[8]
เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด "แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ" ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง "ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย" "เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย" ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ "เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้วมั้ยวะ" เท็นมะพ่นควันลอยสูงขึ้นก่อนขยี้บุหรี่ที่เพิ่งจุดลงบนที่เขี่ยด้านหน้า ร่างสูงนั่งกางขากว้าง เท้าแขนและเอนตัวพิงไปกับโซฟา ท่าทางอย่างกับนักเลงมาทวงหนี้แบบนี้ถึงว่าไม่มีบริษัทไหนกล้ารับเข้าทำงาน ชายหนุ่มที่กล้าพูดเช่นนี้กับเท็นมะมีชื่อว่าเจย์ เขาเป็นถึงทายาทนักธุรกิจใหญ่ระดับโลก เบื้องหน้าที่ใครเห็นว่าขาวสะอาดนั้นย่อมมีเบื้องหลังที่เป็นสีเทาเช่นกัน พวกเขาคบเป็นเพื่อนกันมาเกินสิบปี จนแทบไม่มีเรื่องปิดบังกันแล้ว "ว่าแต่ช่วงนี้ไอ้ภพเป็นไงบ้าง มึงได้เจอมันบ้างมั้ย" "มันไปถือศีลที่วัดกูเลยไม่อยากไปรบกวน หนุ่มซิงก็แบบนี้แหละ เอาผู้หญิงไม่ได้เลยต้องไปนอนวัดแทน" "มึงก็พูดไป ระวังนรกจะกินกระบาลเอาล่ะ" นอกจากนายใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้วก็มีเท็นทะกับเจย์ที่รู้เรื่องความสามารถพิเศษของภพภูมิ และยังรู้ด้วยว่าหลังเกิดอุบัติเหตุรถตกเหวเมื่อตอนถูกไล่ยิงพลังนี้ก็ได้หายไปด้วย "ใครจะรู้ ว่าคนหล่อเหี้ย ๆ แบบไอ้ภพจะยังเวอร์จิ้นวะ เสียทีที่เกิดเป็นผู้ชาย ฮ่า ๆ ๆ" เท็นมะว่าพลางหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ เพราะพลังพิเศษทำให้ภพภูมิต้องรักษาพรหมจรรย์มาจนถึงตอนนี้ มีที่ไหนที่ผู้ชายอายุจะสามสิบแต่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้าถึงเวลาต้องเอากันจริง ๆ ไม่รู้จะทำเป็นหรือเปล่า ยิ่งคิดเท็นมะก็ยิ่งขำ "ถ้าไอ้ภพหล่อเหี้ย ๆ มึงก็หล่อสัด ๆ แล้วล่ะไอ้เท็น ไม่งั้นจะคบกันมาได้นานขนาดนี้เหรอ" เจย์ว่ากลับไปเพราะรำคาญเสียงหัวเราะที่ดังจนปวดประสาท ก่อนจะถามถึงเรื่องที่ภพภูมิไหว้วานให้ช่วย "เลิกพูดมากได้แล้ว เรื่องพี่ชายของไอ้ภพที่มึงให้กูช่วยสืบ เห็นว่าตอนนี้ไปร่วมมือกับคู่แข่งประมูลงานก่อสร้างทางเหนืออยู่" "พี่ภีมนะเหรอ" นินทาเพื่อนจนพอใจแล้วทั้งคู่จึงเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังกันบ้าง นอกจากเท็นมะแล้วก็มีเจย์นี่แหละที่ช่วยสืบหาคนบงการฆ่าคุณพ่อของภพภูมิอยู่เงียบ ๆ ขณะคุยกันเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นก่อนคนข้างนอกจะเปิดเข้ามา ทั้งคู่มองหน้ากันเครียดเพราะพนักงานที่นี่ต่างรู้กันว่าถ้าเท็นมะมาที่นี่ ห้ามทุกคนเข้ามารบกวนเด็ดขาด ทั้งคู่หันไปมองคนมาใหม่เป็นตาเดียว "คุณเข้ามาทำไม ไม่มีใครบอกหรือว่าไงห้ามรบกวน!" น้ำเสียงขุ่นเคืองถามด้วยความไม่พอใจและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตำหนิ "ขะ..