ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก
"เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว่ซินต้องหันมามอง เธอผละออกจากอาโปแล้วเดินมาหาเจ้าก้อนแป้งที่ยืนหน้าบึ้งกันอยู่ทั้งคู่ หากแต่มันกลับน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาคนที่เห็นเสียเหลือเกิน "มีอะไรกันครับ" ถามพลางย่อตัวลงให้เสมอลูกชายตัวเอง เฟยหลงรีบวิ่งมายืนทางซ้าย ส่วนเฟยเฟิ่งก็อ้อมมาทางด้านขวา ใบหน้าที่ถอดแบบปะป๊ามาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นช้อนมองมารดาตัวเองทำเอาเยว่ซินใจอ่อนยวบ "ม๊าใส่ตัวนี้พรุ่งนี้นะครับ" "แต่เฟิ่งอยากให้ม๊าใส่ตัวนี้" เยว่ซินนิ่งไปครู่หนึ่งราวกับเจอเรื่องที่ลำบากใจที่สุดในชีวิต กำลังจะเอ่ยบอกว่าจะใส่ทั้งสองตัวหากแต่ด้านหลังกลับมีสุรเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน "ไม่อนุมัติทั้งคู่ ป๊าจะเป็นคนเลือกให้หม่าม๊าเอง" ฟาหยางที่ถือสูทมาในมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างคือถุงขนมร้านโปรดพูดพลางก้าวหาภรรยาตัวเอง ริมฝีปากประทับรอยจูบที่หน้าผากแล้วทอดมองลูกชายทั้งคู่ด้วยใบหน้าของคนชนะ "หม่าม๊าเป็นของป๊า เพราะงั้นป๊าจะเลือกให้เอง" แน่นอนว่าคำพูดเช่นนั้นนอกจากจะทำให้ทายาททั้งสองไม่พอใจมากแล้วก็รีบดึงม๊าเข้าหาตัวทันที เยว่ซินที่เห็นว่ากำลังจะเกิดสงครามทำเพียงส่ายศีรษะเบา ๆ "ม๊าอุ้มเฟิ่งหน่อย" "อุ้มเฮียด้วย!" คราวนี้กลายว่าเป็นเห็นดีเห็นชอบร่วมกัน เฟยหลงพยายามดึงชายเสื้อมารดาตัวเองให้โน้มลงหาตนเช่นเดียวกับเฟยเฟิ่งที่ยกมือห้ามไม่ให้ฟาหยางเข้ามาในรัศมีนี้ ร่างสูงที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบา ๆ มองพวกเจ้าแสบที่กำลังหวงมารดาตัวเองอย่างออกนอกหน้า "แกล้งลูกทำไมคะเนี่ย?" เยว่ซินถามอุบอิบ ยอมโน้มตัวกอดเจ้าแฝดไว้ในอ้อมแขนหากแต่สายตากลับมองสามีอย่างคาดโทษ ฟาหยางหัวเราะแผ่วเบา วางสูทลงที่พนักโซฟาแล้วเดินตรงมารวบเจ้าสองแสบพลางกดหอมคนละที "ทำหม่าม๊าเหนื่อยแล้วเห็นไหม" "เฮียไม่ได้ทำเสียหน่อย" เฟยหลงเถียงแต่ถึงแบบนั้นก็ยอมให้บิดาฟัดแก้มอย่างมันเขี้ยว ส่วนเฟยเฟิ่งทำเพียงพยักหน้าเออออกับพี่ชายตัวเอง "อะไร เถียงป๊าเหรอ" ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากนายน้อยทั้งสองเป็นผลให้เหล่าสาวใช้เบาใจ เยว่ซินพอเห็นเช่นนั้นก็ลุกขึ้นแล้วไปหาอาโปเพื่อพูดคุยถึงเรื่องงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ต่อ ทิ้งเวลาไปสักพักพอหันหลังกลับมาก็เหมือนว่าเรื่องชุดที่ถกเถียงกันก่อนหน้านี้จะได้รับข้อสรุปแล้ว "ให้หม่าม๊าใส่ตัวไหน" เสียงหวานถามพลางเดินไปหยุดข้างสามีที่อ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของฟาหยางที่มองกันก็ชักหวั่นใจ "ปะป๊าบอกว่าตัวนี้สวย" "หม่าม๊าเป็นกวาง" ครั้นได้เห็นชุดสีแดงตัวจิ๋วที่สั้นเหนือขาอ่อนทั้งเป็นสายเดี่ยวตัวบางก็ขมวดคิ้วทันที "ไม่ต้องห่วง มีเสื้อคลุมอยู่" ฟาหยางเคลื่อนหน้าเข้ามาหาแล้วกระซิบให้พอได้ยินกันสองคน "อยู่กับเหล่ากงสองคนเมื่อไหร่เธอค่อยถอดออก โอเคไหม?" ครั้นฟังจบก็ก้มหน้าหงุด เยว่ซินรู้สึกร้อนไปทั้งแก้ม จะพูดเถียงก็ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ จนฟาหยางหลุดหัวเราะ มือหนาบีบเคล้นช่วงเอวแผ่วเบา "อย่าซนสิคะ" "อยากจูบเธอจังเลย" ฟาหยางไม่ได้สนใจสายตาคล้ายจะตำหนิของภรรยาตัวเองเลยสักนิด จมูกโด่งยังคลอเคลียอยู่ที่บริเวณแก้มนุ่มจนเยว่ซินต้องตีที่ต้นแขนแกร่งเป็นเชิงห้าม "คุณหยาง" "ก็ได้...อาฟาจะอดทนไว้ก่อน" เขาพูดพลางยักไหล่ เยว่ซินคร้านจะเถียงกับความเจ้าเล่ห์ของสามีตัวเองจึงได้หันไปสนใจเจ้าก้อนสองคนที่กำลังเลือกชุดของตัวเองสำหรับงานเลี้ยงพรุ่งนี้ "อาเฟิ่งเป็นซานต้า เอาไหม" "ไม่เอา เฮียใส่เถอะ" "แล้วอยากเป็นอะไร" "ตุ๊กตาหิมะ" "..." ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยามความคิดของแฝดคนน้องอย่างเฟยเฟิ่งดี เหมือนเฟยหลงก็จะอึ้ง ๆ ไปถึงได้เงียบแล้วไม่ตอบอะไรอีก กว่าทั้งสองจะได้ชุดที่ถูกใจก็ต้องให้หม่าม๊าเป็นคนจิ้มเลือกให้ "หม่าม๊าอยากให้เฮียใส่ตัวนี้เหยอ" "เฟิ่งเอาตัวนี้ก็ได้ถ้าหม่าม๊าชอบ" อะไรก็ได้ที่เยว่ซินว่าดีแล้วเจ้าแฝดก็จะเห็นชอบไปเสียหมด เสร็จจากแพลนงานวันคริสต์มาสพรุ่งนี้แล้วจึงทานมื้อค่ำด้วยกัน ในห้องทานอาหารของคฤหาสน์ตระกูลหยางนั้นทั้งครึกครื้นและเต็มไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของเฟยหลงและเฟยเฟิ่ง ฟาหยางมองลูกชายตัวเองสลับกับเยว่ซินแล้วยกยิ้ม การทำงานหนักมาตลอดทั้งวันเยียวยาได้เพียงแค่ได้นั่งนิ่ง ๆ แล้วทอดมองทั้งสามคนเช่นนี้ "ปะป๊าไม่กินผัก" "หม่าม๊าดุเลย" แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังตามหลัง เจ้าเด็กแสบทั้งสองดูจะชอบใจที่ได้แกล้งปะป๊าของตัวเอง ผ่านไปสักพักกว่ามื้อค่ำจะเสร็จสิ้น เยว่ซินพาอาเฟยหลงและอาเฟิ่งไปอาบน้ำส่วนฟาหยางก็เคลียร์เอกสารอีกเล็กน้อย กลับมาที่ห้องนอนก็เห็นว่าทั้งสามคนอยู่ในชุดนอนแบบเดียวกันเสียแล้ว "คืนนี้ซินจะนอนกับลูกนะคะ"ยิ่งได้ยินภรรยาพูดเช่นนั้นก็ต้องหยุดนิ่งพลางยกมือขึ้นกอดอก "แล้วป๊าล่ะ" ถามทั้ง ๆ ที่หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน เจ้าก้อนแฝดเป็นวัยที่สามารถนอนแยกกับพ่อแม่ได้แล้ว ถึงแม้จะมีบ้างที่เยว่ซินแอบมานอนกับลูกบ่อย ๆ แต่ทุกครั้งฟาหยางก็จะตามมาด้วย "ป๊านอนกับเฮีย" เฟยหลงพูดพลางตบลงที่พื้นเตียงเป็นสัญญาณให้ปะป๊าได้รับรู้ "ป๊าจะนอนข้างหม่าม๊า" "ไม่เอา เฟิ่งจองแล้ว" ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะยุติสงครามไปได้ไม่นานแต่รอบใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เยว่ซินถอนหายใจแผ่วเบาในขณะที่ต้องปรามทั้งสามีและลูกชายของตัวเอง "คืนนี้ซินจะนอนกับลูก แล้วพรุ่งนี้เราค่อยนอนด้วยกัน ตกลงไหมคะปะป๊า?" แม้จะเป็นคำถามแต่ฟาหยางรับรู้ถึงความบังคับได้ในประโยคและแน่นอนเขาไม่ยอมที่จะนอนคนเดียวแน่ "ถ้าเธอนอนนี่ เหล่ากงก็จะนอนนี่" "..." "เว้นที่ให้ป๊าด้วยนะอาเฟยหลง" ครั้นพูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วก็ปลีกตัวไปอาบน้ำบ้าง กลับออกมาอีกทีก็เห็นว่าทั้งสามคนหลับกันไปหมดแล้ว ฟาหยางเดินไปกดริมฝีปากลงจูบที่หน้าผากคนละที ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววอ่อนลงอย่างชัดเจน ก่อนนอนก็ไม่วายเดินออกไปสั่งลูกน้องถึงงานเลี้ยงวันคริสต์มาสพรุ่งนี้ว่าให้จัดเตรียมทุกอย่างให้ดี หากเป็นเรื่องของครอบครัวแล้วเขาไม่เคยจะยอมปล่อยให้ผ่านสายตาไปได้ เป็นที่รู้กันดีของเหล่าลูกน้องว่าเจ้านายตัวเองผู้นี้น่ายกย่องขนาดไหน ทั้งงานบริษัท งานของตระกูลและเรื่องครอบครัว ฟาหยางทำหน้าที่ทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว "น่ารักมากเลยค่ะทั้งคุณเฟยหลงและเฟยเฟิ่งเลย" ภาพของทายาทตระกูลหยางในชุดซานตาคลอสสีแดงยามนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูจนเหล่าสาวใช้ที่ได้เห็นจำต้องยกมือขึ้นปิดปาก พวกเธอเหมือนเห็นฟาหยางย่อส่วนลงอย่างไรอย่างนั้น เฟยหลงครั้นได้ฟังคำชมก็ฉีกยิ้มกว้างต่างจากเฟยเฟิ่งที่ยืนฟังนิ่ง ๆ เป็นที่รู้กันดีว่าแฝดคนน้องจะเก็บอาการได้ดีกว่า ดูเหมือนทั้งคู่จะตื่นเต้นกันมากถึงได้รีบแต่งตัวกันตั้งแต่เช้า เฟยหลงตื่นแล้วก็รีบเรียกผู้ช่วยให้ช่วยแต่งตัวโดยที่เยว่ซินยังไม่ตื่นนอนด้วยซ้ำ ครั้นพอได้รับคำชมจนแน่ใจว่าตัวเองดูดีแล้วก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปทางห้องนอนปะป๊าและหม่าม๊าตัวเอง เฟยเฟิ่งเป็นคนปิดประตูยามเดินตามกันมา "ปะป๊า หม่าม๊า" คนเป็นพี่เริ่มเอ่ยเรียก บนเตียงนอนหลังใหญ่ปรากฏเป็นหม่าม๊าที่เจ้าแฝดแสนหวงแหนซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนฟาหยาง เยว่ซินครั้นได้ยินเสียงเรียกก็ขยับตัวเล็กน้อยแต่กลับโดนมือหนาของสามีลูบศีรษะแผ่วเบา "อาเฟยหลง" ฟาหยางพูดเสียงเบา เมื่อคืนหลังจากที่เขาคุยกับลูกน้องเสร็จก็กลับเข้ามานอนกับลูก ๆ สักพักแล้วแอบอุ้มภรรยาตัวน้อยหนีกลับมาที่ห้องของทั้งคู่ และเหมือนว่าเฟยหลงและเฟยเฟิ่งจะตื่นเต้นอยู่กับวันคริสต์มาสถึงได้ลืมไปว่าโดนแย่งหม่าม๊าไปอีกแล้ว "เฮียแต่งตัวแล้ว อาเฟิ่งก็เหมือนกัน" "ป๊าดูเฟิ่ง" "อืม ป๊าเห็นแล้ว น่ารักกันจัง" ร่างสูงลุกขึ้นแล้วตอบลูกชายทั้งคู่ที่แข่งกันโอ้อวดอยู่ เยว่ซินพอได้ยินเสียงพูดคุยข้าง ๆ ถึงได้ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาดู "มีเรื่องอะไรดี ๆ กันแต่เช้า" เสียงหวานเอ่ยถาม มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาตัวเองเบา ๆ ครั้นทั้งสามคนพอเห็นเยว่ซินตื่นถึงได้ขยับเข้ามาหา ฟาหยางอุ้มลูกชายตัวเองทั้งคู่ขึ้นมาบนเตียงเพื่อให้ได้หอมหม่าม๊าคนละทีเช่นเดียวกับเขาที่โน้มตัวลงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากสวย "หล่อกันจังเลย สุดหล่อของม๊า" บนเตียงหลังใหญ่ปรากฏภาพของครอบครัวตระกูลหยางที่ผลัดกันพูดผลัดกันหัวเราะสดใสตั้งแต่เช้า หากใครมาได้เห็นก็จำต้องอยากจะถ่ายรูปนี้ไว้เป็นที่ระลึกสักรูปหรือสองรูป และเพราะวันนี้ฟาหยางตั้งใจจะอยู่งานคริสต์มาสที่เจ้าพวกแฝดชอบกันนักชอบกันหนา เขาถึงยกเลิกตารางงานตัวเองไปทั้งหมดแล้วเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ หลังจากที่เฟยหลงและเฟยเฟิ่งอวดชุดซานตาคลอสที่ใส่กันอยู่อย่างพอใจแล้วถึงได้พากันออกจากห้องไปดูของขวัญที่ถูกส่งมาให้มากมายจากทั้งคู่ค้าของฟาหยางและคนในวงการบันเทิงของเยว่ซิน "อาบน้ำพร้อมกันดีไหม" ครั้นอยู่กันสองคนแล้วฟาหยางจึงเอ่ยถามพร้อมขยับตัวลงจูบที่บริเวณลำคอระหงส์จนถึงไหปลาร้าสวย "อือ...วันนี้คุณหยางให้อะไรลูกเป็นของขวัญคะ" เรียวขาสวยก้าวลงจากเตียงนำหน้าสามีตัวเอง ก่อนจะปลดชุดนอนลงโดยไม่ได้สนใจสายตาราวกับราชสีห์ของฟาหยางเลยสักนิด ทั้งแผ่นหลังเนียนรวมถึงสัดส่วนและทรวดทรงของคุณหนูเยว่ซินทำให้ฟาหยางเลียริมฝีปากอย่างชอบใจ "อาบน้ำเฉย ๆ ห้ามทำมากกว่านั้นเข้าใจหรือเปล่าคะ" คนตัวเล็กหันกลับมาแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย ฟาหยางไม่ได้ตอบอะไร ขายาวก้าวชิดภรรยาพร้อมพูดเจ้าเล่ห์ "ได้ เหล่ากงรอเธอเป็นกวางเสียก่อน" "..." "ถึงตอนนั้นแล้วจะเอาให้ขู่ไม่ออกเลย" คนฟังได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ แค่คิดถึงชุดที่ทั้งฟาหยางและเจ้าแฝดเลือกกันให้เมื่อคืนนี้ก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย "ส่วนของขวัญที่อาซินถาม..." หัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ที่ข้ามไปถูกดึงกลับมาพูดอีกครั้ง คราวนี้ฟาหยางก็ถอดเสื้อนอนตัวเองออก หน้าท้องแกร่งที่มีวีไลน์ชัดเจนทำให้เยว่ซินเผลอกัดริมฝีปากอย่างลืมตัว เธอคิดในใจอยู่เสมอว่าพระเจ้าช่างลำเอียงต่อคนผู้นี้มากเกินไปหรือเปล่าถึงได้สร้างทุกสัดส่วนของผู้ชายคนนี้ได้สมบูรณ์แบบเช่นนั้น "ของอาเฟยหลงเป็นซุปเปอร์คาร์ ส่วนอาเฟิ่งเป็นเครื่องบินส่วนตัว ดูเหมือนรายนั้นจะติดนิสัยชอบนั่งนิ่ง ๆ เสียมากกว่า" ครั้นได้ฟังคำนินทาลูกต่อหน้าแล้วเยว่ซินก็อดที่จะขำไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าเฟยหลงและเฟยเฟิ่งนั้นต่างกันอย่างไร เฟยหลงติดจะเฮฮามากกว่า ส่วนเฟยเฟิ่งก็มักจะมองนิ่ง ๆ ไม่ยินดียินร้ายต่ออะไรเท่าไหร่นัก "มันไม่เร็วไปหน่อยหรือคะที่จะซื้อของแบบนั้นให้ลูก" แต่ถึงแบบนั้นก็ดูเหมือนฟาหยางจะเกินเรื่องเกินตัวไปอีกแล้ว ลูกเพิ่งจะแค่หกขวบแต่ซื้อรถซื้อเครื่องบินมันหมายความว่าอย่างไร! "ไม่เร็ว เดี๋ยวพวกแฝดก็โตกันแล้ว" เมื่อรู้ว่าเถียงไม่ได้ก็ยอมเงียบเสียดีกว่า หลังจากคุยกันเสร็จสองสามีภรรยาก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบลงไปด้านล่างซึ่งเหมือนว่าเจ้าสองเฟยจะวุ่นวายอยู่กับของตกแต่งเสียเหลือเกิน จางลี่แม้ตอนนี้บินไปทำงานที่ต่างประเทศก็ยังไม่วายโทรมาหาเจ้าพวกแฝดทั้งยังส่งของขวัญกล่องโตตามมาให้ด้วย ในนั้นมีทั้งของเล่นทั้งเสื้อผ้าและอีกหลายอย่างจนเยว่ซินต้องส่งข้อความไปปรามไม่ให้คุณหนูตระกูลจางตามใจหลานมากเกินไป แต่ถึงแบบนั้นก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์เพราะนอกจากจางลี่จะไม่ฟังแล้วก็ยังจองตั๋วสวนสนุกไว้ให้เฟยหลงและเฟยเฟิ่งไปเล่นได้แบบส่วนตัวอีกด้วย "น้าลี่ เฮียขอขนมนุ่ม ๆ ด้วยนะครับ" ได้ยินเสียงใสของเฟยหลงพร้อมกับเฟยเฟิ่งที่พยักหน้าหงึก ๆ อยู่ข้างกันผ่านกล้องยิ่งทำให้จางลี่แทบจะโอนทรัพย์สินที่มีให้เจ้าแฝดจนหมดตัว ฟาหยางและเยว่ซินจะมีลูกที่น่ารักเกินไปแล้ว! เสร็จจากคุยโทรศัพท์คราวนี้ก็ได้เวลาอบขนมของนายหญิงตระกูลหยาง หลัง ๆ มานี้เยว่ซินชำนาญที่จะทำขนมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ติดอุปสรรคอยู่แค่อย่างเดียวคือ... "อันนี้เรียกว่าอะไรครับหม่าม๊า" "เฟิ่งทานอันนี้ได้หรือเปล่า" ก็คือเจ้าพวกแฝดที่มักวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังอยากช่วยหม่าม๊าเสียเหลือเกินแต่ไม่รับรู้เลยว่ายิ่งทำให้เยว่ซินลำบากกว่าเดิมเสียอีก "ให้หม่าม๊าอบก่อนแล้วค่อยทานนะครับ" "อบคือร้อน ๆ ใช่ไหมครับ" เยว่ซินหลุดหัวเราะก่อนจะพยักหน้าให้ลูกชายแล้วเริ่มทำขนมต่อ แม้จะมีสาวใช้คอยช่วยอยู่แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะวันนี้นายหญิงตระกูลหยางอยากที่จะลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองจึงทำให้ไม่มีใครกล้าขัดใจ "กวนอะไรหม่าม๊ากันอยู่ตรงนี้" คราวนี้พอได้ยินเสียงทรงอำนาจทำให้เจ้าพวกแฝดหยุดมือที่กำลังกวนหม่าม๊าตัวเองไว้ ขาเล็ก ๆ วิ่งเข้าหาคนเป็นบิดาแล้วแบมือลงตรงหน้า "ป๊า...ของขวัญ" พูดออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน ฟาหยางหัวเราะแล้วย่อตัวลงให้เสมอพวกลูกชายตัวเอง "ยังไม่ถึงเวลาให้ของขวัญเสียหน่อย" "ถึงเวลาคือตอนไหน ทำไมน้าลี่ให้มาแล้ว" เฟยหลงถามพลางเอียงคออย่างสงสัยส่วนเฟยเฟิ่งแม้สงสัยเหมือนกันแต่ก็ได้พี่ชายถามให้แล้ว "รอหม่าม๊าอบขนมเสร็จก่อน โอเคหรือเปล่า" เขายื่นข้อเสนอ ซึ่งเมื่อทั้งคู่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะวิ่งกลับไปพันแข้งพันขาหม่าม๊าเช่นเดิม "อาซิน...ให้ช่วยหรือเปล่า" ฟาหยางเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็กแล้วเอ่ยถาม มือหนาข้างหนึ่งเท้าลงกับเคาน์เตอร์ครัวส่วนอีกข้างไว้ประคองเอวบางอย่างหวงแหน "อืม ไม่ได้ยุ่งยากหรอกค่ะซินทำเองได้ เหล่ากงพาสองเฟยไปจัดตรงสวนดีกว่าไหมคะ" เพราะทั้งสามเอาแต่วอแวจนเยว่ซินมือพันกันไปหมด ฟาหยางได้ฟังเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ ก่อนไปยังไม่วายโน้มตัวลงจูบที่ข้างขมับภรรยาแผ่วเบา "เข้าใจแล้ว มีอะไรให้ช่วยก็ให้ลูกน้องไปเรียกนะ" เยว่ซินขานรับในลำคอ เพียงครู่เดียวฟาหยางก็พาพวกแฝดออกไปที่สวนสำหรับจัดงานเลี้ยงในเย็นนี้ทำให้เยว่ซินพอจะทำขนมได้ง่ายขึ้น ใครบอกมีสามีและลูกที่ติดแจกับตัวเองแล้วจะดี เยว่ซินคิดว่าทั้งสามคนจะติดเธอมากเกินไปจนกลายเป็นวุ่นวายไปเสียนี่ ราว ๆ ชั่วโมงเห็นจะได้ทั้งสถานที่และอาหารถึงได้พร้อมสำหรับวันคริสต์มาสในวันนี้ ฟาหยางและเยว่ซินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นแบบเดียวกับพวกลูกชายตัวเอง ร่างเล็กพิจารณาตัวเองในกระจก หญิงสาวมักได้รับคำชมอยู่เสมอว่าแม้จะมีลูกแล้วหากแต่ยังดูงดงามอยู่เสมอ มือเรียวใส่ที่คาดผมเขากวางเป็นอย่างสุดท้าย พลันด้านหลังก็โดนสามีโอบแล้วซุกจมูกโด่งมาที่ซอกคอขาว "สวยจัง" ฟาหยางอยู่ในชุดสีแดงคล้าย ๆ กัน รูปร่างสมส่วนและใบหน้าหล่อเหลาวันนี้ทำให้เยว่ซินต้องมองค้าง อยากเอ่ยถามพระเจ้าว่าผู้ชายคนนี้จะดูดีไปจนถึงอายุเท่าไหร่กันแน่ "หอมด้วย" ยังชมอยู่ไม่ขาดปาก เยว่ซินพูดขอบคุณเสียงเบาก่อนจะกล่าวชมเขาไม่ต่างกัน ผลัดกันหอมผลัดกันจูบอยู่สักพักถึงได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากชั้นล่าง "เอาอีกแล้วเจ้าพวกลูกลิง" ฟาหยางผละตัวออกพลางเสยผมตัวเองลวก ๆ เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นหลุดหัวเราะก่อนจะเดินตามสามีตัวเองไปชั้นล่างเพื่อไปหาเจ้าลูกลิงที่ฟาหยางเรียก "เฟิ่งบอกเฮียแล้วว่าห้ามกินก่อน" "ก็มันหอม..." เหมือนสงครามก่อนหน้านี้เริ่มเบาลงเพราะเฟยเฟิ่งพูดพลางเท้าสะเอวมองพี่ชายตัวเองด้วยสีหน้าดุ ๆ ด้านข้างเห็นเป็นขนมปังหนึ่งชิ้นหล่นอยู่บนพื้น "มีใครอยากอธิบายป๊าบ้าง" ทั้งสองสะดุ้งตัวโยนยามได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถาม เฟยหลงรีบดึงมือน้องชายให้มายืนใกล้ ๆ กัน "แบบนี้นะป๊า เฮียน่ะ..." เฟยหลงละล่ำละลัก มือป้อมกำแบไปมาเหมือนไม่กล้าจะพูด "เฮียเฟยทำขนมปังที่หม่าม๊าอบหล่นพื้น" "อาเฟิ่ง!" "ทำผิดก็แค่ยอมรับผิด ไม่เห็นเป็นอะไรเลย" "รู้แล้ว เฮียก็กำลังจะพูด" คนเป็นพี่พูดเสียงดังก่อนจะหันกลับมามองผู้บังเกิดเกล้าตัวเองแล้วหงอยลง "เฮียขอโทษ" เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นก็เดินตรงไปหาลูกชายตัวเอง ยิ่งเห็นเฟยหลงทำหน้ารู้สึกผิดก็ยิ่งใจอ่อน "ไม่เป็นไรครับ เรายังเหลือขนมเยอะเลยนี่" พูดให้กำลังใจแล้วโอบทั้งคู่ในอ้อมแขน ฟาหยางที่เห็นเช่นนั้นก็มาหยุดข้าง ๆ กัน ปล่อยหน้าที่นี้ให้เยว่ซินเป็นคนปลอบส่วนตัวเองแค่ยืนมองนิ่ง ๆ จนแน่ใจว่าเฟยหลงรู้สึกดีแล้วทั้งสี่คนถึงได้ย้ายตัวเองไปที่สวนหน้าคฤหาสน์โดยมีลูกน้องยกอาหารเพื่อจัดเตรียมโต๊ะให้ งานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบครัวหยางเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่ายหากแต่ลูกน้องในคฤหาสน์ได้เห็นภาพนั้นแล้วต้องยกยิ้มกันเสียทุกคน นอกจากนี้พวกเขายังได้ของขวัญจากนายหญิงตระกูลหยางกันมาด้วย บ้างก็เป็นเสื้อผ้าหรือพวกเครื่องประดับราคาแพง เยว่ซินยอมควักเงินส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับลูกน้องทุกคน ถึงแม้สุดท้ายฟาหยางจะโอนเข้าทดแทนส่วนนั้นให้เธอเป็นจำนวนเงินมากกว่าที่จ่ายไปหลายสิบเท่าก็ตาม "หม่าม๊าทำอร่อย" "ขอบคุณครับอาเฟยหลง" "ป๊าจะให้ของขวัญหรือยัง" "ใจร้อนนะอาเฟิ่ง" ได้ยินเสียงพูดคุยกันไปมาแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เยว่ซินมองผู้ชายสามคนที่เธอรักมากกว่าตัวเองเสียอีกทั้งหน้าตาและนิสัยถอดแบบกันมาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็น พลันก็ได้แต่คิดในใจว่าทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้กัน "หม่าม๊า ก้มลงมาหน่อย" ก่อนจะหลุดออกจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงเฟยเฟิ่งพูดอยู่ข้าง ๆ "หืม?" แม้สงสัยแต่ก็ทำตาม เยว่ซินย่อตัวลงเสมอลูกชายตนเองแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อฝั่งซ้ายและขวาโดนอาเฟยทั้งคู่กดริมฝีปากลงที่แก้มราวกับนัดหมายกันมา "รักหม่าม๊า" แถมยังนัดคำพูดมาอีกต่างหาก เยว่ซินยิ้มจนตาหยีลงราวพระจันทร์เสี้ยว ยกมือขึ้นสองข้างดึงเฟยหลงและเฟยเฟิ่งมาก่อนจะทำแบบเดียวกัน "หม่าม๊าก็รักพวกเราเหมือนกัน" ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจแล้วเยว่ซินยิ่งระบายยิ้มกว้างไปอีก "บอกแต่หม่าม๊าแล้วปะป๊าเล่า?" คราวนี้คนที่คล้ายจะโดนลืมไปชั่วครู่พูดขึ้นมาเสียงดัง เยว่ซินหันมองลูกชายทั้งคู่แล้วส่งสายตาอย่างมีความหมาย ก่อนที่คราวนี้ทั้งสามจะพูดขึ้นพร้อม ๆ กันจนแม้แต่ฟาหยางยังหลุดหัวเราะเอ็นดู "รักปะป๊า!" มันน่ารักน้อยที่ไหนกัน ฟาหยางทอดมองทั้งสามคนด้วยความรักทั้งหมดที่มี สุรเสียงพูดขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้ไร้ความแง่งอนเหมือนเมื่อครู่ "สุขสันต์วันคริสต์มาสแด่ดวงใจของฟาหยาง...แต่รู้อะไรไหมอาเฟยหลงและอาเฟยเฟิ่ง ต่อให้จะปากหวานแต่หม่าม๊าเป็นของปะป๊านะ" พูดจบแล้วทายาททั้งคู่ถึงกับอ้าปากค้าง รีบวิ่งมาตรงหน้ามารดาตัวเองพลางกางแขนเล็ก ๆ ขึ้นกั้นไว้แล้วพูดเสียงดังขึ้นมาพร้อม ๆ กัน "ป๊า!" นี่เป็นเรื่องเดียวเลยกระมังที่ต่อให้จะถกเถียงกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็ไม่เคยจะลงรอยกันเลยเสียที เยว่ซินได้แต่มองภาพนั้นแล้วส่ายหน้าไปมา เหลือจะเชื่อเลยว่าทั้งประมุขทั้งทายาทตระกูลหยางจะมีงานอดิเรกคือยื้อแย่งผู้หญิงคนเดียวกัน และคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นภรรยาและหม่าม๊าอันเป็นดวงใจของพวกเขา เหล่าลูกน้องที่เห็นและรับรู้กันมาตลอดก็ได้แต่ตั้งข้อสงสัยอยู่เสมอ นายน้อยเฟยหลงและเฟยเฟิ่งของพวกเขาจะมีผู้หญิงคนไหนมาแทนที่คุณหนูเยว่ซินได้หรือไม่? แล้วผู้หญิงคนนั้นจะมีนิสัยเป็นเช่นไรกันนะ... 全文完 จบบริบูรณ์ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว
ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก
ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน
สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร
ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง
เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน