แชร์

ตอนพิเศษ 2 อาเยว่ซินงอแง

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 05:56:23

ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที

'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

"อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร

"ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที

"เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซินครั้นได้กลิ่นคุ้นเคยก็รีบซุกหน้าลงพลางถูไถไปกับอกกว้าง

"คุณหยางทิ้งซิน...ฮึก...ไหนบอกว่าก่อนไปจะปลุกกันไงคะ" เสียงหวานบัดนี้ติดแหบอยู่เล็กน้อย ฟาหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเคยพูดเช่นนั้นไปจริง ๆ

"ไม่ได้ทิ้ง เหล่ากงจะทิ้งเธอได้อย่างไร" อาจเพราะต้องดูแลคนงอแงจนถึงดึกทั้งยังมีเอกสารให้จัดการมากมายจนเผลอลืมไปบ้าง มือหนายกขึ้นประคองศีรษะภรรยาตัวเองไว้ ดวงตากลมโตบัดนี้ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ

"อาฟาก็แค่อยากให้เธอได้พัก งอแงมากขนาดนี้เดี๋ยวอาเฟยหลงกับอาเฟิ่งตกใจแย่แล้วร้องไห้ตามหม่าม๊าจะเป็นอย่างไร" ชื่อของเจ้าก้อนแป้งในท้องที่เยว่ซินและฟาหยางช่วยกันคิดเมื่อคืนถูกเอ่ยขึ้นทำให้คนตัวเล็กคล้ายจะหยุดร้องไห้ไปเสียดื้อ ๆ เยว่ซินช้อนตามองคนสูงกว่า ริมฝีปากเบะลงน้อย ๆ แต่ก็หยุดน้ำตาไปในที่สุด

"ไม่ร้อง...อื้อ...ไม่ร้องแล้วก็ได้" ครั้นได้ยินเช่นนั้นนอกจากประมุขตระกูลหยางจะสบายใจแล้วก็มีเหล่าสาวใช้ที่คอยดูอาการอยู่ไม่ไกล คราวนี้พอเห็นว่านายหญิงของตัวเองไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ จึงพากันไปทำหน้าที่ที่ค้างคาต่อเสียที

"หม่าม๊าคนเก่ง" พูดพลางจูบลงแผ่วเบาที่หน้าผากคนในอ้อมแขน มือหนายกขึ้นทาบที่หน้าท้องนูนนั้นแล้วลูบผ่านเนื้อผ้าตัวบาง

"อือ" เมื่อสัมผัสอุ่นร้อนลูบวนกันอยู่ที่หน้าท้องเป็นผลให้คุณแม่มือใหม่ครางในลำคอ เยว่ซินมองภาพของผู้ชายตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาที่ปกติมักจะดุดันและน่าเกรงขามอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าและรังสีที่ทำให้ลูกน้องกลัวอยู่เสมอ บัดนี้กลับมองท้องตัวเองแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนให้

"ลูบแบบนี้ดีหรือเปล่า"

"อือ..." ทั้งเมื่อคืนที่นอนดึกพอตื่นเช้ามาก็ร้องไห้เป็นผลให้เยว่ซินยามโดนสัมผัสอุ่น ๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา ดวงตากลมโตบัดนี้หรี่ลงจนเหลือครึ่งขีด ฟาหยางพอเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย จัดท่าให้ภรรยาได้นอนบนโซฟาราคาแพงอย่างสบายมากขึ้น มือหนายังลูบวนอยู่ที่หน้าท้องแผ่วเบา ริมฝีปากพรมจูบที่แก้มนุ่มสลับกับปลายจมูกโด่งรั้น

"เหล่ากงอยู่กับซินก่อนนะ" แม้จะหลับก็ยังพะวงว่าฟาหยางจะไปไหนหรือไม่ แน่นอนว่าแค่ได้เห็นกระต่ายตัวน้อยติดแจกันมากขนาดนี้มีหรือเขาจะไปไหนได้ เสียงทุ้มขานรับในลำคอ แทบไม่ได้สนใจแล้วว่าที่บริษัทจะมีเอกสารหรือประชุมอะไรที่สำคัญหรือเปล่า