ขอโทษครับ พอดีผมเห็นว่าคุณเจย์มีแขกแต่ไม่มีใครชงกาแฟมาให้ ผมก็เลย.." ดวงตาเรียวเล็กภายใต้กรอบแว่นสีเงินก้มมองต่ำเพื่อหลบสายตาเฉียบคมที่จ้องเขม็งของผู้เป็นนาย แค่นี้มือไม้ก็อ่อนแรงจนแทบจะทำถาดในมือหล่นแล้ว ขาเจ้ากรรมยังจะสั่นอีก "ออกไป!" เพล้ง!! เสียงตวาดทำเอาชายหนุ่มตกใจจนถาดหลุดจากมือ ทำให้แก้วเครื่องดื่มที่อยู่บนนั้นหล่นกระแทกพื้นแตกกระจาย "ขะ..ขอโทษครับ" เขารีบก้มลงเก็บเศษแก้วบนพื้นใส่ถาดก่อนที่เจย์จะโมโหไปมากกว่านี้ "เสียงดังแบบนี้เขาก็ตกใจหมดสิวะไอ้เจย์ ดูสิสั่นไปทั้งตัวแล้ว" เท็นมะลุกขึ้นไปนั่งยอง ๆ เบื้องหน้าเลขาหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดดูน่ากลัว แต่ไม่เท่ารอยสักบนหน้าอกด้านซ้ายที่มีขนหยิกหย็อยขึ้นอยู่ ดวงตาเรียวเล็กมองจากข้างล่างไล่ขึ้นมาถึงใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาขัดกับรูปร่างและสะดุดเข้ากับรอยยิ้มแสยะน่าขนลุก เจอแบบนี้เป็นใครก็กลัววะ เลขาหนุ่มถึงกับตกใจจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น "คะ..คะ..คุณ.." มะ..มะ..ไม่จริงใช่มั้ย นี่ก็แค่คนหน้าเหมือน ไม่ใช่ไอ้บ้ากามที่เขาเจอที่คลับเมื่อคืนนั้นหรอก!! "ใครวะ?" เท็นมะหันกลับไปถามเจย์ แสร้งทำเป็นไม่เคยพบเลขาหนุ่มมาก่อน "เลขาใหม่ เพิ่งมาทำงานได้สองเดือน ทำไม..มึงรู้จักเหรอ?" "เปล่า..บังเอิญว่าวันนี้กูอยากได้คนมาดูแลนิดหน่อย มึงคงไม่ว่าอะไรนะ" เจย์เงียบไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนบ้าคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาไม่เห็นจะเคยสนใจพนักงานของเขาสักคน ที่สั่งห้ามใครรบกวนก็มันนี่แหละ "ตามใจ" เมื่อได้รับอนุญาตเท็นมะจึงพาเลขาหนุ่มมานั่งบนโซฟาด้วยกัน ท่อนแขนแกร่งโอบบ่าบางไว้ ทำเหมือนออฟฟิศเป็นบาร์โฮสต์ก็ไม่ปาน "น้องชื่ออะไรหรือครับ" มือหนาอยู่ไม่สุขหยิบบัตรคล้องคอขึ้นมาอ่านชื่อเองโดยไม่รอให้เจ้าตัวแนะนำ "นายทศวรรษ วรางค์นิธิธรรม ชื่อน่าเลิฟจังเลยนะครับ" เลขาหนุ่มสะดุ้ง เริ่มมั่นใจแล้วว่าไอ้ยักษ์คนนี้คือคนเดียวกับที่เจอคืนนั้นแน่ ๆ เท็นมะและเจย์เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทนเพราะมีบุคคลที่สามอยู่ร่วมห้องด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นเท็นทะที่แกล้งพนักงานใหม่ของเจย์มากกว่า