Share

ตอนที่9

last update Last Updated: 2025-09-07 10:33:11

ตอนที่9

ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น 

“มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” 

จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ 

“ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” 

ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว 

“ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” 

ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย และหญิงทั้งสองให้ติดตามตนเองออกไป เพราะเขานั้นก็เป็นบุรุษผู้หนึ่ง อาการของนายท่านสวีนั้นมิได้ร้ายแรง หากคืนนี้นั้นเขาได้ระบายธาตุหยางออกไปเสียบ้าง ก็คาดว่าพรุ่งนี้ และวันต่อ ๆ ไปย่อมไม่มีปัญหาหายสนิทอย่างแน่นอน 

“น้องเซียงมานี่” 

ผ่านไปครู่ใหญ่คนที่นอนหงายนิ่ง ๆ ก็เรียกคนตัวเล็กที่นั่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกลให้นางขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ซึ่งจางเยว่เซียงก็ขยับเข้าไปไม่มีเกี่ยงงอน เพราะคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าอีกฝ่ายคงต้องการสิ่งใดหวังว่าจะใช้ตนเองไปหยิบให้กระมัง ไม่ได้รู้เลยว่าบัดนี้สิ่งที่สวีฉีเฟิ่งต้องการที่สุดนั่นคือตัวของนางนั่นเอง 

“ก้มลงมาอีกหน่อย” 

นิ้วชี้เรียวยาวกระดิกเรียกหาให้นางขยับปีนขึ้นไปนั่งใกล้ชิดอีกทั้งที่หากจะใกล้อีกเกรงว่านางจะต้องปีนขึ้นไปบนกายของ ‘นายท่าน’ สวีแล้ว ดังนั้นจางเยว่เซียงนางจึงขยับเพียงกายส่วนบน และใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกของนางนั้นจะทิ่มลงไปที่ปลายคางของอีกฝ่ายแล้ว 

...ช่าง ‘ใกล้’ จนนางใจคอไม่ดีแล้วนะกั๋วกง... 

“อุ๊ย!” 

แต่แล้วกายอวบอั๋นนั้นก็มีอันเสียหลักถูกกระชากต้นคอเล็กจนนาง ‘ปีน’ ขึ้นไปกองอยู่บนหน้าอกของบุรุษตัวโตแล้วจริง ๆ ดวงตาเรียวสวยเบิกโพลงเพราะความตกใจนั้นเกินแปดส่วน แต่พอตั้งสติได้เรียวปากอวบอิ่มของนางก็ถูกอีกฝ่ายยึดครองไปเสียแล้ว ถึงอดีตนางคือนักแสดงคนหนึ่งเป็นนางร้ายที่อาจดูเปลืองเนื้อเปลืองตัวกว่าเหล่านางเอก แต่จูบจริงลึกซึ้งเช่นนี้นางกลับยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน 

ความรู้สึกแรกที่ปลายลิ้นอุ่นบุกรุกเข้าไปในปากของนางคืออาการชาวูบวาบไปจนถึงปลายเท้า ‘ที่แท้จะ..จะ.. จูบ มันเป็นเช่นนี้หรอกหรือ?’ อดีตนางร้ายเงินล้านคิดอย่างรางเลือนเต็มทีแล้ว ยิ่งเขาเริ่มจุมพิตลึกล้ำราวกับจะสูบเอาดวงวิญญาณของนางกลืนกินลงท้องไปเช่นนี้จางเยว่เซียงก็ยิ่งไปต่อไม่ถูกเสียกิริยานางร้ายที่สั่งสมมาถึงสี่ปีไปทันที 

ทางด้านคนที่หลอกล่อเจ้าสาวมา ‘กิน’ จนสำเร็จก็อุทานรำพึงภายในอกลั่นว่าจุมพิตนี้ช่าง ‘หวาน’ จนกลืนกินนางครั้งเดียวดูจะหยุดไม่ได้แล้วเป็นแน่ 

‘นี่หรือไม่ ที่พวกตาเฒ่าในราชสำนักทั้งหลายถึงชอบกินเด็กสาวกันยิ่งนัก เพราะรสชาติของสาวน้อยหอมหวานเกินจะต้านเช่นนี้นี่เอง’ สวีฉีเฟิ่งนั้นนอกจากกิจการโรงเตี๊ยม และบ่อนการพนันแล้ว ยังมีหอโคมเขียวในกำมืออีกหลายแห่ง เรียกว่ากิจการสีเทาไปจนถึงดำเขานั้นครอบครองมันเอาไว้แทบจะทั้งหมดในต้าเหลียงแห่งนี้ เพียงแต่เขาไม่เคยแตะต้องคนหรือสิ่งของที่ตนเองคิดว่าต้องใช้ร่วมกับผู้อื่นก็เท่านั้นเอง 

“อื้อ!” ร่างเล็กประท้วงเมื่อนางเริ่มจะหมดลมหายใจ ชายหนุ่มจึงถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากอวบอิ่มแสนจะหวานซ่านทรวงอย่าบอกใครที่บัดนี้มันบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด จนเขาคิดว่าเรียวปากนี้ต้องเป็นของเขาเพียงผู้เดียวไปตราบจนสิ้นลมหายใจเลยทีเดียว เพราะนิสัยของนายท่านสวีรุ่นที่สิบสามนี้เกลียดที่สุดก็คือการต้องมาแบ่งหรือครอบครองสิ่งใดร่วมกับคนอื่น 

เมื่อถอนจุมพิตลึกซึ้งแรกในสองชีวิตจากริมฝีปาก กั๋วกงหนุ่มเขาก็ไม่ปล่อยเวลาหรือโอกาสให้เสียไปเปล่าประโยชน์ เรียวปากอุ่นกดจุมพิตแตะแต้มลงไปเรื่อย ๆ จนเจอดอกปทุมมาลย์ฝาแฝดทั้งสองดอกอวบอัดยั่วยวนตายั่วยวนใจเขาตั้งแต่เมื่อครู่ใหญ่ ก็จูบฟัดอย่างไม่เกรงใจผู้เป็นเจ้าของเลยแม้แต่น้อย 

...ให้ตายเถอะ!... 

เมื่อครู่ที่เขามองผ่านชุดนอนสมควรตายของเหล่าซูผู้นั้นก็คิดว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว ทว่าพอได้สัมผัสจริงกลับล้นหลามจนฝ่ามือของเขาเกือบโอบประคองเอาไว้ได้ไม่หมดเลยทีเดียว เพราะหนึ่งเต้าทรวงนั้นเต็มไม้เต็มมือของเขาอย่างยิ่งแต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เกินไปมากนัก เมื่อเขาโอบประคองให้ดีจึงพบว่าเจ้าปทุมมาลย์ฝาแฝดคู่นี้คล้ายกับสวรรค์นั้นสร้างมาเพื่ออุ้งมือของเขาโดยเฉพาะก็มิปาน 

ยิ่งนวดคลึงสวีฉีเฟิ่งกลับยิ่งพึงใจกับความทั้งนุ่มทั้งเด้งสู้มือราวแป้งนุ่ม กั๋วกงหนุ่มที่เพิ่งจะขายหน้าใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ก่อนจึงไม่สนใจอันใดอีกแล้ว เมื่อมือแกร่งนั้นทั้งบีบทั้งขยี้ยอดปทุมถันอย่างพยายามล่อหลอกเด็กสาวไม่ประสีประสาในความคิดของเขา ให้นางหลงตื่นเตลิดเพริศแพร้วไปกับไฟสวาทที่เขาจุดแล้วก้าวนำทางให้นางนั้นคล้อยตาม ทั้งมือ และปากต่างช่วยกันปรนเปรอกายอรชรอย่างหิวกระหายจนคนตัวเล็กถึงกับหายใจไม่ทัน 

เพราะต่อให้นางนั้นมีทฤษฎีแน่นจนเต็มหัว แต่ในภาคปฏิบัติแล้วอดีตนางร้ายข้ามภพเช่นนางนั้นก็เป็นเพียงสาวร่างน้อยไม่ประสีประสานางหนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นแล้วจะเป็นตะวันฉายหรือจางเยว่เซียงก็ล้วนไม่เคยเจอะเคยเจอมาทั้งสิ้น ยิ่งเรียวปากร้ายกาจนวดเฟ้นเต้าทรวงอวบอิ่มเกินตัวทั้งสองข้างไปมานางก็ยิ่งหลงใหลไปกับอารมณ์วาบหวามที่ถูกฉุดกระชากโดยเจ้าบ่าวที่นอนสิ้นสภาพไปเมื่อครู่นั้นราวกับภาพดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น 

“อ๊ะ อ๊า...” ยิ่งปลายลิ้นร้อนตวัดดูดดื่มที่เม็ดทับทิมน้อยทั้งสอง นางก็เผลอหลุดเสียงร้องที่ตนเองนั้นก็ยังแทบจดจำเสียงแปลกประหลาดของตนมิได้เลย เพราะมันแปลกแปร่งหูชอบกล ส่วนกายน้อยนั้นก็บิดเป็นเกลียวด้วยความเสียวซ่านส่ายไปมาบนเบาะนวมหนาด้านหน้าเตียงหลังโต เพราะความทรมานที่ก้ำกึ่งระหว่างความหวานผสานไปด้วยรสขมเล็กน้อยจนนางยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้หมด 

ซึ่งสวีฉีเฟิ่งเองนั้นเมื่อปลดเจ้า ‘ชุดนอนสมควรตาย’ ไปจากกายนุ่มจึงได้เห็นสัดส่วนเย้ายวนตาชัดเจนประจักษ์แจ้งนั้นพลันต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะมิคาดว่าสาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีนางจะมี ‘อันใด’ ยิ่งใหญ่เกินตัวไปไกล เห็นว่านางนั้นตัวเล็กนิดเดียวแต่ส่วนที่ควรใหญ่ นางนั้นกลับขนมันมาเสียล้นหลามจริง ๆ จนเขาเห็นแล้วยังอดนึกห่วงใยแทนนางเสียไม่ได้ว่าเอวเล็กคอดกิ่วถึงเพียงนี้นางจะรับน้ำหนักภูเขากั๋วไถ่ซานคู่แฝดนั้นไหวไปได้เช่นไรทุกวัน 

“เจ้าพร้อมจะเข้าหอแล้วหรือไม่” 

สวีฉีเฟิ่งนั้นวนเวียน ‘ป้อน’ จุมพิตเร่าร้อนอย่างเต็มอารมณ์วาบหวามให้แก่จางเยว่เซียงจนสติสตังของนางขาดหายไปไม่มีเหลือดังนั้นพอถูกเขาตั้งคำถาม นางถึงกับพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ฟังจนแน่ชัด ไม่ได้คิดทบทวน กว่าจะนึกได้ว่าตนเองตอบตกลงก็สายไปเสียแล้ว อับอายไม่ทันแล้วจริง ๆ 

“เดี๋ยวก่อน…เอ่อ…ช้าก่อนพี่เฟิ่ง!” 

ก็ไม่เถียงว่าอดีตตนเองเคยเสียชาติเกิดเป็นหญิงมาแล้วหนึ่งครั้งที่มี ‘ของดี’ แต่ไม่เคยได้ใช้ แต่การจะถูก ‘ใช้’ ใช้ชาตินี้มันจะดีแน่หรือ? มันจะเจ็บเหมือนที่นางเคยได้ยินได้ฟังมาหรือไม่? หากเจ็บปวดมาก นางคงรับไม่ไหวหรอก ขนาดมีดบาดนางยังถึงกับแหกปากร้องตะโกนเหมือนโดนมีดเล่มใหญ่นั้นแทงร่างจนพรุน แล้วหาก ‘ครั้งแรก’ มันเจ็บจนเห็นดาวเห็นเดือนจริงนางจะทนไหวหรือไร? 

เมื่อสวีฉีเฟิ่งนั้นแลเห็นเจ้าสาวคนงามนางพยายามจะต่อต้าน มีหรือที่คนต้องการร่างน้อยเจียนคลั่งเช่นเขาจะยินยอม เช่นนั้นด้วยความมากประสบการณ์ไม่รอช้าจึงได้งัดไม้เด็ดลีลาทั้งหลายหมื่นกระบวนท่ามาใช้กับ ‘หนานเฉิงกั๋วกงฟูเหริน’ ทันที คราวนี้มือหนึ่งรวบมือน้อยสองข้างกดไว้เหนือหัว ส่วนเรียวปากอุ่นนั้นก็ระดมจุมพิตไปตามใบหน้างดงามไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่นั้นก็ทำหน้าที่เสาะหาแหล่งที่อยู่ของบุปผานางอันงดงามของสตรีใต้ร่างให้พบเพื่อจะปรนเปรอให้สาวน้อยหัวหมุนจนลืมตัวเผลอไผลไปกับรสสวาทของเขาอีกครั้ง 

เมื่อเขาพบเจอเป้าหมายซึ่งเป็นเนินนางอวบอูมพอเหมาะมือของจางเยว่เซียงเข้าก็ไม่รอช้า นิ้วมือเรียวยาวนุ่มนิ่มทว่ากลับร้ายกาจนั้นก็กรีดลงไปกลางกลีบของบุปผางดงามด้วยกิริยาค่อยเป็นค่อยไปหากแต่ก็หนักแน่นในทุกจังหวะจนลงลึกไปพบกับเกสรนางจึงบดขยี้คลึงเคล้นจากแผ่วเบาแล้วจึงค่อยขยับจังหวะขึ้นไปเป็นลำดับ 

“อื้อ ๆ อื้อ ๆ” 

ร่างน้อยที่หวาดกลัวกับ ‘ครั้งแรก’ ถึงกับสติหลุดตื่นเตลิดในทันทีเมื่อนางนั้นรู้สึกได้ถึงความวาบหวาม และเสียวซ่านที่ค่อย ๆ ตีหมุนวนจากกึ่งกลางร่างไปสู่ท้องน้อย จนนางต้องปล่อยเสียงครางออกมาอย่างสุดที่จะทานทน เมื่อเห็นร่างน้อยคล้อยตามจึงถามซ้ำอีกครั้ง 

“เช่นนี้เราพร้อมจะเข้าหอกันได้แล้วหรือไม่?” 

สวีฉีเฟิ่งถามคนใต้ร่างอีกครั้ง เพราะสำหรับเขาแล้วจางเยว่เซียงคือเจ้าสาว และนางคือสตรีของ ‘นายท่านสวี’ เช่นนั้นนางจะต้องยินยอมพร้อมใจยอมเป็นของเขาด้วยการยอมรับจากปากของนางเองเขาจึงจะพึงพอใจ ส่วนการหลอกล่อให้นางยอมเป็นของเขานั้นไม่ได้นับว่าน่าชิงชัง แต่เขานับว่าตนเองมีปัญญามากจึงชักนำสตรีของตนเองให้คล้อยตามได้ 

ความเสียวซ่านผสานอ่อนโยนนั้นค่อย ๆ ล่อลวงคนด้อยประสบการณ์ให้ก้าวผ่านวัย ‘เด็กสาว’ เข้าสู่วัยสาวเต็มกาย เขาอดทนพาสาวน้อยไปจนปลายสุดสายรุ้งได้เป็นครั้งแรก แล้วความปวดร้าวที่แกนกลางร่างที่มันขยายใหญ่จนแทบระเบิดเพราะความต้องการที่มากล้นออกมาให้ขายหน้าก็มิอาจทานทนไปได้มากกว่านี้อีกต่อไป 

...อา... เขาทนไม่ไหวแล้ว ต้องเดี๋ยวนี้ ต้องตอนนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงระเบิดออกมาแน่ ๆ!... 

สวีฉีเฟิ่งขยับลุกขึ้นไปนั่งคุกเข่าตรงกึ่งกลาง แล้วแยกเรียวขาที่ขาวเนียนนุ่มมือจนเขาสัญญากับตัวเองว่ารอบต่อไป เขาจะ ‘กิน’ นางทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ปลายเท้าเรียวแน่ พอกายสูงใหญ่นั้นถอยห่างออกไป คนใต้ร่างแกร่งนั้นถึงจะหลงวนไปกับไฟสวาทที่เจ้าบ่าวของตนจุดชนวนให้จนโหมไหม้ไปทั่วกายอรชรนั้นแล้ว แต่ความเขินอายนั้นยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม หญิงสาวพยายามที่จะหนีบเรียวขาเสลาทั้งคู่เอาไว้สุดกำลัง แต่แรงมดหรือจะสู้พลังช้างสารเช่นสวีฉีเฟิ่งไปได้ 

   ดังนั้นในที่สุดขาเรียวสองข้างก็ถูกจับแยกออกมาเกี่ยวไว้ที่เอวสอบ สวีฉีเฟิ่งนั้นพอจะรู้ว่านางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงใดจากที่ใช้นิ้วร้ายทดสอบมาแล้ว ถึงจะมีน้ำหวานแต่ความคับแน่นกับความใหญ่โตของเขากับขนาดกายของนาง และช่องทางคับแคบนั้นต่างกันเกินไปนั้น เกรงว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ของเขาในราตรีเข้าหอระหว่างนาง และเขาเสียแล้วเป็นแน่ 

เพราะสาวน้อยของเขานางคงจะต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอนกับการหลอมรวมเป็นหนึ่งเช่นสามีภรรยาทั่วไป แต่ทำอย่างไรได้ ก็มันใหญ่ของมันเองนี่นา ปกติก็ภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของตนเองอยู่หรอก แต่ในยามนี้เขาอยากมีขนาดที่เล็กลงกว่านี้สักเท่าหนึ่ง คนร่างเล็กนี้จะได้ไม่บอบช้ำมากนัก 

...นางเป็นของข้า เช่นนั้นจะต้องถนอมนางให้ถึงที่สุด!... 

