนางอายอยู่บนเบาะนุ่มหน้าเตียงกว้าง เขาหันไปมองบนเตียงนอนที่เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นที่ของเขาแต่เพียงผู้เดียว หากแต่นับจากคืนนี้จะมีเจ้าของร่วมก็คือ ‘ตัวนิ่ม’ ที่นอนม้วนตัวอยู่ด้านล่างก็ชักจะเข้าใจว่าเหตุใด ‘หนานเฉิงกั๋วกงฟูเหริน’ ของตนจึงลงมานอนบนกองเบาะนุ่มแทนเช่นนี้ คนตัวโตทรุดลงไปนั่งเบียดกับคนที่ยังคงหลับได้หลับดี หลับสนิทจนได้ยินเสียงหายใจดัง ‘ฟี้’ แผ่ว ๆ ออกมาจากริมปีฝากจิ้มลิ้มคู่นั้น  

สวีฉีเฟิ่งจึงส่งนิ้วชี้เรียวยาวยื่นออกไปลูบไล้เรียวปากอวบอิ่มนั้นด้วยกิริยาเผลอไผลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนนับจากเริ่มเป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ รู้จักรสรักรสสวาทจนป่านนี้เขาเข้าวัยยี่สิบหกหนาว แล้วกลับไม่เคยพบสตรีใดที่นอนหลับไม่รักษากิริยาทว่าน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้มาก่อนเลยสักนาง 

“อือ...จุ๊บจั๊บ...”  

พอเรียวปากถูกปลายนิ้วเรียวยาวก่อกวนจางเยว่เซียงกลับขยับริมฝีปากอ้าแล้วดูดปลายนิ้วชี้ของสวีฉีเฟิ่งดังกำลังดูดน้ำตาลปั้นก็มิปาน ริมฝีปากนุ่ม และลิ้นร้อนกำลังลูบไล้ดูดกลืนปลายเรียวยาวอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ปรานีเจ้าบ่าวเลยสักน้อย 

“ฟูเหริน...ฟูเหรินตื่นเถิด...อา...ซี้ด...ตื่นมารับผิดชอบสามีด้วยฟูเหริน”  

นางดูดกลืนไปเพียงปลายนิ้วหนึ่งข้อ ทว่าส่วนกลางร่างของบุรุษกลับเสียววูบวาบจากท้องน้อยไปถึงส่วนปลายแข็งขึง จนรับรู้ได้ถึงความชุ่มฉ่ำที่ส่วนปลายบานหยักซึ่งกำลังดันเสื้อคลุมเพื่อจะออกมาทักทายสาวงามจอมขี้เซาตรงหน้า 

ส่วนทางด้านคนหลับลึกนั้นนางไม่ทราบได้ว่าตนเองนั้นเผลอหลับไปนานเท่าใด กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งจางเยว่เซียงนั้นก็คล้ายกับว่าตนเองกำลังจะหายใจไม่ออก ทบทวนจนแน่ใจอาการเหล่านี้ในสมัยที่ยังเป็น ‘ตะวันฉาย’ นั้นเรียกว่า ‘ผีอำ’ ไม่ผิดแน่ พอยิ่งนางคิดขยับแขนขาก็ไม่สำเร็จจึงยิ่งแน่ใจ 

...ผีอำแน่แล้ว... 

แต่ผีตนนี้มือช่างซุกซนลามกอย่างยิ่ง เพราะขึ้นมาทับนางจนแทบขาดใจตายไม่พอมันยังถึงกับเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนกายของนางแล้วคนคิดที่ว่าตนเองถูกผียุคโบราณ ‘อำ’ ไม่พอนางยังกำลังถูก ‘ผี’ ลวนลามเข้าให้แล้วดิ้นรนอึกอัก พอสติเริ่มมาอีกหน่อยจึงนึกได้ว่าหากถูกผีอำนางก็ต้องสวดมนต์ไล่ ‘ผี’ สิผีถึงจะไปแต่แล้วนางก็ดันติดปัญหาใหญ่ 

...เกิดมาไม่เคยสวดมนต์ แล้วจะท่องมนตราบทไหนไล่พ่อผีลามกจึงจะไปกันเล่า... 

