ตอนที่ 3 เจ้าเสน่ห์ (ส่วนที่ 1)
ร่างบางระหงเดินเลาะริมระเบียงท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆในยามบ่าย น้ำทะเลเบื่องล่างเป็นสีเขียวใสราวมรกต ระยิบระยับท่ามกลางเปลวแดด ดารินทร์รู้สึกว่าเธอคงดื่มด่ำกับความงามรอบๆตัวมากกว่านี้ หากการที่เธอมาอยู่บนเรือลำนี้ตอนนี้ไม่ใช่เพราะหนีการตามล่า แล้วจับพลัดจับผลูมาอยู่กับสองพ่อลูกประหลาดคู่นี้ ประหลาดตรงไหนน่ะหรือก็ประหลาดตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมีลูกสาวโตขนาดนี้ โตจนน่าจะเป็นน้องสาวได้เลย เธอไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนนั้น จูปิเตอร์ มอเรล อายุเท่าไหร่ หากจากรูปลักษณ์อายุของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบ นั่นแปลว่าเขามีลูกตั้งแต่อายุสิบกว่าๆเท่านั้นเอง เด็กหญิงลูกสาวของเขานั่นก็งดงามน่ารักราวตุ๊กตาตัวน้อย ดวงตากลมโตดำสนิท จมูกปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราแบบไทยแท้ๆ ต่างจากพ่อที่หน้าฝรั่งจ๋า แม่ของเด็กหญิงคงเป็นสาวไทยแสนสวย แต่แปลกที่ไม่เห็นพ่อลูกจะพูดถึงเลย
แล้วอยู่ๆคนที่กำลังคิดถึงก็โผล่มาในสายตา ร่างสูงในชุดลำลองชุดเดียวกับเมื่อเช้าเดินลิ่วๆมาจากด้านตรงข้ามของเรือ คิ้วได้รูปสีเดียวกับเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ
"คุณมาทำอะไรตรงนี้" หญิงสาวถอนหายใจหนักหน่วงแบบไม่ปิดบัง ถึงเธอกำลังคิดอะไรเกี่ยวกับเขา แต่เธอก็ไม่ได้อยากเจอเขาเท่าไหร่นักหรอกน่า
"เดินเล่น คุณคงไม่ห้ามนะคะ" เสียงหวานๆประชดประชัน
"แล้วยายหนูล่ะ" ชายหนุ่มแสร้งทำไม่รับรู้กับน้ำเสียงนั่น
"นอนพักอยู่ในห้องค่ะ พี่เลี้ยงอย่างฉันเลยว่าง" หญิงสาวยังคงประชดประชันต่อ นึกหงุดหงิดคนที่ทำตัวเหมือนเจ้านายเธอจริงๆ
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก่อสงคราม ร่างระหงในชุดเดรสยาวผ้าบางพริ้วพร้อมหมวกปีกกว้างก็ปรากฏกายขึ้น
"ธรรศคะ ขวัญตามหาคุณซะทั่วเลย" เสียงหวานๆ ดังขึ้นเมื่อเธอผู้นั้นเดินมาถึงตัวชายหนุ่ม
"เออะ นั่นใครกันคะ" ดารินทร์จับความไม่พอใจได้ในน้ำเสียงนั่นได้ในทันที ท่าทางแม่สาวคนนี้แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรกับผู้ชายตัวโตๆนี่
"คุณรินทร์ พี่เลี้ยงลูกสาวผม"
"ยัยเด็กนั่นโตขนาดนั้นแล้วยังต้องมีพี่เลี้ยงด้วยเหรอคะ" น้ำเสียงคนพูดบ่งบอกว่าไม่มีความเอ็นดูให้กับเด็กหญิงแม้แต่น้อย
"ผมไม่ค่อยมีเวลา กลัวแกจะเหงา" เสียงทุ้มนั่นแม้จะเอ่ยอย่างสุภาพ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีความไม่พอใจอยู่ในนั้น
"หวังว่าจะแค่มาเป็นเพื่อนลูกนะคะ ไม่ใช่มาแก้เหงาให้พ่อด้วย" ดารินทร์รู้สึกตัวเองหน้าชาขึ้นมาทันที ดวงตารีงามวาววับขณะจ้องมองคนพูด อยากจะซัดแม่สาวคนนี้ให้ตกทะเลไปเดี๋ยวนั้นเลย หากเสียงเข้มๆจะไม่ดังขึ้นก่อน
"กรุณาพูดจาให้เกียรติคนอื่นบ้างคุณขวัญยิหวา ไม่งั้นคุณจะไม่ได้รับการให้เกียรติเหมือนกัน" ดารินทร์ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเอ่ยตำหนิตรงๆเช่นนั้น และขวัญยิหวาก็คงไม่คาดคิดเช่นกัน หญิงสาวถึงได้แต่ยืนตะลึงคาดไม่ถึงอยู่ตรงนั้น
"ไปเถอะคุณรินทร์ ผมจะพาคุณไปเดินเล่นข้างบน" มือแข็งแรงแตะข้อศอกหญิงสาวเบาๆ ให้เดินไปกับเขา ไม่สนใจหญิงสาวอีกคนที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม หน้าที่แต่งแต้มไว้งดงามบูดเบี้ยว ใกล้จะร้องไห้เต็มทีแล้ว
"คุณขวัญเป็นลูกสาวเพื่อนคุณแม่ เธอยังเด็กอาจจะเอาแต่ใจไปบ้าง คุณอย่าไปสนใจเลย" เสียงทุ้มเอ่ยกับคนข้างๆ ขณะพาเดินเข้าไปภายในเรือ หญิงสาวเบ้ปาก ท่าทางคนที่เขาพูดถึงไม่เห็นจะมีตรงไหนบ่งบอกว่าเป็นเด็กเลยซักนิด
"เธอคงหึงคุณมั้ง"
"อืม งั้นก็คงเพราะคุณนั่นแหล่ะ" ร่างสูงหยุดเดินหันมาสบตาคนข้างๆ บางอย่างในดวงตาสีอำพันคู่นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกหน้าร้อนผ่าว รีบก้าวเท้าเดินนำออกไป ตาบ้าเอ้ย! ที่พูดมานี่หมายถึงอะไรกันแน่ แต่หญิงสาวก็ไม่คิดอยากจะถามให้รู้เรื่อง ทำไมผู้ชายท่าทางนิ่งๆคนนี้ถึงทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแปลกๆอยู่เรื่อย
"คุณต้องเลี้ยวไปทางขวานะครับ" เสียงทุ้มๆ กลั้วหัวเราะดังขึ้นด้านหลัง ไม่รู้ขำบ้าอะไรนะ ตาบ้าเอ้ย
"บริเวณนี้เราจัดเป็นย่านดาวทาวน์ มีร้านค้าให้ช็อปปิ้ง ผมคิดว่าคุณน่าจะอยากซื้อของใช้หลายๆอย่าง เพราะคุณไม่มีอะไรมาเลย" ใช่เธอมาแต่ตัวแท้ๆเลย ตอนบอดี้การ์ดลากลงจากรถเพื่อหนีการไล่ล่าเธอไม่ได้คว้ากระเป๋าถือติดตัวมาด้วย ของอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง จริงๆเอาชีวิตรอดมาได้ก็นับว่าโชคช่วยแล้วล่ะ
"แต่ฉันไม่มีเงินนะคะ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมค่อนส่งบิลไปเก็บหลังจากคุณกลับบ้านแล้ว" คนตัวสูงยิ้มกว้าง ช่วยให้ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองขึ้นไปอีก มิน่าสาวๆถึงวิ่งตาม
