Share

ความในใจ

last update Last Updated: 2024-12-10 20:17:09

ความคิดถึงกำลังถามหาความรักครั้งเก่าก่อน ต้อมยิ่งคิดยิ่งเสียดายความปากหนักครั้งในอดีต จะด้วยความที่ยังเด็กหรือยังไม่ประสา หรือกลัวโดนแกล้งล้อภายหลัง ต้อมยังไม่แน่ใจตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นเรื่องที่เลยมาแล้ว ยังไม่เท่าไรแต่กับเรื่องในปัจจุบันช่างโหยหาอยากได้ความรักนั้นคืนมา ต้อมจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักยามค่ำคืน

“ฮัลโหล” คงเดชรับสายทันที เมื่อเห็นเป็นชื่อต้อม

“ทำอะไรอยู่” ความรู้สึกแรกที่ได้ยินเสียงต้อมยินดียิ่งนัก

“นั่งดื่มเหล้าอยู่”

“กลับใคร”

“คนเดียว”

“ลูกเมียไม่ว่าเหรอ” ต้อมนึกสงสัยเช่นนั้นจริงๆ

“เราอยู่คนเดียว เมียกับลูกเราไปต่างจังหวัด”

“อ่อ”

“โทรมามีอะไรเหรอ”

“คิดถึงน่ะ” กว่าที่ต้อมจะพูดคำนี้ออกมาได้ใช้เวลานานพอสมควร

“เราก็พึ่งเจอกันได้ไม่นานนี่ไม่ใช่เหรอ”

“สำหรับนายอาจไม่นาน แต่เรานานกว่านายอีกนะ” เสียงของต้อมนั้นเบาบางลง

“นายจะพูดขึ้นมาทำไม ในเมื่อเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้” คงเดชเสียงห้วนขึ้น

“เรารู้ แต่เราสามารถที่จะพูดคุยกันได้นิ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง”

“นายจำได้ไหมเราเคยพูดอะไรกับนายครั้งหนึ่งตอนเรียน”

“อะไร”

“เราถามนายว่า นายชอบเราใช่ไหม”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ต้อมจำได้ไม่มีวันลืม ถึงเขาจะผ่านเรื่องราวมามากมายจนถึงปัจจุบัน แต่คำนี้เป็นอะไรที่ทำให้ต้อมเสียใจมาอยู่ทุกวันนี้ วันนั้นต้อมนั่งอ่านหนังสือคนเดียวใต้พุ่มไม้ คงเดชได้เดินมาหาเขาแล้วนั่งลงมองหน้า

“เรารู้ว่านายรักเรา” คงเดชพูดหน้านิ่ง

ต้อมไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา ถึงแม้เขาจะแน่ใจตัวเองแล้วว่ารักคงเดช แต่ยังไม่กล้าเอยคำใดๆ ออกมา เพราะกลัวว่าจะโดนแกล้งโดนเอาไปล้อ

“ใครจะไปรักนาย แกล้งเราทุกวัน” ต้อมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดเช่นนั้นออกไป

“ถ้าไม่รักจะแกล้งทำไม ถ้าเกลียดแม้แต่หน้ายังไม่มองเลย” คงเดชพูดหน้านิ่งๆ

ความรู้สึกของต้อมตอนนี้หวั่นไหว เขาอยากจะบอกเช่นเดียวกับคงเดชออกมา แต่ใจยังไม่กล้าอยู่ดี จนกระทั่งแหวนกับปื่นได้เดินเข้ามา

“นั่งคุยอะไรกันอยู่” ปิ่นเอ่ยขึ้น

“คุยทุกเรื่องที่อยากคุย” คงเดชรีบพูดด้วยกลัวต้อมจะพูดอะไรออกไป

“นึกว่าจีบกัน เล่นกันขนาดนี้เป็นใครเขาก็นึกว่าเป็นแฟนกัน” แหวนนั่งลงทันทีเมื่อพูดจบ

