เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน!
ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน้าเธอจะยอมทิ้งงานตัวเองมาจริงหรือ" คนตัวเล็กถอนหายใจ เพราะตอนนี้มาอยู่ถึงที่นี่แล้วเธอจะทำอะไรได้? ดวงตากลมโตเพิ่งได้สำรวจที่พักตนเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่เพิ่งควานสติกลับมาได้ "คิดทุกอย่างนี่นานไหมคะ" "เพิ่งคิดได้ตอนกำลังบินกลับไปจีน" ท่าทีดูภูมิอกภูมิใจทำเอาคนฟังส่ายหน้าระอา แต่พอลองคิด ๆ ดูแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เที่ยวพักผ่อนกับฟาหยางแค่สองคน ถึงเขาจะพูดหยอกเย้าว่าซ้อมฮันนีมูนทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานก็เถอะ! "ก่อนอื่นไปซื้อเสื้อผ้ากันก่อนสินะ เพราะที่นี่ไม่มีอาโปฉะนั้นอาฟาจะเป็นคนรับใช้ให้เธอเอง" "รับใช้อะไรกันละคะ" เยว่ซินรีบเอ่ยเถียง เธอไม่อยากจะคิดว่าหากอยู่จีนและมีคนได้ยินฟาหยางพูดเช่นนี้จะตกใจแค่ไหนกัน ครั้นพอสรุปตารางที่ต้องทำคร่าว ๆ ได้แล้วเยว่ซินถึงได้เพิ่งรับรู้ว่าเธอออกจากประเทศเป็นครั้งแรกหลังจากที่หลุดเข้ามาที่นี่ แถมทุกสิ่งทุกอย่างก็มีฟาหยางเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด อีกสิ่งหนึ่งที่เยว่ซินเพิ่งจะรับรู้และในนิยายไม่เคยมีข้อมูลเรื่องนี้มาก่อนก็คือฟาหยางพูดภาษาอิตาลีได้ ร่างสูงที่หยุดสนทนากับพนักงานในโรงแรมทำเอาคนตัวเล็กตาวาว "มีอะไร หืม?" ครั้นพอเขาพูดจบแล้วหันกลับมาเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นก็เอ่ยถาม เยว่ซินยกมือขึ้นโอบต้นแขนแกร่งแล้วซักไซ้ราวกับเด็กตัวน้อย ๆ "ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยคะว่าคุณหยางพูดภาษาอิตาลีได้ด้วย" คนตัวสูงหัวเราะครั้นได้ยินคำถามจบ ในตาสีรัตติกาลดูขบขันไม่ใช่น้อย "ว่าที่สามีของอาเยว่เก่งทุกอย่างไม่รู้หรือ?" แต่พอได้รับคำตอบแล้วเยว่ซินถึงกับยู่หน้า เธอไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้! ลองกลับไปดูช่วงแรก ๆ ที่เธอเพิ่งจะหลุดเข้ามาที่นี่สิ ทั้งประชดประชัน ทั้งเอาแต่ใจ! "ฮ่าๆ คิดอะไรอยู่ก็ออกทางสีหน้าหมดแล้ว" มือหนายกขึ้นบีบแก้มคนในอาญัติเบา ๆ ทั้งสองก้าวออกจากที่พักมาได้ก็เจอกับรถของทางโรงแรมที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว ฟาหยางพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าในขณะเดียวกันก็วนเที่ยวรอบซิซิลี คนตัวเล็กตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ตอนแรกเธอกังวลถึงรสชาติอาหารที่อาจจะไม่ถูกปากแต่กลับกันทั้งอาหารและขนมดูจะอร่อยไปเสียทุกอย่าง "คุณหยางทานไหมคะ" "ไม่เป็นไร มองเธอเฉย ๆ ก็อิ่มแล้ว" ในขณะที่เยว่ซินเดินเข้าร้านนู้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น ฟาหยางก็เอาแต่ทอดมองเอ็นดู เขามีหน้าที่ยื่นเงินให้กับร้านเหล่านั้นโดยไม่หยุดคิดสักนิด ร่างสูงโอบกระชับมือเรียวไว้ "รู้ไหมว่ามาซิซิลีต้องซื้ออะไร" เสียงทุ้มกระซิบถาม เยว่ซินส่ายหน้าไปมา ดวงตากลมโตยังสอดส่องซ้ายทีขวาทีที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร "ไวน์" ครั้นพอรู้คำตอบถึงกับชะงัก คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมอง พลางในวินาทีนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย "นี่คงไม่ได้คิดจะมอมฉันหรอกใช่ไหมคะ" เป็นที่รู้กันดีว่าเยว่ซินคออ่อนไม่ใช่น้อย อีกอย่างเวลาเธอเมาก็มักทำอะไรที่เกินเรื่องเสียทุกที ฟาหยางหัวเราะเขายักไหล่ตอบราวกับว่าไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องนี้ "เธอก็ลองเอาชนะอาฟาให้ได้ดู" "ใครจะทำได้กันคะ คุณหยางคอแข็งจะตาย" เยว่ซินบ่นอุบอิบ เป็นเพราะฟาหยางเป็นพระเอกหรือเปล่าทุกอย่างของเขาถึงได้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด หลังจากเข้าร้านเสื้อผ้า ออกร้านอาหาร เข้าร้านเครื่องประดับ เข้าออกร้านนั่นนี่เป็นว่าเล่น เยว่ซินคิดว่าแค่มาวันแรกเธอก็ดูจะเที่ยวคุ้มเสียเหลือเกิน ทั้งคู่มาหยุดพักอยู่ที่สวนน้ำพุแห่งหนึ่ง บนใบหน้างามประดับรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ฟาหยางครุ่นคิดกับตัวเองว่าเขาคิดถูกจริง ๆ ที่พาเธอมาที่นี่ "ฉันขอไปใกล้ ๆ น้ำพุนะคะ" เสียงหวานหันมาขออนุญาต ฟาหยางปล่อยมือที่จับกันไว้ลงแล้วให้คนตัวเล็กกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตรงนั้น เขานั่งมองเธออยู่ที่เก้าอี้ไม่ไกล เยว่ซินอยากให้จางลี่และซูเม่ยมาด้วยกัน ถ้าสองคนนั้นมาเห็นที่นี่ก็คงจะชอบมากแน่ ๆ พลันในตอนที่ยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหา เขาส่งดอกกุหลาบสีแดงมาให้ เยว่ซินเอียงคอสงสัยแต่เด็กคนนั้นก็พูดภาษาอังกฤษออกมา "สามีของพี่ฝากมาให้ครับ" และพอแปลออกมามันจะได้ว่าอย่างนั้น เยว่ซินรีบหันกลับไปที่เก้าอี้ เธอเห็นฟาหยางกำลังทอดยิ้มเอ็นดู เขาพยักพเยิดส่งสัญญาณให้เธอรับดอกกุหลาบนั้นไว้ "ขอบคุณนะ" "พี่ครับ" "หืม?" เด็กชายกวักมือเป็นสัญญาณให้เธอย่อตัวลง เยว่ซินยอมทำตาม และในวินาทีต่อมาก็ต้องเบิกตากว้างเพราะเด็กชายคนนั้นจุ๊บเบา ๆ ที่ข้างแก้ม "ขอให้พระเจ้าอวยพรพี่สาวและมาเฟียอิตาลีที่เป็นสามีของพี่นะครับ" ครั้นตอนแรกที่ตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นหลุดขำเสียงดัง เยว่ซินหันกลับไปมองฟาหยางอีกครั้งซึ่งเห็นว่าเขากำลังเดินมาทางนี้ อืม...