ทั้งขู่ว่าถ้าไม่ให้ความร่วมมือจะไม่ให้ผ่านโปร งานดีเงินเดือนสูงแบบนี้ใครจะกล้าปล่อยให้หลุดมือกัน เขาใช้เวลาถึงสองปีเชียวนะกว่าจะถูกเรียกตัว คิดว่าเป็นโชคดีในวัยเบญจเพสแต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว "วันนี้กูไม่ได้เอารถมา ให้เลขามึงขับรถไปส่งกูหน่อยได้มั้ยวะ" เจย์เงียบไปอีกครั้งก่อนจะบอกให้เลขาของตนขับรถไปส่งเท็นมะและอนุญาตให้เลิกงานก่อนเวลาได้ เขารู้อยู่แล้วว่าเท็นมะขับรถมาจอดไว้ด้านหน้าตึก ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ถึงอยากให้เลขาคนใหม่ไปส่ง ส่วนเลิฟแม้ไม่อยากไปส่งไอ้บ้านี่แต่ก็ไม่อยากหางานใหม่ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย จำต้องยอมทำตามคำสั่งของเจ้านาย เลิฟกลับไปเอากระเป๋าที่แผนก ออกมาก็เห็นร่างสูงยืนรออยู่หน้าลิฟต์ เขาไม่อยากอยู่ใกล้คนแบบนี้เลย เพราะนอกจากจะน่ากลัวแล้วแค่ยืนใกล้ก็รู้สึกอาย กล้าแต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้านได้ยังไงกัน ไม่รู้ว่ามั่นใจหรือมั่นหน้ากันแน่ ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก ร่างสูงหลีกทางให้เลิฟเข้าไปด้านในก่อน หนุ่มแว่นหลบเข้าไปยืนชิดมุมเพื่อให้อยู่ห่างจากเท็นทะมากที่สุด บรรยากาศโคตรจะอึดอัดเพราะอีกคนเอาแต่จ้องเขาด้วยสายตาน่าขนลุก "ทำไมยืนห่างขนาดนั้นล่ะ ขยับมานี่หน่อยสิ!" เสียงทุ้มออกคำสั่งทำให้เลิฟต้องขยับออกจากมุมมาก้าวหนึ่ง "จะกลัวอะไรฉันนักหนา ขยับเข้ามาอีก ถ้านายไม่เชื่อฟังฉันจะบอกให้ไอ้เจย์ไล่ออก ไม่รู้หรือไงว่ามีคนจ้องจะเสียบตำแหน่งนายตั้งเยอะ" โดนขู่จะไล่ออกเลิฟจำต้องเข้าไปยืนใกล้กับร่างสูง รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาทำเอาเขิน แต่พอเห็นลายสักบนหน้าอกหนาที่มีขนยุบยับก็เกิดกลัวขึ้นมา ไอ้หมอนี่มันหล่อแบบควรตัดหัวทิ้งจริง ๆ "ว่าง่าย ๆ จะได้อายุยืน ฮ่า ๆ ๆ" ท่อนแขนแกร่งวางลงบ่าไว้ทำเอาคนตัวบางกว่าบ่าแทบทรุด ยิ่งเสียงหัวเราะที่ชวนปวดประสาททำให้เลิฟอยากจะบ้าตาย เท็นมะเดินตามหลังเลิฟไปที่รถ สายตาเอาแต่จับจ้องสะโพกกลมกลึงที่ขยับตอนก้าวเท้า ถึงจะผอมแต่ก้นนี่สวยใช้ได้เลย "ละ..เลิกมองสักทีได้มั้ย.." มือเรียวเอื้อมมาปิดที่ก้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาคุกคาม "ก็ตูดนายสวย ฉันชอบ" "สะ..