“พวกเธอสองคนเหมือนแฟนกันเลย” ปื่นย้ำอีกครั้งแล้วอมยิ้มนิดๆ

ต้อมกับคงเดชนั่งนิ่งไม่พูดจาอะไร จนกระทั่งคงเดชลุกขึ้นไปยังที่อื่นโดยไม่มีเสียงใดๆ เป็นคำพูดออกมา

“ทำไมพึ่งมากันล่ะ” ต้อมรีบเปลื่ยนเรื่องพูดทันที

“ไปหาซื้อของขวัญให้จืด” แหวนพูดพร้อมรอยยิ้ม

“ไหนบอกว่าจะไม่สนใจจืดแล้วไง”

“เราไม่ได้ซื้อหรอก ปื่นเป็นคนซื้อแค่เราพาไปเฉยๆ”

“อ่อ พวกเธอสองคนไม่คาใจอะไรกันเหรอ”

“ทำไมต้องคาใจเรื่องมันแล้วก็แล้วไปสิ” ปิ่นยิ้มให้ทั้งแหวนและต้อมอย่างมีความสุข

ต้อมนั่งยิ้มได้เห็นเพื่อนทั้งสองรักกันดี ถึงแม้จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง แต่ทั้งคู่ไม่ได้โกรธกันแม้แต่น้อยเลย

“ต้อม ต้อม หลับไปแล้วเหรอ” เสียงคงเดชดังขึ้น

“ยัง เราคิดถึงเรื่องที่นายพูด”

“ทำไมวันนั้นนายไม่บอกเราว่ารักหรือไม่รักเรา”

“คือ เรา เอ่อ” ต้อมอ้ำอึ้ง

“นายยังเหมือนเดิม เหมือนวันนั้น และวันอื่นๆ นายไม่เปลื่ยนแปลงเลย” เสียงตัดพ้อของคงเดชดังขึ้นอย่างชัดเจน

“พูดตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร เพราะนายมีครอบครัวแล้ว”

“อือ จริง ขอโทษด้วยที่ถาม บางครั้งเราก็ลืมตัวเหมือนกัน ขอบใจนะที่เตือนเรา”

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องของเรามันผ่านมานานมากแล้ว” ต้อมเสียงแผ่วทั้งที่เขายังหวังอยู่ แต่ศีลธรรมค้ำคอไว้

“เราง่วงนอนแล้วขอตัวนอนก่อนนะ วันหลังค่อยคุยกันใหม่”

“อือ หลับฝันดีนะ”

คงเดชเป็นฝ่ายกดปิดก่อน เมื่อไม่มีเสียงปลายสายต้อมจึงวางมือถือลง แล้วเขาคิดย้อนคำพูดของคงเดชหลายคำพูด ยิ่งการกระทำของคงเดชก่อนเข้าออกค่ายอาสาของชมรมไฟฟ้า วันนั้นต้อมจำได้อีกครั้งถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานพอสมควร

คืนสุดท้ายหลังจากเลี้ยงฉลองเมื่อทำงานเสร็จ บรรดาเพื่อนร่วมคณะต่างดื่มกินรอบกองไฟ แต่ด้วยต้อมนั้นดื่มไม่ได้มากเข้าจึงเข้ามานอนก่อน เพียงคนเดียวในห้องกว้างๆ ในขณะที่เกือบจะหลับคงเดชได้เข้ามาหาเขาภายในห้อง พร้อมกับล้มตัวลงนอนกอดเขาไว้แน่น

“กอดหน่อยนะหนาวจังเลย”

ต้อมไม่ได้ดิ้นหนีแต่อย่างใด เพราะเขาชอบใจในสิ่งที่คงเดชทำพอสมควร ไม่ใช่มีแค่กอดเท่านั้นคงเดชพยายามไซซอกคอที่มีกลิ่มครีมทาผิวอ่อนๆ

“หอมจังเลย”

คงเดชจับร่างของต้อมพลิกหงาย พร้อมกดฝ่ามืออันนุ่มนิ่มไว้เหนือหัว ส่วนริมฝีปากของคงเดชไม่หยุดนิ่งไซซอกคอขาวใสอย่างใคร่กระหาย วนซ้ายขวาไม่หยุดทุกซอกมุม จนทำให้ต้อมนั้นเสียวซ่านที่โดนรสใคร่ของคงเดช