เหมือนมาเฟียอิตาลีจริง ๆ นั่นแหละ "ขอบคุณนะ" จู่ ๆ เอวก็โดนคว้าทั้งดวงตาสีรัตติกาลที่ขุ่นเคืองอยู่หน่อย ๆ "ฉันซื้อดอกกุหลาบนายไม่ใช่เพื่อให้มาจูบภรรยาฉัน" เสียงทุ้มติดหงุดหงิดแต่ก็เพียงเล็กน้อย เยว่ซินปิดปากกลั้นขำ "อาซินขำอะไร" "ขำคนหึงเด็กค่ะ น้องอายุแค่กี่ขวบเอง" ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่คนที่เพิ่งได้ศักดิ์เป็นมาเฟียอิตาลีก็เหมือนจะไม่พอใจอยู่ดี หลังจากพูดคุยกับเด็กคนนั้นสักพักสุดท้ายฟาหยางก็ซื้อดอกกุหลาบแดงจากเขาอีกหลายดอก "เยอะไปแล้วนะคะ จริง ๆ แค่ดอกเดียวก็พอแล้ว" เยว่ซินพูดพลางระบายยิ้ม เหมือนว่าฟาหยางจะจำมาจากตอนที่เธอคุยกับห่าวอู๋ว่าเธอชอบดอกกุหลาบสีแดงเขาถึงซื้อให้เยอะขนาดนี้ "ก็ถ้ายื่นให้เธอดอกนึงแล้วอาฟาได้จูบหนึ่งทีเหมือนที่เด็กคนนั้นทำ..." "..." "งั้นตอนนี้มีกี่ดอก ไหนอาเยว่ลองนับ" พอรู้ว่าโดนเจ้าเล่ห์ใส่เสียแล้ว เยว่ซินถึงได้พยายามดิ้นหนีในอ้อมแขนแกร่ง "ทำไมถึงได้เอาแต่จะรังแกฉันอยู่ได้ตลอดเลยคะเนี่ย" คนตัวเล็กงอแง กลับกลายเป็นว่าเยว่ซินที่เพิ่งขำฟาหยางไปเมื่อครู่ ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายโดนขำเสียเอง "โอ๋" ฟาหยางพูดกลั้วหัวเราะ เขาชอบเวลาคุณหนูเยว่ขู่และคิ้วเรียวสวยนั้นขมวดเข้าหากันมันดูเหมือนแมวตัวน้อย ๆ ที่พร้อมแยกกรงเล็บใส่ตลอดเวลา "ไม่แกล้งแล้ว เอาไว้ค่อยคิดยอดทีเดียวคืนนี้แล้วกัน" ไม่ทันให้คนตัวเล็กได้ตอบอะไร มือหนาประคองเอวบางแล้วพากลับไปยังรถซึ่งเขาเช่าไว้ตลอดในตอนที่อยู่ที่นี่ "เหนื่อยหรือยัง เรากลับไปอาบน้ำกันก่อนแล้วคืนนี้อาฟามีอะไรจะให้" เยว่ซินเลิกคิ้ว แม้อยากถามว่าจะให้อะไรแต่ก็รู้ว่าเขาคงไม่ตอบ ครั้นพอถึงที่พักแล้วอาบน้ำเรียบร้อยก็พบว่าฟาหยางเลือกชุดไว้ให้กันก่อนแล้ว "เดินมาใกล้ ๆ สิ" เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็เห็นว่าฟาหยางยืนรออยู่ คนตัวเล็กยอมทำตาม มือหนาทาบสร้อยคอกุหลาบลูโลสวมให้ พลางโน้มลงจูบเบา ๆ ที่หลังคอก่อนจะกระซิบชมกัน "สวย" แม้เป็นคำสั้น ๆ แต่เยว่ซินกลับยิ้มกว้าง เธอพูดขอบคุณเสียงเบาหลังจากนั้นฟาหยางก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง คนตัวเล็กอยู่ในเดรสีขาวโชว์แผ่นหลังเนียน ผมยาวเกล้าขึ้น ในตอนที่เธอกำลังสวมต่างหูอยู่ที่หน้ากระจกก็ไม่วายโดนฟาหยางที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเดินเข้ามาจูบที่แผ่นหลัง ฟาหยางสวมแค่ผ้าขนหนูทำเอาคนตัวเล็กรีบหลบสายตา "ไปแต่งตัวก่อนสิคะ" "ใส่เสื้อให้หน่อย" ใบหน้าหล่อเหลามาเกยไว้ที่ไหล่ แม้อยากหลบสายตาแต่สุดท้ายเยว่ซินก็อดที่จะมองใบหน้าพระเจ้าสร้างนั้นผ่านกระจกตรงหน้าไม่ได้ "นะ?" มือหนาโอบรอบเอวบาง สัมผัสตรงคอชวนให้จั๊กจี้น้อย ๆ "ไม่เอาค่ะ อือ..." เสียงหวานหลุดครางแผ่วยามมือซนลูบเบา ๆ ที่หน้าท้อง ฟาหยางหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "ไม่ต้องไปข้างนอกดีไหม" "คะ...คุณหยาง" เมื่อสัมผัสเริ่มหนักขึ้น มือเรียวจึงค้ำตัวเองไว้ที่โต๊ะหน้ากระจก เยว่ซินเม้มริมฝีปากแน่นในขณะที่มองเงาสะท้อนของคนที่โอบกอดตัวเองไว้ "ฟะ...ฟังซินหน่อยสิคะ" เสียงหวานปรามอีกรอบ คราวนี้ฟาหยางยอมหยุดมือลงแม้เสียดายอยู่ไม่น้อย "แทนตัวเองด้วยชื่อบ่อย ๆ ดีไหม" "..." "น่ารักไม่น้อยเลย" เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าฟาหยางจะชมเธอทุกอย่างเลยหรืออย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอชอบเวลาเขาเป็นแบบนี้ ฟาหยางไม่เคยกังวลว่าจะเสียศักดิ์ศรีเลยหรือเปล่า เพียงแค่เป็นคุณหนูหลี่ เยว่ซินเขาก็พร้อมจะละทิ้งทุกอย่างทั้งอำนาจและบารมีที่มี "แล้วนี่คุณหยางยังไม่บอกเลยนะคะว่าคืนนี้เราจะไปไหนกัน" พอโดนซักไซ้เข้าร่างสูงถึงได้ผละตัวออก ฟาหยางไม่ตอบคำถามนั้นแล้วเข้าไปแต่งตัวโดยทิ้งเยว่ซินให้ขมวดคิ้วอยู่คนเดียว หลังจากนั้นอีกราว ๆ ชั่วโมงทั้งคู่ถึงได้ออกจากที่พัก ร่างสูงสวมเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีเดียวกัน ฟาหยางในตอนนี้ดูราวกับเจ้าชายที่หลุดออกมาจากนิทาน และสถานที่ที่เขาจองไว้ก็คือดินเนอร์ที่ริมหาด เยว่ซินชะงักไปเล็กน้อยยามเห็นว่าบรรยากาศรอบกายเป็นอย่างไร "เดินได้หรือเปล่า ถอดรองเท้าแล้วให้อาฟาอุ้มไปดีไหม" "ฉันแค่ตกใจสถานที่น่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะจองที่แบบนี้มาได้" เพราะรู้ดีว่าปิดหาดให้เป็นส่วนตัวได้ในเกาะที่มีนักท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งทรัพย์สินเงินทองที่มีและอำนาจเพียงพอถึงจะทำได้ ฟาหยางไม่ได้ตอบ เขาเพียงยกยิ้มเล็กน้อยแล้วแบมือมาตรงหน้าเป็นสัญญาณให้เยว่ซินจับกันไว้ "ให้เธอชอบก็พอแล้ว" เยว่ซินปล่อยให้ร่างสูงจับจูงตัวเองไปถึงโต๊ะ ครั้นพอนั่งลงแล้วก็มีพนักงานเดินมาเสิร์ฟอาหารให้กันแต่คนตัวเล็กยังจดจ่ออยู่กับบรรยากาศรอบตัว ทั้งแสงไฟและเสียงดนตรีผสมเสียงคลื่นทำเอาเธอถูกใจไม่น้อย "สวยจังเลยค่ะ" อดพูดชมออกมาไม่ได้ เยว่ซินยกโทรศัพท์ขึ้นมาหวังจะถ่ายไปอวดจางลี่กับซูเม่ยเสียหน่อย ฟาหยางไม่ได้ห้ามอะไร เขาเท้าแขนมองเยว่ซินนิ่ง ๆ "สู้เธอไม่เห็นได้เลย" "ถ้าฉันเป็นคนจัดที่นี่คงจะเสียใจแย่นะคะ" ร่างสูงหัวเราะ ปล่อยให้เยว่ซินดื่มด่ำกับบรรยากาศไปสักพัก เมื่อเธอถ่ายรูปเก็บไว้จนพอใจแล้วจึงวางโทรศัพท์ลง ใบหน้างามระบายยิ้มกว้าง ลงมือทานอาหารกันเล็กน้อยก่อนที่คนตัวเล็กจะพูดขึ้น "ขอบคุณนะคะ" "ขอบคุณทำไม หืม?" "ก็คุณหยางพาฉันมาพักผ่อนใช่ไหมคะ รู้นะว่าพี่ซูเม่ยคงฟ้องว่าฉันทำงานทุกวัน" เขาไม่ได้เถียงอะไร มือหนาข้างที่ประดับรอยสักยกขึ้นทาบที่แก้มนุ่ม "อาฟาให้เธอได้มากกว่านี้ ได้ทุกอย่าง รู้หรือเปล่า" "..." ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องอยู่แค่ใบหน้าของคนตรงข้าม ยิ่งได้มองเธอฟาหยางก็ยิ่งหลงใหล "อาเยว่ไม่ต้องทำงานเลยก็ยังได้ ทรัพย์สินในบัญชีของฉันอยากได้เท่าไหร่ก็เอาไปเลย" ริมฝีปากสวยกำลังจะพูดเถียงหากแต่ฟาหยางไม่อนุญาต เขาเอ่ยประโยคถัดไป "ขอแค่ค่าตอบแทนเป็นให้อาฟาได้เห็นหน้าเธอตอนตื่นทุกวัน เห็นเธอทำกับข้าวอยู่ในครัว เวลากลับจากทำงานมาเหนื่อย ๆ แล้วได้ยินเสียงนี้เรียกชื่อกันก็พอ" "..." "อาฟาอยากมีเธอเดินไปมาอยู่ในบ้าน มีจุดพักสายตาเป็นคุณหนูเยว่ซิน" คล้ายโดนคำพูดเหล่านั้นสะกดไว้ในภวังค์ เยว่ซินไม่รับรู้ถึงบรรยากาศข้างกาย รู้เพียงแค่ว่าเธออยากมองฟาหยางให้นานกว่านี้ อยากได้ยินเขาพูดประโยคต่อไป "อาฟาดีพอจะเป็นเหล่ากงเธอหรือยัง" "..." "ดีพอให้เธออยากยกน้ำชาด้วยกันไหม อาเยว่ซินแต่งงานกับฟาหยางได้ไหมครับ" ครั้นเหมือนว่าทุกอย่างหยุดหมุน เยว่ซินเห็นคนตรงหน้าได้ไม่ชัดเมื่อมีหยาดน้ำที่ดวงตากั้นระหว่างเราไว้ แม้อยากพูดแต่ก็ควานหาเสียงไม่เจอ มือหนาเกลี่ยเบา ๆ ที่แก้ม ความจริงฟาหยางก็อยากรอโอกาสที่ดีกว่านี้สักหน่อย แต่แค่ได้เห็นใบหน้างดงามของคุณหนูเยว่ทั้งดวงตากลมโตที่มองมาทางตนก็อดใจไม่ไหว เขาอยากให้ตัวเองได้อยู่ในสถานะนั้นสักที "ฮึก..." เสียงสะอื้นดังขึ้นเบา ๆ จนฟาหยางต้องลุกขึ้น เขาเดินไปคุกเข่าที่ข้างเก้าอี้ของคนตัวบาง มือหนายังคงซับน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน ฟาหยางไม่ได้สนใจว่าชุดเขาจะเปื้อนทรายหรือไม่ "คนเก่ง" พูดจบก็โดนคนบนเก้าอี้โน้มลงมากอดกันไว้ แม้รู้ว่าคืนนี้คงมีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้กันแต่เยว่ซินก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ "ฮึก...ซินต้องเป็นคนถามสิ" มือหนาข้างที่ประดับรอยสักลูบเบา ๆ ที่แผ่นหลัง ฟาหยางรอให้เธอพูดต่อ "ว่าซินดีพอหรือเปล่า...พะ...พอจะอยู่ในตำแหน่งนั้นได้หรือเปล่า" ทั้งประโยคคลอไปด้วยเสียงที่สั่น ๆ ฟาหยางหัวเราะแผ่วเบา เขากดริมฝีปากลงที่ไหล่เล็ก "ถ้าไม่ใช่เธอ อาฟาก็ไม่แต่งกับใคร" หากไม่ใช่คุณหนูหลี่ เยว่ซิน ฟาหยางสัญญาว่าเขาไม่คิดจะสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนไหน หากไม่ใช่เยว่ซินเขาไม่ยอมที่จะทำอะไรเช่นนี้เด็ดขาด "เพราะเป็นเธอ อาฟาถึงคิดอยู่ทุกวัน ตำแหน่งนายหญิงตระกูลหยางต้องเป็นอาเยว่ซินเท่านั้น" "..." ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอด ดวงตาสีรัตติกาลยามนี้ดูจริงจังมากกว่าครั้งไหน ๆ แม้ฟาหยางรู้ดีว่าคงมีโอกาสน้อยกว่าครึ่งที่จะโดนปฏิเสธแต่เขาก็ยังนึกกลัวอยู่ดี "แต่ถ้าอาเยว่ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร อาฟาบอกแล้วว่ารอเธอได้ กลับไปจีนแล้วให้เธอคิดก่อนก็...อืม.." คำพูดทุกอย่างถูกชะงักค้างไปหมดเมื่อเยว่ซินประคองใบหน้าหล่อเหลาแล้วทาบริมฝีปากลงไป ปกติเธอคงเลือกแค่จะจูบกันผิวเผินแต่คราวนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น "อืม.." เสียงทุ้มครางแผ่วในลำคอเมื่อลิ้นเรียวเกี่ยวหวัดเข้าหา ฟาหยางตกใจอยู่เพียงครู่เดียวแต่ในวินาทีต่อมาก็จูบตอบคนตัวเล็ก "อึก..." นานหลายนาทีกว่าจะผละออก เยว่ซินรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ริมฝีปากล่างเพราะฟาหยางอดใจไม่ไหวที่จะกัดเชอรี่ชิ้นโปรดนี้ ดวงตากลมโตยังฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ "ชอบจังเวลาอาเยว่จูบกันก่อน" "ก็ใครให้พูดแบบนั้นละคะ เป็นฝ่ายรอไม่เหนื่อยหรือไง" "ไม่เหนื่อยถ้าเป็นเธอ" เยว่ซินคร้านจะเถียงคนตรงหน้า ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะเริ่มพูดออกมาบ้าง "แต่ซินไม่อยากให้รอค่ะ พอแล้ว" ฟาหยางจดจ้องอยู่แค่ที่ใบหน้างาม ยามนี้ที่พระจันทร์กำลังส่องแสงลงมาเขาไม่แน่ใจเลยว่าพระจันทร์ดวงไหนสวยกว่ากัน "ซินให้ค่าตอบแทนแค่นั้นได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ" ไร้คำพูดใด ๆ ต่อจากนั้น ในตาสีรัตติกาลสั่นไหวชั่วขณะ ฟาหยางก้มหน้าลงจนหน้าผากแนบไปกับมือเรียว