แชร์

ตอนพิเศษ 3 ป่วนฟาหยาง

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 05:57:11

ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก

"อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น

"เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ

"อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!"

"ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย

"ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา

"อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องการให้ลูกชายเล่าเรื่องด้วยตัวเอง ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองเฟยหลงที่คล้ายจะโคลนนิ่งเขามาทุกส่วน

"เฮียขอขนมหน่อย" คำเรียกแทนตัวเองที่มักใช้กับน้องชายซึ่งเกิดห่างกันไม่กี่นาทีถูกเรียกจนเคยชินและเฟยหลงมักแทนตัวเองเช่นนั้นกับเขาและเยว่ซินเช่นกัน

"หม่าม๊าให้กินแค่นั้นไม่ใช่หรือไง" และเพราะรู้ว่าแค่เอ่ยถึงหม่าม๊ามีหรือที่เจ้าแฝดพวกนี้จะงอแงได้อีก เฟยหลงเม้มปากในขณะที่ลังเลว่าจะพูดต่อดีไหมด้านหลังก็ได้ยินเสียงเฟยเฟิ่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน

"เฮียมาเอาที่เฟิ่ง"

"..."

"แบ่งกัน หม่าม๊าให้กินแค่นี้" คนเป็นประมุขตระกูลหยางหลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้ รู้สึกว่าคำพูดในประโยคจะดูสิ้นหวังอย่างไรชอบกล ถ้าคนอื่นได้ยินจะคิดว่าเขาไม่มีเงินซื้อขนมให้ลูกชายตัวเองไหมนะ?

"ก็ได้ แบ่งกันก็ได้" คล้ายว่าสงครามก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่จริง สองพี่น้องไปนั่งหัวจุ่มกันอยู่ที่พรมหน้าโซฟา ฟาหยางพอเซ็นเอกสารแผ่นสุดท้ายก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตรงไปหาทายาทของตัวเอง

"ป๊า อันนี้นะ" ครั้นพอเดินมาถึงตัวลูกชายก็ไม่วายโดนเฟยหลงใช้นิ้วชี้ไปที่ถุงขนมราวกับจะบอกให้เอามาเพิ่มอีก

"ได้ ป๊าซื้อให้เท่าไหร่ก็ได้" เจ้าแฝดฉีกยิ้มกว้างในขณะเดียวกันฟาหยางก็พูดขึ้นมาอีกเพื่อตัดความหวังพวกนั้นทิ้ง

"ถ้าหม่าม๊าตกลงตามนั้น" มาเฟียตระกูลใหญ่โตกับทายาทแฝดที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องเคารพแม้กระทั่งห่าวอู๋เองก็ไม่อาจขัดใจได้ หากแต่ตอนนี้กลับมายืนเถียงกันเพียงเพราะไม่รู้ว่าจะซื้อขนมได้ไหมถ้าเยว่ซินไม่อนุญาต...

ถ้าคนอื่นเห็นคงจะเป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อยเลย

"เฮียอยากหาหม่าม๊า" เฟยหลงพูดพลางลุกขึ้นจากพรมห้อง แม้เจ้าก้อนแป้งทั้งสองจะหน้าตาราวกับโคลนนิ่งฟาหยางมาเกือบจะทั้งหมดหากแต่กลับติดหม่าม๊ามากกว่าเสียนี่ ฟาหยางยกนาฬิกาขึ้นดู ดูเหมือนว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะติดลมเข้าเสียแล้วถึงได้ไปนานกว่าเวลาที่บอกกันไว้

"หม่าม๊ายังทำธุระอยู่" เขาเอ่ยตอบ ฟาหยางนั่งลงที่โซฟา มือหนาช่วยจัดทรงผมของเฟยหลงให้ในขณะที่มืออีกข้างก็ประคองเฟยเฟิ่งให้มานั่งด้วยกัน