ริมฝีปากไล่ขึ้นบนสัมผัสแก้มซ้ายขวาอยู่หลายฟอด ผ่านมาประกบริมฝีปากทันที พร้อมดันปลายลิ้นเข้าไปตวัดไล้พัลวัน

“ใครทำอะไรกัน” เสียงของแหวนดังขึ้น

คงเดชตกใจจึงพลิกตัวจากร่างของต้อมมานอนข้างๆ ส่วนต้อมหลับตาพริ้มแกล้งหลับไม่ยอมมองว่าใครมา

“อ้าวคงเดชกับต้อมนี่เอง ขอโทษทีมาขัดจังหวะเราออกไปก่อนเถอะปิ่น” แหวนกำลังหันหลังกลับ

“อย่าพึ่งเดี๋ยวเราไปเอง เรามานอนคุยกับต้อมเฉยๆ” คงเดชลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปในทันที

“ต้อมไม่ต้องมาแกล้งหลับเลย เมื่อกี้ทำอะไรกันบอกเรามาซะดีๆ”

ดวงตาของต้อมหลับพริ้มและไม่พูดจาอะไร เพราะรู้สึกอายต่อเพื่อนรักอย่างมาก ด้วยแหวนรู้ว่านิสัยของต้อมเป็นอย่างไร เขาจึงไม่ถามไถ่อีกให้มากความ

“สงสัยจะหลับจริงๆ” แหวนแกล้งพูด

จากวันนั้นถึงวันสุดท้ายของการศึกษา คงเดชยังแกล้งต้อมตลอดเวลาอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่เคยได้สัมผัสรักเช่นวันนั้นอีกเลย

“วันนี้วันสุดท้ายแล้วเราไปดื่มเหล้ากันไหม” สุรเดชเดินมากับโบ้เพื่อนสนิท

“คออ่อนอย่างนี้อย่าไปชวนเลย เราไปกินตามภาษาผู้ชายดีกว่าไม่ต้องชวนหรอก” โบ้พูดขึ้น เพราะเขามีแผนหลายอย่างที่จะไปเที่ยว ซึ่งถ้าเอาต้อมไปด้วยจะหมดสนุกส่งท้าย

ต้อมยืนนิ่งๆ อยากจะไปแต่ในเมื่อโบ้ปฏิเสธเช่นนั้น เขาจึงไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ถึงแม้ใจของเขาจะอยากอยู่ใกล้ชิดกับคงเดชอีกครั้งก่อนจบการศึกษา ต้อมมองรถมอเตอร์ไซค์มีโบ้เป็นขับโดยมีคงเดชซ้อนท้าย แต่ใบหน้าของคงเดชยังหันมามองตลอด เฉกเช่นเดียวกับสายตาของต้อมมองสองหนุ่มจนลับตา

“มองอะไรเขาไปไหนต่อไหนแล้ว” แหวนเดินมาพูดอยู่ข้างหลังต้อม

“เปล่า” ต้อมพูดขึ้นลอยๆ

“ไม่เชื่อคำเรา ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน จะทำอะไรก็ไม่ทำกินแห้วเลยไหมนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะพวกเราจบการศึกษาแล้ว เดี๋ยวเจอผู้ชายอีกเยอะไม่เหมือนบางคนหรอกมีคู่แล้วอดได้ของใหม่” แหวนหันมามองปิ่นที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

“พวกเธอจะทำอะไรต่อจากนี้” ต้อมรู้สึกใจหายเมื่อได้ยินพูดคำนี้ออกมา

“เราคงกลับไปบ้านก่อน ต้องบอกให้พ่อแม่รับรู้เรื่องของเราสองคน” ปื่นหันมามองจืดแล้วให้ยิ้มให้กัน