"อาฟาอยู่กับเธอทั้งวันเลยดีไหม" แค่โทรไปบอกห่าวอู๋นิดเดียวเรื่องที่บริษัทก็คงจะจัดการได้ทันที คนขี้แงไม่ได้ตอบเป็นคำพูดออกมาแต่พยักหน้าแผ่วเบาในขณะที่เอนซุกหาฝ่ามืออุ่น ดวงตาหลับพริ้มแล้วเตรียมตัวเข้าสู่ห้วงภวังค์ ไม่แน่ใจว่าคนเป็นแม่หรือเจ้าแฝดในท้องกันแน่ที่ติดปะป๊าแจจนเขาไปทำงานไม่ได้เช่นนี้ ฟาหยางนั่งอยู่ข้าง ๆ สักพักจนแน่ใจว่าคนตัวเล็กหลับและเข้าสู่ช่วงเวลาพักผ่อนแล้ว เขาโน้มตัวลงจูบแผ่วเบาที่ข้างขมับก่อนจะผละตัวออก

"คุณหยางอยากให้ฉันติดต่อแพทย์ประจำตระกูลไหมคะ" ขายาวพอก้าวพ้นจากห้องนั่งเล่นมาได้ก็โดนสาวใช้เอ่ยถาม เขาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าควรให้เยว่ซินตรวจสุขภาพดูทั้งตัวเองและเจ้าแฝดในท้องดีไหม

"ฉันจะถามอาเยว่ก่อน" หญิงสาวค้อมศีรษะให้ครั้นได้ฟังคำตอบจากเจ้านาย ฟาหยางออกมาโทรศัพท์หาเลขาหลิงเพื่อจะให้ฝากเอกสารสำคัญผ่านอาโปมา เขาคิดว่าวันนี้คงต้องทำงานอยู่ที่นี่และไม่ได้เข้าบริษัทอีก เสร็จจากโทรคุยกับเลขาหลิงก็เอ่ยให้สาวใช้เตรียมอาหารเช้า ร่างสูงขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดที่ดูสบาย ๆ กว่าเดิม ครั้นลงมาถึงก็พบว่าอาโปเอาเอกสารมาให้แล้ว

"คุณหนูเยว่เป็นเช่นไรบ้างครับ" อาโปเอ่ยถามทั้งสีหน้าที่ดูไม่สู้ดี แน่นอนว่าแค่เห็นเจ้านายรับสายจากคนในคฤหาสน์ตระกูลหยางแล้วรีบร้อนกลับมาก็เดาได้เรื่องเดียวว่าคงเกิดขึ้นกับภรรยาที่แสนเป็นที่หวงแหนของเจ้านายตัวเองเป็นแน่

"นายน้อยทั้งสองที่พวกนายชอบเรียกกำลังงอแง"

"..." พอได้ฟังคำตอบก็ถึงกับชะงักไป อาโปพอจะหายใจได้โล่งขึ้น ไม่นานนักก็ระบายยิ้มออกมา

"แบบนี้คงจะติดคุณหยางมากสินะครับ" ฟาหยางหัวเราะแผ่วเบา ไม่ได้ตอบอะไรอีกแล้วรีบเดินไปหาภรรยา บนโซฟาราคาแพงยังเห็นแม่กระต่ายนอนขดตัวดวงตาหลับพริ้มอยู่ อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศกำลังพอดีที่จะกล่อมคนงอแงให้พักผ่อนได้

"อือ" ได้ยินเสียงครางแผ่วเบายามฟาหยางโน้มลงจูบที่จมูกโด่งรั้น พอแน่ใจว่าเยว่ซินคงพักผ่อนอีกสักพักถึงได้หันกลับมาดูเอกสารงานต่อ ทิ้งเวลาไปอีกเป็นชั่วโมง คราวนี้คนบนโซฟาเริ่มขยับตัวไปมา ดวงตากลมโตค่อย ๆ กระพริบปรับโฟกัส

"ตื่นแล้วหรือ" สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาของสามีที่เดินมาหยุดนั่งข้าง ๆ กัน มือหนาวางลงบนหน้าท้องที่มีลูกกระต่ายที่ฟาหยางชอบเรียกอยู่ในนั้นแล้วลูบเบา ๆ