"อยู่กับปะป๊าก่อน อยากดูอะไรไหม" เนื่องจากงานที่เร่งด่วนถูกเซ็นและเคลียร์เสร็จหมดแล้วถึงได้แอบอู้อยากจะมาดูการ์ตูนกับลูกชายตัวเอง เฟยหลงและเฟยเฟิ่งครั้นได้ฟังคำถามเช่นนั้นก็รีบแย่งกันตอบจนฟาหยางหัวเราะ ในห้องทำงานของเขาโซนหนึ่งถูกจัดไว้ให้สำหรับทายาททั้งคู่ ทั้งโซฟาราคาแพง ของเล่น โทรทัศน์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างจนเกือบจะเป็นห้องนั่งเล่นห้องที่สองจากคฤหาสน์ตระกูลหยางเสียแล้ว กว่าจะตกลงกันลงตัวก็ทิ้งเวลาไปสักพักหนึ่ง เมื่อการ์ตูนถูกเปิดคราวนี้เสียงเจี๊ยวจ๊าวจากเจ้าแฝดถึงได้เงียบลง ฟาหยางประคองลูกชายทั้งคู่ไว้คนละฝั่งทั้งมือหนาโอบอุ้มอย่างหวงแหน

เยว่ซินที่เพิ่งกลับจากซื้อของกับเพื่อนตัวเองก็รีบตรงดิ่งไปที่บริษัทตระกูลหยาง ขาเรียวก้าวเร็ว ๆ เข้าห้องประธานแต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่วายทักทายเลขาหลิงเสียก่อน ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องออกก็พบว่าที่เก้าอี้ท่านประธานไร้สามีนั่งอยู่ ดวงตากลมโตเบือนไปอีกทางก่อนจะเห็นว่าทั้งฟาหยางและเจ้าสองเฟยกำลังนั่งอยู่บนโซฟา และดูเหมือนว่าเจ้าก้อนแป้งทั้งสองของเธอจะหลับทิ้งตัวไปเสียแล้ว

"อาซิน" ได้ยินเสียงสามีเอ่ยทักกันแล้วยกยิ้ม เยว่ซินเดินเข้าไปใกล้แล้วก้มตัวลงกดหอมที่แก้มยุ้ยของลูกชายตัวเองทั้งคู่ ก่อนจะเข้ามาที่นี่เธอได้ล้างมือและทำความสะอาดเสื้อผ้าไว้ก่อนแล้ว พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าฟาหยางส่งสายตาว่าควรจะทำเช่นนั้นกับเขาด้วย

"อะไรคะ...ซินไม่ทำหรอกนะ" ได้ทีแกล้งก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดไป เมื่อเห็นว่าทั้งซ้ายขวาของฟาหยางมีเฟยหลงและเฟยเฟิ่งอยู่ทำให้เขาผละตัวได้ลำบาก ร่างสูงพอได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาดุนลิ้นไปกับข้างแก้มราวกำลังคิดบัญชีภรรยาแสนดื้อไว้ในใจ

"หรือคืนนี้จะให้อาเฟยหลงกับอาเฟิ่งไปนอนกับเตี่ยดี"

"..."

"ดูเหมือนหม่าม๊าจะดื้อไม่น้อยเลยคงต้องอบรมสักทีดีไหม?" เยว่ซินครั้นได้ฟังก็รีบโน้มตัวไปหาสามี กำลังจะรีบกดจมูกแล้วผละตัวออกหากแต่ยังช้ากว่าฟาหยางที่ยกมือขึ้นดันท้ายทอยให้ใบหน้างามห่างกันเพียงนิด ริมฝีปากทาบกัดที่เชอร์รีชิ้นโปรดจนเยว่ซินตั้งตัวไม่ทัน ฟาหยางนับไว้ยิ่งเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน!

"ม๊า..." คล้ายว่าฟาหยางจะขยับตัวมากไปเป็นผลให้นายน้อยตระกูลหยางปรือตาขึ้นมอง เฟยเฟิ่งที่เห็นมารดายืนอยู่ใกล้ ๆ ก็เอ่ยเรียกพลางชูแขนน้อย ๆ ขึ้น

"อาเฟิ่ง" เยว่ซินพูดแล้วขยับตัวเข้าไปหา มือเรียวช่วยเช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากซึ่งเฟยเฟิ่งก็หยีตาลงก่อนที่วินาทีต่อมาจะหัวเราะคิกคักให้หม่าม๊าตัวเอง

"หัวเราะอะไรหืม...ตัวแสบ"

"หม่าม๊าเช็ดปากให้เฟิ่งแต่ปากหม่าม๊าก็เลอะ" พอได้ยินประโยคนั้นจบถึงกับสะดุ้ง เยว่ซินรีบหันขวับมองหน้าสามีซึ่งเห็นว่าฟาหยางกำลังกลั้นขำอยู่ มือหนาช่วยยกขึ้นเกลี่ยคราบลิปสติกที่เลอะมุมปากภรรยาให้อย่างใจดี

"สงสัยเมื่อกี้จะจูบแรงไปหน่อย" แถมยังพูดต่อได้หน้าตาเฉย

"คุณฟาหยางคะ!"