เป็นครั้งแรกที่เขาเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เสียงทุ้มสบถในลำคอ ทิ้งเวลาไปชั่วครู่เขาถึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วคว้าร่างเล็กมากอดไว้จนจมอก "ให้ตายเถอะอาเยว่" แม้คำตอบจะยังไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่เพียงแค่นี้ก็ทำเอาฟาหยางมือสั่นไปหมด เยว่ซินยกมือขึ้นกอดตอบในขณะเดียวกันก็รอฟังคนตัวสูงพูดต่อ "อืม ค่าตอบแทนก็มีแค่นั้น แค่ให้เธอยอมตกลงมาเป็นเหล่าโผของอาฟาก็พอ" คำว่าภรรยาที่เพิ่งโดนเอ่ยออกมาเป็นผลให้คนตัวเล็กซุกหน้ากับบ่ากว้าง เพราะที่ผ่านมาคนแบบฟาหยางมีครบทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เขาไม่เคยขาดอะไร ทั้งอำนาจและทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ล้นมือ ทุกอย่างพร้อมจนคิดว่าครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น หากแต่ตอนนี้เขาไม่คิดอย่างนั้น ฟาหยางมีสิ่งที่ปรารถนาเพิ่มขึ้น เยว่ซินผละออกจากอ้อมกอด ดวงตากลมโตช้อนมองคนสูงกว่า "กลับจีนแล้วเราแต่งงานกันไหม" "อือ...แต่งค่ะ" เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรมากกว่านี้ถึงได้แค่ครางรับในลำคอทั้ง ๆ ที่ใบหน้าคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ฟาหยางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วซบศีรษะลงกับไหล่เล็กทั้งมือหนาที่รวบเอวบางในอ้อมแขน "รู้ใช่ไหมว่าจะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว เหล่ากงไม่ให้เธอเปลี่ยนใจแล้ว" คนตัวเล็กหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถึงฟาหยางจะอนุญาตให้เธอลองเปลี่ยนใจหรือลองคิดอีกสักกี่สิบรอบคำตอบก็จะยังเป็นเช่นเดิม คำตอบคือหลี่ เยว่ซินจะเป็นภรรยาของฟาหยาง นานหลายนาทีกว่าเขาจะปล่อยให้เยว่ซินผละออกจากอ้อมกอด แม้อยู่ในนิยายแต่คนแบบมาเฟียตระกูลหยางก็ไม่ใช่คนจำพวกที่จะคุกเข่าขอแต่งงาน อย่างมากเขาก็แค่... "อื้อ..." เสียงหวานครางแผ่วในลำคอครั้นท้ายทอยโดนดันขึ้นให้รับจูบ ลมหายใจหนัก ๆ รดกันอยู่ที่ข้างแก้มทั้งบริเวณเอวโดนบีบเคล้นด้วยฝ่ามือหนา เยว่ซินหลับตารอรับสัมผัสเหล่านั้น เท้าเผลอเขย่งขึ้นน้อย ๆ เพื่อทดแทนความสูงที่แตกต่างกัน นานหลายนาทีกว่าจะได้รับอิสระ คนตัวเล็กหอบแฮ่กจนฟาหยางต้องนวดคลึงที่ลำคอแผ่วเบาเพื่อให้เธอผ่อนคลาย "อยากกลับจีนตอนนี้เลยจริง ๆ " คนตัวสูงพูดพลางจดจ้องใบหน้างามของคนที่มีศักดิ์เป็นว่าที่ภรรยาตัวเอง เยว่ซินยกยิ้ม ดวงตากลมโตใสแป๋วราวกระต่ายน้อยหากแต่คำพูดดันตรงกันข้าม เพราะเพียงเธอเอ่ยจบประโยคก็โดนราชสีห์ตัวโตมันเขี้ยวก้มลงงับแก้มงับคอจนจั๊กจี้ไปเสียหมด "กลับตอนไหนซินก็เป็นภรรยาเหล่ากงอยู่ดี" มันน่าเอ็นดูน้อยที่ไหนล่ะผู้หญิงคนนี้... ทริปเร่งด่วนที่ซิซิลี อิตาลีกินเวลาไปอีกหลายวัน เยว่ซินแทบจะได้ไปเที่ยวสถานที่ดัง ๆ ของที่นี่ครบหมดแล้ว ทั้งของกิน ของแปลกหรือของฝากก็มีว่าที่สามีตัวเองโปรยเงินจ่ายให้ไม่อั้น ทุกทีที่เห็นฟาหยางเดินเข้ามาพร้อมยื่นเงินและบัตรให้พนักงานทันทีที่เธอเลือกของเสร็จแล้วเยว่ซินก็อดนึกถึงคำพูดของเด็กคนนั้นเสียไม่ได้ มาเฟียอิตาลี... คิดเองแล้วก็ยืนหัวเราะคิกคักเองจนคนตัวสูงโน้มลงมาจูบที่แก้มเบา ๆ ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีรัตติกาลถูกแว่นกันแดดสวมทับเอาไว้แต่กลับฮอตยิ่งกว่าเดิมจนไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเดินผ่านก็ต้องเหลียวมอง "ขำอะไรคนเดียว หืม?" เสียงทุ้มกระซิบถาม เยว่ซินหลุบสายตาลงมองบริเวณอกแกร่งที่เขาปลดกระดุมเสื้อลงสองเม็ด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแล้วเผลอเอื้อมไปแตะชายเสื้อเบา ๆ "ไม่ได้ขำสักหน่อยค่ะ" ฟาหยางมองตามมือนั้น ริมฝีปากกระตุกยิ้มชั่วครู่เมื่อเห็นกระต่ายตัวน้อยมีสีหน้าคล้ายจะหวงอยู่หน่อย ๆ แต่ไม่ยอมพูดออกมา "งั้นหรือ" ทำทีเมินเฉยแล้วไม่ซักไซ้ต่อ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังรอรถมารับเพื่อจะเดินทางกลับจีนแล้ว ขามาเยว่ซินจำได้ว่าเกือบจะมาแบบตัวเปล่าหากแต่ตอนกลับดันเต็มไปด้วยสัมภาระล้นมือ "แล้วอากาศมันร้อนมากหรือคะ" พอเห็นคนตัวสูงยังยืนนิ่งไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก็อดที่จะขู่ฟ่อไม่ได้ ฟาหยางทอดสายตามองคนตัวเล็กกว่าครู่หนึ่ง "ก็ร้อนจริง ๆ นี่ อาซินนั่นแหละ เที่ยงวันแบบนี้ทำไมถึงเอาแต่ใส่เสื้อคอเต่า" คำพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คุณหนูเยว่เม้มริมฝีปากแน่นครั้นคิดถึงเหตุผลที่ต้องใส่เสื้อแบบนี้ "แล้วใครซนทำรอยไว้สูงขนาดนั้นกันละคะ" พูดไปก็มองค้อนอีกคนไป ฟาหยางหลุดหัวเราะแล้วกระซิบตอบราวกับไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย "อ้อ...