"อือ...คุณหยาง" มือเรียวยกขึ้นเป็นสัญญาณให้ฟาหยางโน้มลงมาทาบริมฝีปากที่แก้มนุ่ม พอได้รับสัมผัสอุ่น ๆ เช่นนั้นแล้วคนมีศักดิ์เป็นแม่กระต่ายยกยิ้มกว้าง

"หายงอแงแล้วหรือไง" อดที่จะแซวเสียไม่ได้ เยว่ซินขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ใบหน้างามกลับมาดูสดใสยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นมาก

"ซินไม่ได้งอแงเสียหน่อย"

"ทานมื้อเช้าเลยไหม" ถามพลางลูบเส้นผมอย่างเบามือ งานจากบริษัทถูกเมินไปยามที่ตอนนี้ฟาหยางต้องมาสนใจภรรยาตัวเอง คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ ตั้งแต่มีเจ้าก้อนในท้องก็ดูเหมือนชีวิตจะวนเวียนอยู่แค่กินกับนอนเสียจริง ฟาหยางพอได้รับคำตอบเช่นนั้นก็เอ่ยสั่งให้สาวใช้จัดเตรียมโต๊ะอาหาร

"ซินขอโทษที่ทำให้ลำบากกันนะคะ" ยามมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้วก็ได้ยินเสียงนายหญิงตระกูลหยางเอ่ยพูดกับเหล่าลูกน้อง ใบหน้างามดูอ่อนลงราวคนรู้สึกผิดจนเหล่าสาวใช้รีบโบกมือไปมาแล้วคำนับอย่างสุภาพ

"ไม่ใช่ความผิดคุณหนูเยว่เลยค่ะ พวกเราเป็นห่วงมาก ๆ ได้โปรดอย่าขอโทษเลยนะคะ" นอกจากเป็นดวงใจของเจ้านายตัวเองแล้วกับคนในคฤหาสน์ก็ไม่ได้ต่างกัน ต่อให้เยว่ซินจะมีอารมณ์แปรปรวนที่รุนแรงมากกว่านี้พวกเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องที่ผิด โดนฟาหยางโอบอุ้มมากเท่าไร กับเหล่าลูกน้องแล้วต้องปฏิบัติให้มากกว่านั้น ไม่ใช่เพราะคำสั่งหากแต่เป็นทุกการกระทำของนายหญิงผู้นี้สมควรแก่การได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น ฟาหยางมองภรรยาตัวเองที่พูดคุยกับสาวใช้นิ่ง ๆ เขาไม่เคยห้ามปรามที่เยว่ซินมักอ่อนน้อมต่อคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่า หลังจากพูดคุยกันอยู่สักครู่ในห้องอาหารก็เหลือเพียงแค่ฟาหยางและเยว่ซิน มื้อเช้าวันนี้เป็นของอ่อน ๆ เพื่อให้ย่อยง่าย ตลอดการทานมื้อเช้าจะได้ยินเสียงหวานพูดจ้อไม่หยุด ดูเหมือนนายหญิงผู้นี้จะอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วจริง ๆ

แม้ว่าจะหยุดงานบ่อยครั้งทั้งมีประชุมเร่งด่วนซึ่งหลัง ๆ ฟาหยางมักจะให้บิดาตัวเองเป็นคนเข้าบริษัทแทนหากแต่ห่าวอู๋ก็ไม่เคยบ่น มิหนำซ้ำยังตามอกตามใจลูกสะใภ้เสียเหลือเกิน แค่เยว่ซินเอ่ยปากเพียงครั้งเดียวก็จัดสั่งลูกน้องให้หามาให้ทุกอย่างโดยอ้างเหตุผลว่าถ้าแม่อารมณ์ดีลูกจะได้แข็งแรง แต่คงมีเพียงเรื่องเดียวที่แม้แต่ห่าวอู๋ก็ยังไม่อนุญาต

"แต่แบรนด์นี้สำหรับแม่ลูกอ่อนเลยนะคะ" นั่นคือการให้เยว่ซินกลับไปทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง แน่นอนว่าแค่งานโฆษณาเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางคุณหมอก็บอกมาอย่างดีแล้วว่าสามารถทำต่อไปได้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับแฝดในท้องเลยแม้แต่น้อย หากแต่ทั้งฟาหยางและห่าวอู๋ก็มีความเห็นต่อเรื่องนี้ที่ตรงกัน