สวยอะไรกัน อย่ามาพูดจาแบบนี้กับผมนะ" ใบหน้าขาวแดงฉานและรีบเดินไปที่รถ พอเปิดประตูก็ถูกแย่งกุญแจไป เท็นมะบอกจะเป็นคนขับให้เอง "ฉันขับเอง" "ผมขับให้ดีกว่าครับ" เลิฟว่าพลางจับมือหนาที่ตะบปก้นและบีบเล่นอย่างสนุกมือออก รีบเข้าไปนั่งในรถและสตาร์ทเครื่องทันที ถ้าอยู่ใกล้หมอนี่มีแต่จะยิ่งอันตราย รีบไปส่งและรีบกลับบ้านดีกว่า เท็นมะไหวไหล่และเบะปากก่อนเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง ช่วงขาที่ยาวกว่าชาวบ้านทำให้เขาต้องถอยเบาะไปจนสุดและบ่นไปด้วย "รถนายแคบชะมัด" ก็รถอีโคคาร์ราคาไม่กี่ถึงล้าน จะเอาที่ไหนมากว้างล่ะ เขากับฟีฟ่ายังนั่งกันได้สบายเลย เลิฟเพียงแค่คิดในใจและรีบขับรถไปส่งเท็นมะโดยไม่ถามทางเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายพักอยู่ที่ไหน "นี่!" เท็นมะพูดขึ้นขณะรถติดไฟแดงและเลิฟก็เอาแต่นั่งเงียบตลอดทาง "ครับ" "แวะโรงแรมกันเถอะ เห็นก้นนายแล้วฉันเกิดอารมณ์ว่ะ" "คะ..คุณ!!" เลิฟทั้งโกรธทั้งอายจนอยากถอนเท้าที่เหยียบเบรกขึ้นมาถีบยอดหน้าคนข้าง ๆ มันไม่ได้พูดหน้าตาเฉยยังแอ่นเป้าให้เลิฟดูอีก กลัวไม่เชื่อว่ามันแข็งขึ้นมาแล้ว ดีที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวซะก่อนเลิฟจึงเปลี่ยนมาเหยียบคันเร่งแทน รีบไปส่งหมอนี่ให้เสร็จ ๆ จะได้กลับบ้านไปพักสมองสักที งานนี้พาราต้องเข้าแล้ว เพราะเคยมาส่งเท็นมะที่คอนโดเลิฟจึงไม่ต้องถามทาง เขามุ่งหน้าไปยังที่หมายโดยไม่สนใจเสียงเร้าหรือของคนตัวใหญ่ ถ้ามันไม่ฉวยโอกาสลวนลามเขาก่อน อีกไม่เกินสิบกิโลก็จะถึงแล้ว อดทนไว้นะไอ้เลิฟ เอี๊ยดดด..โครม!! เสียงเบรกยาวดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงชนท้ายโครมใหญ่ รถคันเล็กพุ่งไปด้านหน้าทั้งที่คนขับเหยียบเบรกอยู่ รถคันหลังตั้งใจดันรถของเขาให้ไปชนกับเสาไฟข้างทาง ดีที่เท็นมะเอื้อมมือไปช่วยบังคับพวงมาลัยทำให้หักหลบได้ทัน "กะ..เกิดอะไรขึ้น!" "ใจเย็น คอยดูข้างหน้าเอาไว้นะ!" ด้วยความตกใจทำให้เลิฟบังคับรถไม่อยู่ เท็นมะจึงช่วยบังคับพวงมาลัยให้แทน ส่วนสายตาก็คอยมองไปยังรถที่อยู่ข้างหลังอยู่เป็นระยะ สีดำซีรีส์เจ็ด..ของพวกไหนกันนะ เท็นมะบังคับรถให้จอดเข้าข้างทางได้อย่างปลอดภัย ในขณะที่รถหรูชนยังชนท้ายอยู่ พวกมันใช้โอกาสที่ถนนโล่งตั้งใจขับเข้ามาชน สถานการณ์ตอนนี้ดูท่าจะไม่ดีซะแล้ว ร่างสูงเปิดประตูลงมาพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ลงมาจากรถคู่กรณี ในมือของพวกมันมีท่อเหล็กและไม้เบสบอลแต่ไม่มีปืน หมายความว่าพวกมันแค่มาขู่ให้กลัวไม่ได้กะให้ถึงตาย ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา เปิดก่อนย่อมได้เปรียบ เท็นมะพุ่งเข้าแลกหมัดกับพวกมันที่มีอาวุธครบมือ อาศัยเพียงร่างกายที่กำยำกับฝีมือก็เป็นต่อแล้ว เลิฟตั้งใจจะฉวยโอกาสที่พวกมันกำลังต่อสู่กับเท็นมะหลบหนี แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนเจ้านาย ถ้าเจ้านายรู้ว่าเขาปล่อยให้เพื่อนถูกกระทืบตายข้างถนนมีหวังโดนไล่ออกจากงานแน่ ๆ จึงเปลี่ยนมาโทรแจ้งตำรวจแทน เจ้ากรรม..