สามีของเธอคนนี้นี่เอง" ถ้าไม่ได้อยู่ข้างนอกที่มีคนเยอะเช่นนี้เยว่ซินคงกระโดดงับต้นแขนนั้นไปแล้ว เธอทำได้แค่คาดโทษเขาไว้ในใจ หลังจากนั้นก็มีรถของโรงแรมมารับไปสนามบิน กว่าจะถึงจีนก็อีกหลายชั่วโมงซึ่งพอถึงแล้วเยว่ซินก็หลับปุ๋ยทิ้งตัวให้ฟาหยางอุ้มขึ้นรถที่อาโปขับมารับ ฝั่งลูกน้องดูจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามเห็นเจ้านายตัวเอง "ยินดีต้อนรับกลับครับคุณฟาหยาง" ร่างสูงพยักหน้าตอบแล้วโอบประคองเยว่ซินขึ้นรถ ทิ้งเวลาชั่วครู่ให้อาโปเอาสัมภาระเก็บก่อนที่พวกเขาจะกลับคฤหาสน์ตระกูลหยาง เยว่ซินรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เธอมานอนอยู่บนที่นอนนุ่มของฟาหยางแล้ว อาจเพราะตอนอยู่บนเครื่องบินเธอเอาแต่ดูหนังยาว ๆ ทำให้พอหลับแล้วจึงขี้เซาเป็นพิเศษ ร่างเล็กยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองเบา ๆ สำรวจตัวเองครู่หนึ่งซึ่งเห็นว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อของฟาหยาง แต่พอดูว่าเขาได้นอนอยู่ข้าง ๆ หรือเปล่ากลับพบว่าผ้าปูเตียงไม่ได้ยับเลยแม้แต่น้อย ขาเรียวก้าวออกจากห้องมายังชั้นล่าง ได้ยินเสียงเอะอะไม่น้อยแล้วคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากัน พลันในวินาทีต่อมากลับต้องเบิกตากว้างเพราะมีใครบางคนวิ่งเข้ามาสวมกอดเธออย่างแรงจนเซไปด้านหลังเล็กน้อย "พี่ซิน!" ทั้งน้ำเสียงและสัมผัสถึงได้รู้ว่าเป็นอาจู เยว่ซินกวาดสายตาไปทั่วในห้องนั่งเล่นแล้วพบว่าทั้งซูเม่ยและจางลี่ก็อยู่ที่นี่ "อาจู" เสียงทุ้มของประมุขที่นี่เอ่ยดุขึ้นเมื่อเห็นว่าอาจูกระโจนใส่เยว่ซินแรงเกินไป ฝั่งหญิงสาวที่ยังมึนงงไม่หายจึงได้แค่ยกมือขึ้นกอดตอบ "มีอะไรกันหรือคะ" เธอหันไปถามเพราะตอนนี้ดูเหมือนซูเม่ยกับจางลี่คล้ายคนที่เพิ่งร้องไห้มา "พวกเรารู้เรื่องแล้วนะคะ ฮึก...พี่ซินจะแต่งงานแล้ว" พอได้รู้คำตอบก็พอจะเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น เยว่ซินกอดปลอบคนงอแง "หายไปตั้งหลายวันก็นึกว่าไปไหน แกนี่มัน!" จางลี่เป็นคนถัดไปที่เดินเข้ามาหา กว่าจะพูดคุยครบทั้งสามคนก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง ฟาหยางเดินมาแยกอาจูออกจากเยว่ซินแล้วประคองมือเรียวให้ไปนั่งที่โซฟาข้าง ๆ เขา "พี่ฟาจะหวงพี่ซินกับอาจูไม่ได้นะคะ" "ทำไมจะไม่ได้ อาซินเป็นภรรยาฉัน" ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อเขาพูดจบ เยว่ซินฟุ่บหน้าลงกับฝ่ามือ ทั้ง ๆ ที่คนที่ควรจะเสียอาการต้องเป็นฟาหยางแต่ดันกลายเป็นเธอเองเสียนี่! "อืม...แล้วทำไมถึงได้มารวมตัวกันอยู่เช่นนี้ล่ะ" เยว่ซินเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา ยังเห็นฟาหยางยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีนิ่ง ๆ "คุณอาโปบอกฉันมาว่าคุณหนูเยว่กลับมาวันนี้เราเลยนัดกันมาหาน่ะค่ะ" ซูเม่ยตอบ "ถึงตอนแรกจะโดนพี่ฟาดุใส่ก็เถอะค่ะ" แล้วก็อาจูเสริม ฝั่งเยว่ซินและจางลี่ได้แต่หัวเราะ ทิ้งเวลาไปอีกไม่นานฟาหยางก็ลุกขึ้นแล้วบอกจะไปเคลียร์งานกับอาโป เยว่ซินพยักหน้ารับก่อนเขาจะไปก็ไม่วายก้มลงจูบเบา ๆ ที่หน้าผากทิ้งท้าย "พี่ฟาจะเห็นพวกเราเป็นอากาศเกินไปแล้วนะคะ" พอลับหลังเจ้าของบ้านไปอาจูก็พูดเสียงขุ่นขึ้นมาทันที ขืนพูดต่อหน้าเธอคงไม่วายโดนสายตานั้นลงโทษกันเป็นแน่ "เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยคุณหนูเยว่! เกิดอะไรขึ้นบ้าง!" โซฟาด้านข้างที่ว่างจากคนตัวสูงเมื่อครู่โดนจางลี่ลุกขึ้นมาแล้วเปลี่ยนมานั่งข้างกัน เยว่ซินเม้มริมฝีปาก ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่พอโดนทั้งคำพูดและสายตาทั้งสามคนสุดท้ายก็ต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังอยู่ดี อาจูเขินจนเอาหมอนอิงขึ้นปิดหน้า ส่วนจางลี่และซูเม่ยทำใจอยู่พักใหญ่ ๆ ที่จะยอมรับว่าฟาหยางทำเช่นนั้นจริง ๆ "ก็คุณหนูเยว่คือข้อยกเว้นนี่นะ ไม่แปลกหรอกที่พวกฉันจะนึกภาพไม่ออก" คุณหนูหลี่หัวเราะตอบ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าซื้อของฝากมาให้ทั้งสามคนด้วยจึงขอตัวออกไปเอา ร่างเล็กเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเพื่อหาตัวฟาหยางซึ่งเขาก็คุยงานอยู่ที่อีกห้องหนึ่ง "คุณหยางคะ" "หืม?" เสียงทุ้มขานในลำคอ อาโปและลูกน้องที่กำลังนั่งคุยงานอยู่กับฟาหยางหันมาค้อมศีรษะให้ครู่หนึ่งแล้วรีบสำรวมสายตาเพราะตอนนี้คุณหนูเยว่อยู่ในเชิ้ตตัวโคร่งของเจ้านายตัวเองทั้งเรียวขาสวยที่ไร้กางเกงขายาวเหมือนทุกที "ฉันจะมาถามว่าของฝากอยู่ที่ไหนหรือคะ" ฟาหยางเงยหน้าขึ้นจากไอแพด เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันทันทีที่นึกออกว่าเขาเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เยว่ซินด้วยตัวเอง "อยู่ด้านบน" ตอบเพียงแค่นั้นแล้วปรายตามองลูกน้องตัวเอง ฟาหยางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "เดี๋ยวอาฟาไปหยิบให้" "ฉันไปเอาเองค่ะ คุณหยางทำงานต่อเถอะ" "ได้ แต่เปลี่ยนเสื้อลงมาด้วย" "ทำไมคะ" แม้รู้อยู่เต็มอกก็ยังเอียงคอตาแป๋วถาม ฟาหยางดุนลิ้นไปกับข้างแก้ม เพราะเมื่อครู่มีแค่เหล่าผู้หญิงเขาถึงไม่ได้เอาความอะไรมากมายนัก "เชื่อฟังเหล่ากงหน่อยอาซิน" พอโดนคำพูดเหล่านั้นต่อหน้าลูกน้องทำเอาคนดื้อเม้มริมฝีปากแน่นแล้วรีบเดินออกไป