"ไม่ใช่ว่าโฆษณาไม่ดีหรืออะไรหรอกนะอาเยว่ซิน แต่เตี่ยไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะให้เราต้องไปทำงานอีก เอาแบบนี้ไหม เตี่ยจะจองคอร์สออกกำลังกายให้หรืออาเยว่อยากไปเที่ยวเล่นที่ไหนดีหรือเปล่า" ห่าวอู๋พูดยาว เขานั่งมองลูกสะใภ้อย่างห่วงใยทั้งอีกฝั่งข้าง ๆ มีดีลานที่หมอบอยู่ข้างกัน ช่วงหลังมานี้เจ้าราชสีห์ขนดกก็มีความเคารพเยว่ซินไม่ต่างจากเจ้านายมันแล้วอาจเพราะด้วยห่าวอู๋พาเยว่ซินมาให้คุ้นชินบ่อย ๆ

"แต่ซินอยากทำนี่คะ" ร่างเล็กนั่งหน้าหงอย ริมฝีปากเบะลงน้อย ๆ จนคนมองใจอ่อนยวบ ฟาหยางที่นั่งอยู่ข้างกันก็รีบลูบศีรษะภรรยาตัวเองเบา ๆ เขาเองก็จนปัญญาต่อการร้องขอนี้ถึงได้พามาหาห่าวอู๋ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลเช่นกัน

"เช่นนั้นก็ทำตามใจอาเยว่เถอะ แต่เตี่ยจะให้คนไปคุ้มกันอย่างใกล้ชิด คราวนี้ห้ามรับของหรืออะไรที่แปลก ๆ เด็ดขาด เข้าใจไหม" ครั้นได้รับการอนุญาตแล้วเยว่ซินก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น ร่างเล็กพยักหน้ารัว ริมฝีปากระบายยิ้มกว้างส่วนฟาหยางทำได้แค่ส่ายหน้าเบา ๆ

ไม่ว่าใครก็ต้องพ่ายแพ้ให้คุณหนูเยว่ซินจริง ๆ

แม้อยากจะตามไปที่กองถ่ายแต่เพราะมีประชุมสำคัญฟาหยางถึงเอาแต่ขมวดคิ้วหงุดหงิดตั้งแต่เช้า

"ก็ซินบอกแล้วไงคะว่าซินไปกับพี่ซูเม่ยได้" คนตัวเล็กที่อยู่ในชุดไหมพรมถักอย่างดีเอ่ยพูดพลางช้อนตามองคนตัวสูงราวกระต่ายตัวเล็ก ๆ

"อาฟารู้แล้ว แต่ก็แค่อยากตามไปด้วย" มือหนาทาบลงที่แก้มนุ่มพลางเกลี่ยอย่างเบามือ ความหวงแหนภรรยาคือสิ่งเดียวที่พวกลูกน้องรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองมักไม่เคยปล่อยให้คุณหนูเยว่ซินอยู่ห่างสายตา เป็นสิ่งเดียวที่ฟาหยางปฏิบัติมาตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานจนกระทั่งตอนนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

"เอาไว้ครั้งหน้าไงคะ"

"ครั้งหน้าอะไร เธอยังจะรับงานอีกหรือ" ยิ่งหงุดหงิดอยู่แล้วคราวนี้ฟาหยางก็ยิ่งอารมณ์ขุ่นมัวเข้าไปอีก คิ้วขมวดเข้าหากันจนเยว่ซินหัวเราะพลางเขย่งเท้าขึ้นแล้วยกมือขาวขึ้นเกลี่ยเบา ๆ

"อย่าหงุดหงิดสิคะ ก็แค่เผื่อไว้เท่านั้นเอง"

"ไม่ต้องเผื่อแล้ว แค่งานนี้งานเดียวก็พอ" ฟาหยางสัญญากับตัวเองว่าถ้ามีครั้งหน้าเขาจะไม่ยอมใจอ่อนอีก เยว่ซินไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่พยายามกลั้นขำแล้วพยักหน้าหงึกๆราวกับเข้าใจต่อคำพูดนั้น แต่ฟาหยางย่อมรู้นิสัยภรรยาตัวเองดี แสนดื้อนั่นแหละคือนิสัยหลัก ๆ ของคุณหนูเยว่ซิน

"ไว้เจอกันเย็นนี้นะคะ ขอให้การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี"

"อาซินก็เหมือนกัน ถ้ารู้สึกไม่ดีเมื่อไหร่ก็รีบติดต่อมา" พูดจบแล้วมือหนาก็วางลงที่หน้าท้องของคนตัวเล็กพลางลูบอย่างเบามือ

"อย่าซนกับหม่าม๊า แล้วเจอกันเย็นนี้นะอาเฟย" เป็นปกติที่ฟาหยางมักเรียกเจ้าพวกแฝดว่าอาเฟย เพราะชื่อที่ถูกตั้งว่าเฟยหลงและเฟยเฟิ่งไว้เรียบร้อยแล้วแม้กระทั่งยังอีกนานกว่าจะถึงกำหนดคลอดก็ตาม หลังจากฟาหยางเดินทางไปบริษัทแล้วเยว่ซินก็รอซูเม่ยมารับ นอกจากนี้ยังต้องทำตามคำสั่งห่าวอู๋ที่เธอต้องพกลูกน้องพ่วงไปด้วยอีกหลายคนจนซูเม่ยยังต้องเกร็งตาม พอถึงกองถ่ายก็พบว่ามีทั้งทีมงานและแฟนคลับมารออยู่ก่อนแล้ว วันนั้นเยว่ซินถึงได้รู้สึกคิดถึงการทำงานสุดหัวใจ และกว่านายหญิงจะกลับคฤหาสน์ตระกูลหยางก็เล่นเอาคนเป็นสามีคิ้วกระตุกอยู่ไม่น้อยเพราะต้องเช็กกับลูกน้องไปประชุมไป ทำเอาทั้งคู่ค้าและพนักงานในห้องประชุมกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่พูดหัวข้อนำเสนอผิด ๆ ถูก ๆ กันเลยทีเดียว

เลี่ยงหรงพอได้ทั้งตำแหน่งประธานบริษัทและตำแหน่งพ่อกลับคืนมาก็เห็นจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเก่า งานอดิเรกที่เมื่อก่อนเอาแต่ดูว่าจะลงหุ้นกับบริษัทไหน ควรจะไปทำความรู้จักกับตระกูลใดก็แปรเปลี่ยนมาเป็นดูเสื้อผ้าและของเล่นเด็กอ่อนไปวัน ๆ

"เธอว่าอันนี้สวยไหม" ถามพลางหันสิ่งที่กำลังดูให้เลขาตัวเอง เอินที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเจื่อน ๆ ไปให้ วันนี้เธอโดนเจ้านายถามประโยคนี้กับเธอมาเป็นรอบที่สามแล้วเห็นจะได้

"คล้ายกับที่คุณหรงถามฉันก่อนหน้านี้เลยค่ะ"

"งั้นหรือ แต่ฉันว่าอันนี้สีมันอ่อนกว่า" แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เลขาเอินก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันตรงไหน เธอทำทีเป็นพยักหน้าเข้าใจแม้จะอยากปฏิเสธเสียงแข็งว่าเหมือนอันก่อนหน้านี้จริง ๆ !

"คุณหรงดูจะตามใจหลานแน่เลยนะคะ" ครั้นพอเห็นว่าเลี่ยงหรงดูช่างปราณีตบรรจงที่จะเลือกสรรของขวัญเตรียมรับทายาทแห่งตระกูลหยางทั้งคู่ก็อดจะพูดแซวไม่ได้ เลี่ยงหรงชะงักไปเล็กน้อยแล้วกระแอมไอในลำคอพร้อมกับยกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้า

"ฉันดุแค่ไหนเธอก็น่าจะรู้นี่ ตามใจอะไรกันเล่าถ้าหากฟาหยางกับอาเยว่ให้ท้ายมากเกินไป ฉันนี่แหละจะเป็นคนสั่งสอนพวกเขาเอง" พูดยาวเหยียดแต่ไร้ความน่าเชื่อถือเลยสักนิด เลขาเอินพยายามกลั้นขำและทำทีเป็นเชื่อตามที่เขากล่าว คนที่พูดว่าตัวเองดุนักดุหนาตอนนี้กลับไปเลื่อนดูของเล่นให้หลานอีกครั้ง เมื่อเห็นอันไหนถูกใจก็กดสั่งทั้งหมดโดยไม่หยุดคิดทำเอาเลขาอยากจะถ่ายภาพเหล่านี้ไปให้คุณหนูเยว่ดูจริง ๆ