"อะไร เธอหงุดหงิดเหล่ากงไม่ได้นะ ก็อาซินผิดเวลาเอง" ครั้นพอรู้ว่าเถียงไม่ได้แถมยังมีความผิดติดตัวถึงได้ยอมไม่เอาความต่อ เฟยเฟิ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนั้นเท่าไหร่ได้แต่เงยหน้ามองทั้งสองคนสลับไปมา ฝั่งคนขี้เซาอย่างเฟยหลงยังคงหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงภวังค์ในอ้อมแขนของปะป๊าต่อ

ครั้นเมื่องานของประมุขตระกูลหยางเสร็จสิ้นแล้วและคุณหนูเยว่ซินก็เสร็จธุระเรียบร้อยแล้วจึงได้เวลาไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ฟาหยางประคองเฟยหลงขึ้นในอ้อมแขน ยามลงมาชั้นล่างเพื่อไปลานจอดรถเหล่าพนักงานต่างมองเจ้านายตัวเองกันไม่ละสายตา ภาพของชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังโอบอุ้มนายน้อยแห่งตระกูลหยางซึ่งมีใบหน้าถอดแบบกันมาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็น ทั้งจมูกโด่ง คิ้วเรียวสวยและริมฝีปากได้รูปที่มองครู่เดียวก็รู้ว่าเติบโตไปแล้วจะต้องหล่อเหลามากแน่นอน ส่วนด้านข้างคือภรรยาคนงามที่กำลังจับจูงลูกชายคนรอง ใบหน้าหวานระบายยิ้มกว้างฟังลูกชายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรบางอย่างกับหม่าม๊าตัวเอง ดูแล้วเป็นภาพที่ยากจะได้เห็นนัก และนั่นก็ทำให้อดคิดเสียไม่ได้ว่าพระเจ้ารักแค่ครอบครัวนี้หรืออย่างไรถึงได้มอบแต่อะไรดี ๆ ไปให้ตระกูลหยางกันเสียหมด

หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วฟาหยางก็ไม่ได้กลับเข้าบริษัทอีก ทางเฟยหลงและเฟยเฟิ่งที่เพิ่งจะได้นอนกันมาก็เหมือนจะเต็มอิ่มเสียเหลือเกินถึงได้ยินเสียงโหวกเหวกอยู่ที่สวนหน้าคฤหาสน์ตระกูลหยาง บนโต๊ะชุดน้ำชาอย่างดีมีห่าวอู๋และเลี่ยงหรงแวะเข้ามาหาหลานกำลังนั่งจิบชาทอดมองเจ้าแฝดด้วยใบหน้าอิ่มอกอิ่มใจ ฟาหยางตามใจลูกขนาดไหนกับคุณปู่คุณตาให้ได้มากกว่านั้น ขนาดเฟยหลงพูดขำ ๆ ว่าโตไปจะช่วยห่าวอู๋ทำเงินให้ได้เยอะ ๆ เหมือนที่ปะป๊าทำ วันต่อมาห่าวอู๋ก็ยกหุ้นในบริษัทให้หลานชายทั้งคู่จนตอนนี้เฟยหลงและเฟยเฟิ่งมีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทมากกว่าเจ้าตัวเสียแล้ว ทางเลี่ยงหรงก็ไม่น้อยหน้า ใส่ชื่ออาเฟยทั้งคู่เป็นคนรับส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทตระกูลหลี่ในทุกปี จนตอนนี้ตั้งแต่เจ้าแฝดเกิดมาก็มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายมากมายแม้ว่าจะยังนับเลขไม่เป็นก็ตาม

"คุณหยางทำอะไรอยู่คะ" ร่างสูงหันกลับมาตามเสียงก็เห็นเยว่ซินเดินถือจานขนมเข้ามาหา มือหนาอ้าออกเป็นสัญญาณให้ภรรยาทรุดนั่งบนโซฟาข้างกัน

"กำลังดูมหา'ลัยอยู่น่ะ" คนที่เพิ่งจะได้นั่งพร้อมมือเรียวหยิบคุกกี้ขึ้นทานเกือบสำลัก เจ้าแฝดอาเฟยยังเพิ่งได้แค่สี่ขวบแต่ปะป๊าเขากำลังจะหามหาลัยให้เสียแล้ว

