ความโมโห ความเหนื่อย ความน้อยใจที่ถูกกักเก็บไว้เป็นเหมือนลาวาลูกใหญ่ เมื่อโดนท้ามาแบบนี้มีหรือที่คนอย่างอารดา จะกลัว ต่อให้เธอไปกับเขาก็ใช่ว่าจะรอด คนเลวนี่คงหาวิธีกลั่นแกล้ง และทนมานเธอสารพัด ชั่ววูบของความคิด ความตายสำหรับเธอ คงสวยงามกว่าการมีชีวิตอยู่
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็เดินไปจนชิดกาบเรือ ก่อนจะหันหลัง แล้วหลับตาลง ตัดสินใจทิ้งร่างลงทะเล นาทีนี้เธอไม่คิดอะไร เขาว่ากันว่าคนที่จมน้ำตายใช้เวลาไม่นาน แค่สามนาทีก็ตาย แล้วยิ่งตั้งใจตายอย่างเธอด้วยแล้ว มัจจุราชคงเห็นใจ สองแขนกางออก ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อความตายที่หอมหวานรออยู่ตรงหน้า
ตูม!!
เสียงของหนักตกลงกระทบผิวน้ำ ทำให้ร่างสูงที่กำลังเดินไปยังห้องพัก ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน หัวใจแกร่งกระตุกเมื่อหันกลับไปมอง แล้วเห็นแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเงาของอารดาอยู่ตรงนั้น
“หยุดเรือเดี๋ยวนี้!!”
เสียงแหบพร่าคำรามลั่น และก่อนที่จะมีใครพูดอะไรร่างสูงก็กระโดดลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว อารดากระโดดน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย ผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดกว่าที่เขาคิด
“อารดา!” ธนากรตะโกนลั่น หลังจากโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาหายใจ
“เจอหมายครับนายหัว!” ลุงพงษ์ คนงานประจำรีสอร์ตที่ทำหน้าที่ขับเรือตะโกนถาม
ร่างสูงดำลงไปอีกครั้ง และครั้งนี้เนิ่นนานจนคนที่รออยู่บนเรือ ใจเสีย
“นายหัวครับ! เจอไหม!” ลุงพงษ์ร้องถามด้วยความห่วงใย
ไม่นานพื้นผิวน้ำก็แตกกระจาย ธนากรโผล่ขึ้นมาพร้อมร่างที่ นิ่งสนิทของหญิงสาว
“ทางนี้ครับนายหัว ส่งคุณผู้หญิงมาให้ผม”
ธนากรส่งร่างที่ไร้สติของหญิงสาวให้ลุงพงษ์ ก่อนจะรีบตามขึ้นมา
“ลุงไปเอาผ้ามาให้หน่อย” ร้องสั่งคนงาน ก่อนจะหันมามองใบหน้าที่ไร้สีเลือดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“อารดา! อารดา... ได้ยินผมไหม คุณอย่าเป็นอะไรนะ ผมยัง ไม่อนุญาตให้คุณตาย ได้ยินไหม!” มือแกร่งตบลงไปบนแก้มหญิงสาวเบา ๆ เพื่อเรียกให้เธอรู้สึกตัว
“อ้อม! อ้อม... ผมสั่งให้ตื่นได้ยินไหม!”
เมื่อคนหมดสติยังไม่ตอบสนอง ธนากรก็เริ่มใจเสีย มือแกร่ง กดลงไปบนหน้าอกของหญิงสาวเป็นจังหวะ ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักให้ แรงขึ้นและเร็วขึ้น
“อ้อม! ตื่นสิวะ!” ชายหนุ่มเริ่มคลุ้มคลั่ง เมื่ออารดายังนอนนิ่งไม่ได้สติ
“ผายปอดเลยครับนายหัว”
ลุงพงษ์ร้องบอก แล้ววิ่งเอาผ้าขาวม้ามาส่งให้ ชายหนุ่มใช้ผ้า ห่อตัวหญิงสาว แล้วทำตามที่คนงานบอก ไม่นานคนที่นอนแน่นิ่งก็ ได้สติ ธนากรไม่รอช้า รีบช้อนร่างบางเข้าสู่วงแขนก่อนจะพาเข้าไปในห้องพัก
“อารดา... อารดา ได้ยินผมไหม”
ไม่มีเสียงตอบจากคนที่นอนตาค้างมองเพดาน มีเพียงน้ำตา ที่ไหลลงมาเป็นสาย อารดายังคงนอนนิ่ง ไม่สนใจว่าเขาจะทำอะไรกับเธอบ้าง เธอน้อยใจกับโชคชะตา แค่ความตายมัจจุราชยังไม่ให้เธอ
“อ้อม...”
เสียงแหบพร่าเรียกคนที่นอนตาค้างอีกครั้ง ก่อนจะมองสบลงไปในตาคู่สวยที่ตอนนี้มีน้ำตาไหลทะลักออกมาจนเต็มสองตา
“อ้อม... ถ้ารู้สึกตัวแล้วช่วยตอบหน่อย”
ถามด้วยความห่วงใย ธนากรยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่เห็นเธอตัดสินใจทำแบบนั้น ตอนนี้เขาอยู่กลางทะเล และน้ำก็ไม่มีกิ่งก้านให้เกาะ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่อารดาจะทำแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ยอมตายเพื่อหนีเขา
“มาช่วยฉันทำไม!” อารดาเค้นเสียงรอดไรฟันถามออกไป ก่อนจะเบือนหน้าหนี เมื่อบังเอิญเห็นความห่วงใยในแววตาคู่นั้น
“ถ้าผมไม่สั่งให้ตาย คุณก็ตายไม่ได้”
“กรี๊ดดดด! ฉันเกลียดแก เกลียด ๆ ๆ ๆ ได้ยินไหมว่าเกลียด!”
อารดากรีดร้อง ก่อนจะลงมือทำร้ายตัวเอง มือบางจิกทึ้งไปตามเส้นผม ก่อนจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“กรี๊ดดด!”
“หยุดนะอ้อม! บอกว่าให้หยุด!”
ธนากรเองก็ตกใจกับการกระทำของหญิงสาวไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แล้วมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาเห็น เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงที่กร้านโลกคนหนึ่ง
“อยากให้ฉันตายไม่ใช่เหรอ แล้วช่วยทำไม มาช่วยทำไม!”
ร่างสูงตรงเข้ากอดคนร่างบาง เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่
“หยุดนะอารดา ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ ผมจะจับคุณมัดไว้กับ เสาเรือ”
“เอาสิ เอาเลย จะเอาฉันไปขึ้นช้างลงม้าที่ไหนก็เชิญ ฉันไม่กลัว!”
อารดาท้าทาย นาทีนี้เธอไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ถ้าลองเขาพาเธอมาแบบนี้ อนาคตเธอก็คงไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น มือบางยังทุบตี ไปบนอกกว้าง พยายามกลั้นน้ำตา เธอไม่ได้ร้องเพราะกลัว แต่ที่ร้องเพราะโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่ความตายเธอยังไม่มีสิทธิ์เลือกใช่ไหม
“อย่ามาท้านะ!”
ธนากรตอบกลับ ก่อนจะคิดทบทวน เขาจะจัดการกับเธอยังไงดี เพราะดูแล้วเธอไม่ใช่คนหัวอ่อน ไม่ใช่คนที่จะยอมให้เขาขู่ง่าย ๆ แล้วที่สำคัญ เขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ที่พาเธอมาที่นี่ก็แค่ต้องการเอามา ดัดนิสัย และที่ทำให้เขาโมโหตัวเองก็คือภาพที่ชะอำคืนนั้น มันยังตามหลอกหลอนเขา ความหอมหวานที่ได้จากเธอ มันยังติดอยู่ในใจและพอมันถูกท้าทาย ธนากรก็ไม่ลังเลที่จะพาเธอมาด้วย ถึงแม้จะรู้ถึงปัญหาที่จะตามมา แต่ถ้าให้เลือกอีกครั้งเขาก็ทำ
“ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ไม่! อย่ามายุ่งกับฉัน” พูดพร้อมกับผลักร่างสูงให้ออกห่าง ก่อนจะขยับหนี
“ตามใจ”
ธนากรพูดพร้อมกับลุกขึ้น อยากอยู่แบบนี้ก็ตามใจ อารดาเป็นคนดื้อ ข้อนี้เขารู้ดี ร่างสูงเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้เธอนั่งร้องไห้อยู่แบบนั้น มือบางกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะกรีดร้องอีกครั้ง
“ฉันเกลียดแก ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดแก กรี๊ดดด!”
ร่างสูงยังยืนนิ่ง เมื่อคนงานยื่นน้ำดื่มมาให้
“จะไหวเหรอนายหัว แลเธอพยศแท้”
“มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ จะทำอะไรได้” ธนากรตอบกลับ แต่เหมือนพูดกับตัวเองซะมากกว่า
“ชื่อเสียงพ่อเธอไม่ธรรมดาเลยนะครับ ผมเกรงว่า...”
“ช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด”
สิ้นเสียงเจ้านาย ลุงพงษ์ก็เดินแยกไป เขาอยู่กับธนากรมาตั้งแต่เด็ก ๆ มีหรือจะไม่รู้ว่านายหัวคิดอะไรอยู่ ไหนว่าขึ้นกรุงเทพฯ ไปหา คนรัก แล้วทำไมถึงได้พาเธอคนนี้กลับมา แล้วจากที่ได้ยินคนทั้งสองทะเลาะกัน ผัว ๆ เมีย ๆ ก็พอจะเดาได้ว่าสองคนนี้น่าจะมีอะไรกันแล้ว
“รักเขาชอบเขาแล้วทำไมไม่บอกดี ๆ เฮ้อ... เมียสามแล้วนะ นายหัว!” ลุงพงษ์ส่ายหัวให้กับความปากหนักของเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“อารดา... ผมจะทำยังไงกับคุณดี”
ธนากรพูดกับตัวเอง เมื่อยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงกับคนที่เอาแต่กรีดร้อง จะให้หันเรือกลับไปส่งฝั่งก็สายไปเสียแล้ว เพราะหัวใจเขาคงไม่ยอม
หลังจากเสร็จพิธีแล้วธนากรกับอารดาก็ถูกส่งตัวขึ้นมา ชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของหญิงสาว หนุ่มสาวต่างมองหน้ากันเพราะ ไม่คิดว่าจะมีขั้นตอนนี้ปนอยู่ด้วย ธนากรตั้งใจว่าหลังจากเสร็จพิธีแล้ว จะขับรถไปหาแก้วสุนีย์ที่โรงพยาบาล แล้วจะพาอารดากลับใต้เลย แต่นี่กลายเป็นว่าเขาต้องอยู่บ้านเจ้าสาวก่อนเจ็ดวัน ตามที่ผู้ใหญ่ ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน“คิดอะไรอยู่คะ”อารดาเดินเข้ามาสวมกอดสามีจากทางด้านหลังเมื่อเห็น ชายหนุ่มยืนมองออกไปนอกหน้าต่างนานแล้ว“บ้านอ้อมใหญ่มากนะครับ” ธนากรหันกลับมาชวนคุย เมื่อมองไปสุดพื้นที่บริเวณรั้วบ้าน“ค่ะ ก็บ้านอ้อมรวยนี่คะ”อารดาตอบสามี ของคำตอบหญิงสาวเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาได้เป็นอย่างดี ธนากรรู้ว่าภรรยากำลังประชดเขาเพราะหลังจากที่เขาโชว์โฉนดที่ดิน อารดาก็รู้ทันทีว่าครอบครัวของธนากร ไม่ใช่ชาวสวนธรรมดา คนที่จะมีที่ดินบนเกาะได้ก็ต้องรวยมหาศาลเช่นกัน“พี่นะคะ ที่ดินบนเกาะนั่นยกให้อ้อมจริง ๆ เหรอคะ” หญิงสาวถามเพราะชายหนุ่มยืนยันว่าให้เธอ“ใช่ครับ พี่ยกให้แล้วอ้อมจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่อ้อม”“ถ้าอ้อมจะทำรีสอร์ตล่ะคะ”“ก็ตามนั้นครับ” ธนากรตอบภรรยา ทั้งที่ใจจริงแล้วเ
คุณอรอุมานั่งหน้าตาบูดบึ้ง เมื่อคนรับใช้ขึ้นมารายงานว่า ขบวนที่เดินทางมาสู่ขออารดามาถึงแล้ว วันนี้เป็นฤกษ์ดีทางบ้าน ฝ่ายชายจึงเดินทางมาสู่ขอลูกสาวนาง ยังจะมีเรื่องอะไรให้นางช็อกมากไปกว่านี้อีกไหม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วอารดาควงแขนคู่หมั้นบุกมา ถึงบ้าน เพื่อมาบอกกับนางว่าเธอกับคู่หมั้นตกลงที่จะถอนหมั้นกัน เพราะต่างคนต่างมีคนที่ตัวเองรัก และที่ทำให้นางช็อกจนแทบสติหลุดก็คือลูกสาวตัวดีบอกกับนางว่าที่หายไปหลายเดือนเธอไปอยู่กับสามี ที่มีอาชีพเป็นชาวสวนยาง“ใครจะมาก็ช่าง ฉันไม่สนใจหรอก ไปบอกคุณผู้ชายนะว่าฉัน ไม่ว่าง” บอกกับคนรับใช้ เพราะไม่อยากลงไปสนิทชิดเชื้อกับคนที่อยู่ คนละชั้นกับนาง คิดแล้วก็พาลให้โมโห คุณมนตรียอมเข้าไปได้อย่างไร มีดองเป็นชาวสวนยางเนี่ยนะ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น อารดาก็เหลือเกิน หลุดจากช่างก่อสร้างมาได้ยังโล่งใจไม่ได้เท่าไร สุดท้ายไปคว้าหนุ่ม สวนยางมาเป็นสามี ให้มันได้อย่างนี้... ลูกสาวคนเดียวที่นางฟูมฟักมายิ่งกว่าไข่ในหิน“ลงไปหน่อยนะคะคุณผู้หญิง สงสารคุณหนูนะคะ” สายพินแม่บ้านเก่าแก่พยายามหว่านล้อม เพราะนางสงสารคุณหนูของนาง“ลงไปให้เขาหัวเราะเยาะน่ะเหรอ ตระกู
ธนากรพารถกระบะคู่ใจมาจอดที่สวนสาธารณะที่เขา ชอบมานั่งเล่น สมัยที่เรียนอยู่กรุงเทพฯ ครั้งสุดท้ายที่เขามาสวนแห่งนี้ ก็ตอนที่เขาอกหักจากมินรญา แล้วบังเอิญมาเจอกับอารดาเป็นครั้งที่สาม ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกับตัวเองเมื่อคิดถึงหน้าคนรัก ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่ขี้เหวี่ยงขี้วีนและน่ารำคาญคนนั้นจะกลายมาเป็นคนที่เขารักสุดหัวใจครืด… ครืดมือถือเครื่องบางสั่นอีกครั้ง ตาคู่คมทำเพียงแค่ปรายตามอง ก่อนจะกระดกเบียร์ในกระป๋องลงคอ อยู่ ๆ ก็เกิดน้อยใจจนพาล ไม่อยากรับสาย ไม่อยากอ่านแชต และไม่สนใจข้อความที่เธอส่งมา เพียงแค่คิดว่าฐานะอย่างเขาไม่คู่ควรกับเธอ เธอมีคู่หมั้นแล้วจริง ๆ ใช่ไหม ความน้อยใจความเสียใจประเดประดังเข้ามา เบียร์ในมือถูกสาดลงคอรวดเดียวหมดกระป๋อง ก่อนที่กระป๋องใหม่จะถูกเปิดแล้วดื่มลงคออีกอึกใหญ่ ๆ“มาทำอะไรตรงนี้คะ”เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ร่างสูงที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองสะดุ้ง อารดาถอนหายใจ เธอคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่มาที่สวนนี้เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเจอกับเขาที่นี่“อ้อม...”ชายหนุ่มมองคนที่ยืนเท้าเอวตรงหน้า ก่อนจะครางชื่อเธอออกมาเบา ๆ มือแกร่งยกขึ้นขยี้ตา หรือว่าเขาจะเ
หลายวันต่อมา... ธนากรตัดสินใจเดินทางมาหาคนรักที่กรุงเทพมหานคร เมื่อรู้สึกว่าการคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือไม่เพียงพอต่อความคิดถึง ครั้งหนึ่งเขาเคยเสียคนรักไปเพราะคำว่าไว้ใจจึงกลัวว่าทุกอย่างมันจะซ้ำรอย ธนากรเคลียร์งานทุกอย่างให้เรียบร้อย เขามีเวลาอยู่กรุงเทพฯ ได้เป็นอาทิตย์ ชายหนุ่มโทร. หาแก้วสุนีย์ บอกเรื่องราวที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ให้เธอทราบ เขาเลือกที่จะไม่ไปเจอกับมินรญา เพราะทุกอย่างมันจบไปแล้ว ตอนนี้หัวใจของเขามีแค่อารดาคนเดียวเท่านั้นชายหนุ่มขับรถยาวไม่หยุดพัก เพราะอยากเจอคนรักให้เร็วที่สุด เรื่องขึ้นมากรุงเทพฯ เขาไม่ได้บอกให้อารดารับรู้ เพราะอยากเซอร์ไพรส์เธอ ชายหนุ่มรู้ว่าจะไปพบคนรักได้ที่ไหน เพราะเธอบอกที่อยู่ที่บ้านและที่ทำงานของเธอเอาไว้ กระบะโฟร์วีลสี่ประตูขับเข้ามาจอดใต้อาคารขนาดใหญ่ที่ชื่อบริษัทตรงตามที่อารดาบอกไว้ ชายหนุ่มเลือกที่จะมาหาเธอที่นี่เพราะยังไม่กล้าเข้าบ้านทันทีที่รถของเขาหักพวงมาลัยเข้ามา รปภ.ที่อยู่หน้าป้อมก็เป่านกหวีดดังลั่น พร้อมกับโบกให้รถเขาออกมาจากใต้อาคาร ไม่นานก็มี รปภ.อีกคนวิ่งเข้ามาช่วยกันขวางรถเขาเอาไว้ พร้อมกับโบกมือให้เขาออกไป“จอดไม่ได้เหรอครับ
รถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาจอด ยังจุดประจำที่ของตัวเอง ก่อนที่ร่างบางในชุดกระโปรงสูทแบบทำงานเข้าชุด จะเดินออกมาอย่างสวยสง่า รปภ.ที่อยู่ประจำจุดค้อมหัวให้อย่างสุภาพ เมื่อผู้บริหารระดับสูง พนักงานต่างก็ยกมือไหว้เมื่อเห็นเธอเดินผ่านไป อารดายิ้ม ในหน้าชีวิตเธอก็มีแค่นี้ ไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักรที่มีชีวิต ทำงานเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น เพื่อก้าวขึ้นมายืนเป็นที่หนึ่งเหนือทุกคน จังหวะที่เดินผ่านหน้าห้องทำงานของพี่ชาย อารดาจึงแวะเข้าไปทักทาย แต่เลขาฯ แจ้งว่าพี่ชายของเธอมีประชุมนอกพื้นที่ จึงยังไม่กลับเข้าบริษัท อนุชิตก็เป็นอีกคนที่ทำงานไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร ร่างบางเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง เลขาฯ หน้าห้องยกมือไหว้อย่างสุภาพ แล้วเปิดประตูให้เธอ ตากลมโตมองโต๊ะทำงานตรงหน้าที่มีงานกอง สุมไว้ นี่คือของขวัญต้อนรับที่เธอกลับมาทำงานใช่ไหม จะโทษใครได้ล่ะเธอทิ้งงานไปนาน มันก็ต้องกองสุมเป็นธรรมดา อารดาลงมือทำงานที่กองสุมหัว ไม่บ่อยนักที่จะเป็นแบบนี้ คนที่เกิดมาในวงการธุรกิจ ถูกปลูกฝังให้รู้จักการแข่งขันมาตั้งแต่เด็ก จนบางครั้งต้องถูกคนรอบข้างมองว่าเห็นแก่ตัว ก็ต้องยอมให้มันเป็นแบบนั้น ช
ปภังกรมาส่งหญิงสาวที่บ้าน ทั้งสองคุยกันเข้าใจแล้ว โดยที่ปภังกรยอมถอนหมั้น แต่เรื่องนี้อารดาต้องคุยกับครอบครัว ของเธอเอง เท่ากับว่าตอนนี้ปัญหาของเธอแก้ไปได้แล้วหนึ่งเปราะ หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู เมื่อเห็นคนรักยังไม่อ่านข้อความก็อดเป็นห่วงไม่ได้ และยิ่งหัวเสียหนักเมื่อโทร. ไปแล้วก็ยังเป็นเสียงฝากข้อความ จะโทร. เข้ารีสอร์ตก็ไม่มีเบอร์ หญิงสาวค้นหาเบอร์รีสอร์ต แล้วก็ต้องหงุดหงิดเมื่อไม่มีคนรับสายอีกเช่นกัน“เกิดอะไรขึ้นนะ” หญิงสาวเดินไปมาพร้อมกับกดเบอร์มือถือ ซ้ำ ๆ หรือว่าธนากรเปลี่ยนเบอร์หนีเธอไปแล้ว ความคิดที่ฟุ้งซ่านอยู่แล้ว ยิ่งฟุ้งซ่านหนักขึ้นเมื่อไม่มีใครรับสายเธอสักคนธนากรหัวเสียเมื่อเขาทำมือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อตกน้ำ ชายหนุ่มสั่งให้คนงานมาช่วยกันงมตั้งแต่บ่าย ป่านนี้ยังหาไม่เจอจน ชัชวินทร์ที่แวะมาหายังนึกรำคาญและเหนื่อยแทนคนงาน“จะอะไรกันนักหนาวะ ซื้อเครื่องใหม่ก็หมดเรื่อง”หนุ่มใหญ่ร้องบอกเพื่อน สมัยนี้ง่ายจะตายก็แค่ซื้อเครื่องใหม่ แล้วไปขอเบอร์เดิมทุกอย่างก็จบ “จำเบอร์เมียไม่ได้ครับเสี่ย” หนึ่งในคนงานที่ลอยคออยู่ในน้ำตะโกนบอก “เงียบปากไปเลยนะมึ