เยว่ซินรู้สึกพ่ายแพ้ตลอดจนคนตัวเล็กเริ่มคิดแผนซนในหัว พอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอาของฝากมาให้อาจู จางลี่ ซูเม่ยแล้วก็นั่งคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ ๆ กว่าทั้งสามคนจะกลับ "อาจูจะรีบไปห้องเสื้อให้เขาตัดชุดวันแต่งงานของพี่ซินนะคะ! แบบนี้แขกต้องเยอะมากแน่ ๆ เลย" "แต่ยังไม่ได้ดูฤกษ์เลยนะอาจู" "ยังไงพี่ฟาก็ต้องไปหาฤกษ์ที่เร็วที่สุดอยู่แล้วค่ะ รายนั้นใจร้อนจะตาย" "คราวนี้จีนคงปั่นป่วนอยู่พอสมควร ฉันเอาข้อมูลนี้ไปบอกนักข่าวในช่องของคุณพ่อดีไหมนะ รายได้คงมหาศาลแน่นอน" ต่อมาก็เป็นจางลี่ที่พูดขึ้น รายนั้นดูเหมือนจะกำลังหาช่องทางรวยให้ตัวเองเสียมากกว่า เยว่ซินได้แต่ส่ายหน้าไปมา "ส่วนฉันก็คงต้องเตรียมตอบสื่อ แล้วแบบนี้ฉันยังจำเป็นกับคุณหนูเยว่อยู่ไหมคะ ถ้าแต่งงานไปอย่างไรเสียคุณหยางคงไม่ให้ทำงานในวงการบันเทิงอีกเป็นแน่" "แน่นอนว่าจำเป็นสิคะ ใครว่าฉันจะไม่รับงานอีกแล้วล่ะ ฉันก็แค่รอให้ที่บริษัทมันลงตัวกว่านี้" ครั้นได้ยินคำพูดนั้นทั้งสามคนก็ตาลุกวาว แต่เพียงครู่เดียวก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว เยว่ซินขมวดคิ้วยามเห็นว่าทั้งสามคนรีบโบกมือลาแล้วแยกย้ายกันกลับ ก่อนที่บริเวณหลังจะรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา "งั้นหรือ อาฟาก็เพิ่งจะรู้เลยนะเนี่ย" และก็ได้เข้าใจคำตอบนั้น คนตัวเล็กหันไปยิ้มเจื่อนพร้อมกับขาที่กำลังจะก้าวหนีแต่ก็ยังช้ากว่าฟาหยาง "ไหนลองพูดอีกทีสิอาซิน" "คือว่า..." "แสนจะดื้อเลย ตัวก็แค่นี้" ฟาหยางพูดพร้อมกับกอดอก กว่าเยว่ซินจะเคลียร์กับเขาเสร็จก็เล่นเอาตัวลีบไปไม่น้อย ดูท่าทางว่าเธอจะเอาคืนฟาหยางได้ยากพอสมควร สุดท้ายเรื่องการทำงานก็โดนพับเก็บไว้เสียก่อนเมื่อหน้าคฤหาสน์มีแขกมาขอพบ "คุณฟาหยางครับ ท่านห่าวอู๋มาขอพบครับ" อาโปเดินเข้ามารายงานแก่กัน ไม่ทันให้พูดอะไรสุรเสียงทรงอำนาจของประมุขคนก่อนของตระกูลหยางก็ดังขึ้นแทรก "คิดจะแต่งงานแล้วไม่บอกกันเลยหรือไง เหตุใดถึงให้คนแก่ร้อนใจเข้ามาหาถึงที่นี่" เยว่ซินรีบยืดตัวตรงพลางค้อมศีรษะให้ "มาหาเตี่ยหน่อยอาเยว่ซิน ตอบตกลงกับพี่เขาไปแล้วหรือ ไม่ได้โดนบังคับใช่ไหม" คล้ายยังสับสนแต่เยว่ซินก็เร่งเท้าเข้าไปหาห่าวอู๋ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างใจดี "ปะ...เปล่าค่ะคุณห่าวอู๋" "คุณห่าวอู๋อะไรกัน...ไหนลองเรียกเตี่ย" คนตัวเล็กชะงักไปครู่หนึ่ง เยว่ซินระบายรอยยิ้มกว้างก่อนจะทำตามคำสั่งนั้น "จะมาแล้วทำไมไม่บอกกันล่วงหน้าก่อนครับ" ครั้นพูดคุยกันได้เพียงนิดเดียวก็โดนฟาหยางขัดขึ้น ห่าวอู๋เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยและน้ำเสียงกลับมาแข็งเช่นเดิม "แล้วที่จะแต่งงานโดยที่ไม่บอกฉันมันเกินกว่าหรือเปล่า" "..." "อาเยว่ซินไม่ต้องกังวลนะ เตี่ยจะจัดงานไม่ให้เสียชื่อตระกูลหยาง" พอหันกลับมาหาคนตัวเล็กก็พูดด้วยเสียงที่อ่อนลงเช่นเดิม เยว่ซินค้อมศีรษะให้ "ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ซินคิดว่าเอาแค่พอสมควร..." "ได้อย่างไรกัน เข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของห่าวอู๋ทั้งที" เยว่ซินพอรู้ว่าขัดใจไม่ได้ก็ทำเพียงแค่ยืนฟังแล้ววาดรอยยิ้มงามบนใบหน้า ฟาหยางที่เห็นสถานการณ์ก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเอื้อมมือโอบเอวว่าที่ภรรยาตัวเองไว้ "เพราะรู้ว่าบอกแล้วจะเป็นเช่นนี้ผมถึงรอเวลาอีกสักหน่อย" ร่างสูงพูดทั้งสีหน้าดูเอือมระอาเต็มที เพราะเขารู้ว่าห่าวอู๋อยากได้ลูกสะใภ้มากขนาดไหน แล้วถ้าเป็นเรื่องหลานก็ยิ่งแล้วใหญ่ เขาจึงคิดจะจัดระเบียบแผนงานให้ได้สักครึ่งเสียก่อนแล้วค่อยบอกบิดาตนเองแต่ก็เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว ฟาหยางลืมได้อย่างไรกันว่าคนของพ่อตัวเองมีซุกซ่อนอยู่ทั่วโลกและคงไม่พ้นที่ซิซิลีด้วยเช่นกัน "เหอะ อาเยว่มาหาเตี่ยมา" ห่าวอู๋ไม่ได้สนใจลูกชายตัวเองอีก เขาเรียกหาเยว่ซินพลางเดินกันไปนั่งที่โซฟาแล้วทิ้งฟาหยางให้ยืนอยู่ที่เดิม คนตัวสูงแม้หงุดหงิดแต่ก็ได้แค่เดินไปหยุดนั่งข้าง ๆ ว่าที่ภรรยาตัวเอง เยว่ซินมองสองคนพ่อลูกสลับกันไปมา คล้ายมีรังสีฟาดฟันกันตลอดจนเธอนั่งตัวจิ๋วอยู่ตรงกลาง "ก่อนแต่งห้ามเจอกันไปเลยสามวัน ไม่สิ สักอาทิตย์นึงเลยก็ดี" "เตี่ย!" "อะไร อาเยว่ว่าดีไหม หากเป็นเช่นนั้นไปอยู่กับเตี่ยที่คฤหาสน์นู้นก็ย่อมได้ เตี่ยจะฝึกให้ดีลานใจดีกับอาเยว่ด้วย" ตอนต้นประโยคออกจะเสียงแข็งใส่ลูกชายตัวเอง ครั้นคำพูดที่เหลือก็อ่อนลงเมื่อพูดกับลูกสะใภ้ ฟาหยางรีบโอบประคองเอวบางกางอาณาเขตความเป็นเจ้าของ แน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้บิดาตนเองทำเช่นนั้นเป็นแน่ กว่าเยว่ซินจะออกจากบรรยากาศข่มขู่จากราชสีห์ทั้งสองได้ก็เป็นชั่วโมง ห่าวอู๋พูดถึงงานยกน้ำชาคร่าว ๆ เขากำชับให้ฟาหยางตระเตรียมทุกอย่างอย่างสมเกียรติ "ทนหน่อยนะ คุณห่าวอู๋เขาตื่นเต้นมากน่ะ อาจเพราะอาฟาเป็นลูกคนเดียวและไม่เคยคิดจะแต่งงานมาก่อน ในทีแรกที่เคยเกือบจะหมั้นกับอาจูท่านก็ดีใจมากแต่เพราะอาฟาไม่ได้จริงจังถึงได้ไม่ตื่นเต้นขนาดนี้" ฟาหยางพูดอธิบายยาว เขาแอบประชดประชันด้วยการเรียกพ่อตัวเองกับชื่อสุภาพ เยว่ซินหลุดหัวเราะ แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด "เตี่ยเขาน่ารักนะคะ" มือเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอพลางช้อนตามองคนสูงกว่า "ถ้าอาเยว่ว่าเช่นนั้นก็ให้ของขวัญแต่งงานเขาสักหน่อยสิ" "หือ?" "หลานน่ะ" ครั้นโดนฟาหยางก้มลงมากระซิบอย่างเจ้าเล่ห์เช่นนั้นก็รีบผละตัวออกราวโดนของร้อน "ซะ...