بيت / LGBTQ+ / เร้าใจลูกน้อง / บทที่ ๒ มโนภาพ

مشاركة

บทที่ ๒ มโนภาพ

last update آخر تحديث: 2025-06-02 19:00:39

นี่เป็นเวลาสายของวันซึ่งคุณภูวธรรศผู้เป็นเจ้านายเข้ามาบริษัทเพื่อจัดการเอกสารทุกอย่างที่ถูกจัดกองไว้บนโต๊ะ รวมไปถึงเอกสารการคัดเลือกรองเลขานุการส่วนตัวของเขาเช่นกัน

“เอ็งตาถึงดีนี่”

“คนนี้มันทำไมเหรอครับนาย?”

ม่วงไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้านายกำลังจะสื่อ หลังจากเก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ ตลอดหลายเดือนเขาทำเพียงคัดคนจากผลงานที่เห็นได้ชัดที่สุดแต่เพียงเท่านั้น และไอ้เฉลิมก็เป็นคนที่รู้สึกว่าจะทำงานด้วยความละเอียดลออกว่าคนอื่นที่สักแต่เอาจำนวนเข้าว่า

“ฉันคุ้นนามสกุลนี้เฉย ๆ น่ะ คิดว่าคงจะได้ทำงานร่วมกันในอนาคตเลยจำเอาไว้”

“ลูกคนรวย?”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่มีแนวโน้ม”

คุณธรรศไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าลงนามรับรองตำแหน่งให้ก่อนจะละมือไปอ่านเอกสารอื่น ๆ บนโต๊ะ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณธรรศนอกจากจะเป็นเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างและสังหาริมทรัพย์ ยังเป็นเจ้าหนี้ของคุณเปลวซึ่งเจ้านายบอกว่าเป็นคู่ชะตาที่พลัดพราก...

ตอนได้ยินเขาไม่แปลกใจกับคำพูดทำนองนี้เท่าไรนัก เพราะเจ้านายเขามักจะเพ้อแบบนี้เป็นประจำ หากเจ้าตัวยังคงให้เงินเดือนเขาอย่างไม่ขาดตกเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรกับนิสัยอันแปลกประหลาดของคุณธรรศหรอก

เลขานุการตัวเล็กผลักประตูเดินออกมายังนอกห้องผู้บริหารพร้อมกล่องรวมซองจดหมายซองเอกสารเพื่อนำไปจัดตารางเวลาให้เจ้านายต่อไป ยิ่งธุรกิจเติบโตขึ้นจนต้องรับสมัครคนเพิ่มยิ่งต้องใส่ใจเรื่องเวลานัดพบคู่ค้าเนื่องจากเป็นองค์กรใหญ่ และเวลาของคุณธรรศก็มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องคัดแยกสิ่งจำเป็นและมอบเวลาส่วนตัวให้เป็นไปอย่างสมเหตุสมผลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ม่วงเดินกอดกล่องใบโตออกมาด้วยความทุลักทุเล แต่เมื่อประตูปิดสนิทเขาจึงหาที่วางพักมือก่อนจะจัดแจงดึงแขนเสื้อยกกล่องขึ้นจับในท่าทีถูกต้อง ทุกนิ้วรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงมาจนทำให้เนื้อแขนเกร็งตึงทุกก้าวเดิน ขนาดของมันทำให้ต้องโอบกอดเอาไว้ทั้งสองแขนอย่างแนบแน่น ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้นเล็กน้อย สงสัยเห็นทีจะต้องหาที่วางเปลี่ยนท่าอีกครั้งเสียแล้ว

“ให้ช่วยไหม?”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นจากฝั่งตรงข้ามระแนงกั้นห้องก่อนไอ้เฉลิมจะเดินมายืนหน้าตายข้าง ๆ รอคำตอบ เมื่อกี้นี้ที่ทักเขาขึ้นมาทำเอาใจตกลงไปถึงตาตุ่มนึกว่าผี เจ้าหมีใหญ่ตัวนี้ไม่คิดจะทักอย่างค่อยเป็นค่อยไปบ้างเลยหรือไร

“ฉันจะเดินเอาไปใส่หลังรถแค่นี้เอง”

“ให้ช่วยเถอะ”

“ช่วยไปก็ไม่ทำให้ได้ตำแหน่งผู้ช่วยหรอกนะ”

“อยากช่วยจริง ๆ ”

“เฮ้อ...ฉันจะเอาเล่มนี้อ่านบนรถ ที่เหลือเก็บไว้ท้ายรถ”

“อือ ขอเป็นคนขับด้วย”

ม่วงได้ฟังก็ขมวดคิ้วพลางจัดแจงเสื้อเชิ้ตคอปกให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง เขามอบหมายให้มันเอากระดาษแจ้งปรับขึ้นเงินเดือนล่วงเวลาไปแปะบนกระดานทุกแผนกไม่ใช่หรือทำไมถึงได้เร็วแบบนี้

“งานที่ให้ไปทำเสร็จแล้วเหรอ?”

“ครบทุกแผนกแล้ว”

“เก่งดีนี่”

เลขาหนูจี๊ดตัวเล็กเอ่ยก่อนจะตวัดปลายเท้าเดินนำหน้าลงบันไดโดยมีเจ้าหมีตัวโตเกือบสองเท่าเดินตามหลังมา เขาจำไม่ได้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้ามาได้ด้วยวิธีไหน แต่ดูจากระยะเวลาการทำงานคงจะเป็นตัวเขาที่เป็นกรรมการสัมภาษณ์ หากเข้ามาในตอนนั้นจริงคงเป็นช่วงระยะเวลาการทำงานที่สั้นพอควร ไต่ขึ้นมาระดับนี้ได้ถือว่าค่อนข้างเก่งเลยเชียว

ทว่าเจ้าหมีนี่ก็มีบุคลิกแปลก ๆ นอกจากหน้าตายไร้อารมณ์แล้วก็มักจะมีพฤติกรรมแปลกพิลึกที่ชอบโผล่มาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง จ้องมองมาทางเขาอย่างกับวิญญาณตามติด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องหนึ่งที่เขาคิดว่ามันแปลกกว่าครั้งไหน ๆ

ด้วยความที่โชติพัฒก่อสร้างมีจำนวนคนงานที่มากเกินกว่าจะนับได้ด้วยมือเปล่าหรือเอกสารไม่กี่แผ่น ยิ่งเป็นคนงานก่อสร้างภาคปฏิบัติยิ่งเยอะ ซึ่งตามมาด้วยรายจ่ายสำหรับเบี้ยเลี้ยงจำนวนมากมายที่ต้องนำจ่ายในทุกเที่ยงไม่รวมค่าจ้างรายวัน ดังนั้นเพื่อเป็นการลดต้นทุนค่ามื้อเที่ยง จึงมีการจัดเตรียมอาหารหม้อใหญ่ในทุกวันทำการที่เรือนเหมบำรุง และเขาที่บ้านใกล้จึงมีหลายครั้งที่ต้องขึ้นรถกระบะขับไปเอามื้อเที่ยงเพราะอยู่ในเส้นถนนเดียวกัน ทว่าในวันนั้นเขาต้องออกมาก่อนเนื่องจากคุณธรรศมีงานด่วน พอกลับไปพื้นที่ก่อสร้าง คนขับกลับเดินเอากระบอกน้ำมาให้หนึ่งลูกพร้อมบอกว่ามีคนทำมาให้

กลับไปถามคนที่เรือนในวันรุ่งขึ้นก็ทราบว่าไอ้เจ้าเฉลิมเป็นคนชง ยิ่งไปกว่านั้นคุณป้าแม่บ้านยังพูดว่า ‘ขอให้รู้ไว ๆ นะลูก’

รู้...รู้อะไร เขามีอะไรจะต้องรู้อีกนอกเหนือไปจากงานที่ทำอยู่และความแปลกของทั้งเจ้านาย/ลูกน้องตัวเอง

ม่วงเดินออกมายังภายนอกอาคารทำให้บรรยากาศเปลี่ยนจากความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสำนักงานไปสู่ลานดินกว้างซึ่งเป็นที่จอดรถ ดินที่ปกคลุมพื้นนั้นไม่เรียบสนิท มีเศษกรวดและหินกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ เมื่อเขาเดินผ่าน รองเท้าที่สวมใส่บดกับกรวดหินดังกรอบแกรบ ว่าแล้วก็หยิบกุญแจรถขึ้นมาไขรถยนต์ประจำตำแหน่งคันเล็ก ก่อนจะพยักหน้าส่งสายตาให้เจ้าเฉลิมมันไปนั่งฝั่งคนขับ ม่วงหยีตาหลบแสงอาทิตย์ที่สาดลงมาในเวลาใกล้เที่ยง เมื่อเห็นรถเสถียรดีแล้วทุกอย่างเขาจึงพาตัวเองเข้าไปนั่งยังเบาะหลังรถ รอคอยลมจากเครื่องปรับอากาศบรรเทาความอบอ้าว

ได้ยินว่าในประเทศ น้อยคนนักจะมีรถส่วนตัวใช้ แต่ด้วยบารมีของเหมบำรุงทำให้สามารถนำเข้ารถหลากหลายประเภทเข้ามาได้อย่างง่ายดาย โดยเขาในตอนแรกที่ได้รับรถสีเงินคันนี้มาก็งงงวยไม่รู้ต้องขับขี่อย่างไร แต่ดีหน่อยที่เจ้านายส่งครูมาสอนด้วย ทว่าเดี๋ยวนี้มีหลายครั้งที่ไม่ต้องขับเองแล้ว

“ไปเรือน”

“ครับ”

ม่วงออกคำสั่งก่อนจะหันมาก้มหน้าเปิดเอกสารอ่านทำความเข้าใจสำหรับการนำทุกอย่างไปเขียนแก้ลงตารางที่บ้านคืนนี้ เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเป็นจังหวะพร้อมแรงสั่นแผ่วเบาที่สะท้อนผ่านตัวรถ พลขับร่างยักษ์เหยียบคันเร่งเบา ๆ พารถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดเข้าสู่ถนนใหญ่ ทิวทัศน์สองข้างทางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากอาคารสูงและลานกว้างสู่ทิวไม้ที่เรียงรายขนานเคียงไปกับถนน คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หากมีโอกาสจะให้ไอ้เฉลิมขับรถให้ตลอด เพราะนั่งสบายไม่เหวี่ยงส่ายไปมา

“คุณธรรศสั่งเหรอครับ?”

“ใช่ ถ้าไม่สั่งฉันคงได้นั่งทำงานบนโต๊ะสบาย ๆ แล้ว”

เนื่องจากคุณเปลว คนของใจคุณธรรศเขามาอยู่ที่เรือนได้สักพัก ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกระรานความเป็นส่วนตัวจากคนนอกมาสักระยะ ด้วยความเป็นห่วงจึงสั่งให้เขาส่งคนติดตาม และตรวจตราบริเวณเรือนหลังนั้นให้รอบ ยังไม่รวมก่อนหน้านั้นที่คุณธรรศหมกมุ่นถึงขั้นสั่งให้เขาสืบประวัติสามีอีกฝ่าย นี่เจ้านายเขาพิลึกคนถึงขั้นจะแย่งเมียชาวบ้านแล้วหรือนี่...มันทำเขาคิดจะเปลี่ยนงานไปชั่วครู่เลยหากไม่ได้รับข้อมูลเสริมมาประกอบ

ทว่าต่อให้สถานการณ์จะปกติหรือไม่ปกติ ตัวเขาก็ต้องทำงานหนักอยู่วันยังค่ำเพื่อให้ได้รับเงินเดือนที่สูงกว่าคนอื่น ๆ ต่อไปและนำมันไปจุนเจือครอบครัวหลักร้อยคนที่รออยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเว้นเสียแต่เด็ก ๆ บางส่วนที่เขาส่งไปโรงเรียนประจำในพระนคร

เลขานุการตัวเล็กเมื่ออ่านมาสักระยะก็เริ่มปวดตาก่อนจะพับเก็บเอกสารเล่มนั้นลงบนตัก พลางทอดถอนลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน

ตั้งแต่จำความได้ตัวเขาก็ถูกนำไปทิ้งไว้ยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เติบโตมาพร้อมกับคุณพ่อที่สืบสายมาจากม้าและพี่น้องต่างสายเลือดหลายสิบชีวิต คุณพ่อเป็นคนจิตใจดี มีหลายครั้งที่เงินอาจจะไม่ได้มากอะไรแต่อีกฝ่ายก็พยายามลงมือทำอาหารมื้อพิเศษมาให้ในวันเกิดหรือจะให้พูดอีกอย่างคือวันแรกที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาตั้งแต่ยังคงมีเพศเป็นสุคนธ์หมายมั่นปั้นมือที่จะทำมาหาเลี้ยงครอบครัวใหญ่นี้ให้ได้

และคงไม่รู้ว่าโชคช่วยหรือสวรรค์ลงโทษที่เขาได้รับเพศรดามาหลังจากคุณหมอมาตรวจสุขภาพในวัยรุ่น ด้วยเหตุผลว่า ‘โหมงานหนัก’ แต่เอาจริง ๆ เขาก็ไม่ใช่สุคนธ์ที่สมประกอบอยู่แล้ว เนื่องจากทั้งชีวิตไม่เคยมีฤดูพิศวาสอย่างใครเขา แม้มีครั้งหนึ่งที่รู้สึกเหมือนไข้ขึ้น แต่แค่ทานยาเข้าไปก็หายเป็นปลิดทิ้ง เทียบกับคนอื่น ๆ ในบ้านเด็กกำพร้าที่อาการทั้งหมดจะได้รับการบรรเทาแต่ร่างกายยังมีอุณหภูมิสูงอยู่

ยิ่งนึกไปถึงเรื่องเพศรองที่ต่ำที่สุด เขาก็พลอยนึกไปถึงค่าใช้จ่ายสำหรับน้อง ๆ สุคนธ์ซึ่งมีจำนวนถึงร้อยละ ๘๐ ของบ้านเด็กกำพร้า เนื่องจากสุคนธ์ไม่สามารถออกจากบ้านได้หากไม่มีผู้ปกครองหรือสามีเดินประกบ ดังนั้นการไปเรียนที่โรงเรียนนั้นจึงไม่สามารถเป็นไปได้กับเพศที่ไม่รู้จะเข้าฤดูเมื่อไร ดังนั้นสิ่งที่สมควรทำคือการจ้างครูส่วนตัวมาสอน ซึ่งเนื้อหาสำหรับสุคนธ์นั้นก็ไม่พ้นเรื่องราวในครัวเรือนทั้งหมด และปิดจบด้วยการปรนนิบัติคู่ชะตา

มันเป็นสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายสูงลิ่ว จึงเข้าใจได้ว่าทำไมครอบครัวใดที่ให้กำเนิดสุคนธ์ขึ้นมาถึงได้ตัดสินใจทอดทิ้งลูกในไส้ได้ลงคอ ทว่าอย่างไรเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนั้น หากเป็นรดาจึงจะรับเลี้ยงหรือ หากเป็นพิโดรจึงจะทะนุถนอมหรือ โลกช่างไร้ความยุติธรรมเสียจริง แต่เขาจะเป็นคนช่วยเอง อย่างน้อยขอแค่ครอบครัวได้เติบโตขึ้นมาได้อย่างไร้ซึ่งขวากหนามเขาก็รู้สึกประสบความสำเร็จแล้ว

ศีรษะทุยคิดพลางค่อย ๆ เอนพิงขอบหน้าต่างมองเหล่าเรือนที่เคลื่อนตัวผ่านไปอย่างเหม่อลอยก่อนจะชะงักงัน ชักปลายเล็บออกจากหน้าขาเมื่อรู้สึกถึงพฤติกรรมติดตัวอันไม่พึงประสงค์ ในตอนเผลอเขาชอบเป็นแบบนี้ทุกที หากเผลอไปแสดงออกต่อหน้าลูกค้าละก็มีหวังโดนมองในแง่ลบเป็นแน่

“ถึงแล้วครับ”

“อือ ฝากเอ็งเอาไปวางบนแคร่ใต้ถุนเรือนที”

เลขานุการออกคำสั่งก่อนจะเปิดประตูก้าวขาเดินลงไปไขรั้วเดินเข้าเขตเรือนไปด้วยความเคยชิน ทุกฝีเท้าที่ย่างเดินล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงและเป้าหมายชัดเจน กลิ่นหอมของใบตะไคร้ พริกไทย และข่าที่กำลังถูกคั่วโชยมาจนเขาที่อยู่ระหว่างทางยังรับรู้ถึงมัน ว่าแล้วก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปวางแฟ้มบนแคร่ก่อนจะเดินลัดเลาะไปยังครัวหลังเรือน ซึ่งมีคุณป้าอาวุโส กับคุณแม่วัวและสองเด็กแฝดกำลังช่วยกันทำมื้อเที่ยงอย่างขยันขันแข็ง

“ป้าจำเนียนครับ ทำอะไรอยู่เหรอครับ?”

“ห่อหมกปลากรายจ้า ม่วงเองก็มากินด้วยกันสิ ทำเผื่อเยอะเลย”

“ขอบคุณครับ”

“พี่ม่วงมาเรือนทุกวันแบบนี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานเหรอจ๊ะ?”

เสียงหวานใสถามมาจากอีกฟากของแคร่ไม้ไผ่ เป็นคุณเปลวซึ่งเป็นห่วงเขาที่มาเรือนนี้บ่อยจนเป็นที่สังเกต แต่หารู้ไม่ว่าคุณธรรศเป็นคนส่งเขามาเอง

“งานผมมันทำนอกสถานที่ได้น่ะครับ ถ้างานทันส่งไม่มีปัญหาอะไร เจ้านายไม่ว่าอะไรหรอกครับ”

“ฉันก็กลัวว่าพี่ม่วงมาแบบนี้คุณธรรศเขาจะว่ากล่าวรึเปล่าน่ะจ้ะ โล่งออกไปที”

“ฮ่า ๆ อย่างเจ้านายน่ะเหรอครับ แค่ผมมีคุณเปลวอยู่ด้วยเจ้านายก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว”

“มะ...ไม่เป็นแบบนั้นหรอกจ้ะ ฉันเป็นลูกหนี้คุณธรรศนะจ๊ะพี่ม่วง”

ม่วงฟังแม่วัวพูดไปด้วยความกริ่งเกรงก็อมยิ้ม เจ้านายภูวธรรศน่ะต่อให้สิ่งที่แสดงออกมามักจะเหมือนคนป่วยจิตขนาดไหนแต่เนื้อแท้ก็เป็นคนเก่งคนดีคนหนึ่งที่สามารถทำงานได้เป็นอย่างดีไปพร้อมกับการดูแลสอดส่องเรื่องส่วนตัว ซึ่งเขาเองหากจะมีคุณเปลวเข้ามาเป็นนายหญิงหรือเจ้านายอีกคนก็พร้อมน้อมรับ อย่างไรหลังจากการได้สนทนาพาทีกับคุณแม่ลูกแฝดคนนี้มาหลายต่อหลายครั้ง ก็รู้สึกสนิทสนมขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

“ละ...ลุงม่วงจ๊ะ ละ...เล่นตะกร้อกับฉันได้ไหมจ๊ะ?”

เด็กชายเปี่ยมวัยสี่ขวบเดินเตาะแตะเข้ามาพร้อมลูกตะกร้อจักสานเอ่ยขอให้เขาเล่นด้วย เลขานุการตัวจิ๋วจึงผลิยิ้มแก่เด็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

“ได้สิ ไปที่เดิมนะ ชวนปิ่นมาด้วยสิ”

“จ้ะ!”

การมาที่นี่ มีหลายครั้งที่เขาได้เล่นสนุกไปกับสองแฝด อย่างน้อยมันก็ช่วยบรรเทาความเหงายามคิดถึงน้อง ๆ ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้บ้าง เพราะช่วงเวลาเดียวที่เขาจะได้กลับไปเจออย่างเป็นกิจจะลักษณะก็มีแค่ช่วงสงกรานต์แต่เพียงเท่านั้น เพราะปีใหม่สากลเขาต้องนั่งจัดการตารางงานที่มักจะกระจุกกันเป็นก้อน ยิ่งเป็นวันทำงานยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย

“ฮึบ!”

“หวา...ลุงเตะสูงจังเลยจ้ะ”

เขาเคยมีความคิดที่จะให้กำเนิดเด็กสักคนพร้อมมอบการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีไปพร้อมกับคู่ชะตาเหมือนกับสุคนธ์ทั่วไป กระนั้นเขาก็ต้องล้มเลิกความฝันนั้น เมื่อผลตรวจที่ออกมามีค่าเป็นกลาง เมื่อร่างกายนี้ไม่สามารถให้กำเนิดชีวิตใด ๆ ได้อีก หลายครั้งที่เขาลองจินตนาการภาพครอบครัวของตัวเอง แต่กลับคิดไม่ออกมาตั้งแต่ตอนนั้นด้วยปัจจัยทางด้านสุขภาพและความคิดที่จำต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ สุดท้ายจึงจมปลักอยู่แต่กับงานจนไม่เคยได้ทำความรู้จักใครเลยมาจนอายุย่างสามสิบ...

*ตึก* ลูกตะกร้อที่เด็กหญิงส่งมากลับไม่ถูกดีดขึ้นไปอย่างที่ควรจะเป็น มันร่วงตกลงกลิ้งตามพื้นดินทราย จนเมื่อม่วงดึงสติกลับมาก็คิดจะหันกลับมางัดลูกตะกร้อขึ้นทว่ากลับเป็นไอ้เฉลิมที่เดินมาคว้ามันไว้เสียก่อน

“จะบ่ายแล้ว”

“อะ...เอ้อ ขอบใจ เด็ก ๆ กินข้าวกันได้แล้วนะ”

“จ้ะ/จ้า”

ม่วงระหว่างเดินจับมือพาเด็ก ๆ ไปกินข้าวเที่ยงก็ดึงสติสตังตัวเองกลับมาให้เข้ารูปเข้ารอย ในเมื่อเขามีลูกไม่ได้แล้วจะกลับไปคิดถึงวัยอันไม่รู้ความอีกทำไม อย่างไรเขาก็มีอย่างอื่นที่ให้ประโยชน์อย่างการตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถ

“ไอ้เฉลิม ฉันฝากตักข้าวทีสิ ฉันจะพาเด็ก ๆ ไปล้างมือ”

“อือ”

“พี่ม่วงไม่ต้องก็ได้จ้ะ เดี๋ยวฉันพาไปเอง”

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง”

อย่างเช่นงานนี้ที่เขาจำต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้คุณเปลว ซึ่งดีกว่าการมาฝันกลางวันใคร่ครวญถึงอดีตที่ไม่อาจถูกดัดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๘ คุณนกผู้โชคร้าย

    เขี้ยว × บุษบาแสงไฟสีส้มจากเสาไฟริมถนนที่ติดเพียงต้นเดียวส่องให้เห็นเงาคนสองคนที่กำลังเดินคล้ายเซถลาอยู่ใต้ท้องฟ้ายามหัวค่ำ คนหนึ่งเดินข้างหน้าอย่างมั่นคง ส่วนอีกคนที่ถูกพยุงเอาไว้เอนตัวไปมาเหมือนตุ๊กตาที่เสียการทรงตัวส่งกลิ่นเหม็นสุราคละคลุ้งยอดที่พยุงร่างไอ้เขี้ยวซึ่งซัดน้ำเมาเข้าไปจนหมดขวด พยายามประคองน้ำหนักควายเผือกของไอ้เหยี่ยวตัวยักษ์เอาไว้แทบจะขาดใจ แม้จะพยายามดันให้เดินตรง ๆ แต่ก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อผู้ถูกพยุงเริ่มเซไปทางซ้ายทีขวาที เสียงรองเท้ากระทบพื้นดินแห้งเป็นจังหวะ ช่างเป็นเหตุการณ์อันน่าอเนจอนาถใจเสียจริงที่เขาต้องมารับผิดชอบมันเพราะบ้านอยู่ละแวกเดียวกันเนี่ย!“ไอ้เขี้ยว มึงทำตัวเบา ๆ ได้ไหมวะ! ไอ้สัตว์เอ๊ย ง่วงก็ง่วง กูยังต้องมาแบกมึงอีกเนี่ย”“อือ...เออ ไม่เห็นจะสวย...ตรงไหน...”“สวยที่หน้ามึงสิ เฮ้อ...แล้วเมื่อไรจะถึงร้านดอกไม้สักทีวะ”ยอดที่มีสติจากสุราร้องโอดโอยลากพาไอ้ขี้เรื้อนเดินไปตามทางด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากงานเลี้ยงจากพิธีแต่งงาน

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๗ ยังสาวยังสวย (NC)

    นับตั้งแต่ลูกคนโตเริ่มศึกษาหลักสูตรเฉพาะ และลูกคนรองทั้งสามเข้าชั้นประถม ระยะเวลา ๖ ปีจึงผ่านไปไวเหมือนโกหก เพียงแค่พวกเขาตื่นมาเพื่อไปส่งลูกเข้าเรียนและทำงาน รู้ตัวอีกทีเด็ก ๆ ก็โตพอจะเข้าชั้นม.ต้นกันแล้วงานประชุมผู้ปกครองระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เริ่มต้นด้วยสามี หุ้นส่วนภัตตาคารส่งสายตาเว้าวอนมองตัวเขาเดินลงจากรถ เนื่องจากเจ้าตัวต้องไปเข้าร่วมการเปิดตัวสาขาใหม่ของหอรสพลอย พ่อหมีจึงไม่สามารถมาเข้าร่วมได้ในตอนเช้า ได้เพียงสัญญาว่าจะรีบบึ่งรถกลับมาทันทีเมื่อพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้นม่วงเดินลงจากรถ โบกมือลาสามีหมีเด็กที่ยังอาลัยอาวรณ์ไม่เลิก จนเขาต้องตัดสินใจเดินหันหลัง ล้อจึงจะเริ่มหมุน แม่หนูในชุดเสื้อผ้ามิดชิดเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว ค่อย ๆ เดินตามทางถนนอันคุ้นเคยเพียงคนเดียว นับเป็นโชคดีของตัวเขาและคนอื่น ๆ ที่มีเพศรองสุคนธ์ ซึ่งได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดการรณรงค์มากมายขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากกลุ่มคนของเขาด้วยก็ดี หรือผู้ที่ต้องการสนับสนุนด้วยก็ดี ทำให้มีผู้สวมปลอกคอสามารถออกมาทำงาน มาใช้ชีวิตได้ไม่ต่างจากเพศอื่น ๆ ซึ่งรวมไปถึงลูกชาย

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๖ อวลกลิ่นดินสอพอง

    ในเช้าของวันอันเป็นมงคลกลางเดือนมิถุนายน ในยามที่แสงของพระอาทิตย์ลอยขึ้นพ้นขอบฟ้าสาดแสงสีทองลงบนผิวน้ำคลองที่ไหวระริกไปตามแรงลม กลิ่นหอมของดอกไม้สดอบอวลในอากาศจากสายลมที่พาดพามาตามกระแสแม่น้ำอันกว้างขวาง โดยที่ความสงบเงียบค่อย ๆ ถูกแต่งแต้มด้วยเสียงพายเรือและเสียงกระดิ่งลมซึ่งถูกแขวนไว้ยังท่าน้ำโต๊ะไม้ตัวยาวถูกปูด้วยผ้าขาวสะอาดวางเรียงอยู่ใต้ร่มเงาของต้นลั่นทมซึ่งกำลังผลิดอก พร้อมด้วยโถข้าวสวยร้อน ๆ และอาหารที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวและคณนาญาติคนสนิทด้วยกันเตรียมตั้งแต่เช้ามืด ทั้งแกงส้ม น้ำพริก และขนมต้มหวานล้วนถูกจัดใส่ถ้วยน้อยอย่างประณีตบรรจง เสียงพูดคุยเบา ๆ ของแขกที่มาร่วมงานขับกล่อมให้บรรยากาศดูเป็นกันเองอย่างที่ตัวเอกของงานทั้งสองในชุดคู่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่ไกลจากท่าน้ำนั้น เสียงพายกระทบผิวน้ำดังเป็นจังหวะโดยมีพระสงฆ์และบุรุษลูกวัดโดยสารมา เมื่อเรือหยุดเทียบท่าแม่หนูจึงกวักมือเรียกลูก ๆ วัยเจ็ดขวบให้เข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วให้เด็กน้อยช่วยพ่อแม่อธิษฐานใส่บาตรไปพร้อมกันแล้วถึงประนมมือไหว้รับศีลรับพรหลังจากพระสงฆ์ขึ้นจากเรือ พิธีทำบุญเริ่มต้นขึ้นอย่าง

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๕ ทุกที่ทุกเวลา (NC)

    “เด็ก ๆ อย่าลืมโทรศัพท์บอกตอนจะกลับล่ะ”“จ้ะ!”พ่อหมีกล่าวบอกเหล่าเด็ก ๆ ในขณะที่เดินกลับมาขึ้นรถ เนื่องจากภายหลังที่หนูกวินมาเที่ยวบ้านเราไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อปิดเทอมรอบก่อน คราวนี้เด็ก ๆ ทั้งสี่จึงตกลงขอไปเล่นที่บ้านเพื่อนหมาป่าบ้าง ซึ่งคงไม่น่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นเพราะบ้านนั้นมียามรักษาความปลอดภัย แถมคุณเกื้อก็อยู่เฝ้าบ้านตลอด ดังนั้นทั้งเขาและพี่จึงสบายใจได้และวนรถมาทานมื้อเที่ยงนอกสถานที่กันสองต่อสองหลังไม่ได้ทำมานาน ก่อนจะวนกลับเข้าบ้านมาทำธุระพี่หนูขอตัวขึ้นไปอ่านจดหมาย ลงตารางนัดลูกค้าให้เจ้านายตามปกติส่วนเขาก็มาเตรียมมื้อเย็นแล้วก็ขนมของฝาก เนื่องจากในตอนเย็นคุณเกื้อจะเป็นคนอาสาพาเด็ก ๆ มาส่งที่บ้าน ซึ่งเป็นปกติของสองครอบครัว เนื่องจากบางครั้งที่คุณเกื้อไม่ว่างก็มักจะไหว้วานพี่ม่วงไปรับกวินมานั่งรอที่บ้านนี้อยู่บ่อย ๆ เด็ก ๆ จึงสนิทกันไปโดยปริยาย แม้ตัวเขาจะไม่ค่อยอยากให้มีพิโดรเข้ามาเกาะแกะลูกชายสุคนธ์หัวแก้วหัวแหวนของตนเท่าไรนักก็ตามภายในครัวเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องเทศและสมุนไพร พ่อบ้านหมีใหญ่กำลังขะมักเขม้นกับหม้อต

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๔ ผู้ปกครองเจ้าจิ๋ว

    “ก็! แม่ฉันอยากเข้าโรงเรียน...อึก...ฮือ!! พ่อจ๋า”ลิตเด็กชายตัวจิ๋วบนตักมารดาในรถร้องไห้งอแงที่ตนไม่สามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาเดียวกันกับแฝดน้องได้เพราะมีเพศรองที่สังคมจำกัดเอาไว้ พอบอกแม่ไม่ได้ก็หันมาร้องไห้อ้อนวอนคนเป็นพ่อให้จัดการอะไรสักอย่าง แต่เด็กน้อยอ่อนต่อโลกยังไม่รู้ว่าอำนาจทั้งหมดในบ้านล้วนตกเป็นของแม่หนูแต่เพียงผู้เดียว“เราต้องเรียนที่บ้านเข้าใจไหม วันดีคืนดีมีฤดูขึ้นมาตอนอยู่ข้างนอกเดี๋ยวจะอันตราย”“แม่เขาพูดถูก พ่อแม่เองก็จ้างครูมาสอนเราเหมือนน้อง ๆ แล้ว”“ฮึก...หึ!”พอไม่มีใครเข้าข้างเจ้าจิ๋วหนูจี๊ดก็กอดอกฮึดฮัดไม่พอใจซุกเข้ากอดมารดาที่ตนดื้อใส่อย่างหัวเสียจนตัวขดเป็นก้อนกลม ที่เขาอยากไปโรงเรียนมันไม่ใช่เพราะอยากเรียนเนื้อหาเดียวกับคนอื่นที่ไม่ใช่สุคนธ์ แต่เพราะเขาอยากมีเพื่อน มีเรื่องกลับมาพูดคุยกับพี่น้องบ้างเท่านั้นเอง เพราะตั้งแต่เจ้าสามคนนั้นเปิดเทอมมาได้แค่ไม่กี่สัปดาห์ก็พากันเอาเรื่องเล่ามาบอกจนเขาเริ่มจะกลายเป็นคนนอกขึ้นมาทีละนิด!ม่วงมองลูกน้อยบนตักก็ละเหี่ยใจ แม้ใจจริงม่วงต้องการให้เด็ก ๆ ได้รับทุกสิ่งอ

  • เร้าใจลูกน้อง   บทพิเศษ ๓ ติดตาตรึงใจ (NC)

    เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับแสงไฟหน้ารถที่มืดสนิท ก่อนที่สองสามีภรรยาจะเดินลงมาจากรถโดยที่คนตัวเล็กเดินมุ่งหน้าตรงไปไขประตูบ้านในขณะที่ปล่อยเจ้าหมีเด็กตรวจสอบสภาพรถในวันศุกร์สุดสัปดาห์ม่วงเดินก้าวมาในตัวบ้าน กลิ่นหอมในแจกันที่เฉลิมเป็นคนตัดจากสวนมาประดับโต๊ะอาหารยังคงต้อนรับการกลับมาได้เป็นอย่างดีแม้จะผ่านมาตั้งวันแล้วก็ตาม ภรรยาหนูจี๊ดถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไปวางกระเป๋ายังหน้าบันไดก่อนจะหันหลังมาเห็นสามียืนเป็นหุ่นอยู่ตรงหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ สองแขนกว้างกางออกก่อนจะเข้าสวมกอดซุกไซ้คลอเคลียตัวเขาราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นตัวเล็กมากมายนักนับตั้งแต่พวกเขามีครั้งแรกด้วยกันไปในตอนที่เขากลับมามีฤดูนี่ก็ครบรอบหนึ่งเดือนพอดี ทว่าต่อให้จะเป็นเช่นนั้น ข้างในลึก ๆ ตัวเขายังคงหวั่นใจว่าการดำเนินความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้นี่จะไปยืดกันจริงอย่างนั้นหรือ เนื่องจากพวกเขามีอายุต่างกัน และเฉลิมเองพึ่งจะยี่สิบต้น ๆ ซึ่งการตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันควรมีประสบการณ์มากกว่านี้ในความคิดของเขา และหากตัวเขาไปกันไม่ได้ ก็อยากจะล้มเลิกเสียแต่เริ่มต่างฝ่ายจะได้ไม่เสียเวลา และคนเด็กจะไปทำตามคว

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status