"เขี้ยว" หญิงสาวแขวะเบาๆ แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องมานั่งเกรงใจกัน
ตอนพิเศษ 2 “แสนรัก” (ส่วนที่ 2) "คุณธรรศทำไมถึงกล้าทิ้งสามคนนั่นคะ" ดารินทร์เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ "ไม่มีอันตรายอะไรหรอกรินทร์ เดี๋ยวเช้าเราค่อยไปรับ ผมอยากอยู่กับคุณตามลำพังบ้าง" ชายหนุ่มปลอบใจอุ้มร่างบางมาไว้บนตัก "รินทร์ไม่ห่วงคุณธีร์ กับคุณธามหรอกค่ะ รินทร์ห่วงนิต้า" "โธ่รินทร์ นิต้าน่ะเต็มใจไปกับสองคนนั่น ไม่งั้นป่านนี้อาละวาดไปแล้ว" เขารู้ว่าแม่ลูกสาวตัวน้อยอยากเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ตามลำพังกับภรรยาถึงยอมตามพี่ชายลงจากเรือไป "คุณนี่จริงๆเลยนะคะ" ดารินทร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่ส่งค้อนให้ชายหนุ่ม "หือ อะไรครับรินทร์ ผมแค่อยากอยู่กับคุณที่ผมรักบ้าง ผมผิดหรอครับ" เสียงทุ้มนุ่มนวลออดอ้อน กระชับวงแขนที่โอบร่างน้อยบนตักแน่นขึ้น ซุกไซร้จมูกโด่งๆลงบนซอกคอขาวนวล "หอมจัง" "หือ คุณธรรศ" ดารินทร์รู้สึกดีใจที่ความมืดมิดช่วยซ่อนหน้าแดงๆของเธอเอาไว้จากชายหนุ่ม "เลิกสนใจเลิกห่วงคนอื่นก่อนนะครับ มาสวีตกันดีกว่า" "คุณนี่" ไม่พูดเปล่า หญิงสาวหยิกลงบนต้นคอของค
ตอนพิเศษ 2 “แสนรัก” (ส่วนที่ 1) ร่างบางระหงนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าอยู่อย่างเพลิดเพลิน แสงสีทองค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มก่อนจะค่อยๆหายลับลงไปในพื้นน้ำ ก่อนความมืดจะค่อยๆคืบคลานเข้ามาครอบคลุม "นั่งนิ่งอยู่ตั้งนานแล้ว ผมนึกว่าคุณกลายเป็นดอกทานตะวันไปแล้ว" เสียงของคนตัวสูงที่เดินมาทรุดลงนั่งข้างๆภรรยาเอ่ยขึ้น ดารินทร์หันไปยิ้มกว้างให้กับสามี "ยังไงหรือคะ" "ก็ตำนานดอกทานตะวันไงครับ ที่ว่านางฟ้าไคลตีแอบหลงรักสุริยเทพ จ้องมองจนสุดท้ายก็กลายเป็นดอกทานตะวัน" เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยเล่า ขณะดึงร่างบางเข้ามาซบกับอกกว้าง "เห็นจะไม่ใช่แล้วล่ะคะ สามีรินทร์เป็นเทพจูปิเตอร์ รินทร์คงหลงรักสุริยะเทพไม่ได้หรอกคะ" เสียงหวานเอ่ยยิ้มๆ เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวโตที่โอบกอดอยู่ ชายหนุ่มโน้มตัวลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากโค้งมน "ผมไม่ใช่เทพจูปิเตอร์หรอกครับ เพราะผมรักเดียวใจเดียวผมรักแต่ดารินทร์คนนี้คนเดียว ไม่มีวันหลายใจแบบเทพองค์นั้นแน่ๆ" ดารินทร์รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ชินกับคำหวานของเขาซะที ใครจะรู้ว่า จูปิ
ตอนพิเศษ 1 “ความลับ” (ส่วนที่ 2) "ยัยตัวเล็กจะงอนไปถึงไหนหา พี่โดนคุณยายด่าเป็นชั่วโมงแล้วนะ" สองคู่แฝดพยายามงอนง้อเด็กหญิงที่ไม่ยอมพูดยอมจาด้วย ท่าทางคงโกรธเอามากๆ ขนาดเขาสองคนโดนผู้เป็นยายอบรมอยู่เกือบชั่วโมงเด็กหญิงก็ยังไม่ยอมหายโกรธ "ผู้ใหญ่นิสัยแย่" เด็กหญิงว่า แกล้งอะไรก็พอทนแกล้งหลอกผีนี่โกรธจริงๆ เพราะตัวเองกลัวผีเป็นที่สุด "โอ้ยหายโกรธเถอะน่า หาพี่ดีๆแบบนี้ไม่ได้แล้วนะสั่งอะไรก็ทำให้หมด นี่ขนมบอกให้ซื้อก็ซื้อมาฝาก" ธามทำตัวเป็นทูตเจรจา ขณะแฝดผู้พี่หยิบของฝากมาวางเรียงราวกับตั้งของบรรณาการ "สั่งให้จัดการให้ธรรศคืนดีกับคุณรินทร์ก็จัดให้ทันที เห็นมั้ยรักกันหวานชื่นแล้ว สั่งอะไรพี่ก็ทำให้หมดยังจะโกรธกันลงอีก" "พี่สองคนทำยังไงพี่รินทร์ถึงเลิกเมินปาป้าคะ" คราวนี้เด็กหญิงสงสัยขึ้นมาทันที เพราะตัวเองพยายามออดอ้อนดารินทร์ให้หายโกรธตั้งแต่ก่อนสองคนนั้นจะไปฝรั่งเศส จนไปแล้วเธอก็ยังโทรไปกล่อม พี่รินทร์ของเธอก็ยังใจแข็ง "หลอกผี" แฝดคนพี่บอกสั่นๆ ดวงตาคมๆเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มขบขันเมื่อนึกถึงวีรกรรมของตัวเอง
ตอนพิเศษ 1 “ความลับ” (ส่วนที่ 1) ร่างสูงๆของสองพี่น้องฝาแฝดค่อยๆย่องเข้าไปด้านหลังร่างเล็กๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปลงในสมุดสเก็ต "ยัยตัวเล็ก" เสียงเรียกดังๆ พร้อมกับข้อเท้าที่โดนกระตุกอย่างแรง ทำเอาเจ้าของร่างเล็กบางร้องกรี๊ดสุดเสียง "ช่วยด้วย ผีจับขานิด" คนตัวเล็กหลับตาปี๋ลุกขึ้นกระทืบเท้าสุดแรง จนแฝดคนน้องที่ลงทุนหมอบใต้โต๊ะเพื่อกระตุกขาเด็กหญิงเสียหลักก้นจ้ำเป้ากับพื้น เก้าอี้สนามล้มระเนระนาด ธีร์รีบคว้าร่างน้อยเอาไว้เพราะกลัวสะดุดล้มตามไปด้วย เด็กหญิงยิ่งกรี๊ดหนักดิ้นรนหนีมือที่พยายามจะคว้าตัว "คุณยายช่วยนิดด้วย ผีค่ะผี" คนตัวน้อยยังร้องลั่นไม่ยอมลืมตาขึ้นมา น้ำใสๆอาบสองแก้มด้วยความกลัว "ยัยหนูเป็นอะไรลูก" เสียงร้องถามดังลงมาจากบนบ้าน พร้อมกับร่างของคุณพรรณีที่มีดารินทร์ประคองอยู่เดินแกมวิ่งลงมาตามเสียงร้องกรี๊ดของเด็กหญิงอย่างตื่นตระหนก "ยัยหนู" "นิต้า" เสียงเรียกทั้งของคุณพรรณีและดารินทร์ค่อยๆดึงสติเด็กหญิงกลับมา คนตัวน้อยลืมตาขึ้น โผเข้าหาคุณพรรณีกับดารินทร์ "คุณยา
บทส่งท้าย "มนต์พรางใจ" ร่างบางกระสับกระส่ายบนที่นั่งตอนหลังของรถคันใหญ่ที่นั่งกลับจากสนามบิน ชายหนุ่มรั้งร่างหญิงสาวเข้ามาโอบกอดเอาไว้ใจเขาก็ร้อนลุ่มไม่แพ้กัน ร้อนตั้งแต่ดารินทร์มาบอกว่ายัยตัวน้อยเข้าโรงพยาบาลได้หลายวันแล้วเพราะเป็นไข้เลือดอย่างรุนแรง หากเด็กหญิงไม่ยอมให้ใครบอกเขากับดารินทร์เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง แล้วทำให้การฮันนีมูนต้องล่มอีก แต่ดารินทร์ก็รู้จนได้เพราะบังเอิญโทรกลับไปยังเมืองไทยเพื่อถามไถ่ข่าวคราวของคนทางนั้น "รินทร์ห่วงแก ไข้เลือดออกน่ากลัวออกนะคะ ทำไมถึงไม่ให้ใครบอกเรา แล้วนี่ก็ไม่ยอมให้คุณหนึ่งรู้อีก" พอปิดบังธรรศกับดารินทร์ไม่ได้ ยัยตัวน้อยก็ย้ำว่าห้ามบอกพี่ชายเด็ดขาด อาการป่วยทำให้เธอดีขึ้นเป็นพักๆและทรุดลงในช่วงที่ไข้ขึ้น ตอนนี้นิตาอยู่โรงพยาบาลได้เป็นอาทิตย์แล้ว "แกเป็นแบบนี้แหล่ะรินทร์ นิต้ากลัวว่าคนอื่นจะไม่มีความสุข" ตลอดเวลาที่เลี้ยงดูกันมาชายหนุ่มรู้จักยัยตัวน้อยดี หัวใจดวงเล็กนั่นอ่อนโยนและยิ่งใหญ่ นิตาคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอ อยากให้คนอื่นมีแต่ความสุขความสบายใจ "รินทร์ห่วงแกนะคะ รินทร์จะมีความสุขได้ยังไงตอนแกป่วยหนัก
ตอนที่ 30 กับดักใจ (ส่วนที่ 2) ดารินทร์ซุกใบหน้าที่รู้สึกได้ว่าคงแดงก่ำกับอกกว้างหลังเพลงรักจบลง แม้ว่าเธอกับเขาจะเป็นสามีภรรยากันได้ซักพักแล้ว หากเธอก็ยังไม่คุ้นชินกับความช่างเรียกร้องของเขาที่ดูจะขัดกับท่าทางนิ่งสุขุมที่เห็นภายนอก แถมเขายังเจ้าเล่ห์แสนกล อาศัยช่องในยามทีเธอกำลังขวัญหายทลายกำแพงที่สร้างขึ้นจากความโมโหและน้อยใจลงซะราบ คิดถึงตรงนี้นิ้วเรียวก็หยิกหมับลงบนสีข้างของคนที่นอนกอดรัดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย "โอ้ย เจ็บนะครับ" เสียงทุ้มโอดครวญหากรัดร่างบางแน่นขึ้น ความอิ่มเอมในอารมณ์รักที่โหยหามานานทำให้อยากจะกอดเธอเอาไว้อย่างนี้ไปตลอด "ฉวยโอกาส เจ้าเล่ห์" ปากว่า มือหยิกแรงด้วยความหมั่นเขี้ยวผสมกับความอาย ชายหนุ่มปัดป้องพร้อมทั้งหากำไรไปเรื่อยๆ รู้สึกมีความสุขจนล้น “หือ ฉวยโอกาสกับเมียตัวเองจะเป็นไรไป" ไม่พูดเปล่ายังระดมจูบไปทั่ว เฮ้อ! นี่เธอจะรู้มั้ยว่ากระตุ้นความรู้สึกเขาขึ้นมาอีกแล้ว เขากลายเป็นคนไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ "รู้มั้ยว่าผมจะทำแบบนี้ จะรู้สึกแบบนี้กับรินทร์คนเดียวนะครับ" เส