ยังไม่ทันกดตัวเลขครบพวกมันดันหันมาเห็นเข้าเสียก่อน หนึ่งในสี่คนตรงมาทางเขาใบหน้าถมึงทึง ด้วยความกลัวทำให้เลิฟก้าวขาไม่ออกและทรุดลงกับพื้น ตาย..ตายแน่ ๆ ไอ้เลิฟ นี่มันคราวซวยรับเบญจเพสหรือไงวะ รู้แบบนี้เขาเข้าวัดไปปฏิบัติธรรมเพื่อต่อชะตากับไอ้ฟ่าดีกว่า "ลุกขึ้น!" มือหนาฉุดแขนเลิฟให้ยืนขึ้นหลังใช้เท้าถีบชายที่ถือท่อเหล็กจะเข้ามาฟาดจนกระเด็นออกไปและดันตัวเลิฟให้ไปอยู่ด้านหลังเพื่อรับมือกับอีกสามคนที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน "นายไปมีเรื่องกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน" เท็นมะถามขึ้นในขณะปล่อยหมัดใส่หน้าชายฉกรรจ์อย่างแรง "ใช่ผมที่ไหนกัน คุณต่างหากล่ะ!" กล้าถาม..เด็กเนิร์ดอย่างเขาจะไปมีศัตรูที่ไหนได้ พวกมันคงตั้งใจมากระทืบนักเลงอย่างเท็นมะมากกว่า "ฮะ ๆ ๆ ๆ" เท็นมะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเสียดแทงประสาท ดูเขาสนุกกับการต่อสู้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตั้งใจมาหาเรื่อง ยิ่งเห็นเลือดก็ดูจะยิ่งคลุ้มคลั่งเหมือนหมาบ้า ทั้งที่ใช้แค่มือเปล่ากลับสู้กับพวกมันได้อย่างสูสี กระทั่งมีรถตู้อัลพาร์ตสีดำติดฟิล์มมืดทั้งคันขับเข้ามาจอด และมีชายฉกรรจ์อีกกลุ่มลงมาล้อมเท็นมะไว้ เลิฟถึงกับจะเป็นลม คนเยอะขนาดนี้ไอ้ยักษ์นี่ไม่รอดแน่ ๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่เลิฟเข้าใจ "เป็นยังไงบ้างครับคุณเท็นมะ" "ฉันไม่เป็นไร" เท็นมะว่าพลางปล่อยให้ชายฉกรรจ์อีกกลุ่มเข้าไปจัดการกับพวกที่มาดักทำร้ายและจับกุมตัวเอาไว้ได้ทั้งหมด "แล้วจะให้ทำยังไงกับพวกนี้ดีครับ" "เอาไปขังไว้ที่โกดัง แล้วค่อยจัดการอีกที" "ครับ" ชายหนุ่มรับคำสั่งและสั่งให้ลูกน้องพาตัวทั้งสี่คนใส่รถไป หลังจบเรื่องเลิฟถึงกับยืนไม่อยู่ คนตัวบางทรุดลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์แบบนี้เคยเห็นแต่ในหนังเท่านั้น ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน "เฮ้ย ๆ ๆ เป็นอะไรไป แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ" เท็นมะดึงตัวเลิฟขึ้นมาอีกครั้ง "คะ..คุณเป็นใครกันแน่ นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น" ทรงโจรแบบนี้ไม่แคล้วโดนคู่อริตามเก็บแน่ ๆ แค่คิดเลิฟก็รู้สึกชีวิตไม่ปลอดภัยซะแล้วตอนพิเศษ - เจย์ - ภาคินแสงสียามค่ำคืนบนถนนบันเทิงเป็นสิ่งที่คนอย่างผมโปรดปรานมากที่สุด แม้อายุจะยังไม่ถึงยี่สิบปี แต่ผมก็สามารถตะลอนหาความสนุกได้โดยอาศัยเส้นสายของภูวเดชเดชานอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาเหนือมนุษย์แล้วด้วยความที่เป็นทายาทคนหนึ่งของตระกูลทำให้ผมเป็นที่หมายปองของนักเที่ยวราตรีอย่างล้นหลาม สเปคของผมไม่ใช่สาวสวยหรือน่ารักแต่เป็นหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งผมไม่เคยขาดแคลนเลย แต่ที่โปรดปรานที่สุดก็คือคนสวยขาที่ร้อนแรงและพร้อมจะถ่างขาให้ผมตลอดเวลา"อื้มม..อ๊าา..คุณคิน แรง ๆ กระแทกผมให้แรงกว่านี้อีก อ๊าา.."ทุกครั้งหลังดีลกันในผับเรียบร้อยแล้วผมจะพาพวกเขาไปเริงรักต่อยังโรงแรมระดับห้าดาว ผมเปิดห้องที่มีราคาแพงที่สุดให้กับพวกเขาเพราะเสียงครางด้วยความเสียวซ่านจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ผมจนกระเจิง บ่อยครั้งที่ผมขยับโยกอย่างรุนแรงพวกหนุ่มหน้าหวานถึงกับเข่าทรุดไม่เป็นท่า และทุกครั้งหลังเสร็จกิจผมจะมีค่าตอบแทนให้จำนวนหนึ่งเพื่อป้องกันความยุ่งยากที่จะตามมาผมจะไม่ยุ่งกับคนเดิมซ้ำเป็นหนที่สองเว้นเสียแต่ว่าเด็ดจริง ๆ ดังนั้นจึงมีหลายคนไม่พอใจกับการถูกผมเอาและทิ้งในครั้งเดียว ฉะนั้นผมจึงค่อนข้างระวังตัวเองเป
ตอนพิเศษ - มังกร - ภีมเมื่ออายุครบสิบสองปีทายาทของภูวเดชเดชาจะต้องเลือกคนคุ้มกันขึ้นมาหนึ่งคน โดยคนผู้นี้จะอยู่ข้างกายเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย ตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิตก๊อก ๆ"เข้ามา""ขออนุญาตครับ ท่านผู้นำเชิญคุณภีมให้ไปพบที่ห้องทำงานครับ" ร่างสูงก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมผมปิดหนังสือในมือลงเมื่อคนของคุณพ่อเข้ามาภายในห้องก่อนลุกขึ้นและเดินนำเขาออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อไปถึงก็พบคุณพ่อ อาธีร์ นั่งอยู่บนโซฟา ภายในห้องนั้นยังมีเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมอยู่อีกหนึ่งคน"คุณพ่อต้องการพบผม มีอะไรหรือเปล่าครับ"?"นั่งก่อนสิ"ผมเข้าไปนั่งข้างคุณพ่อ มือหนาวางลงบนศีรษะอย่างอ่อนโยนก่อนหันไปเรียกเด็กชายคนนั้นเพื่อมาแนะนำให้ผมรู้จัก"นี่คือมังกร เขาจะมาเป็นผู้คุ้มกันของลูก ลูกคิดว่าเป็นยังไงบ้างล่ะ"ผมมองสำรวจเด็กชายที่มีอายุเท่ากันตั้งแต่หัวจดเท้าก่อนลุกขึ้นประจันหน้า ส่วนสูงของเขาทำให้ผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมน้อยคนนักที่จะมีส่วนสูงมากกว่า ไหนจะกล้ามเนื้อที่โตเกินวัยและผิวที่คล้ำแดดนั่นอีก"ผมยังไงก็ได้ครับ" ผมตอบคุณพ่อไปมังกรไม่ใช่เด็กคนแรกที่คุณพ่อพามาให้ผมเลือก ก่อนห
ตอนพิเศษ - เรือนไม้สีขาว..พ่อยอดขวัญยอดดวงใจของพี่แก้ว พี่จะรอพ่ออยู่ ณ ที่แห่งนี้ ตลอดไป..สายลมพัดเอื่อยผ่านมาทางเรือนไม้สีขาว กระทบกระดิ่งลมเกิดเป็นเสียงกังวานฟังเพราะเสนาะหูเรือนไม้สีขาวหลังน้อยปลูกอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ด้านหลังเป็นป่าไผ่ต้นสูงท่วมหัว ถัดออกไปมีบึงน้ำขนาดใหญ่ผ่านอยู่ไหลสายหนึ่งด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรงทำให้ผมต้องมาอาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง อากาศที่บริสุทธิ์จะช่วยให้อาการป่วยของผมไม่หนักหนาเหมือนตอนอยู่พระนครในแต่ละวันของผมผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเงียบเหงานอกจากอ่านตำราและวาดภาพ การไปเดินเล่นริมบึงหลังป่าไผ่ยังไม่สามารถคลายความเบื่อหน่ายนี้ลงไปได้ทิวาผันผ่านล่วงเข้าสู่รัตติกาลแห่งวัน ณ ที่แห่งนี้ยังคงมีเพียงผมเช่นเดิม ผมเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่าจะต้องจบชีวิตอยู่ที่เรือนสีขาวแห่งนี้เพียงลำพัง แต่อย่างน้อยก่อนจะถึงวันนั้นขอให้ความอ้างว้างในใจผมได้เบาบางลงสักนิดก็ยังดีและในที่สุดคำขอก็เป็นจริง เมื่อวันหนึ่งสายลมได้พัดพาคนผู้นั้นเข้ามาในชีวิตของผม"เห็นเดินมาทางนี้นี่นา หายไปไหนแล้วล่ะ""ทางนั้
[23] คิดถึงนะ "มองอะไรอยู่ไอ้ฟ่า ไปกันได้แล้ว" เลิฟเรียกฟีฟ่าที่เอาแต่ยืนมองไปรอบกุฏิของหลวงปู่ ทั้งที่คนอื่น ๆ นั่งรออยู่ในรถกันหมดแล้ว หลังกราบลาหลวงปู่และได้รับพรมาชุดใหญ่ทุกคนจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ คิดว่าฟีฟ่าจะกระดี๊กระด๊ารีบไปให้ไว ที่ไหนได้กลับอิดออดไม่ยอมขึ้นรถสักที "จะไม่มาส่งจริง ๆ เหรอเนี่ย" ฟีฟ่าเริ่มถอดใจเมื่อไม่เห็นเงาหัวของภพภูมิโผล่ออกมาให้เห็น จนได้ยินเสียงเพื่อนเลิฟตะโกนเรียกอีกครั้งจึงรีบเดินไปขึ้นรถ เพราะหากมีครั้งที่สามจะต้องเป็นเสียงเฮียยูโรแน่ "ไอ้คนใจดำ จำไว้เลย ถ้ามาง้อทีหลังไอ้ฟ่าจะไม่ให้ยกโทษให้แน่ คอยดูสิ!!" เขาต่อว่าภพภูมิก่อนมุดตัวเข้าไปในรถและยังแช่งให้คนพี่นอนไม่หลับ ตั้งใจว่าต่อไปจะไม่เป็นหมอนข้างให้อีกแล้ว ยูโรขับรถพาทุกคนมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ตลอดทางราบรื่นไร้อุปสรรค ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านสวนบรรยากาศร่มรื่นที่มีพื้นที่เล็ก ๆ ไว้สำหรับปลูกต้นไม้ขาย ฟีฟ่าฝากให้ป๊าช่วยปลูกต้นไผ่ที่ได้รับมาไว้ที่หลังบ้าน ซึ่งจุดนั้นตรงกับระเบียงห้องของยูโรพอดี ราวกับถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แม้ไม่ชอบใจแต่ยูโรก็ไม่ได้ขัดอะไร "วันนี้ไม่ออกไปสมัครงานเหรอ
[22] ลาก่อนเรือนไม้สีขาว ภพภูมิยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มมือปืนที่ต่างกำลังจดจ่อวัตถุสีดำมาทางเขา มือหนากำแน่นจนสั่นด้วยความเจ็บใจที่มองไม่เห็นหนทางที่จะช่วยฟีฟ่าเพราะตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย "เจอกันชาติหน้านะครับคุณภพ ป่านนี้คุณพ่อคุณคงรอจนเมื่อยแล้ว" รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของธีร์ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องกระหน่ำยิงคนตรงหน้า เมื่อตอนรถตกเหวไปพร้อมกับอดีตนายใหญ่ยังอุตส่าห์รอดชีวิตมาได้ คราวนี้ถ้าไม่ตายก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว "อย่ายิงนะ..พี่ภูมิ!!" ฟีฟ่าตะโกนห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว สมุนของธีร์ลั่นไกแทบจะพร้อมกัน โดยมีเป้านิ่งคือภพภูมิ ปัง! ปัง! ปัง! เอี๊ยดดดดด!! เสียงปืนรัวขึ้นดังจนหูแทบดับแต่ช้ากว่ารถยนต์ติดกระจกกันกระสุนที่ขับพุ่งเข้ามาขวางด้านหน้าของภพภูมิเอาไว้ ร่างสูงย่อตัวลงเพื่อหลบคมกระสุนที่ยิงเลยหลังคารถมาได้อย่างหวุดหวิด "รอพี่นานมั้ยจ๊ะที่รัก" คนในรถลดกระจกลงพลางยักคิ้วข้างหนึ่งทักทายภพภูมิ มือหนาดันแว่นตากันแดดขึ้นพลางขยิบตาให้ "เงียบปากไปเลยไอ้เท็นมะ แล้วไอ้เจย์ล่ะ!" "ไอ้เจย์ไปจัดการข้างบนแล้ว เห็นมันว่าจะไปดูหน้าเมียมันด้วย ช่วงนี้ได้ข่าวว่าติดเ
[21] คนบงการ"ผมขอเสนอให้คุณธีร์เป็นผู้นำคนต่อไป"เสียงทุ้มพูดชัดเจนทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ ธีร์แสดงท่าทีลำบากใจเมื่อถูกคะยั้นคะยอให้ยอมรับ ฝ่ายที่สนับสนุนธีร์ต่างแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดทางด้านฝ่ายที่สนับสนุนอดีตนายใหญ่ต่างหันมองกันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าเสนอชื่อธีร์ให้ขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไป แต่เสียงของผู้ที่สนับสนุนเขาก็ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง"ผมเห็นด้วยที่จะให้คุณธีร์เป็นผู้นำคนใหม่""ผมก็เหมือนกัน""ทุกท่านกรุณาคิดให้ดี ๆ ก่อนนะครับ ผมคิดว่าตัวผมไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกนะครับ" ธีร์ลุกขึ้นยืนและบอกทุกคนในห้องอย่างถ่อมตนในขณะที่หลายคนพยายามผลักดันให้เขาขึ้นรับตำแหน่งให้ได้"คุณธีร์ติดตามอดีตนายใหญ่มานาน ฝีไม้ลายมือย่อมดีกว่าพวกเด็กเมื่อวานซืนเยอะ เพื่อความก้าวหน้าของพรรค ผมขอสนับสนุนคุณธีร์อีกเสียงครับ""ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่คุณธีร์ก็ไม่มีใครเหมาะสมแล้ว"ฝ่ายที่เชียร์ธีร์ต่างส่งเสียงสนับสนุนเขาเต็มที่ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เห็นด้วยแล้วมีจำนวนมากกว่าทำให้ฝ่ายสนับสนุนอดีตนายใหญ่ต้องนั่งเงียบ อยากจะลุกจากเก้าอี้แต่ก็อยากรู้ข้อความ