ตอนที่ 2 พี่เลี้ยง (ส่วนที่ 2)
เด็กหญิงพาดารินทร์มาหยุดตรงหน้าห้องพักข้างๆ เคาะประตูอยู่ไม่นาน เจ้าของห้องที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยก็เดินมาเปิดประตูให้
“ปาป้า พี่รินทร์มีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ นิดไปรอที่ห้องนะ” เสียงใสๆพูดรัวใส่ปาป้า แล้วก็วิ่งปรู๊ดหายเข้าห้องข้างๆไป ดารินทร์ไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่เผชิญหน้ากับคนตัวสูงลำพัง
“เชิญครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้น เป็นการเชื้อเชิญ หากดารินทร์อยากจะบ้าตาย จะให้เธอเข้าไปคุยกับเขาในห้องสองต่อสองนี่นะ เธอพึ่งเจอเขาได้ไม่กี่ชั่วโมงแท้ๆ จะไว้ใจได้ยังไง ดวงตาคมๆมองอย่างเข้าใจความคิดของหญิงสาว
“วันนี้ผมเหนื่อยมาก คงไม่คิดจะทำอะไรคุณหรอก คุณรีบพูดธุระมาดีกว่า เราจะได้ต่างคนต่างไปพักผ่อน” คำพูดตรงๆที่คนตัวสูงเอ่ยออกมา ทำเอาดารินทร์รู้สึกตัวเองแก้มร้อนผ่าว แต่ก็จำใจเดินเข้าไปในห้องนั่น ชายหนุ่มเปิดประตูค้างไว้อย่างสุภาพ
“ฉันอยากติดต่อทางบ้าน”
“เราคุยกันแล้ว จะไม่มีการติดต่อไปไหนทั้งนั้น เพราะบนเรือลำนี้ไม่มีคุณหนูเหริน” หญิงสาวรู้สึกว่าเสียงเรียบๆตอบกลับมามีร่องรอยตำหนิเหมือนเธอเป็นเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง
“คุณจะบ้าหรือไง ขืนรอจนขึ้นฝั่ง ทางบ้านฉันร้อนใจแน่ๆ” หญิงสาวแหววเสียงดังอย่างเหลืออด ถ้าลองลูกสาวเขาหายไปไม่รู้ข่าวคราวสองสามวันดู อยากรู้ว่าเขาจะทุกข์ร้อนแค่ไหน พ่อเธอก็คงไม่ต่างกัน ไหนจะตากับยายที่เมืองไทยอีกล่ะ
“แต่สุดท้ายคุณก็จะรอดกลับไป คุณหนูเหริน ถ้าขืนผมปล่อยให้คุณติดต่อใคร แล้วข่าวรั่วไปถึงคนที่ไล่ฆ่าคุณอยู่ แล้วพวกนั้นบุกมาถล่มเรือลำนี้ จะมีคนเดือดร้อนเพราะคุณเท่าไหร่” เสียงเข้มๆนั่นมีแววตำหนิ ราวกับว่าถ้าเธอไม่เชื่อเขา เธอก็เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัยที่เอาชีวิตคนนับร้อยมาเสี่ยง และที่เขาพูดมันก็ถูกเสียด้วยซิ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากันด้วยความกดดันระหว่างการเอาชนะ หรือจำนนด้วยเหตุผล
“เชื่อผมเถอะ อยู่บนนี้ในฐานะพี่เลี้ยงของลูกสาวผมจนเรือเทียบท่า แล้วผมจะพาคุณกลับไปส่งที่บ้านเอง”
ร่างบางนอนลืมตาโพลงอยู่ท่ามกลางความมืด ในที่สุดเธอก็ต้องยอมแพ้กับเหตุผลและความเผด็จการของผู้ชายคนนั้น ป่านนี้พ่ออาจจะคิดว่าเธอตายไปแล้ว และถ้ายายกับตารู้เรื่อง ท่านทั้งคู่จะทุกข์ใจแค่ไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกังวล แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้กลายเป็นว่าชีวิตทั้งชีวิตต้องสุดแต่ผู้ชายคนนั้นจะบงการ
“พี่รินทร์นอนไม่หลับหรอคะ” เสียงใสๆถามขึ้น ดารินทร์อดรู้สึกผิดไม่ได้ ที่เธอทำให้เด็กหญิงพลอยเป็นกังวลไปด้วย
“ค่ะ พี่กลัวว่าที่บ้านจะเป็นห่วง” เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นบ่งบอกถึงความกังวลใจของคนพูด ร่างเล็กๆลุกขึ้นเปิดไฟสว่าง หยิบอะไรบางอย่างมาวางลงกลางเตียง
“เล่นไพ่กันมั้ยคะพี่รินทร์ ไหนๆก็นอนไม่หลับแล้ว” เจ้าของร่างน้อยส่งยิ้มสดใสมาให้ ให้ตายเถอะพ่อยัยตัวเล็กนี่สอนลูกมายังไง ถึงลุกมาชวนผู้ใหญ่เล่นไพ่คลายเครียด หากมันก็ดีกว่าฟุ้งซ่าน
ร่างสองร่างนั่งสัปหงกพิงกันตรงโต๊ะอาหาร ทั้งๆที่ยังจัดการมื้อเช้าไม่ทันเสร็จ ธรรศนั่งมองลูกสาวกับ'พี่เลี้ยง' แข่งกันโงนเงนด้วยความง่วงอย่างปลงๆ นี่เขาคิดผิดหรือเปล่าที่ให้ผู้หญิงคนนี้ไปรับบทพี่เลี้ยงของนิตา ท่าทางเหมือนจะพากันก่อเรื่องให้เขาปวดหัวซะมากกว่าละมั้ง ตอนนี้กลายเป็นว่าเขามีเด็กสองคนอยู่ในความดูแล
“รีบทานให้เสร็จแล้วไปพักผ่อนดีกว่ามั้ย” ชายหนุ่มเอ่ย กรีดพับหนังสือพิมพ์ที่พึ่งอ่านเสร็จกลับจนดูเรียบร้อยราวกับยังไม่ได้เปิดอ่าน ดารินทร์ลอบสังเกตกิริยาท่าทางของคนตัวสูงเงียบๆ ตานี่เป็นคนเนียบใช่เล่น ดูอย่างการแต่งเนื้อแต่งตัวซิ ทุกอย่างดูเรียบกริบเหมาะเจาะไปหมด นี่ถ้าเขาไม่มีลูกสาวมานั่งอยู่ตรงนี้ เธอคงคิดว่าเขาเป็นเกย์แน่ๆ
“คุณรินทร์ครับ ถ้าคุณเอาแต่จ้องผมคุณคงทานไม่เสร็จแน่ๆ” หญิงสาวรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา เสทำเป็นไม่ได้ยินประโยคนั้นเสียดื้อๆ เลยไม่ทันได้สังเกตเห็นพ่อลูกที่ลอบส่งสายตาให้กันยิ้มๆ
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 2) สุดท้ายแล้วดารินทร์ก็ไม่สามารถขัด'จอมเผด็จการ' ภายใต้ท่าทางแสนสุภาพได้ ต้องยอมให้เขาพามายังด้านหนึ่งของเรือ ซึ่งจัดเป็นออฟฟิศขนาดย่อมๆ หญิงสาวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านอกจากดูแลเรือลำนี้แล้ว ชายหนุ่มยังต้องทำงานอะไรอีก เธอพอจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับธรรศมาบ้างจากเด็กหญิงนิตา เด็กหญิงเล่าว่าปาป้าของเธอเป็นลูกชายคนโตของตระกูลมอเรล ตระกูลที่รวยติดอันดับโลกเพราะมีธุรกิจหลายอย่าง เรือลำนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ดารินทร์จะได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวตระกูลเหริน ตระกูลมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง มีธุรกิจมากมายเช่นกัน หากแต่เธอไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับกิจการใดๆของตระกูล เพราะถูกเลี้ยงดูโดยตากับยายที่เมืองไทย เธอเลยไม่เคยรู้ว่าลูกหลานเศรษฐีนี่จะต้องสืบทอดงานอะไรของครอบครัวบ้าง แล้วบนเรือลำนี้มีอะไรให้ธรรศทำอีก "ผมต้องบริหารธุรกิจของครอบครัวหลายๆอย่าง ถึงตอนนี้ผมจะมาอยู่บนเรือ แต่งานหลายๆอย่างมันหยุดไม่ได้" จริงๆแล้วชายหนุ่มตั้งใจจะใช้เวลาช่วงที่ล่องเรือจากฮ่องกงกลับไทย เป็นช่วงเวลาพักผ่อน แต่ภาระหน้าที่หลายๆอย่างก็ทำให้เขาละทิ้งงานไม่ได้เลย โชคดีที่เทคโนโลยีปัจจุบั
ตอนที่ 5 งานใหม่ (ส่วนที่ 1) ดารินทร์ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ พบว่าตัวเองกำลังนอนกอดอยู่กับนิตา อีกฝากหนึ่งของเตียงว่างเปล่า เขาคงลุกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อคืนกว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ดึกมาก เพราะความรู้สึกปั่นป่วน และไม่คาดคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือเรียวยกแตะริมฝีปากบางของตัวเอง บ้า! เขาจู่โจมทำแบบนั้นจริงหรือนี่ จูปิเตอร์ มอเรล จูบเธอ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบานั้นถึงกับทำให้เธอแยกไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริงเชียวหรือ หญิงสาวสั่นศีรษะแรงๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัว รีบลุกเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว พอเงยหน้ามองกระจกเงาบานกว้าง หญิงสาวก็เห็นกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งแปะเอาไว้ ดารินทร์กวาดสายตาผ่านตัวหนังสือสวยงามเป็นระเบียบเร็วๆ เมื่อเช้าตื่นมามอนิ่งคิสคุณแล้ว แต่คุณไม่ยอมตื่น เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ.......ธรรศ มือเรียวขยำกระดาษโน๊ตในมือ ตาบ้าเอ้ย! เขาทำบ้าอะไรเนี่ย ถ้านิตาตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อนเธอ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วเด็กหญิงจะรู้สึกยังไง ดารินทร์ยกมือแตะริมฝีปากตัวเองอีกครั้งอย่างเผลอตัว เขาจูบเธอจริงๆหรือนี่ หรือมันเพ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 2)สุดท้ายธรรศก็ต้องเดินไปส่งสองสาวต่างวัยที่กลายเป็นคู่หูที่แสนจะเข้ากันดีเพราะกลัวผีขึ้นสมองเหมือนกัน พอทานอาหารเสร็จทั้งคู่ก็แสร้งทำเป็นโอเอ้ไม่ยอมกลับห้อง ขณะที่ธรรศพูดคุยทักทายกับผู้โดยสารหลังทานอาหาร ทั้งๆ ที่ปกติทั้งคู่จะพยายามไม่อยู่ในห้องอาหารนาน เพราะไม่อยากปะทะกับบรรดาคุณหญิงคุณนายหลายคนที่ไม่ลงรอยกัน ตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจจะคุยธุรกิจกับแขกบางคน หากพอเห็นท่าทางของดารินทร์และนิตา ก็ต้องตัดสินใจจะพักเรื่องงานเอาไว้ก่อน แล้วไปส่งสองสาวที่ห้องพัก คนสามคนเดินเรียงแถวไปตามทางเดินสลัวๆของเรือโดยมีธรรศนำหน้า ดารินทร์รั้งท้ายและเด็กหญิงนิตาเดินตรงกลาง ดารินทร์รู็สึกว่าวันนี้ทางเดินจากห้องอาหารกลับห้องพักดูทั้งไกลและมืดกว่าทุกวัน นิตาก็คงรู้สึกเหมือนเธอเพราะเด็กหญิงทำท่าเหมือนไม่มีแรงจะก้าวขาเอาซะเลย "คุณธรรศ ฉันว่าคุณอุ้มนิต้าเถอะค่ะ ดูแกเดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว" จริงๆ นิตาก็โตเกินกว่าจะให้คนเป็นพ่ออุ้มแลัว หากดารินทร์เห็นท่าทางแล้วว่าถ้าปล่อยให้เด็กหญิงเดินต่อไปเอง คงไม่ถึงห้องพักง่ายๆ แน่ ธรรศหันมามองหน้าซีดๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยแ
ตอนที่ 4 เรื่องเล่า (ส่วนที่ 1) "พี่รินทร์ขา" เสียงใสๆ ดังแจ้วๆ มาก่อนตัว ดารินทร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังนอนอ่านอยู่บนเตียงอาบแดด มองดูร่างเล็กที่วิ่งมาหยุดหอบตัวโยนอยู่ข้างๆ "ใจเย็นๆ นิต้า หายใจก่อน" มือเรียวเอื้อมไปช่วยประคองร่างของเด็กหญิงให้นั่งลงข้างๆ สังเกตเห็นแววตาตื่นตระหนกบนวงหน้าเล็กๆ นั่นๆ "แย่แล้วค่ะ แย่มากๆ" พอหายเหนื่อยเด็กหญิงก็ละล่ำละลักกับพี่เลี้ยงจำเป็นทันที "อะไรจ้ะนิต้า แล้วไปไหนมา" วันนี้ดารินทร์ชวนเด็กหญิงมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านหนึ่งของเรือ การได้นอนอ่านหนังสือท่ามกลางท้องทะเลกว้างมันก็ทำให้ลืมๆไปได้ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งคงเพราะเด็กหญิงตัวน้อยแสนน่ารักที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เหงา วันนี้เด็กหญิงนิตาขนเอาสมุดสเก็ตมานั่งวาดรูปเล่น เด็กหญิงมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะพอตัวเลยทีเดียว หากวาดไปได้ซักพักก็ขอไปเอาอุปกรณ์เพิ่ม โดยให้ดารินทร์นั่งเฝ้าของไว้ แล้วเด็กหญิงก็หายไปเสียนาน ก่อนจะวิ่งหน้าเริ่ดกลับมา "ไปเอาของค่ะ แล้วไปเจอป้าแม่บ้าน" เด็กหญิงนั่งแปะลงบนเตียงอาบแดดข้างๆ อาการหอบเพราะ
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 2)ดารินทร์เพลิดเพลินกับการช็อปปิ้งที่มีชายหนุ่มคอยตามจ่ายเงินให้ จริงๆ มันก็เงินเธอนี่ เค้าบอกเองว่าจะส่งบิลไปเก็บ แล้วทำไมเธอจะต้องเกรงใจ ร้านค้าบนเรือไม่มีอะไรแตกต่างไปจากบนบกแต่อย่างไร แม้แต่ร้านกาแฟริมทางสไตล์ฝรั่งเศสก็จำลองมาเหมือนทุกรายละเอียด หญิงสาวรู้สึกตื่นตาไปหมดจนอดนึกถึงคนที่นอนพักอยู่ที่ห้องไม่ได้ เด็กหญิงคงสนุกสนานไม่น้อยถ้าได้มาเดินเที่ยวด้วยกัน "นิต้าเคยมาที่นี่หรือยังคะ" เสียงหวานใสเอ่ยถามคนเป็นพ่อของเด็กหญิง "ยังครับ เราเพิ่งขึ้นเรือมาก่อนคุณไม่นาน" ดวงหน้างดงามครุ่นคิดนิดนึงก่อนจะเอ่ยขึ้น "เราน่าจะไปชวนแกนะคะ ป่านนี้แกคงตื่นแล้ว" ชายหนุ่มเหลือบตามองคนพูดแว้บหนึ่ง รอยยิ้มทาทับดวงตาสีอำพัน "เดี๋ยวผมให้คนไปตามแกแล้วกัน เราไปนั่งรอแกที่ร้านกาแฟตรงนู้นดีกว่า" หญิงสาวพยักหน้ารับ เพราะเธอก็เริ่มรู้สึกเมื่อยแล้วเหมือนกัน เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นใกล้ๆ จนหญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นจากเมนูที่แสร้งทำเป็นสนใจเพื่อจะได้ไม่ต้องอึดอัดที่ไม่รู้จะคุยอะไรกับคนตัวโตที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 1) ร่างบางระหงเดินเลาะริมระเบียงท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆในยามบ่าย น้ำทะเลเบื่องล่างเป็นสีเขียวใสราวมรกต ระยิบระยับท่ามกลางเปลวแดด ดารินทร์รู้สึกว่าเธอคงดื่มด่ำกับความงามรอบๆตัวมากกว่านี้ หากการที่เธอมาอยู่บนเรือลำนี้ตอนนี้ไม่ใช่เพราะหนีการตามล่า แล้วจับพลัดจับผลูมาอยู่กับสองพ่อลูกประหลาดคู่นี้ ประหลาดตรงไหนน่ะหรือก็ประหลาดตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมีลูกสาวโตขนาดนี้ โตจนน่าจะเป็นน้องสาวได้เลย เธอไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น จูปิเตอร์ มอเรล อายุเท่าไหร่ หากจากรูปลักษณ์อายุของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบ นั่นแปลว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุสิบกว่าๆเท่านั้นเอง เด็กหญิงลูกสาวของเขานั่นก็งดงามน่ารักราวตุ๊กตาตัวน้อย ดวงตากลมโตดำสนิท จมูกปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราแบบไทยแท้ๆ ต่างจากพ่อที่หน้าฝรั่งจ๋า แม่ของเด็กหญิงคงเป็นสาวไทยแสนสวย แต่แปลกที่ไม่เห็นพ่อลูกจะพูดถึงเลย แล้วอยู่ๆคนที่กำลังคิดถึงก็โผล่มาในสายตา ร่างสูงในชุดลำลองชุดเดียวกับเมื่อเช้าเดินลิ่วๆมาจากด้านตรงข้ามของเรือ คิ้วได้รูปสีเดียวกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ "คุณมาทำอะไรตรงนี้" หญ