“ท่านผีที่เคารพอย่ามาอำกันเลย อยากกินอะไรเดี๋ยวคนสวยจะเปย์ไปให้นะ”  

คนด้านบนที่กำลังจับจูบลูบคลำถึงกับต้องยกศีรษะขึ้นมองผู้เป็นภรรยากันอย่างถูกต้องทุกทางยกเว้นเข้าหอเท่านั้น เมื่อได้ฟังถ้อยคำแปลกประหลาดเกิดมายี่สิบหกหนาวจะเต็มยี่สิบเจ็ดหนาวในอีกไม่กี่วันนี้ด้วยความสงสัยเกินบรรยาย ว่านางกำลังพูดกับเขาหรือนางละเมออยู่ในความฝันกันแน่ 

ส่วนจางเยว่เซียงที่หนักจนกระดูกจะแหลกเพราะบังเอิญสวีฉีเฟิ่งเขามัวแต่สงสัยที่ภรรยาคนงามนางพึมพำคำประหลาดออกมาเลยทิ้งน้ำหนักลงมามากกว่าปกติ ด้วยขนาดตัวที่แตกต่างกันอย่างมากคนด้านล่างจึงรู้สึกจะขาดใจตาย เลยคิดว่าพูดไปผีลามกอาจไม่เข้าใจ 

“ได้!...คุยกันดี ๆ ไม่ได้ใช่ไหม?!”  

คนตัวเล็กใต้ร่างคำรามประหนึ่งแมวโกรธเป็นภาษาที่สวีฉีเฟิ่งฟังแล้วหัวคิ้วแทบจะผูกรวมกัน เพราะไม่เข้าใจที่คนกำลังหลับลึกละเมอไปโดยสิ้นเชิง เรียวปากอวบอิ่มขยับอีกครั้งเป็นภาษาที่ฟังเช่นไรก็ฟังไม่เข้าใจดังขึ้นอีกครั้ง 

“นะโมรีบไป...สังโฆก็จงรีบไป...พุธโธอีกครั้งหากไอ้คุณผียังไม่รีบไสหัวไปแม่จะถีบแล้วนะโว้ย!”  

คนไม่เคยสวดมนต์แม้แต่อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าแม่หอนำสวดมนต์ก่อนนอน นางยังเพียงแกล้งขยับปากเอาเท่านั้น ท่องบ่นเท่าที่สมองน้อยนิดของตนเองจะนึกออก แต่คิดไปคิดมาหากนางถูกผีอำทำไมจึงท่องบทสวดมนต์ได้กันเล่า?  

ดวงตาทรงเมล็ดผลซิ่งจึงค่อย ๆ เผยอเปิดขึ้นทีละข้าง ซึ่งมันก็เปิดขึ้นได้ไม่เป็นเช่นในอดีตที่ตนเองเคยฝันร้ายว่าถูกผีอำเลยสักนิด แล้วภาพของใบหน้าหล่อเหลากับดวงตาทรงดอกท้อหวานเยิ้มราวกับไปเสพกัญชามาสักพันไร่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจนแจ่มชัดเจนในที่สุด 

“น้องเซียงละเมอสิ่งใดกันไยภาษานี้พี่เฟิ่งฟังไม่ออกสักประโยคเดียวกันเล่า? ...”  

...โธ่...นางช้อยก็คิดว่าถูกผีอำต้อนรับน้องใหม่ ที่ไหนได้...ผัวอำนี่เอง... 

จางเยว่เซียงนั้นเรียวปากยิ้มเรี่ยราด ทว่าในใจก็บ่นไปพลางตำหนิตนเองไปพลางที่ดันมาเผลอหลับจนเกือบถูก ‘ผัว’ อำลักหลับอดตื่นเต้นกับราตรีเข้าหอเสียแล้ว หากหลับจนพลาดการใหญ่ไปนางคงจะเสียใจไปจนตายอีกรอบเป็นแน่ 

“ก็น้องเซียงละเมอนี่เจ้าคะจะเป็นประโยคเป็นรูปคำฟังออกได้อย่างไรกันเล่า”  

หากเขาฟังออกนางนี่แหละจะขายหน้าไปอีกห้าร้อยชาติ แต่ก็นะ...ในอดีตตะวันฉายไม่ใช่สายขาว เป็นพวกนางร้ายสายสีเทาเช่นนางร้ายเงินล้านนั้นถึงจะทำบุญบ้างทำทานก็บ่อย ทว่าให้นางไปร้องเพลงในบาร์เหล้าหรือในผับยังจะเป็นไปได้ กล่าวให้นางไปเข้าวัดสวดมนต์ข้ามวันข้ามปีเช่นนางเอกไหว้สวยคงจะยากยิ่งกว่ายาก ดังนั้นที่สวดมนต์ไล่ผีเอ๊ย...ผัวไปเมื่อครู่ยาวถึงเพียงนั้นก็นับว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้มีแต้มบุญสูงเทียมฟ้าแล้ว... 