"อะไรนะคะ?" ฟาหยางที่เห็นภรรยาไอค่อกแค่กเพราะเนื้อคุกกี้ก็ลูบหลังให้แผ่วเบา

"ก็โรงเรียนอนุบาลจนถึงมัธยมดูไว้หมดแล้ว เหล่ากงก็แค่ดูมหาลัยเผื่อ ๆ เอาไว้ แต่อย่างไรเสียพออาเฟยทั้งสองโตขึ้นก็ต้องถามพวกเขาก่อนอยู่ดี" แม้จะทำเกินเรื่องไปหน่อยแต่เยว่ซินก็ยังรู้สึกดีที่ฟาหยางมักจะไม่บังคับลูก ๆ ในการเลือกสรรอะไรให้ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นอะไรที่เฟยหลงและเฟยเฟิ่งสามารถเลือกได้ด้วยตัวเองเขาจะถามก่อนทุกครั้ง

"ตกใจหมดเลยค่ะ...นึกว่าเตรียมจะใส่ชื่อลูกเข้าไปแล้ว" ฟาหยางหัวเราะเมื่อได้ฟังประโยคนั้นจบ

"น้อย ๆ หน่อย เธอคิดว่าเหล่ากงจะใจร้ายเลือกให้พวกเขาตั้งแต่อายุเท่านี้เลยหรือ" แม้อยากตอบว่ามีความเป็นไปได้สูงแต่เยว่ซินก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร ฟาหยางหรี่ตาลงอย่างจับผิดเล็กน้อย เขายกมือขึ้นขยี้จมูกรั้นอย่างมันเขี้ยว

"ไม่รู้จักเหล่ากงดีหรืออย่างไร ไม่ทำเช่นนั้นกับลูก ๆ หรอก"

"รู้แล้วค่ะ ไม่แกล้งแล้ว" มือเรียวหยิบคุกกี้ในจานป้อนใส่ปากคนข้างกาย ฟาหยางต่อให้จะไม่ค่อยชอบของหวานเสียเท่าไหร่แต่เพียงแค่ภรรยาป้อนให้ก็พร้อมจะรับไปหมดทุกอย่าง

"กินของหวานเยอะก็ต้องออกกำลังกายเยอะรู้ไหม"

"อือ ซินว่าจะไปออกกำลังกายกับจางลี่อยู่เหมือนกันค่ะ"

"ไปกับคุณหนูตระกูลจางทำไม กับอาฟาเธอก็ออกได้" ตอนแรกเยว่ซินก็ชะงักพลางเอียงคออย่างสงสัย แต่พอเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจแล้วคิ้วเรียวก็กระตุกขึ้นน้อย ๆ

"แกล้งซินอีกแล้วนะคะ มีสองเฟยแล้วยังไม่พออีกหรือไง"

"กับเธออาฟาไม่เคยพออยู่แล้ว" ว่าจบก็ซุกจมูกโด่งที่แก้มนุ่มแล้วไล้ลงที่ซอกคอและไหปลาร้าสวย มือหนาดึงจานคุกกี้ที่เยว่ซินถือไว้แล้ววางบนโต๊ะในระหว่างนั้นก็พรมจูบไปทั่วใบหน้างาม

"คะ...คุณหยางคะ" เยว่ซินพูดเสียงสั่น มือหนาของสามีบีบเคล้นที่เอวบางแผ่วเบา ฟาหยางแลบลิ้นเลียที่ใบหูขาว เพียงวินาทีต่อมาก็ช้อนคนตัวเล็กขึ้นนั่งบนตัก

"อึก...อื้อ" ยิ่งโดนคนตัวสูงจับนู่นลูบนี่แล้วสติเริ่มพร่าหน่อย ๆ เยว่ซินกัดริมฝีปากในขณะที่ฟาหยางเริ่มลงแรงบีบเอวบางมากกว่าเก่า แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงใส ๆ ของใครบางคนเรียกคนบนตักเขาเสียก่อน

"หม่าม๊า เฟิ่งหยิบลูกบอลไม่ถึงครับ" เป็นเฟยเฟิ่งที่กลับเข้ามาเพื่อจะหยิบของเล่นแต่เอื้อมไม่ถึง เหล่าลูกน้องตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่ถึงได้ตะโกนเรียกหม่าม๊าตัวเองเสียงดัง