เตือนตนเองเช่นนั้นแล้วสวีฉีเฟิ่งนั้นจึงค่อย ๆ ส่งตัวตนอันยิ่งใหญ่ของตนเองเข้าไปหาร่องรักคับแน่นด้วยกิริยาเนิบช้า และใจเย็นอดทนอย่างถึงที่สุด ทางฝ่ายคนอยาก ‘เสียตัว’ มาตลอดก็ชักใจไม่สู้เพราะความเจ็บที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในกายทีละน้อยจนนามอยากจะกระถดตัวหนี เพียงท่อนลำนั้นแทรกลึกเข้ามาได้เพียงส่วนปลายเท่านั้น กั๋วกงหนุ่มนั้นรู้ทางว่านางจะต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว จึงจับยึดเอวเล็กคอดกิ่วเอาไว้เสียแน่น 

“อ๊ะ! เจ็บ ๆ เจ็บ ๆ ปล่อยข้าเถิดนะ ไม่เอาแล้ว พอแล้ว กลัวแล้ว มันเจ็บ ฮือ ๆ” 

คนตัวเล็กดิ้นรนวอนขออย่างน่าสงสาร น้ำตาที่ไม่เคยไหลง่าย ๆ ตอนนี้ไหลนองเต็มสองแก้มที่เริ่มแดงจัดด้วยความเจ็บ สวีฉีเฟิ่งเห็นท่าทางนางจะอดทนไม่ไหวหากเขายังไปเนิบช้าเช่นนี้เขาจึงไม่อ้อยอิ่งอยู่อีกต่อไป สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะเดินหน้าทีเดียวให้สุดทางปล่อยให้นางเจ็บเพียงครั้งเดียวอย่างรวดเร็วไปเลยย่อมดีกว่า 

พรวด!...กึก!!... 

“กรี๊ด!!!” 

คนตัวเล็กร้องลั่นจนสุดเสียงนี่หรือคือการมีเพศสัมพันธ์ที่เพื่อน ๆ หลายคนเอามาคุยกันว่าดี มีแต่เรื่องเล่าวาบหวิวสุขสม มีแต่คำเล่าอ้างถึงแต่ความสุขระหว่างชายหญิง ‘ไอ้พวกบ้าเอ๊ย อย่าให้แม่กลับไปได้เชียวจะตบเรียงตัวให้หัวหลุดเลย!’ คนอยากเสีย ‘ซิง’ ด่าข้ามภพอาฆาตข้ามชาติก็วันนี้ที่บาดเจ็บคาดว่าช่วงล่างของนางคงจะสาหัสเสียแล้วเป็นแน่

“ฮือ...ไม่เอาเจ็บจะตายแล้ว ไม่เข้าแล้วหอนั้นน่ะ ข้าไม่เข้าแล้ว เรามาหย่ากัน!” 

คนตัวเล็กนั้นทั้งพยายามดิ้นรน จิกข่วนตามตัวคนร่างหนาที่อยู่ด้านบนไม่พอ ยังถึงขนาดเอ่ยปากชวนสามีหย่าขาดตั้งแต่ราตรีแรกของการแต่งงานอีกด้วย สวีฉีเฟิ่งไม่รู้จะขบขันนางหรือร้องไห้สงสารตนเองดีที่ตบแต่งกับสตรีไม่เอาไหนใต้ร่าง ส่วนคนบาดเจ็บ ‘สาหัส’ นั้นไม่สนใจอันได้ทั้งสิ้นนางยังคงกางนิ้วทั้งสิบ ‘ข่วน’ ชนิดดุเดือดกว่านางเสือดาวดุดันเพียงคาดหวังให้ชายหนุ่มถอดถอนตัวตนใหญ่โตออกไปเสียที เพราะกลางร่างของนางนั้นคล้ายกับถูกมีดคมกรีดแยกร่างออกเป็นสองส่วนอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว 

“ชู่ว์ ๆ ...คนดี เดี๋ยวมันจะดีขึ้น อยู่นิ่ง ๆ นะน้องเซียง” สวีฉีเฟิ่งพยายามปลุกปลอบคนใต้ร่างให้นางสงบลงสักเล็กน้อยก็ยังดี เพราะบัดนี้ทั้งหน้าอกรวมไปถึงลำคอ แผ่นหลัง หรือแม้แต่แขนแกร่งทั้งสองข้างนั้นแสบสันไปหมดจากฤทธิ์กรงเล็บพิฆาตที่ร้ายกาจกว่าเจ้าเสืออ้วนของเขาทั้งสองตัวเสียอีก 

เขาเองนั้นมิได้นอนใจที่ ‘ของส่วนตัว’ ของเขาดูเจ็บปวด และทรมานแทบขาดใจเช่นนี้ ถึงร่องรักของนางจะทรมานเขาก็ให้ทรมานไปด้วยความต้องการแทบขาดใจเพียงใด แต่สวีฉีเฟิ่งเขาก็ยังคงใจเย็นเป็นธารน้ำแข็งโดยการยังอ้อยอิ่งแช่ตัวตนไว้ในร่างน้อยนิ่งนานไม่ขยับอันใดทั้งสิ้นแล้วเริ่มมอบจุมพิตอ่อนหวาน เริ่มจากการจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตา จุมพิตนางช้า ๆ อย่างนิ่มนวลจากหน้าผาก คิ้ว จมูก สุดท้ายจบลงที่เรียวปากอวบอิ่มสีสดราวสีของผลอิงเถาที่ในยามนี้นั้นบวมเจ่อน้อย ๆ กดจุมพิตนางอย่างอ่อนโยนชนิดที่ไม่เคยจุมพิตสตรีใดเช่นนี้ตั้งแต่เขาเริ่มมีสัมพันธ์สวาทกับสตรีมาก่อน เพราะสตรีเหล่านั้นพวกนางหาใช่ ‘คนของเขา’ ทั้งสิ้นนั้นเอง มือก็ทำหน้าที่เคล้นคลึงวนเวียนอย่างเนิบช้าไปที่ปลายยอดปทุมถันสีสดเพื่อปลุกอารมณ์พิศวาสของนางให้กลับมาอีกครั้ง 

“เจ็บเจ้าค่ะ ท่านยังไม่เสร็จอีกหรือ?” คนเจ็บปวดนั้นพยายามพูดจาอ้อนวอนคนด้านบนให้ปล่อยนางออกไปสักคราโดยไม่คิดอันใดทั้งสิ้นว่าที่กล่าวออกไปนั้นมันเป็นการ ‘หยามหมิ่น’ เกียรติบุรุษเพียงใด และนางไม่สนใจด้วยว่าผู้ฟังด้านบนกายเช่นสวีฉีเฟิ่งฟังแล้วจะโมโหนางจนหน้ามืดหน้าแดงเพียงใด เพราะจางเยว่เซียงนางนั้นคิดไปว่าเพียงเขาสอดใส่ก็สมควรเสร็จสิ้นพึงใจแล้วเท่านั้น 

“เด็กน้อยข้ามิได้แล้วสิ้นสภาพขาดน้ำยาถึงเพียงนั้น” 

เขากระซิบตอบคนใต้ร่างกลับไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหดอย่างที่สุด “แต่ข้าเจ็บจะตายแล้วนะ!!!” คนด้านล่างก็ตะโกนเถียงออกมาด้วยน้ำตาคลอเบ้าเช่นกัน “ไม่มีสตรีใดตายด้วยสาเหตุจากคืนเข้าหอสักนางเลยนะน้องเซียง วางใจข้าเถิดว่าครั้งต่อไป และต่อไปเจ้าจะสุขล้นจนเรียกร้องเอากับข้าทุกราตรี” 

...ความมั่นหน้ามั่นหนังนี้ท่านได้แต่ใดมาเล่าสามีข้า? .... 

ฟังเขากล่าวจบคนที่เคยปากร้ายฝังสายเลือดก็อยากจะใช้ปากร้าย ๆ นั้นด่าทอความ ‘มั่นหน้ามั่นหนัง’ ของอีกฝ่ายอย่างยิ่ง แต่นางก็พลันถูกฤทธิ์ของเรียวปากร้ายกับปลายลิ้นอุ่นรวมถึงปลายนิ้วของคนตัวหนักซึ่งกำลังทำหน้าที่ชื่นชมดอกบัวแรกผลิของนางอย่างหลงใหลในความหวานหอมละมุนลิ้นละมุนปากจนอยากกลืนกินซ้ำ ๆ ย้ำไปทั้งราตรีนี้ ส่วนมืออีกข้างก็ส่งปลายนิ้วร้ายกาจลงไปควานหาเกสรนางจนพบเจอ แล้วบดบี้ขยี้เคล้นคลึงจากแผ่วเบาและเริ่มเพิ่มน้ำหนักลงไปอีก แล้วเมื่อสาวน้อยใต้ร่างนางเริ่มขยับสะโพกน้อยส่ายไปมา พร้อมทั้งเริ่มมีธารน้ำหวานหลั่งไหลออกมาจนเขาแน่ใจแล้วว่าจะมากพอให้ตนเองขยับเดินหน้าต่อไปเขาจึงค่อย ๆ ขยับสะโพกสอบเข้าออกเนิบช้า 

“อื้อ...” เสียงครางในลำคอที่เล็ดลอดออกมา ทำให้รู้ว่าคนใต้ร่างนางนั้นเริ่มคล้อยตามเขาบ้างแล้ว “น้องเซียง ดีขึ้นแล้วหรือไม่? ยังเจ็บมากหรือไม่เล่า?” 

เจอคำถามตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม สาวน้อยก็ให้รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบดังคนมีไข้สูง คาดว่าหากมีแสงสว่างกว่านี้ใบหน้าของตนเองนั้นคงแดงไม่น้อยแล้วเป็นแน่เมื่อเจอคำถามทึ่มทื่อ และตรงไปตรงมาของผู้เป็นสามีเช่นนี้ แต่ความเสียวซ่านที่ถูกบดขยี้เกสรนางกลางร่างก็ทำเอาสาวน้อยที่ไม่เคยพบเจอความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลยถึงกับครางฮืออย่างสุขสมปนทรมานไม่น้อยแยกแยะไม่ถูกไปหมด 

ในขณะที่หญิงสาวกำลังเริ่มเรียนรู้ความสุขระหว่างชายหญิง ก็หลงเตลิดเพริศแพร้วไปกับสามีหนุ่มอย่างไม่รู้ตัว ถึงจะยังมีความเจ็บปวดคับแน่นอยู่มากด้วยขนาดที่ต่างกัน แต่สวีฉีเฟิ่งนั้นก็รู้จักที่จะทะนุถนอมร่างน้อยของนางอย่างดี ถึงอดีตเขาไม่เคยคิดทำกับสตรีใดมาก่อนแต่กับนาง...จางเยว่เซียงคือข้อยกเว้น เพราะนางคือ...สตรีของเขา!... 

จังหวะรักที่ขยับโยกไหวเร่งเร็วรี่นั้นทำให้เขานั้นเริ่มจะทรมานแทบขาดใจกับความคับแน่นตึงซึ่งบีบรัดจากช่องทางรักของสาวน้อย ....อา... 

เขาไม่เคยสุขสมผสานความทรมานแทบขาดใจเช่นนี้มาก่อนเลย ซึ่งหากเขาขยับโยกเร็วแรงกว่านี้อีกนิดได้ขายหน้าคนตัวน้อยใต้ร่างเสียเป็นแน่ 

กั๋วกงหนุ่มจึงใช้ประสบการณ์ที่มากกว่าพาภรรยาสาวส่งนางให้ไปเหยียบสายรุ้งยังดินแดนเซียนเสียก่อนจึงค่อยก้าวตามนางไปในท้ายที่สุด ร่างน้อยก็เกร็งสะท้านสั่นไหว พร้อมกับกัดหัวไหล่แกร่งเข้าจมเขี้ยว นิ้วมือทั้งสิบก็จิกข่วนไปที่แผ่นหลัง และที่เอวสอบจนชายหนุ่มรู้สึกถึงความแสบสันคาดว่าจะมีร่องรอยราวกับไปกอดปล้ำอาบน้ำกับเสือร้ายสองตัวของตนแล้วเป็นแน่ แต่เหนืออื่นใดเขากำลังจะพังทลายเพราะการบีบรัดคับแน่นที่บีบตัวตนเขาให้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากดตัวตนย้ำ ๆ สามสี่ครั้งเขาก็ทะลักทลายออกมาจนหมดตัวติดตามนางไปยังแดนเซียนไม่ห่าง 

ก่อนที่ร่างหนานั้นจะซบใบหน้าชื้นเหงื่อลงไปด้านข้างซอกคอขาวผ่อง และหอมกรุ่นที่ตอนนี้มีรอยจ้ำแดงจากฝีมือเขาไปทั่วลำคอจนถึงเนินหน้าอก ส่วนคนที่เพิ่งเคยผ่านครั้งแรกถึงกับหลับใหลไปทันที ซึ่งอาจจะเพราะนางนั้นทั้งวันเหน็ดเหนื่อยมาไม่น้อย เจ้าบ่าวเช่นเขาจึงพอจะอภัยให้คนที่มาทอดทิ้งกันได้แค่เพียงสุขสมไปแล้วหนึ่งครั้งเท่านั้น! 