“นั่นสินะ ก็เจ้าเพียงละเมอไปเท่านั้น”  

กล่าวจบเขาก็ขยับลุกขึ้นนั่งแล้วฉุดดึงรั้งกายอรชรที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งทรมานจิตใจบุรุษผู้เป็นเจ้าบ่าวเช่นเขาอย่างยิ่งให้ลุกขึ้นมานั่งตาม ซึ่งเพียงนางนั่งไม่ระวังชุดที่สวมแล้วคาดว่าคืนนี้นางอาจไม่ได้นอน แหวกอวดโฉมขาเรียวยาวขาวผ่องสวีฉีเฟิ่งก็ถึงกับสำลักน้ำลายไอโขลกเลยทีเดียว 

“พี่เฟิ่งน้ำเจ้าค่ะ”  

คนไม่รู้ความกลับคิดว่าอีกฝ่ายคอแห้งจึงขยับไปเทน้ำใส่ถ้วยมาให้บุรุษที่ไอจนหน้าแดงหูแดง...แดงลงไปถึงลำคอได้ดื่ม แต่เพราะความไม่ระวังอีกจางเยว่เซียงนางขยับเอื้อมแรงไปรอยแหวกที่ด้านล่างเลยเปิดกว้างแต่ก็กว้างไม่พอให้สวีฉีเฟิ่งมองเห็นไปถึงไหนต่อไหน ซึ่งการมองจะเห็นก็ไม่ใช่ จะไม่เห็นก็ไม่เชิงนี้กลับมีผลต่อร่างกายของบุรุษวัยฉกรรจ์มากกว่าเปิดเผยโฉ่งฉ่างดังนางคณิกาในหอโคมเขียวที่เขาดูแลเสียอีก 

“น้ำเจ้าค่ะพี่เฟิ่ง...พี่เฟิ่ง!”  

ต้องเรียกซ้ำย้ำด้วยเสียงที่ดังไม่ธรรมดาสวีฉีเฟิ่งจึงได้สติกลับมา สายตาที่มองต่ำจึงขยับขึ้นสูงไปอีกหน่อยซึ่ง...มันช่างร้ายกาจไม่แตกต่าง เพราะชุดนอนที่พ่อบ้านซูนั้นหามาส่งให้หนานเฉิงกั๋งกงฟูเหรินของเขาสวมช่างเล็กจิ๋วจนสองเต้างามขาวผ่องต้องเบียดกันอยู่ภายใต้เนื้อผ้าคับแน่นสีแดงเลือดนกขับเน้นให้ความอวบอัด และขาวผ่องนั้นช่างน่าสงสารจนเขาอยากตรงเข้าไปช่วยฉีกกระชากเจ้าเสื้อสวมนอนสมควรตายชิ้นนั้นให้แหลกยับคากำมือเสียนัก! 

“พี่เฟิ่งร้อนหรือเจ้าคะ?”  

เห็นคนตรงหน้านั้นดื่มน้ำไปก็หน้าแดงไปจางเยว่เซียงจึงคิดไปว่าอากาศภายในห้องหอที่มีแต่สีแดงอาจทำให้อีกฝ่ายร้อนก็เป็นไปได้ นางชะโงกเข้าไปจนใกล้หวังจะดูให้ชัดเจนว่าที่แท้สวีฉีเฟิ่งนั้นร้อนจริงใช่หรือไม่ ซึ่งการชะโงกเข้าไปหาบุรุษที่เขาร่างกายสูงกว่า คนที่อยู่มุมสูงจึงยิ่งมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่างได้แจ่มชัด จนเขาต้องสูดลมหายใจเข้าไปเก็บในท้องเสียงดังฟืดฟาด เหงื่อกาฬที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นเริ่มเกาะแพรวพราวนั่นจึงยิ่งตอกย่ำว่า สวีฉีเฟิ่งเขาต้องร้อนมากจริง ๆ  

“เช่นนั้นประเดี๋ยวน้องเซียงไปเปิดหน้าต่างบานนั้นให้ลมพัดเข้ามาคงดีแน่”  