“คุณหยาง ปะ…ปล่อยซินก่อนค่ะ” ได้ยินเสียงฟาหยางจิ๊ปากแผ่วเบา เขายอมปล่อยเยว่ซินให้ปีนลงจากตักได้ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องไปหาลูกชายตัวเอง เห็นเฟยเฟิ่งที่ยืนรออยู่ ใบหน้าน่ารักขึ้นเหงื่อเล็กน้อยเพราะเพิ่งจะวิ่งเล่นกับพี่ชายมา

“บอลครับหม่าม๊า หยิบบอลให้เฟิ่งหน่อย” เอ่ยพูดงอแงเพราะอยากจะไปเล่นกับพี่ชายต่อ ฟาหยางที่เดินตามหลังมาเห็นเช่นนั้นก็อยากจะพูดเสียเหลือเกินว่าปะป๊าก็เล่นอยู่กับหม่าม๊านะอาเฟิ่ง ครั้นพอหยิบของเล่นให้เสร็จแล้วพร้อมได้รับรอยจูบที่แก้มหนึ่งทีเยว่ซินถึงได้หันกลับมาหาสามีตัวเองที่ยืนกอดอกหน้าบึ้งอยู่

“อะไรคะ คงไม่ได้โกรธลูกหรอกใช่ไหม”

“อืม โกรธลูกน้องมากกว่าที่ทำไมตอนนี้ไม่มีคนอยู่ ไม่เช่นนั้นอาเฟิ่งคงไม่เรียกหาอาซิน” พอได้ฟังจบแล้วเยว่ซินถึงกับหัวเราะออกมา ดวงตากลมโตหยีลงราวพระจันทร์เสี้ยว เยว่ซินขยับเข้าใกล้คนตัวสูง มือเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอสามีพลางพูดเสียงใส

“คืนนี้ก็ยังทำต่อได้ไม่ใช่หรือคะ”

“…”

“ไหนว่าจะพาซินออกกำลังกาย” ฟาหยางดุนลิ้นไปกับข้างแก้มแล้วตวัดเอวบางเข้าหาจนชิด เสียงทุ้มพูดอย่างมันเขี้ยวทั้งดวงตาสีรัตติกาลดูจะคาดโทษในที

“ถ้าคืนนี้บอกให้หยุดแล้วน่าดู”

“…”

“จะเอาให้ดื้อต่อไม่ได้เลยอาซิน”

หากเรื่องหน้าตาคือสิ่งที่เยว่ซินบ่นนักบ่นหนาว่าสองเฟยเกิดออกมาแล้วจะหน้าเหมือนปะป๊าทุกประการ งั้นฟาหยางก็จะขอพูดบ้างว่านิสัยพวกแฝดเหมือนหม่าม๊าเขามากเช่นเดียวกัน

ดื้อเหมือนกันไม่มีผิด!

“นะครับปะป๊า เฮียขออีกแค่ถุงเดียว” นอกจากดื้อก็แสนขี้อ้อนเหมือนเยว่ซินเสียเหลือเกิน ภารกิจขอปะป๊ากินขนมเพิ่มนำทีมโดยเฟยหลงที่พูดเสียงอ่อนส่วนข้าง ๆ คือเฟยเฟิ่งที่มีหน้าที่ยืนมองด้วยสีหน้าร้องขอไม่ต่างกัน ฟาหยางชักจะเริ่มเข้าใจหัวอกเยว่ซินขึ้นทุกวัน ถึงว่าว่าทำไมเธอมักแพ้ลูกอ้อนเจ้าพวกแฝดเสียเหลือเกิน

“เฮียจะเป็นเด็กดี”

“เฟิ่งด้วย”

“แน่ใจงั้นหรือ”

“…”

“…” เจ้าพวกแฝดนิ่งไปครั้นได้ยินคำถามเช่นนั้นแล้วสายตาที่มองกันอย่างจับผิด เฟยหลงอึกอักเล็กน้อย ส่วนเฟยเฟิ่งเริ่มกลับมานิ่งตามแบบฉบับเจ้าตัวเมื่อรู้ตัวว่าทำไม่ได้ ทิ้งเวลาไปครู่ใหญ่แต่ไร้การตอบกลับทำให้ฟาหยางหัวเราะในลำคอ

“วันนี้หม่าม๊าจะทำของหวาน รอทานของหม่าม๊า เห็นด้วยหรือเปล่า?” สองแสบพอได้ฟังเช่นนั้นแล้วตาโตรีบพยักหน้ารัว ๆ ขนมของหม่าม๊าอร่อยที่สุดแล้ว!