สวีฉีเฟิ่งนอนตะแคงมองไปที่ดวงหน้าเล็กที่มีเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักรับกันอย่างลงตัว นางอาจไม่ได้งดงามแค่เพียงครั้งแรกที่ได้พบเห็น แต่ยิ่งมองเขากลับยิ่งไม่มีเบื่อ ยิ่งมองนานเขายิ่งคล้ายจะรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะหลงใหลใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูราวเด็กน้อยนี้มากขึ้นและมากขึ้นทุกครั้งที่ได้มองเห็นเข้าเสียแล้ว 

เป็นเวลาหนึ่งเค่อกว่าที่เขาจะลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุมแล้วมองหาอ่างทองเหลือง และผ้าสะอาดมาเช็ดตัวให้หญิงสาวที่หลับไปอย่างง่ายดาย แต่ในห้องนี้กลับไม่มีอะไรที่เขาต้องการเลยสักอย่าง จึงเปิดประตูห้องหอออกไปแล้วเรียกหาสาวใช้หรือบ่าวชายสักคนมาหาของที่เขาต้องการ แต่พลันนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเงาวูบไหวแสนจะคุ้นตาเข้าเสียก่อน 

“ซั่วเจา” เรียกออกไปเงานั้นก็พุ่งเข้ามาดังเขารอเวลาเช่นนี้มานานแล้ว “นายท่าน” กายสูงใหญ่ไม่แตกต่างกับผู้เป็นนาย พุ่งเข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของสวีฉีเฟิ่ง แล้วส่งจดหมายให้แก่เขา กั๋วกงหนุ่มที่มีเบื้องหลัง และภาระอันยิ่งใหญ่รับขึ้นมาแต่ยังไม่เปิดอ่านในทันที 

“เจ้าสั่งใครสักคนให้นำอ่างใส่น้ำกับผ้าสะอาดมาให้ข้าสักหนึ่งชุดแล้วเจ้าไปรอข้าที่ห้องหนังสืออีกครู่หนึ่งข้าจะตามไปคุยธุระด้วย” 

“ขอรับนายท่าน” 

ซั่วเจารับคำสั่งแล้วก็จากไปรอผู้เป็นนายอย่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายไม่น้อยเพราะนี่คือราตรีวิวาห์ที่เจ้าบ่าวสมควรจะสุขสมอยู่กับกายอ่อนนุ่มของเจ้าสาว แต่คนเช่นหนานเฉิงกั๋วกงจะต้องทิ้งเจ้าสาวแล้วอาจจะต้องไปอยู่ให้ห้องหนังสือกับเขาไปอีกหลายชั่วยาม ซึ่งพอได้น้ำกับผ้า สวีฉีเฟิ่งก็ดูแลเช็ดทำความสะอาดให้ภรรยาแล้วสวมอาภรณ์ที่เป็นเสื้อคลุมของเขาแทนเจ้าชุดสวมนอนของนางที่เขานั้น ‘สังหาร’ มันจนสิ้นชีพนอนเป็นเศษผ้าอยู่บนพื้นไปเรียบร้อย แล้วจึงอุ้มกายบอบบางขึ้นไปนอนบนเตียงให้สบายแทนนอนบนเบาะนุ่มหน้าเตียง 

“น้องเซียง...น้องเซียง” 

ดวงตาเรียวสวยขยับเปิดขึ้นช้า ๆ ความง่วงงุนงงยังมีถึงแปดส่วนแต่จางเยว่เซียงนั้นก็ยังขยับริมฝีปากขานรับอีกฝ่ายเสียงเบา “เจ้าคะ?” หัวนิ้วโป้งของสวีฉีฟิ่งจึงแตะลูบไล้ไปตรงมุมปากอวบอิ่มที่ยังบวมเล็กน้อยอย่างเอ็นดูคนง่วงนอนเต็มที 

“นอนคนเดียวไปก่อนนะ พี่เฟิ่งต้องไปตรวจเอกสารสำคัญ” 

อย่างน้อยเขาก็สมควรจะบอกแก่นางให้รู้แจ้งว่าตนเองจะหายไปที่ใด เผื่อว่านางอาจตื่นมากลางดึกคงรู้สึกแย่ไม่น้อยที่คืนแรกของการแต่งงานแล้วตื่นมาต้องพบว่าสามีของตนหายไปที่ใดก็สุดที่จะรู้ได้ 

“เจ้าค่ะ” 

นางยิ้มให้เขาหลังจากรับปากด้วยเสียงหวานน่าเอ็นดู “เด็กดี...เช่นนั้นก็หลับเสีย” เขาก้มลงไปกดจุมพิตที่เปลือกตาทั้งสองข้าง จางเยว่เซียงจึงปิดตาลงแล้วหลับลงไปพร้อมกับรู้สึกอบอุ่นกับฝ่ามือแกร่งที่ลูบไปบนศีรษะของตนเองอย่างแผ่วเบาทว่าสม่ำเสมอ พอเห็นว่านางหายใจเข้า และออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอแล้ว กายสูงใหญ่จึงกระชับเหน็บชายผ้าห่มให้นางอีกครั้งจนดูว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงจากไปด้วยกิริยาระมัดระวังไม่ให้มีเสียงรบกวนคนหลับสนิทไปแล้ว... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status