'คุณตาคนนี้ปากแข็งเหลือเกินค่ะนายน้อยหยางทั้งสองคน' เธอได้แต่คิดในใจ

พัฒนาการของเจ้าก้อนแป้งในท้องเริ่มมีการขยับให้คุณแม่มือใหม่พอจะได้รู้สึก เยว่ซินหยีตาลงเล็กน้อยยามช่วงท้องรู้สึกถึงการขยับปลุกให้เธอตื่นขึ้นมากลางดึก

"อาเฟย" เสียงหวานพูดพร้อมกับขยับตัวหนีอ้อมกอดสามีที่กำลังหลับอยู่แต่มือหนาวางไว้ที่เอวบางอย่างหวงแหน ครั้นลุกขึ้นนั่งแล้วคิดว่าจะลงชั้นล่างไปดื่มน้ำเสียหน่อยแต่ช่วงเอวกลับถูกรั้งไว้เสียก่อน

"อาซินจะไปไหน" ฟาหยางถามแม้ว่าใบหน้าหล่อเหลาจะติดง่วงงุนอยู่ไม่น้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วพิจารณาคนตัวเล็กให้เต็มตา

"ไปเอาน้ำค่ะ" เยว่ซินตอบพลางยกมือขึ้นจัดผมไม่เป็นทรงของผู้นำตระกูลหยาง ร่างสูงสวมเพียงแค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวทำให้โชว์หน้าท้องแกร่งชวนให้อยากลูบอยู่ไม่น้อย เขาพยักหน้าตอบแล้วลุกก้าวลงจากเตียง

"คุณหยางไปไหนคะ"

"ไปเอาน้ำให้เธอไง รออยู่ตรงนี้" คนฟังเม้มปากแน่นแล้วเอ่ยขอบคุณเสียงเบา ก่อนไปฟาหยางยังไม่วายย่อตัวแล้วจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของเยว่ซินหนึ่งที แม้จะบอกว่าไปเอาน้ำให้แต่พอกลับมาก็มีทั้งนมอุ่นและผลไม้ติดมือมาด้วย ดูเหมือนร่างสูงก็คล้ายจะหายง่วงไปแล้ว

"ในตู้เย็นมีองุ่นอยู่ อาฟาเลยหยิบมาให้" วางพวกจานและแก้วลงบนโต๊ะก่อนที่เยว่ซินจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปหาทันทีที่เห็นของกิน ดวงตากลมโตวาววับดูแล้วน่าเอ็นดู

"ขอบคุณค่ะ" เสียงหวานพูดร่าเริงแล้วไม่ได้สนใจสามีอีก นั่งขัดสมาธิไปกับพรมห้องแล้วทานผลไม้อย่างอารมณ์ดี

"ไหนรางวัล" หากแต่ทิ้งเวลาไปชั่วครู่กลับต้องชะงัก ฟาหยางย่อตัวลงนั่งข้างภรรยาแล้วถามเสียงเบา

"ทำเพราะหวังรางวัลหรือคะเนี่ย"

"จริง ๆ ก็ไม่ แต่ถ้าเป็นเธอแล้วมันก็อยากได้" พูดราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด เยว่ซินหรี่ตาลง ยอมขยับตัวเข้าใกล้สามีที่ยื่นแก้มมารออยู่ก่อนแล้ว แม้ขัดใจไม่น้อยแต่ก็ต้องกดจมูกที่สันกรามคมของคนตัวสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายก็โดนฟาหยางรวบเอวแล้วพรมจูบคืนอยู่ยกใหญ่ กว่าจะได้กลับมาทานผลไม้ก็เสียเวลาไปหลายนาที

"พอแล้วค่ะคุณหยาง ลูกหิวอยู่นะคะ"

"ลูกหรืออาซิน" ถามคลอไปกับเสียงหัวเราะเมื่อได้ฟังเยว่ซินพูดอ้าง คนตัวเล็กแก้มแดงก่ำ ทำเป็นไม่สนใจแล้วจิ้มองุ่นเข้าปากต่อ