ซินไปอาบน้ำดีกว่าค่ะ" หญิงสาวรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาหากแต่ฟาหยางไม่อนุญาต มือหนารั้งต้นแขนเรียวไว้ "อาบด้วยกันดีไหม" "มะ...ไม่เอาค่ะ ถ้าคุณหยางจะอาบห้องนี้เดี๋ยวซินไปห้องข้าง ๆ ก็ได้" พูดตอบทั้ง ๆ ที่แก้มซับสีแดงระเรื่อ ฟาหยางเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะในลำคอ "ก็ได้ คราวนี้อาฟายอมปล่อยเธอไปก่อน" "..." "แต่ถ้าแต่งงานด้วยกันเมื่อไหร่ ต่อให้อ้อนทั้งน้ำตาอาฟาก็จะไม่ยอมแล้วรู้ใช่ไหม" "..." เยว่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเสียงทุ้มกระซิบข้างใบหู "เหล่ากงจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธอไปก่อน แต่ถ้าถึงคราวที่เธอต้องเชื่อฟังเหล่ากงบ้าง..." "..." ดวงตาสีรัตติกาลดูทั้งเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ "ถึงตอนนั้นจะเอาให้ขาสั่นจนแย้งไม่ออกเลย" ข่าวการแต่งงานของประมุขตระกูลหยางและคุณหนูหลี่ เยว่ซินขึ้นหน้าหนึ่งในทุกหนังสือพิมพ์เช้านี้ทั่วปักกิ่ง แม้จะเป็นประเด็นร้อนแรงหากแต่เจ้าตัวที่เป็นเจ้าของเรื่องทั้งสองคนยังคงหลับอยู่บนเตียงไม่ได้รับรู้เรื่องราวภายนอกเลยแม้แต่น้อย "อือ" ฟาหยางลูบศีรษะคนในอ้อมแขนแผ่วเบาคล้ายจะกล่อมให้นอนต่ออีกสักหน่อย อาจเพราะไทม์โซนที่เปลี่ยนกะทันหันทำให้ยังต้องปรับเวลาการตื่นนอนอีกเล็กน้อย ร่างสูงจูบเบา ๆ ที่แก้มนุ่มแล้วเอี้ยวตัวมาอีกทางเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่าตื่นสายกว่าที่คิดไว้จึงค่อย ๆ ดึงแขนตัวเองออกจากศีรษะเยว่ซินซึ่งใช้เป็นที่รองแทนหมอนมาทั้งคืน "นอนต่อเถอะ" พูดกระซิบยามเห็นว่าคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน เยว่ซินซุกตัวลงกับผ้าห่มแล้วหลับไปอีกรอบส่วนฟาหยางก็ไปอาบน้ำเตรียมเข้าบริษัทหลังจากหยุดไปหลายวัน "ถ้าอาเยว่ตื่นแล้วให้โทรหาฉัน" ทันทีที่ลงมาถึงด้านล่างก็เอ่ยสั่งสาวใช้ เธอค้อมศีรษะรับคำ สักพักอาโปก็เดินเข้ามาหา "คุณหยางเข้าบริษัทเลยใช่ไหมครับ" "อืม บริษัทตระกูลหลี่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง" "ผมบอกคุณเลี่ยงหรงตามทุกคำที่คุณหยางสั่งมาครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรติดขัดตรงไหน" "ดี บอกเขาว่าถ้ามีปัญหาตรงไหนก็ติดต่อฉันมาได้โดยตรง" "แต่ว่าช่วงนี้คุณหยางคงยุ่งหนักเลยไม่ใช่หรือครับ" ทั้งงานบริษัทที่หยุดพักไปชั่วคราวและงานแต่งของตัวเอง แน่นอนว่าฟาหยางสามารถให้คนเสกสรรทุกอย่างให้พร้อมได้เพียงแค่กระดิกนิ้วแต่เขาไม่คิดทำ งานแต่งงานนี้เป็นสิ่งที่ฟาหยางตั้งใจที่สุดในชีวิต... "ไม่เป็นไร ฉันอยากให้อาเยว่โฟกัสอยู่แค่ที่งานแต่ง ถ้าเขามีปัญหาอะไรให้ติดต่อหาฉันอย่าคิดไปบอกอาเยว่เด็ดขาด" อาโปค้อมศีรษะรับคำ เขาอดที่จะยิ้มให้กับเจ้านายตัวเองเสียไม่ได้ คุณหนูหลี่ เยว่ซินน่าจะเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดคนหนึ่งจริง ๆ หลังจากนั้นฟาหยางก็เดินทางไปยังบริษัทและผ่านไปได้ประมาณสองชั่วโมงถึงได้รับข้อความว่าเยว่ซินเพิ่งจะตื่น 'ทำไมคุณหยางไม่ปลุกฉันด้วยละคะ' "ก็อาฟาเห็นเธอกำลังหลับสบาย ทานข้าวหรือยัง" 'ยังเลยค่ะ ทำงานอยู่หรือเปล่าคะ' "คุยได้ เธอจะมาหาอาฟาหรือเปล่า ถ้าจะมาก็ทานข้าวมาก่อน" แม้บอกว่าคุยได้แต่ตาคมก็ยังเลื่อนดูงานในไอแพดที่เลขาหลิงส่งมาให้กัน 'อือ งั้นเดี๋ยวซินไปหานะคะ' "ให้อาโปไปรับดีไหม" 'ไม่เป็นไรค่ะ ซินขับไปเองได้' มือหนาเซ็นรับเอกสารในขณะที่ฟังคนตัวเล็กพูดไปด้วย "ได้ ขับรถดี ๆ ถึงแล้วก็อย่าแวะคุยกับผู้ช่วยเลขาหลิงนานแล้วรีบเข้ามาหาอาฟาเข้าใจหรือเปล่า" คนในสายหัวเราะคิกคักครั้นได้ฟังเช่นนั้น เพราะผู้ช่วยเลขาหลิงที่เขาพูดถึงดูเหมือนว่าเธอจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเยว่ซิน หญิงสาวรับคำก่อนที่จะวางสายไป "วันนี้มีประชุมหรือเปล่า" "ไม่มีค่ะคุณหยาง ให้ฉันเตรียมขนมไว้ให้คุณหนูเยว่ไหมคะ" "อืม น้ำผลไม้ด้วยแล้วกัน" เลขาหลิงค้อมตัวรับคำสั่ง ปกติเธอเห็นเจ้านายตัวเองทำงานหนักจนเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว แต่เหมือนว่าครั้งนี้เขาจะยิ่งมีงานล้นมือมากกว่าครั้งไหน ๆ "แล้วคุณหยางรับกาแฟด้วยไหมคะ" "ไม่เป็นไร ให้อาเยว่มาก่อนแล้วกัน" ฟาหยางตั้งใจจะเคลียร์งานส่วนนี้ให้เสร็จก่อนที่เธอจะมา เลขาหลิงไม่ได้อยู่รบกวนเจ้านายตัวเองอีก เธอออกไปจัดการของว่างสำหรับว่าที่นายหญิงตระกูลหยาง ส่วนทางด้านเยว่ซินพอทานข้าวเช้าเสร็จก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะไปหาฟาหยางเลยหรือจะแวะไปบริษัทตระกูลหลี่ก่อนดี เธอพอจะรู้มาว่าระหว่างอยู่อิตาลีฟาหยางกลับมาให้เลี่ยงหรงขึ้นรับตำแหน่งนั้นชั่วคราว ครั้นพอคิดว่าเดี๋ยวเลี่ยงหรงคงจะดุที่เธอไม่เข้าบริษัทหลายวันร่างเล็กจึงตัดสินใจเข้าบริษัทหลี่ก่อน ขาเรียวก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องประธาน กำลังคิดเหตุผลต่าง ๆ มาแย้งคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อตัวเองเผื่อจะโดนต่อว่าเหน็บแนม หากแต่ไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ประตูกลับถูกเปิดออกโดยฝีมือเลขาเอินที่ถือเอกสารอยู่ เธอชะงักไปเล็กน้อยแต่เพียงครู่เดียวก็ค้อมศีรษะทักทายกัน "ไม่เจอกันหลายวันเลยนะคะคุณเอิน ทานข้าวหรือยังคะ" "เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนูเยว่ ช่วงที่หยุดพักผ่อนไปเป็นอย่างไรบ้างคะ" "อือ สนุกมากเลยค่ะ" พูดคุยกันต่ออีกได้ครู่เดียวก็โดนคนที่อยู่ด้านในกระแอมไอใส่ เลขาเอินรีบขอตัวออกจากห้องทำให้เยว่ซินได้เห็นพ่อตัวเองซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำ "สวัสดีค่ะ" เธอเอ่ยทักทาย เลี่ยงหรงไม่ได้พูดตอบแต่ก็พยักหน้ารับ เยว่ซินคิดว่าจะมาดูเอกสารเผื่อมีตรงไหนที่เธอจะต้องรับรู้และเซ็นด้วยตัวเอง ครั้นกำลังจะเอ่ยถามกลับโดนแทรกขึ้นเสียก่อน "ข่าวเมื่อเช้าเรื่องจริงหรือไม่" "คะ?" เพราะไม่ได้เข้าดูเลยทำให้เยว่ซินยังไม่รับรู้เรื่องราว เธอเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัย เลี่ยงหรงวางแฟ้มในมือลง "ข่าวแต่งงานกับฟาหยาง" เขาพูดต่อเพื่อไขความข้องใจนี้ เยว่ซินตาโตเมื่อเห็นว่าเลี่ยงหรงรับรู้เรื่องแล้ว ห่าวอู๋ประกาศต่อสื่อแล้วงั้นหรือ? "อ๋อ...ค่ะ" ตอบได้เพียงแค่นั้นเพราะยังทำตัวไม่ถูกนัก คราวนี้ประมุขตระกูลหลี่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้ใบหน้าจะยังไม่ฉายความรู้สึกใด ๆ แต่เยว่ซินก็เผลอประหม่าเล็กน้อย "คือว่าหนู..." "ยินดีด้วย" ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ เลี่ยงหรงเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อโดนมองค้างนานเกินไป "รู้...ว่าเป็นพ่อที่ไม่ดีเท่าไหร่" "..." "ป๊าขอโทษนะอาซิน" คล้ายกำแพงระหว่างกันถูกทำลายลง เยว่ซินยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าตัวเองชั่วครู่ยามรู้สึกว่าม่านตามีน้ำใสเอ่อคลอ "ไม่ใช่มาขอโทษเพราะเห็นว่าอาซินกำลังจะเป็นภรรยาของฟาหยาง" "..." "แต่อยากขอโทษที่อาซินได้เจอผู้ชายคนต่อไปจากป๊าที่สามารถดูแลเธอได้ทั้ง ๆ ที่ผู้ชายคนแรกคนนี้ยังดูแลได้ไม่ดีเลย" เลี่ยงหรงขยับตัวเข้ามาหา มือหนาที่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ปรารถนาจะให้ลูบศีรษะกันสักครั้งไม่ว่าจะเป็นเยว่ซินคนเก่าหรือคนใหม่ เลี่ยงหรงวางมือนั้นลงแล้วบรรจบลูบเส้นผมนุ่มแผ่วเบา "ไม่รู้ว่าป๊ายังมีสิทธิ์จะได้เห็นอาซินสวมชุดแต่งงานด้วยตาคู่นี้ไหม" "..." "แต่ขอให้อาซินมีชีวิตที่มีความสุข ป๊าเชื่อว่าฟาหยางดูแลเธอได้ดีมาก ดีกว่าทุกคนบนโลกนี้" "ฮึก..." เสียงหวานหลุดสะอื้นทั้งเรียวขาก้าวเข้าหาบิดาตนเอง เลี่ยงหรงโอบประคองลูกสาวคนเดียวของเขาที่เดินมากอดกันไว้ "ได้สิคะ ป๊าจะได้เห็นซินแต่งงาน" ใบหน้ามีอายุของคนผ่านเรื่องราวมามากตอนนี้แสดงความรู้สึกออกมาเป็นครั้งแรก เลี่ยงหรงหลับตาลงห้ามไม่ให้เผลอร้องไห้ออกมา "ขอบคุณนะ ขอบคุณนะอาซิน" ไม่มีคำพูดไหนจะดีไปกว่านี้ สองพ่อลูกยืนกอดกันนานหลายนาที เลี่ยงหรงไม่เคยรู้สึกโล่งใจขนาดนี้มาก่อน เหมือนกับว่าทุกสิ่งที่เขาแบกไว้ทั้งศักดิ์ศรีและความโลภบนบ่านี้ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เลขาเอินที่ตั้งใจจะเอาน้ำชามาให้ดันพอได้เห็นเหตุการณ์เข้า เธอไม่คิดจะก้าวไปขัดจังหวะ เพียงแค่ยืนดูพร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทำงานกับเลี่ยงหรงมาหลายปีก็เพิ่งจะเคยได้เห็นสีหน้าเช่นนั้น เธออยากขอบคุณคุณหนูเยว่ แม้ว่าจะรู้สึกว่าเยว่ซินเป็นคนได้รับทุกสิ่งทุกอย่างโดยแทบไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ หากแต่ถ้าคิดกลับกัน หากไม่มีคุณหนูเยว่ซินอยู่เอินก็ไม่แน่ใจนักว่าคนเหล่านี้จะเป็นเช่นนี้ได้ไหม เลี่ยงหรงที่มีแต่ความโลภและหยาบคายจะสามารถวางทุกสิ่งอย่างเช่นตอนนี้ ฟาหยางที่ขึ้นชื่อเรื่องเย็นชาและไม่สนใครบนโลกยกเว้นตัวเองจะอ่อนโยนได้แบบนี้หรือเปล่า รวมไปถึงใครอีกหลาย ๆ คนก็ตาม เธออยากขอบคุณต่อการมีอยู่ของคุณหนูหลี่ เยว่ซิน... ว่าที่ภรรยาของฟาหยางคนนี้สุดหัวใจยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว
ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก
ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน
สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร
ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง
เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน