로그인ออกจากกรุงเทพมาเย็นคล้อยจนตอนนี้เกือบตีห้าแล้วที่พี่หมอขับรถมาทั้งคืนจนเกือบจะใกล้ถึงบ้านฉันแล้ว ยิ่งใกล้ถึงมากเท่าไหร่หัวใจฉันยิ่งเต้นถี่ๆรัวขึ้นเร็วขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
หลายปีแล้วนับต้ังแต่เลิกลากับแฟนเก่าที่เจอกันวันนั้นที่ร้านอาหารฉันก็ไม่เคยพาใครไปที่บ้านอีกเลย นี่จึงนับเป็นอีกครั้งที่ฉันพาผู้ชายไปเปิดตัวแถมยังเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่มากด้วยแหละก็หวังแค่ว่าพวกท่านคงไม่ช็อกไปเสียก่อนนะ
เกือบหกโมงเช้าท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายมีหมอกนิดๆกระจายกลางอากาศ รถบีเอ็มดับบลิวคันหรูของพี่หมอธีก็มาจอดที่หน้าบ้านของฉันพอดี
“พ่อขาแม่ขา...เซอร์ไพรส์!” ฉันวิ่งช้าๆไปในบ้านก่อนจะโผเข้ากอดหอมพ่อกับแม่ที่ตื่นมานั่งฟังข่าวเช้าอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกัน
“อ้าวยัยฝ้ายมายังไงเนี่ยลูกฮึ!ไอ้ลูกคนนี้นี่จะไม่ทำไมไม่บอกแม่จะได้เตรียมทำของโปรดไว้ให้” แม่บ่นทันทีแต่สีหน้าดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นฉัน
“ก็คิดถึงนี่นาเลยรีบมาหาสวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่คิดถึงหนูไหม?” รีบฉอเลาะไปก่อนเวลารับโทษจะได้มียอมความกันบ้าง
“แล้วนี่มายังไงล่ะลูกหืมไม่ได้ทำงานรึไงวันนี้น่ะ” พ่อถามน้ำเสียงเอ็นดูแม้จะไม่แสดงท่าทีดีอกดีใจอะไรมากแต่แววตาท่านทอประกายยินดีที่ลูกสาวคนนี้มาหาอยู่แล้ว
“หนูลางานมาสามวันจ้ะพอดีว่า...พาลูกเขยมาฝากแหะๆ” ฉันบอกสีหน้าเจื่อนๆขณะกวักมือเรียกพี่หมอให้เดินเข้ามา
“อะไรนะพี่ฝ้ายพาลูกเขยมาให้พ่อหรอ?” เสียงตะโกนลั่นของไอ้ฟิวน้องชายของฉันดังขึ้นพร้อมกับที่ตัวมันออกมาปรากฎในชุดนักเรียนเตรียมพร้อมที่จะไปโรงเรียน
“เบาๆจะตะโกนทำไมวะไอ้นี่นิ!พ่อจ๋าแม่จ๋านี่พี่หมอธีเป็นฟะ..แฟนหนูเองจ้ะส่วนนี่พ่อกับแม่หนูจ้ะแล้วนั่นไอ้ฟิวน้องชายหนูเอง” ฉันก็หันไปแนะนำให้สองฝ่ายได้รู้จักกัน ในขณะที่พ่อฉันเอาแต่จ้องพี่หมอเขม็ง ส่วนแม่ก็กุลีกุจอรีบไปเอาน้ำท่ามาให้ว่าที่ลูกเขยกินทันที
“สวัสดีครับคุณพ่อสวัสดีครับคุณแม่ หวัดดีครับฟิว” พี่หมอของฉันช่างเข้าหาผู้ใหญ่ได้ดีเหลือเกินทีเดียวเล่นเอาพ่อฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจคงไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่จะนอบน้อมได้ถึงขนาดนี้สินะ
เพราะอดีตแฟนที่ฉันเคยพามาแนะนำไม่เคยเห็นหัวใครทั้งนั้นแม้แต่พ่อแม่ของฉันมันยังวางท่าใส่
“นั่งก่อนสิ!”
“ขอบคุณครับ” พวกเราย้ายไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ด้วยกันครบทุกคน
“ชื่ออะไรเป็นใครมาจากไหนลูกเต้าเหล่าใครทำงานอะไรบ้านช่องอยู่หนะ..”
“พ่อ!ใจเย็นๆถามเยอะเขาจะตอบทันที่ไหนเล่า” แม่เบรคพ่อไว้ก่อนเมื่อเห็นสีหน้าเลิ่กลั่กของลูกเขย
“ผมชื่อธีรดาครับส่วนใหญ่คนจะเรียกว่าหมอธีครับอาชีพเปิดคลีนิคทันตกรรมครับบ้านอยู่กรุงเทพโดยกำเนิดส่วนแม่เป็นหมอพ่อเป็นผู้พันครับ...รักลูกสาวคุณพ่ออยากมาขอไปอยู่ด้วยครับ”
พี่หมอร่ายยาวจนฉันอดเขินอีกไม่ได้ ตอนแรกที่ไปบ้านเขาฉันก็เก็กแทบตายก็แหมพ่อเขาก็ยศใหญ่มีแม่เป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาลแต่เขาดันแยกออกมาเปิดคลีนิคเองซะงั้น เป็นใครจะไม่กลัวหรือประหม่าบ้างในเมื่อฉันก็เป็นแต่ลูกชาวไร่ธรรมดาไม่ได้มีฐานะหน้าตาทางสังคมมากมาย
แต่โชคดีที่ครอบครัวไม่ได้เป็นแบบครอบครัวคนรวยอื่นๆที่ต้องแบบเงินต่อเงินถึงจะคบกันได้ โดยเฉพาะคุณแม่ของเขาที่ท่านเมตตาและเอ็นดูฉันมากทีเดียว
“ได้กันหรือยัง!” ไอ้ฟิวน้องชายวัยแตกหนุ่มของฉันดันถามทลุกลางป้องขึ้นมาเล่นเอาตาฉันกระตุกถี่ๆ
“ฟิว!ถามอะไรแบบนี้ล่ะลูก” แม่หันไปดุมันก็จริงแต่ทุกสายตามองมาราวกับจะเค้นเอาคำตอบให้ได้
“เอ่อ...คะ..คือว่า”
“ขอโทษที่ผมชิงสุกก่อนห่ามไปนะครับ แต่ผมรักน้องมากจริงๆอยากได้น้องมาเป็นคู่ชีวิตด้วยคุณพ่อคุณแม่ได้โปรดรับผมไปพิจารณาด้วยนะครับ” พี่หมอคนดีของฉันตอบกลับแบบไม่เสียเวลาคิดสักนิด
โถ!คนนี้ของหนู...
คนแบบนี้แหละเหมาะสมที่สุดล่ะ...
“พร้อมเมื่อไหร่ล่ะ?” พ่อกับแม่ถามขึ้นพร้อมกัน
“พะ..พร้อมอะไรหรอครับ?” พี่หมอยังงงๆอยู่เมื่อยังเห็นพวกท่านไม่โกรธเกรี้ยวแม้ว่าฉันจะโดนเจาะไข่แดงไปแล้วก็ตาม
“พร้อมมาสู่ขอและตบแต่งไปเลยไงชักช้าจะไม่ทันการ” พ่อพูดน้ำเสียงติดฉุนนิดๆจนฉันรู้สึกได้
“มะ..ไม่ทันอะไรกันพ่อ!”
“นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่รู้ตัวน่ะ?ตายแล้วลูกหนอลูก” คราวนี้เป็นแม่โอดครวญเสียงอ่อนอกอ่อนใจใส่ฉันแทน
“อะไรนะ!อย่าบอกนะว่าพี่ฝ้ายท้อง!” ไอ้ฟิวแหกปากเสียงดังพร้อมกับที่ทุกๆสายตาจับจ้องมาที่ฉันกันหมด
“คะ..คือว่าเอ่อ...” เอาล่ะสิอีฝ้ายจะตอบยังไงดีในเมื่อความจริงแล้วมันก็...
“อะไรอ่ะฝ้ายมีอะไรที่พี่ยังไม่รู้หรือเปล่าหือ” พี่หมอธีหันมาจ้องฉันสีหน้าจริงจังมาก
“คะ..คือว่าฝ้าย...ฝ้าย...”
เอาจริงฉันก็นึกกลัวนะ!กลัวเขาจะหาว่าฉันปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อจับเขารึเปล่า แต่ว่าที่จริงแล้วมันไม่ใช่ไงฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้มันพลาด แต่คืนนั้นเมื่อเดือนก่อนฉันลืมกินยาคุมจริงๆ
แล้วผลมันก็ตามมาไงวันนึงฉันเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนเวียนหัวแปลกๆก็เลยไปซื้อที่ตรวจมาลองดูก็พบว่ามันขึ้นสองขีด
ฉันท้องงงง!!
ไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกพี่หมอยังไงดีพอดีกับที่เขาขอมาบ้านเพื่อพบพ่อกับแม่ฉันก็เลยลองพาเขามาก่อน แต่ยังไม่ทันที่จะได้สารภาพบาปพ่อกับแม่ก็ดันเดาทางถูกซะก่อนนี่สิ
“หนูขอโทษหนูไม่ได้ตั้งใจจะจับพี่นะแต่มันพลาดไปแล้วคะ..คือหนูท้อง”
สารภาพบาปออกไปก็รอฟังว่าเขาจะยังเชื่อใจและอยากใช้ชีวิตกับฉันต่ออรกไหมหรือเขาจะเห็นฉันเป็นพวกอยากได้เขาจนต้องปล่อยให้ตัวเองท้องเลยรึเปล่าก็ต้องมาดูกัน
“ฝ้าย!ทำไมไม่บอกพี่แต่แรก...จะได้พาพ่อแม่มาสู่ขอพร้อมทีเดียวเลย” พี่หมอธีบอกสีหน้าตื่นเต้นจนลืมมองหน้าว่าที่พ่อตาไปเลยว่าตีหน้ายักษ์ใส่ขนาดไหนแล้ว
“แล้วอีกอย่างอย่าพูดแบบนี้อีกหนูไม่ได้พลาดเพราะพี่เป็นคนที่แอบเอายาคุมของหนูไปซ่อนเองต่างหากเล่า” พี่หมอธีบอกด้วยใบหน้าเจี๋ยมเจี้ยมใส่ฉัน
“ห๊าา...อะไรนะพี่หมอธีหนูไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?”
“แหะๆใช่พี่เป็นคนทำเอง...ขอโทษคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะครับที่ใจร้อนเกินไปหน่อยแต่ไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กจะรีบมาไวทันใจขนาดนี้” พี่หมอธีหันไปกราบแทนตักพ่อกับแม่ของฉันแทนคำขอโทษ
“โอยย...ตายเล่นอะไรกันเนี่ยลูกแม่จะเป็นลมแล้วนี่เราท้องได้กี่เดือนแล้วยัยฝ้าย” แม่ทำมือทาบอกทำท่าจะเป็นลมเสียให้ได้
“เอ่อสองเดือนแล้วค่ะว่าแต่ทำไมพ่อกับแม่รู้ล่ะว่าหนูท้องอยู่”
“แหม...ยัยฝ้ายพ่อกับแม่เลี้ยงแกมานะแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะหน้าตาผ่องใสขนาดนี้ดูท่าหลานยายคงจะเป็นผู้หญิงสินะ”
“ไม่เอาตาจะเอาหลานชาย”
“ก็แม่จะเอาหลานสาวจะได้สวยๆเหมือนยัยฝ้ายไง”
“ไม่เอา!ให้หล่อเหมือนตาดีกว่า”
เอาล่ะสิทีนี้ตากับยายเริ่มตีแย่งเพศหลานกันล่ะ นี่แค่เพิ่งท้องได้แค่สองเดือนนะคะคุณตาคุณยายขา
แต่ไม่เป็นไรคลอดคนนี้ปุ๊บจะทำต่อให้ใหม่อีกคนก็ยังได้เลย...
“ไปๆมาเหนื่อยๆพาลูกเขยแม่ไปพักผ่อนก่อนไปเดี๋ยวแม่ยกสำรับข้าวขึ้นไปให้”
เห็นแก่่ว่าพี่แกขับรถมาทั้งคืนแล้วฉันก็เลยให้ขึ้นไปนอนพักก่อนพร้อมจัดสำรับไปให้กินที่ห้องก่อนที่ฉันจะลงมาคุยกับพ่อแม่แล้วปล่อยให้พี่เขานอนพักไป
ฉันก็เข้าไปกราบขอขมาพ่อกับแม่ที่บังอาจชิงสุกก่อนห่ามไม่พอแถมยังท้องก่อนแต่งอีก โชคดีที่บ้านฉันเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ฟรีสไตล์ ดังนั้นต่อให้ผิดพลาดอะไรมาก็จะอ้าแขนรับโอบอุ้มไว้ก่อน
จากที่ฉันลางานมาแค่สามวันกลายเป็นว่าในตอนนี้ฉันถูกสั่งให้ออกจากงานอย่างถาวรเพราะคุณปู่คุณย่าของเจ้าตัวเล็กนี่ไม่ไว้ใจฉันกลัวกลับไปทำงานทะเล่อทะล่าหกล้มขึ้นมาจะสะเทือนถึงหลานท่านเอา อีกอย่างพวกท่านจะลงมาหาฤกษ์แต่งงานให้เลยก่อนที่ท้องจะโตไปมากกว่านี้
แหม...ไม่ค่อยจะเห่อกันเท่าไหร่เลยนะทั้งปู่ย่าและตายายแบ่งวันช่วยเลี้ยงกันเสร็จสรรพโดยไม่ถามคนเป็นแม่เลยสักนิดดด...
ส่วนพี่หมอธีก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเพราะคลีนิคตัวเองมีหมอประจำอยู่แล้วทำให้ไม่น่าห่วงอะไร แต่ฤกษ์งามยามดีวันแต่งงานของฉันก็ถูกจัดขึ้นอย่างว่องไวเหลือเกิน
สามเพื่อนซี้ของฉันถูกตามตัวขึ้นมาโดยด่วนแม้จะไม่ว่างแต่เพื่อนฉันก็ตั้งใจเทงานทุกอย่างแล้วมาหาฉันจนได้
“กรี๊ดดด!อีฝ้ายได้กินทีหลังทำไมแซงหน้ากูไปก่อนวะ” อีว่านถามส่วนอีก้อยกรอกตามองบนใส่ฉันอย่างมั่นไส้แทน ส่วนอีพีทยืนจู๋จี๋กับแฟนเด็กหนุ่มหล่อหน้าใสอยู่ข้างๆกันโดยไม่สนสี่สนแปดแล้ว
“แหะๆก็พี่หมอเค้ามีน้ำยาไงล่ะ” นี่ไม่ได้ทับถมเพื่อนเลยนะ อธิบายให้ฟังเฉย
“อ้าวที่รักอีฝ้ายมันบอกว่าที่รักไม่มีน้ำยาอ่ะค่ะ” อีว่านมันหันไปฟ้องพี่คิมสุดที่รักของมันที่หันมาขำก่อนจะกระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่างแล้วอีว่านก็ทำตัวเขินอายหน้าแดง
หึ!ไม่พ้นเรื่องรีบไปทำเรื่องลูกกันนะสิ!!
พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นไปอย่างรวดเร็วมีแขกผู้ใหญ่มากหน้าหลายตาแห่แหนกันมามากมายเหลือ พ่อกับแม่ฉันก็ยิ้มแก้มปริจนหุบไม่อยู่ก็เพราะทั้งหิ้วทั้งแบกเงินสินสอดและทองรูปพรรณที่ทางฝั่งลูกเขยนำมายกมอบให้
ในงานมีแต่คนชื่นชมและยินดีที่ฉันได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีโดยเฉพาะเพื่อนๆที่รักที่ต่างแย่งช่อดอกไม้เพื่อจะได้เป็นเจ้าสาวต่อจากฉัน ส่วนคนที่ได้ก็ไม่ใช่ใครคนที่ผัวไม่มีน้ำยาสักทีไง
เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าตัวเองอาภัพอับโชคหาแฟนดีๆกับเขายากยิ่งนักขนาดคบกันมานานก็ยังมาออกสันดานชั่วทีหลังด้วยการไปแอบไปกินลับหลังกับเพื่อนสนิทของมันเองเพียงเพราะว่าฉันไม่ให้มันเอาก่อนแค่นั้น
แต่วันนี้ฉันคิดว่าตัวเองโชคดีที่ตัดสินใจไปหาหมอทำฟันวันนั้นและคิดถูกที่ตัดสินใจอ่อยจนได้เขามาเป็นสามีและพ่อของลูกในวันนี้ แม้ระยะเวลามันจะสั้นไม่นานมากที่เราคบและศึกษาดูใจกัน แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรมาการันตรีนี่นาว่าเราจะไปกันไม่รอด ของแบบนี้มันต้องดูกันยาวๆและฉันก็เชื่อมั่นว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ฉันผิดหวังแน่ๆเหมือนกับที่เขาเชื่อในตัวฉันเหมือนกันยังไงล่ะ
“เฮ้อได้เข้าหอสักทีรอตั้งนาน” หลังจากถูกส่งจังเข้าหอพี่หมอก็ออกอาการกระดี๊กระด๊าเต็มที่สีหน้าแดงเปล่งปลั่งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เล็กน้อยพาให้ดวงตาคมเข้มเปล่งประกายฉ่ำเยิ้ม
พี่หมอคนดีสามีของฉันเชยคางฉันขึ้นเบาๆพร้อมกับก้มลงจูบตรงหน้าผากด้วยท่าทีอ่อนโยนและเอ็นดูเหลือเกิน
“ต่อจากนี้เราสองคนเป็นคนคนเดียวกันแล้วนะพี่จะไม่สัญญาอะไรกับหนูแต่จะทำให้หนูเห็นว่าพี่จะรักและดูแลหนูกับลูกไปตลอดชีวิตให้ได้รักนะครับแม่ของลูกเมียของพี่”
“รักเหมือนกันนะคะพ่อของลูกสามีของหนู”
“อืม...แต่ตอนนี้ขอชื่นใจก่อนได้ไหมไม่ไหวแล้วคิดถึงจะแย่...” เขาจับมือฉันไปจับส่วนที่มันพองตัวขยายเรียกร้องและเว้าวอนให้ฉันสนใจอย่างอ้อนวอน
“อื้มม...แข็งจัง” ฉันลูบมันผ่านใต้เนื้อผ้าอย่างเร่งเร้าจนปากหยักครางกระเส่าในลำคอเบาๆ
“ไม่ไหวแล้ว...ปวดไปหมดพี่ขอก่อนนะที่รักไม่ได้เข้าไปทักทายตั้งหลายวันแล้วคิดถึงจะแย่” พี่หมอบอกพร้อมกับกรีดมือเข้าไปทักทายส่วนที่อ่อนไหวใต้ร่มผ้าของฉันที่ออกอาการเปียกแฉะต้องแต่เขาครางลึกให้ฟัง
แล้วพี่หมอธีก็ขอเข้าไปเล่นกับลูกขนเกือบทั้งคืนแต่ยังดีที่พี่เขายังยั้งแรงเอาไว้ไม่ให้รุนแรงกลัวจะสะเทือนไปถึงลูกน่ะสิ ส่วนฉันก็หมดเรี่ยวหมดแรงจนกระทั่งผลอยหลับไปเป็นตายเชียวล่ะ
กว่าจะลุกออกจากห้องมาได้ก็ปาเข้าไปบ่ายคล้อยจนทุกคนมองมาด้วยสายตาล้อเลียนสุดๆไม่เหมือนไอ้คนต้นเหตุนั่งยิ้มกริ่มสีหน้าสดชื่นเหลือเกินราวกับไม่ได้เหนื่อยอะไรเลยทั้งๆที่เมื่อคืนก็โดนฉันรีดพิษไปจนน้ำเกือบหมดตัวเหมือนกันแหน่ะ
ชาวบ้านใกล้ๆต่างมาแสดงความยินดีและอิจฉาที่ลูกสาวคนธรรมดาๆอย่างฉันได้เป็นถึงลูกสะไภ้นายพลและคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนดังระดับประเทศ แต่ฉันคิดว่าต่อให้พี่หมอเป็นแค่ลูกตาีตาสาฉันก็ยังคิดว่าตัวเองโชคดีอยู่ดีที่ได้มาเจอกับคนอย่างเขา แต่คงเพราะชาติที่แล้วฉันทำบุญเอาไว้มากก็เลยได้โชคสองชั้นพ่วงไปด้วยกับการได้สามีทั้งหล่อและรวย...
(จบ)
วันต่อมาผมก็พาพี่ปรางกลับบ้านที่มีลูกชายเธอและเพื่อนสนิทผมนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ก่อนแล้ว“แม่ไปไหนมาทำไมไม่กลับบ้านแล้วนี่ไปไหนกันมา”เมื่อมาถึงคิวก็เดินดุ่มๆเข้ามาถามสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดสุดฤทธิ์คนเป็นแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ“ว่าไงไอ้โจ้มึงพาแม่กูไปไหนมาทั้งคืนทำไมถึงเพิ่งกลับมากันป่านนี้”“คือ..ว่าไอ้คิวมึงฟังกูพูดก่อนนะคือ..” ผมเองก็ยังหวาดๆกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของมันจนถึงขั้นตัวลีบเลยทีเดียว“ฟังเหี้ยอะไร!มึงพาแม่กูหายไปทั้งคืนเนี่ยนะไอ้สัสโจ้” ไอ้คิวตะคอกใส่ผมเสียงดีังลั่น“คิวใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยๆพูดกันก็ได้” พี่ปรางพยายามปลอบไอ้คิวเสียงอ่อนพลางลูบหลังมันเบาๆ“งั้นแม่ก็บอกมาดิว่าหายไปไหนกับมันมาทั้งคืน” ไอ้คิวตะคอกใส่พี่ปรางจนหน้าเสีย“ไอ้สัสคิวมึงอย่าตะคอกใส่แม่มึงแบบนั้นสิวะ” พอเห็นเมียผมหน้าเสียแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้“อย่าเสือกนี่แม่กู!”“แม่มึงแต่เมียกู!”“ไอ้สัสโจ้!”ผลั๊ว!เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ตรงปากและจมูกผมพอดีจนมึนไปชั่วครู่สักพักลิ่มเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากผมเล็กน้อย“ว๊าย!อย่านะลูกหยุดๆ” พี่ปรางร้องไห้เสียงดังพยายามรั้งแขนไอ้คิวไม่ให
บันทึกพิเศษปรางในความเย็นเยียบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านวาบไปทั่วทั้งร่างกายรับรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆแต่ทว่า...ผ้าห่มไปไหน?รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าซึ่งนั่นเป็นปกติเวลาที่ฉันเข้านอนจะชอบโนบราและแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมคืนนี้มันหนาวผิดปกติกันนะแม้จะแปลกใจแต่มือฉันก็ปัดป่ายควานหาผ้าห่มที่คาดว่าตัวเองน่าจะถีบออกจากตัวไปอยู่มุมไหนสักที่นั่นแหละ คลำหาไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองไปคว้าหมับเข้ากับอะไรสักอย่างที่มัน ‘ร้อนผ่าว’ และนุ่มนิ่มมือ เมื่อเห็นว่าเออจับแล้วมันก็อุ่นดีฉันก็เลยจับๆขยำๆไปเรื่อยๆสักพักอ้าวเห้ย!ทำไมมันใหญ่ขึ้นวะ?แถมมันยังแข็งและร้อนราวกับอังไฟมา รูปร่างลักษณะมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับ....ไอ้นั่นของผู้ชาย!แม้จะไม่อยากลืมตาตื่นสักเท่าไหร่แต่ความสงสัยก็ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตามองสิ่งที่อยู่ในมือ แต่แวบแรกเลยทีเห็นคือแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามลากสายตาลงมาก็หน้าท้องหนั่นแน่นชวนให้ลูบไล้ขยำเล่นดีจังถัดมาก็เออ!นั่นแหละฉันกำลังจับไอ้นั่นของเพื่อนลูกชายอยู่ แถมไม่ได้จับธรรมดานะทั้งลูบคลึงขยำชักรูดชักลงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เธ
โรมแรมม่านรูดไม่ไกลจากห้างดังเสียงปิดประตูรถดังปังทันทีที่เด็กรับรถรูดม่านมาปิดไว้ผมยื่นเงินค่าห้องให้เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมพร้อมทั้งทิปแล้วดึงมือพี่ปรางลากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อครู่แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงแต่ทว่าตรงหน้าขาผมยังแข็งปึ๋งผงาดทิ่มเนื้อผ้ากางเกงออกมาให้ได้เห็น ปวดไปหมดสงสัยมันอยากจะทลวงเข้าไปในช่องแคบอีกครั้งเสียแล้ว“อ๊ะ..เบาๆ หน่อยสิชั้นเจ็บนะ” พี่ปรางดุเบาๆ ในตอนที่ถูกผมดันร่างเธอเข้ากับพื้นผนังเย็นเยียบอย่างแรง“ขอโทษ...ผมทนไม่ไหวต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กระแทกพี่ตอนนี้” ผมงึมงำเบาๆ ขณะริมฝีปากไล่ขบเม้มซอกคอเนียนหอมละมุน“ซี๊ดดดดด~~บ้าเวอร์ไปล่ะไปอดอยากจากไหนมาห๊ะ...”“ฮื้มม~ตัวพี่หอมจัง...พี่ไม่รู้หรอที่จริงผมอยากแล้วก็แข็งตั้งแต่เห็นพี่ที่สระว่ายน้ำแล้ว” เสียงผมสั่นกระเส่าอยากไม่อาจห้ามได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนลอยมามังกรยักษ์ก็อยากโผล่หัวมาทักทายเหยื่อสาวเสียแล้ว“หมายความว่าเมื่อคืนเธอแอบดูพี่ที่สระด้วยหรอ” พี่ปรางดันหน้าผมออกจากเนินอกเธอแล้วถามเสียงเข้ม“อื้ม..ก็เมื่อคืนผมนอนไม่หลับกะว่าจะไปเดินเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเงือกสาวแสนสวยใส่บิกินี่
คืนนั้นหลังจากถูไถแค่ภายนอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งคู่ดึกๆช่วงตีสี่กว่าๆผมก็ย่องออกมานอนที่ห้องของตัวเองที่ไอ้คิวมันจัดไว้ให้แล้วหลับต่อไปยันสายตรู่ทั้งผมทั้งไอ้คิวต่างตื่นสายด้วยกันทั้งคู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เราไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน ส่วนแม่ไอ้คิวผมยังไม่เห็นเลยนะสงสัยจะเขิน“ไงมึงหลับสบายดีไหมบ้านกู” เสียงไอ้คิวถามพลางยิ้มอารมณ์ดี แน่ล่ะสิเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำละมั้ง“อืม..ดีมากกูหลับสนิทเลย” เสียไปตั้งหลายน้ำจะไม่หลับได้ยังไง!“มากินข้าวก่อนนี่แม่กูทำข้าวต้มปลาไว้ให้มึงจะเอากาแฟไหมกูจะได้ให้พี่สมพรไปชงมาให้”“เออเอาก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้สึกอยากได้คาเฟอีนเข้ามาในร่างกายเหมือนกันเพราะเช้านี้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจริงๆฝีมือทำกับข้าวของแม่ไอ้คิวก็อร่อยดีนะ ส่วนคนทำไม่รู้หนีหายไปไหนแล้วผมมองๆหาก็ไม่ยักจะเห็นเลย“เออแล้วนี่แม่มึงไปไหนหรอวะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะสงสัยอยู่บนห้องมั้งว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปไหนต่อเปล่า”“ไม่รู้ว่ะเบื่อๆคงนอนอยู่บ้านแหละกูขี้เกียจออก”“ไปดูหนังกับกูไหมล่ะพอดีกูชวนแม่ไปดูหนังรอบบ่ายมึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิไปกับแม่สองคนกูอาย” ไอ้คิวมันบอกในขณะที่ผมนึกขำ
หญิงสาวผมเผ้าหลุดรุ่ยเนื้อตัวเปลือยเปล่ามองหนุ่มรุ่นลูกตาปรอยเนื้อตัวสั่นระริกราวกับจะอ้อนวอนขอให้เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายไปหลายสิบปีให้หน่อย เด็กหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเอิ่มที่แย้มออกดูเย้ายวนชวนให้คลุกเคล้าดื่มด่ำความหวานหอมในโพลงปากนุ่มเหลือเกิน“อื้อออออออ” เสียงหวานครางกระเส่าในลำคอเมื่อถูกเด็กหนุ่มบดจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นอุ่นชื้นพลิกไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดเลาะเล็มน้ำหวานตามโพลงปากด้านในจนน้ำลายของทั้งสองคนไหลย้อยออกมาตามมุมปาก“ชอบไหม?ชอบให้ผมสัมผัสแบบนี้ไหมครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าของเพื่อนลูกดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างใบหูพร้อมกับลมร้อนที่เขาเป่าใส่อย่างยั่วเย้าหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอออกบ้างหลังจากที่ถูกจูบดูดวิญญานเข้าไปหลายนาทีจากนั้นก็ลากริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวเนียนดูดกลืนผิวเนื้ออ่อนหอมละมุนจนมันขึ้นสีคล้ำเป็นจ้ำแล้วก็ลากลงมาไซร์เนินอกอวบอิ่มเบียดชิดชูชันตั้งตะหง่านอีกครั้ง“อื้มมมมม” มีเพียงเสียงครางอื้ออึงไม่ได้สรรพ์ดังตอบรับการกระทำแค่นั้น นาทีนี้หัวสมองเธอว่างเปล่าไปหมดครุ่นคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิด“แม่ครับ...ผมขอเลียหน่อยนะครับ” คำพูด
ร่างขาวโพลนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระท่ามกลางไฟที่สาดส่องพอให้เห็นสลัวๆชวนให้ผมนึกจินตนาการถึงนางเงือกแสนสวยที่แหวกว่ายวนไปมาขาเรียวขาวได้รูปไร้ไขมันปะปนที่กำลังตีขาบนน้ำก็ดูน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงเวลาที่ขาเรียวงามสองข้างมาพาดบนบ่ากว้างของผมมันคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวบิกินี่สีแดงสดช่างขับผิวของแม่ไอ้คิวได้ดีเหลือเกินเพราะเมื่อมันทาบลงบนร่างอรชรยิ่งทำให้ตัดกับสีผิวขาวผ่องไปทั้งตัวจริงๆ สายเส้นเล็กๆที่เกาะต้นคอเนียนนั่นดูเกะกะตาดีเหลือเกินเห็นแล้วผมอยากกระตุกมันออกทิ้งไปไม่นานเหมือนว่าแม่ไอ้คิวคงจะว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วมั้ง ร่างบอบบางของเธอจึงเดินขึ้นมานั่งบนขอบสระ หลังจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอวันนี้นั่นก็คือแม่ไอ้คิวปลดบิกินี่ทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าท้าสายลมจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมช้าๆราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็แก้ผ้าท้าลมหนาวเช่นนี้ขนผมลุกซู่หอบหายใจรัวเลยล่ะรู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักมากเวลานี้ ไม่ใช่แต่ขนนะที่ลุก ‘อย่างอื่น’ ผมก็ลุกเช่นกัน‘ให้ตายเถอะนี่แม่เพื่อนนะไอ้โจ้ท่องไว้แม่เพื่อน...แม่เพื่