"หวานไหม" ฟาหยางกระซิบถาม ดวงตาสีรัตติกาลจดจ้องที่ริมฝีปากสวยอย่างไม่ปิดบัง

"กะ...ก็หวานนะคะ" พอโดนมองด้วยสายตาเช่นนั้นแล้วเยว่ซินถึงกับตอบตะกุกตะกัก ผลองุ่นถูกคาบไว้ที่ปากเมื่อฟาหยางเลื่อนหน้ามาใกล้แล้วกัดอีกครึ่งที่เหลือจนคล้ายว่าจะจูบกัน ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างพออกพอใจ

"อืม หวานจริง ๆ ด้วย" ตอบอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเคี้ยวองุ่นหน้าตาเฉย ทิ้งให้คนมองใจเต้นแรงเม้มปากแน่น กว่าจะเข้านอนกันอีกรอบก็ไม่แน่ใจว่าระหว่างเยว่ซินกับฟาหยางใครอิ่มกว่ากัน

หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน ฟาหยางต้องหอบงานมาทำที่คฤหาสน์หยางไปแล้วห้าวัน เหตุผลหลัก ๆ มาจากคุณแม่ลูกสองที่ติดเขาแจไม่ไปไหน แม้อยากจะหนีบไปนั่งที่บริษัทก็โดนห่าวอู๋ห้ามไว้และให้เหตุผลว่าที่บริษัทไม่สะดวกสบายต่อการพักผ่อนของเยว่ซิน

"อาซิน" มือหนาเกลี่ยเบา ๆ ที่ปอยผมนุ่มเมื่อใบหน้างดงามของคุณหนูเยว่ซุกกันอยู่ที่หน้าท้องแกร่งจนเขาแทบไม่มีสมาธิทำงานแล้วอยากจับกระต่ายน้อยขึ้นไปฟัดบนห้องเสียเหลือเกิน เสียงหวานครางแผ่วในลำคอ ช้อนตาขึ้นมองครู่หนึ่งก่อนจะซุกเข้าไปใหม่

"ไม่ลุกนะ ซินไม่ลุก" พอได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของสามีแล้วไม่อยากผละออกไปไหน เยว่ซินอยากอยู่ใกล้ ๆ ฟาหยางตลอดเวลาเลยหากทำได้ ริมฝีปากสวยเบะออกน้อย ๆ แล้วหากเป็นเช่นนั้นมีหรือที่ฟาหยางจะปฏิเสธได้ลง ยิ่งถูกอกถูกใจประมุขตระกูลหยางจนเผลอโอนเงินให้ภรรยาไปหลายหลักเลยทีเดียว

"คลอดเจ้าสองเฟยแล้วมีคนต่อไปเลยดีไหม อาฟาอยากให้เธออ้อนแบบนี้ทุกวัน" ถามอย่างไม่จริงจังแต่ก็มีแอบคิดอยู่บ้าง เพียงนึกถึงเยว่ซินร่างย่อส่วนแล้วฟาหยางก็อยากจะมีเสียตอนนี้เลยจริง ๆ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงได้เพิ่มลูกน้องขึ้นอีกสองเท่าเพื่อคุ้มกันลูกสาวโดยเฉพาะ ไหนจะห่าวอู๋ที่คงคิดไม่ต่างกัน หากจะบอกว่าปักกิ่งคงวุ่นวายถ้านายน้อยตระกูลหยางจะมีคุณหนูหยางสักคนก็คงไม่ผิดนัก

"ซินเคยได้ยินว่ามีคนเบื่อสามีตอนท้องด้วยนะคะ"

"..."

"ถ้าท้องถัดไปซินเบื่อคุณหยางจะทำยังไงคะ?" คนฟังนิ่งชะงักไปทันทีที่ฟังจบ ฟาหยางดูจะเคร่งเครียดขึ้นมาทันตาเห็น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อคิดว่าหากเยว่ซินเบื่อเขาจะทำเช่นไร?

"แล้วถ้าเหล่ากงเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธอทุกอย่างจะเบื่อกันไหม"

"อันนี้มันไม่ใช่อยู่ที่คุณหยางนะคะ มันอยู่ที่ฮอร์โมนต่างหาก" ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ฟาหยางนั่งหลังตรงเคร่งเครียดกว่างานที่ทำก่อนหน้านี้เสียอีก ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายมีเมฆครึ้มบนหัวจนเยว่ซินหลุดหัวเราะเสียงดัง

"คุณหยางจริงจังหรือคะ?"