“เยอะ ๆ เลยไหมครับป๊า”

“ต้องถามหม่าม๊า”

“เฟิ่งชอบที่นุ่ม ๆ “

“ขนมถ้วยฟูที่หม่าม๊าชอบน่ะหรือ” ดูจะร่าเริงกันเสียเหลือเกิน ฟาหยางเท้าแขนมองสองแสบที่ผลัดกันพูดผลัดกันถาม

“แล้วตอนนี้หม่าม๊าไปไหนครับป๊า”

“ซื้อของมาทำอาหารกับน้าจางลี่” ฟาหยางก็สงสัยอยู่ไม่น้อยที่คราวนี้เยว่ซินออกไปด้วยตัวเอง ดูเหมือนหลัง ๆ มานี้ที่เห็นว่าสองแสบอยู่กับปะป๊าแล้วไม่งอแงก็มักจะหนีออกไปคนเดียวบ่อย ๆ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไร ปล่อยภรรยาไปเที่ยวเล่นบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรเสียก็มีคุณหนูตระกูลจางอยู่ด้วยถึงได้พอเบาใจ

ทางฝั่งคนโดนพูดถึงครั้นได้ออกมาซื้อของแล้วก็ไม่ลืมจะหาของใช้อื่น ๆ ติดมือไปด้วย ทั้งเนคไทให้ฟาหยางและพวกชุดคู่ให้สองแสบแม้ว่าทั้งเฟยหลงและเฟยเฟิ่งจะมีเสื้อผ้าเยอะแยะแล้วก็ตาม

"อิจฉาคนมีสามีมีลูกที่ไปไหนมาไหนก็มีให้คิดถึงตลอด แถมสามคนเวลาได้มองก็เจริญตาเสียเหลือเกิน" ได้ยินเสียงจางลี่พูดหยอกเย้าแล้วเยว่ซินส่ายหน้าไปมา

"ที่พูดนี่พร้อมจะฟังเวลาฉันพูดถึงคุณอี้แล้วหรือยัง?" ครั้นพอโดนสวนกลับจางลี่ถึงกับรีบปิดปาก เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นก็ขำในลำคอ เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่คงพัฒนาจนสถานะใกล้จะเป็นคู่แต่งงานกันอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจางลี่จะมัวเขินอะไรนัก

"พะ...พอเลยคุณหนูเยว่ ฉันเป็นคนเริ่มก่อนแล้วจะมาเอาคืนเช่นนี้ได้อย่างไร" ต่อว่าเพื่อนตัวเองเสร็จก็ทำทีเป็นเลือกซื้อของแล้วไม่กล้าต่อบทสนทนาเรื่องเดิมอีก จางลี่ผู้ดูจะแข็งแกร่งกับทุกเรื่องกลับมาเขินอายเพียงแค่พูดถึงคุณชายหยวน อี้ เสียนี่!

หลังจากซื้อของเสร็จแล้วเยว่ซินก็แวะเอาชาไปที่บ้านตระกูลหลี่เพื่อฝากให้อาม่าเหลียนก่อนจะเดินทางกลับ จางลี่ก็แวะมาหาหลาน ๆ ด้วยเช่นกัน พอเจ้าสองแสบเห็นว่ามีของฝากมาให้เต็มมือก็ดูจะอารมณ์ดีหอมทั้งหม่าม๊าและน้าจางลี่ฟอดใหญ่

"หม่าม๊าหอม ๆ "

"อ้าว แล้วน้าลี่ไม่หอมหรืออาเฟยหลง"

"หอมครับ น้าลี่ก็หอม" ได้ยินเสียงหัวเราะของจางลี่กับความขี้เล่นของเฟยหลง ส่วนทางเฟยเฟิ่งตอนนี้นั่งแกะของฝากที่ได้มาเสียแล้ว

"อาเฟิ่งรอเฮียด้วยสิ!"