“ส่วนเราอยู่บ้านนี่แหละ เราต้องทำงานแถวนี้ใกล้ๆ บ้านไม่ไปไหนไกลหรอก แล้วเธอล่ะกลับบ้านแล้วจะไปทำงานที่ไหนต่อ” แหวนจ้องมองต้อมด้วยความอยากรู้คำตอบ

“ยังไม่รู้เลย คงไปตั้งหลักที่บ้านก่อน”

“นี่ที่อยู่เรานะ ถ้ามีอะไรเขียนจดหมายมาก็ได้” แหวนยื่นกระดาษจดที่อยู่ไว้ให้ต้อม

“ของเราเขียนไว้ที่เดียวกับแหวนนั่นแหละบ้านเรามีโทรศัพท์โทรหาเราก็ได้นะ”

“อือ ขอบใจนะ เราจะเขียนและโทรหาพวกเธอ” ต้อมยิ้มให้ทุกคนแต่ก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะต้องจากเพื่อนๆ ที่คบกันมาสี่ปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดชั่วระยะเวลาผ่านมานี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เรารักกันไม่ได้   จำใจจำยอมจบสิ้น จบบริบูรณ์

    ต้อมนั่งคิดถึงเหตุการณ์รักครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว ก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้าน หลังจากวันนี้ด้วยความอับอายและพ่อกับแม่ที่แก่ชรามากแล้ว ต้อมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างได้กลับมายังบ้านเกิดของตัวเอง ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินในส่วนมะม่วงของตัวเองอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเรียกขานดังมาแต่ไกลต้อมจึงลุกขึ้นยืนมองตรงใต้ต้นมะม่วง ซึ่งคนที่เดินมาหาไม่ใช่ใครอื่นเป็นเพื่อนรักนั่นเอง “อาคมนี่เองนึกว่าใครมาหาเราถึงที่นี่เลย”ต้อมยิ้มให้อย่างใคร่ยินดี “ปัก ปัก ปัก”อาคมรัวหมัดใส่ใบหน้าของต้อมไม่ยั้งจนล้มลงกองนอนกับพื้น “นายต่อยเราทำไมอาคม”ต้อมใช้มือกุมปากไว้ที่เลือดออกมานองอุ้งมือ “ไอ้ต้อมกูรักมึง ถึงมึงจะเป็นอย่างไรแบบไหนก็รักมึงแบบเพื่อน ไม่เคยรังเกียจมึงเลยแม้แต่น้อย ทำไมมึงทำกับกูได้ลงคอ”อาคมพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เราไปทำอะไรให้นาย”ต้อมพยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืน “มึงยังมีหน้ามาพูดอีก เมื่อคืนมึงทำอะไรลูกกู”เมื่ออาคมพูดจบก็หันหน้าไปทางอื่น “อ่อ เมื่อคืนอาคารมานอนกับเราเอง”ต้อมพูดพาซื่อ “เพลี้ยะ

  • เรารักกันไม่ได้   ความทุกช์

    สองสามวันมานี้เรื่องราวของต่อและต่อมไมได้มีปัญหาอะไร เพราะต้อมไม่ได้ให้เงินต่อแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นเหตุให้ต่อไม่สามารถที่จะไปเมาที่ไหนได้อีก แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงด้วยที่ต่อยังไม่ได้งานทำเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงมาตกที่ต้อมทั้งหมด ในค่ำคืนนี้ทั้งต่อและต้อมต่างนอนนิ่งไม่คุยกันเท่าไรนัก แต่ในความรู้สึกของต้อมในตอนนี้ก็รู้สึกที่ดีด้วยต่อไม่ได้เมามาย เพราะทำให้สบายใจนอนอิ่มหลับสนิทมาหลายคืน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายอะไรกันอย่างครั้งก่อนๆหน้านี้ “ไม่ได้ดื่มเหล้ามันเลยทำให้มีอารมณ์”ต่อเอ่ยขึ้นแล้วมองหน้าต้อมด้วยความใคร่อยากขึ้นมา “แล้วไง”ต้อมพูดขึ้นลอยๆถึงแม้จะอยากมีอะไรกับต่อ “ไม่อยากเหรอ” “ไม่อยาก” “แต่เราอยาก” “ก็ทำเองสิ” “อยากให้นายทำได้ไหม ถือว่าให้ของขวัญเราที่ไมได้เมา และ อีกอย่างพรุ่งนี้เราจะไปหางานแล้วนะ” “ให้ทำอะไร” ต้อมพูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต่อต้องการให้ทำอะไร แต่ก็แกล้งไปอย่างนั้นเพื่อให้ชีวิตมีสีสัน สายตาของต้อมจึงได้เหล่ไปมอง แล้วก็เห็นในสิ่งที่เคยเห็นเป

  • เรารักกันไม่ได้   บอกรัก

    ค่ำคืนดึกดื่นเงียบสงัดต้อมได้ยินเสียงสุนัขที่บ้านเห่า จึงแอบส่องทางหน้าต่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอาคารลูกชายอาคมที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน “อาต้อมครับเปิดประตูให้ผมหน่อย” ต้อมไม่สามารถที่จะให้อาคารอยู่หน้าบ้านได้เพียงลำพัง จึงได้เดินออกไปเปิดประตูเพื่อสอบถามทำไมมาตอนดึกขนาดนี้ เมื่อต้อมเดินไปถึงก็ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงหน้า “มีอะไรเหรอ” “เดี่ยวค่อยบอกผมขอเข้าไปข้างในก่อนได้ไหม ยุงกัดผมจนคันไปหมดแล้วครับ” ต้อมไม่สามารถที่จะปฏิเสธเหตุการณ์และคำของจากอาคารได้ จึงเปิดประตูให้เข้ามาอย่างง่ายดายและพาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง “ห้องอาต้อมใหญ่จังเลย ใหญ๋กว่าห้องผมที่บ้านพ่ออีก”ต่อนั่งลงบนเตียงนอน เพราะที่ห้องของต้อมไม่ได้มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งแต่อย่างใด “มาหาอามีธุระอะไรหรือเปล่า ดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาอย่างไงเนี่ยไม่เห็นมีรถเลย อ้าว กระเป๋าเสื้อผ้าด้วยยังไม่ได้กลับบ้านเหรอ”ต้อมมีท่าทีตกใจพอสมควร “ถามผมหลายอย่างเลยจนผมไม่อยากจะตอบอะไรสักอย่าง แต่ในเมื่ออาต้อมถามผมก็จะตอบให้หมดอาต้อมจะได้ไม่คาใจในตัวผมไงครับ”

  • เรารักกันไม่ได้   ทำกันได้

    ด้วยเหตุที่ต่อได้พักงานหลายวันจึงถูกให้ออก สาเหตุนี้ไม่ใช่สาเหตุหลักเท่าไร เพราะมีเหตุร้ายแรงกว่านี้อีก ด้วยต่อได้เมามายไปทำงานจึงเกิดภาพที่ดูไม่ดีหลายครั้ง ทางนายจ้างจึงต้องตัดใจเลิกจ้าง เพราะด้วยความประพฤตินั้นเกินเยียวยา “เราบอกนายหลายครั้งแล้วว่าให้เลิกดื่มเหล้า เห็นไหมโดนไล่ออกจากงานต่อไปจะทำอย่างไรล่ะ”ต้อมนั่งลงบนเตียงด้วยอารมณ์กลัดกลุ้ม ส่วนต่อนั้นหากลุ้มใจไม่นอนเล่นโทรศัพท์มือถือย่างสบายใจสบายอารมณ์ ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรแม้แต่น้อย “เอาน่า ตอนนี้ถือว่าพักผ่อนเดี๋ยวเราก็ออกไปหางานเองนั่นแหละนายไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” “ให้มันจริงเถอะ”ต้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” ต้อมไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีก เรพาะขืนพูดอาจมีปากเสียงกันได้ และอีกอย่างหนึ่งไปกดดดันคนตกงานมันก็เป็นอะไรที่ดูไม่ค่อยดี ด้วยเป็นครั้งแรกที่ต่อไม่ได้ทำงานซึ่งแต่ก่อนหน้านี้ขยันไปทำงานทุกวัน ได้เงินมาก็แบ่งให้ใช้จ่าย ไม่เหมือนตอนนี้แม้แต่เงินก็ไม่มีให้ต้อมแม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้อยู่กินกับต้อมทั้งนั้น “อืม” “ดีมากที่รัก ขอเง