"แค่สองเฟยแล้วพักก่อนก็ได้" ทั้งคำพูดและสีหน้ายามนี้หากใครได้มาเห็นจำต้องกลั้นขำไม่ได้กันเสียทุกคนเป็นแน่ เยว่ซินหัวเราะจนน้ำตาไหล ไม่คิดว่าแค่เธอพูดหยอกเย้าจะทำให้ร่างสูงคิดจริงจังถึงเพียงนี้

"อาซินขำอะไรนัก"

"ก็ดูคุณหยางสิคะ" ตอบจนแทบไม่เป็นคำ ฟาหยางที่เห็นเช่นนั้นแล้วคิ้วกระตุก เขากลั่นแกล้งภรรยาคืนโดยการถกเสื้อตัวบางที่ใส่อยู่ขึ้นแล้วพรมจูบไปทั่วหน้าท้อง

"อ๊ะ! คุณหยาง"

"จะหยุดหัวเราะเหล่ากงได้หรือยัง"

"อื้อ...อย่าเลีย...หยุดแล้วค่ะ ซินหยุดแล้ว" พยายามจะดันหน้าคนเป็นสามีออกหากแต่ดูเหมือนฟาหยางจะไม่ตอบรับการกระทำเช่นนั้น เขาเปลี่ยนเป็นกดจมูกโด่งไปที่สะดือสวย

"พุงน้อย ๆ ของอาซินใหญ่แล้วนะ"

"อ๊ะ..." คนใต้ร่างครางแผ่วยามความอุ่นจากฝ่ามือทาบที่ท้องก่อนที่ฟาหยางจะเอียงใบหูเข้าหาคล้ายอยากจะได้ยินเสียงในนั้น

"เจ้าสองเฟย"

"..."

"ปะป๊าอยู่ตรงนี้ ได้ยินหรือเปล่า" คล้ายกับว่าเฟยหลงและเฟยเฟิ่งสัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่น ๆ ถึงได้ขยับตัวจนเยว่ซินสะดุ้งอย่างตั้งตัวไม่ทัน และไม่ใช่แค่เธอแต่ฟาหยางก็เหมือนจะตกใจไม่ต่างกัน

"อาซิน เมื่อกี้...?" ถามราวกับไม่ค่อยจะเชื่อ ดวงตาสีรัตติกาลฉายแววทั้งตกใจทั้งดีใจอยู่ในนั้น

"อือ...เฟยหลงและเฟยเฟิ่งทักทายปะป๊าอยู่นะ" พลันในวินาทีนั้นถึงได้ระบายยิ้มตอบภรรยาจนคนมองตาพร่า ฟาหยางทาบจมูกลงหอมที่พุงน้อย ๆ ของเยว่ซินอีกหลายรอบ

"อยากเจอกันแล้ว" เขากระซิบพูด การได้รับรู้ว่ากำลังมีสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากความรักของตัวเองและคุณหนูเยว่ซินอันเป็นดวงใจนั้นเหมือนดั่งพรที่ฟาหยางเฝ้าถามตัวเองว่าชาติที่แล้วเขาทำอะไรไว้ถึงได้รับการตอบแทนอันล้ำค่ำเช่นนี้

และนั่นก็คือเรื่องราวก่อนที่หลายเดือนต่อมาจะถึงวันที่ฟาหยางสาบานกับตัวเองว่าจะดูแลทั้งสามคนให้ดีที่สุด วันที่ได้เจอกับเฟยหลงและเฟยเฟิ่งคือวันที่ฟาหยางรู้สึกขอบคุณต่อการมีชีวิตอยู่ของตัวเองมากที่สุด

ขอบคุณที่อดทนรอจนได้เจอเยว่ซินแล้วมีผลผลิตที่สวยงามเช่นนี้...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 4 คริสต์มาสกับตระกูลหยาง

    ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 3 ป่วนฟาหยาง

    ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 2 อาเยว่ซินงอแง

    ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 1 ฮันนีมูนกับฟาหยาง nc18+

    สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนจบ กับฟาหยางตลอดไป

    ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   31 ภรรยาฟาหยาง

    เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status