กล่าวแล้วกายอรชรที่สวมเพียงอาภรณ์บางเบาสีแดงหนึ่งชิ้นก็เร่งลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่าง ไม่ได้ฟังคำทักท้วงของคนที่นั่งบื้อใบ้กินไปชั่วครู่เพราะถูกเจ้าสาวมือใหม่ยั่วยวนเขาโดยที่นางเองก็คงไม่ทราบ และไม่ตั้งใจเป็นแน่ ซึ่งมันจะไม่ย่ำแย่ลงกว่าเดิมไปอีกหลายส่วนหากว่าในห้องหอนี้ไม่มีแสงเทียนสว่างไสว พอจางเยว่เซียงนั้นเดินกลับมาแสงเงาวับแวมสะท้อนให้เห็นไปถึงรูปร่างภายใต้อาภรณ์ที่นางสวมจนแลเห็นรางเลือน แต่ยิ่งรางเลือนมันกลับยิ่งยั่วยวนจนสวีฉีเฟิ่งถึงกับต้องนั่งตัวตรงเพราะ ‘บางส่วน’ ของบุรุษมันดันไม่รักษาหน้าผู้เป็นเจ้าของ ไม่สงวนท่าทีเลยสักนิด ‘ตื่นเตลิด’ ลุกขึ้นมาอวดโฉมตั้งตรงเป็นลำยิ่งใหญ่ชวนขายหน้ายากจะบรรยายว่าวายร้ายเช่นเขาต้องมาเสียกิริยาเพราะสตรีเอวองอรชรราวกับมดไปเสียได้ 

“พี่เฟิ่งอยากได้ผ้ามาเช็ดหน้าสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”  

คนหวังดีก็ยังหวังดีไม่เลิก ในยามนี้สวีฉีเฟิ่งไม่รู้จะสงสารตนเองเช่นไรแล้ว ยิ่งสตรีตรงหน้านางมีใบหน้าใสซื่อ เขาก็ยิ่งละอายที่ตนเองเอาแต่คิดไม่ซื่อกับนาง ภายในหัวของเขาบัดนี้มีสารพัดวิธีร่วมรักกับนางไปหมดแต่ดูนางเสียก่อน... 

...ใสซื่อราวซือไท่!... 

“นรกมันเถิด!!!”  

เขาจึงกัดฟันสบถออกมาสามคำ แต่จางเยว่เซียงนางฟังไม่ถนัดจึงขยับเข้ามาใกล้พลางถามด้วยความห่วงใยหนักหนาว่า... “พี่เฟิ่งว่าอันใดนะเจ้าคะ? ...อันใดรกหรือเจ้าคะ? หรือว่า???”  

นางหันไปบนเตียงที่มีของมงคลมากมายก็เริ่มเข้าใจไปอีกทางเลยยิ้มแย้มแล้วหันกลับมาหวังจะขออนุญาตหนานเฉิงกั๋วกงถึงการจัดเตียงใหม่โดยการ ‘กวาด’ เอาของมงคลเหล่านั้นไปไว้ด้านข้างใดข้างหนึ่ง เพราะทราบดีว่าชาวต้าเหลียงค่อนข้างเคร่งครัดธรรมเนียมคงไม่ดีแน่หากนางจะ ‘กวาด’ เอาของเหล่านั้นทิ้งไปเลย ทว่า... 

“ละ...เลือด...พี่เฟิ่งเลือดออก!!!...กรี๊ด!...เลือด...เด็ก ๆ ....ใครก็ได้ตามท่านหมอเร็ว...หนานเฉิงกั๋วกงเลือดออก!”  

...อวสานแล้วราตรีของข้า... 

สวีฉีเฟิ่งรำพึงรำพันในใจด้วยความทดท้อ ก็ไม่ทราบได้ว่าเขาสมควรลงทัณฑ์ท่านพ่อบ้านซูที่จัดหาชุดสวมนอน แต่เขาไม่อยากชวนจางเยว่เซียงเพียงนอนหลับไปเฉย ๆ ด้วยกันเท่านั้น หรือจะลงโทษคนที่ยั่วยวนเขาด้วยกิริยาใสซื่อจนเขาที่เกิดมาในชีวิตไม่เคยเลือดกำเดาแตก ต้องมาเสียเลือดให้แก่นางเป็นคนแรกดี 

...แต่โทษนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ!... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status