  • เรารักกันไม่ได้   ความเศร้า

    ความรักของต้อมกับต่อคืบหน้าไปได้พอสมควร ต่างรักใคร่กันมีอะไรเผื่อแผให้แก่กันไม่ขาด แต่มีอยู่สิ่งที่หนึ่งต้อมเริ่มรู้สึกระอาในเมื่อใจยังรักจึงต้องทน ถึงค่ำคืนต่อจะเมามายไม่มีวันหยุดพักเช่นเดียวกันกับตอนนี้ “เมื่อไรนายจะเลิกดื่มเหล้าซะที นายดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องเหล้า”ต้อมนั่งบนเก้าอี้มองต่อนอนเกือกกลั้วกองกับพื้น “ใครเมา อย่ามาพูดแบบนี้นะ”ต่อพยายามลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาต้อม พร้อมกับลากขึ้นไปบนเตียงนอน “ปล่อยนะเราเหม็นเหล้า”ต้อมดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดของต่อ “อ่อ เดี๋ยวนี้รังเกียจเรามากเลยนะ” “เปล่า แต่นายเมาเกินไป”ต้อมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายแต่ในเมื่อยังรักอยู่ จำใจต้องฝืนทนต่อไปอีก “ได้เลย ถ้างั้นคืนนี้นายอยู่คนเดียวก็แล้วกัน เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก” เมื่อต่อพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป อย่างไม่เหลียวหลังมามองต้อมแม้แต่น้อย จนต้อมได้แต่ถอดถอนหายใจถึงแม้จะรู้สึกสบายกายและใจเมื่อได้อยู่คนเดียว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับต่อ เพราะไปในสภาพเมามายอย่างนั้น แต่ต้อมก็พยายามทำใจแข็งฝืนทนความคิด

  • เรารักกันไม่ได้   ความในใจ

    พักหลังอาคารได้มาหาต้อมบ่อยๆบางครั้งก็อยู่ทั้งวันกว่าจะได้กลับใช้เวลานานพอสมควร วันนี้เช่นเดียวกันเป็นวันอาทิตย์ซี่งอาคารต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพ แต่ยังไม่วายแวะเวียนเข้ามาหาต้อมอยู่ก่อนจากไปอีกหลายวัน “มาหาอาทำไมแต่เช้า วันนี้ไม่ไปกรุงเทพเหรอ”ต้อมนั่งลงตรงหน้าอาคารซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วตรงเรือนชานหน้าบ้าน “วันนี้ผมจะไปแล้วไง ก็อยากมาเห็นหน้าอาต้อมสักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”อาคารยิ้มอย่างมีความสุข “มันก็ดี เดี๋ยวไปไม่ทันรถหรอกจะทำไง” “ถ้าไปไม่ทันก็มาอยู่กับอาต้อมไงครับ” “จะมาอยู่กับอาได้ไงบ้านของอาคารก็มี” “อยู่กับพ่อกับแม่ไม่เหมือนอยู่กับอาต้อมเลย ผมอยู่กับอามีความสุขมากที่สุด อยากหยุดเวลาทั้งหมดไว้ที่นี่” “พูดเป็นนิยายไปได้ คนเราต้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบนะอาคาร อย่าเอาชีวิตมายึดติดกับอาเลย” สาเหตุที่ต้อมพูดเช่นนี้ออกไป เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่อาคารได้ทำให้นั่น สามารถบอกได้เป็นลางๆว่าคิดเช่นไร แต่ยังเผื่อใจว่าอาจคิดไปเองบ้างนิดหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ต้อมจึงไม่อยากที่จะให้มีความสัมพันธ์มากไปกว่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status