"ช้า" ราวกับจะมีสงครามขนาดย่อม ๆ ขึ้นอีกสักรอบจนจางลี่ยกมือป้องปากขำแต่หันไปมองเยว่ซินก็เหมือนว่าจะชินกับเหตุการณ์เหล่านี้เหลือเกินถึงทำเพียงแค่ยืนมองนิ่งๆ

"อาซิน" พลันในวินาทีต่อมาเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กก็ทำให้จางลี่ต้องหันไปทักทายฟาหยาง ต่อให้เยว่ซินจะชินตากับการแต่งกายที่ดูสบาย ๆ ของคนตัวสูงเท่าไหร่แต่คนนอกแบบจางลี่ไม่เคยจะชินได้เลยสักครั้ง

เสื้อยืดกับฟาหยางคือสิ่งต้องห้ามกันจริง ๆ !

อยู่ทักทายและเล่นกับสองเฟยได้ครู่หนึ่งคุณหนูตระกูลจางก็ต้องขอตัวกลับ คราวนี้ก็ได้เวลาที่เยว่ซินต้องเข้าครัวทำอาหารและขนมสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ผ้ากันเปื้อนสีชมพูถูกหยิบยกขึ้นมาสวมดูแล้วน่ารักจนคนมองอดใจไม่ไหวเอ่ยปากชมกันเสียทุกคน

"คุณหนูเยว่สวมแล้วน่ามองจริง ๆ ค่ะ" สาวใช้พูด

"หม่าม๊าสวย" ตามด้วยอาเฟยเฟิ่งที่เพิ่งวิ่งเข้ามาหาหม่าม๊า ครั้นได้ฟังแล้วเยว่ซินก็ย่อตัวลงบีบจมูกรั้นนั้นเบา ๆ

"ปากหวานจังนะอาเฟิ่ง โตไปแล้วผู้หญิงติดตรึมแน่ ๆ "

"ไม่เอาหรอก เฟิ่งมีแค่หม่าม๊า" ครั้นได้ยินนายรองพูดเช่นนั้นเหล่าสาวใช้ถึงกับหันมองหน้ากัน คำพูดราว ๆ นี้เคยได้ยินมาบ่อยนักกับเจ้านายตัวเองที่เคยพูดตอนห่าวอู๋มาหาที่คฤหาสน์

'ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีภรรยา ไม่เอาหรอก' นั่นคือสิ่งที่ฟาหยางเคยพูดตอนจะได้ทาบทามหมั้นกับคุณหนูจู แล้วอย่างไร มาถึงตอนนี้กลับถูกยกขึ้นเป็นบุคคลที่หวงแหนภรรยาจนแม้แต่ใครก็ต้องก้มหน้าลงครั้นอยากสนทนากับคุณหนูเยว่ซิน ไหนจะทายาทที่เกิดเพียงครั้งเดียวแต่ได้ถึงสองมาให้ปวดหัวเล่นนี่อีก!

เยว่ซินไม่ได้ตอบรับอะไรต่อคำพูดนั้นแล้วแค่ยกยิ้มหวานให้ เธอเอ่ยให้ลูกชายออกไปเล่นด้านนอกเพราะเดี๋ยวจะกวนจนตอนทำอาหารจะเกิดอันตรายได้ ครั้นพอเฟยเฟิ่งออกไป ปะป๊าก็เข้ามาแทน คนนี้คือต่อให้จะเอ่ยห้ามอย่างไรก็รู้ดีว่าคงไม่ได้ผล

"คุณหยางคะ"

"ทำไปสิ อยากให้ช่วยตรงไหนบ้าง" ดูสิ นอกจากจะหน้ามึนแล้วยังพูดต่อราวกับคนช่วยในตอนนี้ไม่พอเสียอย่างนั้น ฟาหยางยืนข้างภรรยาแล้วยกมือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังและเอวบางเบา ๆ หากจะบอกว่าสองเฟยป่วนฟาหยางเขาเลยมาป่วนคนตัวบางอีกทีก็คงไม่ผิดนัก แทนที่จะปวดหัวแค่กับลูกชายกลายเป็นว่าเยว่ซินต้องปวดหัวกับปะป๊าเพิ่มไปอีกคน กว่ามื้อเย็นจะเสร็จเจ้าสองแสบก็เล่นกันจนหมดพลัง ได้เวลาตั้งโต๊ะอาหารก็ทานกันเกลี้ยงจนคนทำยิ้มแก้มแทบปริ

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วฟาหยางก็เดินใส่ชุดคลุมสีดำออกมาพลางมองคนบนเตียงหลังใหญ่ มือหนาขยี้ผมเปียกชื้นของตัวเอง

"ตัวแสบไปไหนกันหมด" เอ่ยถามเพราะวันนี้ทั้งคู่บอกจะมานอนกับหม่าม๊าแต่กลับไม่เห็น เยว่ซินตอบว่าเฟยหลงและเฟยเฟิ่งขอไปดูการ์ตูนก่อนนอนที่ห้องนั่งเล่นซึ่งมีลูกน้องช่วยเฝ้าให้อยู่ แม้ตอบหากแต่ใบหน้าหวานกลับไม่ละออกจากหน้าจอโทรศัพท์จนฟาหยางสงสัย

"ดูอะไรอยู่หรือ"

"กำลังดูสูตรทำเค้กค่ะ"

"ทำเค้ก?"

"อื้อ...อีกไม่กี่วันก็วันเกิดจางลี่แล้ว ซินเลยว่าจะทำเค้กให้น่ะค่ะ" ครั้นได้ฟังเช่นนั้นคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ร่างสูงขยับเข้าใกล้ภรรยาก่อนจะดึงโทรศัพท์ในมือมาถือไว้แทน

"อ๊ะ...คุณหยาง"

"ไม่ได้"

"อะไรไม่ได้คะ"

"ไม่ให้ทำ" เยว่ซินมองคนเป็นสามีด้วยใบหน้าสงสัย

"ฝีมืออาซินห้ามทำให้ใคร" ยิ่งพอได้ฟังประโยคถัดไปก็ยิ่งส่ายหน้าระอา ขนาดเพื่อนสนิทของเธอก็ยังไม่มีการยกเว้น

"แต่นี่จางลี่นะคะ คุณหยางอย่างอแงสิ" คำพูดน่ารักดูไม่เข้ากับร่างของคนโดนว่าเลยสักนิด เยว่ซินหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาฉายความไม่ชอบใจขึ้นมาครั้งหนึ่ง

"นะคะ? อย่าทำเช่นนั้นแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้มาซิน...อ๊ะ" เผลอหลุดร้องเมื่อโดนดึงเข้าใกล้สามีพลางเสียงทุ้มกระซิบกันข้างหู

"ไหนลองขอร้องดูก่อน" นั่นถึงได้รู้ว่าโดนเจ้าเล่ห์ใส่อีกแล้ว เยว่ซินถอนหายใจแผ่วเบาแต่ถึงแบบนั้นก็ยอมตามใจคนตัวสูง มือเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งพลางเอ่ยคำพูดที่ทำให้คนฟังขบกรามแน่นอย่างมันเขี้ยวเสียเหลือเกิน

"ขอโทรศัพท์คืนนะ ปะป๊าคืนซินมาหน่อย" พูดจบประโยคก็ต้องหลุดร้องเมื่อฟาหยางซุกหน้าลงที่ซอกคอแล้วขบกัดกันอย่างแรง ร่างบางถูกดันลงบนพื้นเตียงตามด้วยสามีที่คร่อมทับกันไว้ ริมฝีปากโดนประกบแนบชิดทั้งเกลียวลิ้นฉกชิมความหวานในโพรงปาก มือหนาซุกซนกำลังสอดเข้าในสาบเสื้อตัวบางของภรรยาแต่แล้วคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเข้าหากันแน่นพร้อมเสียงคำรามในลำคอที่ดูก็รู้ว่าขัดใจขนาดไหน

"ปะป๊าแกล้งหม่าม๊าอีกแล้ว!"

"..." เยว่ซินหัวเราะอยู่บนเตียงเมื่อฟาหยางผุดลุกขึ้นแล้วตรงไปหาสองแสบที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้วก้มลงขยี้จมูกรั้นคนละที

"ไปดูการ์ตูนต่อเดี๋ยวนี้เลยอาเฟยหลงอาเฟยเฟิ่ง!!" จบสิ้นแล้วสำหรับแผนจะรังแกภรรยาของประมุขตระกูลหยางคืนนี้ เพราะกลายเป็นว่าเยว่ซินโดนชิงตัวไปนั่งเป็นตุ๊กตาให้พวกสองแสบแทน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 4 คริสต์มาสกับตระกูลหยาง

    ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 3 ป่วนฟาหยาง

    ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 2 อาเยว่ซินงอแง

    ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 1 ฮันนีมูนกับฟาหยาง nc18+

    สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนจบ กับฟาหยางตลอดไป

    ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   31 ภรรยาฟาหยาง

    เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status