INICIAR SESIÓNความลับในรหัสของกุหลาบ (The Rose Code Secret)
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ สวนกุหลาบขาวที่ อีวาดูแลอย่างพิถีพิถันกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง อีธาน ลูกชายคนโต (วัย 7 ขวบ) ผู้มีนิสัยรักการค้นคว้าและช่างสังเกต กำลังเล่นซ่อนหาอยู่กับน้อง ๆ
ระหว่างการซ่อนตัว จึงสังเกตเห็นรอยร้าวเล็ก ๆ ที่ฐานของประติมากรรมหินอ่อนรูปนางฟ้าที่อยู่ใจกลางสวน ประติมากรรมนี้เป็นสิ่งที่ ดีแลน สั่งทำขึ้นใหม่เพื่อรำลึกถึง แอนนา แบล็กเวลล์ มารดาผู้ล่วงลับของเขา ซึ่งเป็นผู้ที่มอบความรักบริสุทธิ์ให้กับดีแลนก่อนที่เธอจะเสียชีวิตไป
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อีธานใช้กิ่งไม้เล็ก ๆ งัดรอยร้าวออก และพบกับช่องลับที่ถูกปิดตายอย่างชาญฉลาด ภายในบรรจุ สมุดบันทึกหนังเก่า ๆ ที่มีกลิ่นหอมของกุหลาบแห้งและตัวอักษร "A.B." สลักอยู่
อีธานนำสมุดบันทึกนั้นไปให้ ดีแลน ผู้เป็นพ่อ
เมื่อดีแลนเห็นลายมือและสัมผัสของสมุดบันทึก เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือของ แอนนา แบล็กเวลล์ มารดาของเขา หัวใจของดีแลนเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน: ความคิดถึง และความตื่นเต้นที่จะได้รู้จักมารดาผู้จากไปของเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สมุดบันทึกของแอนนาเต็มไปด้วยบทกวีที่เศร้าสร้อย, ความคิดถึงลูกชาย, และความคับข้องใจที่มีต่อ ลูคัส สามีผู้บ้าอำนาจ แอนนารู้ว่าชีวิตของเธอสั้น และพยายามที่จะทิ้งมรดกที่เป็นเกราะป้องกันลูกชายจากความโลภของบิดา
อย่างไรก็ตาม เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ดีแลนก็พบว่าบทกวีเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่เป็น รหัสลับที่ฝังอยู่ระหว่างบรรทัด แอนนาใช้ คำสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับดอกกุหลาบ (เช่น กลีบ, หนาม, น้ำค้าง, สวนลับ) และวันที่สำคัญในชีวิตของดีแลนในการเข้ารหัส
> “กุหลาบแรกบานเมื่อดวงจันทร์ดับสลาย, หนามสามเล่มชี้ทาง, น้ำค้างยามเช้าอยู่ที่พิกัดแห่งความจริง”*
ดีแลน ตระหนักว่ามารดาของเขาไม่ได้อ่อนแออย่างที่เขาเคยเชื่อ แต่เป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดที่ใช้ ศิลปะและความรักในการปกป้องลูกชายจากเงาของตระกูลแบล็กเวลล์
ดีแลนและอีวาใช้เวลาหลายวันในการถอดรหัสนี้ โดยใช้ความรู้ทางธุรกิจที่ลึกซึ้งของดีแลน และความเข้าใจในจิตใจที่ละเอียดอ่อนของอีวาดีแลนถอดรหัสทางตรรกะทั้งหมดแล้ว แต่ยังขาด รหัสทางอารมณ์ ที่เชื่อมโยงกับวันที่สำคัญ อีวาที่มีความผูกพันทางจิตวิญญาณกับ แอนนาผ่านสวนกุหลาบขาว ได้ช่วยดีแลนค้นพบความจริง
อีวา"แอนนาไม่ได้ใช้ตัวเลขทางการเงินดีแลน เธอใช้ตัวเลขที่สำคัญสำหรับคุณ... ลองดูวันที่ที่เกี่ยวข้องกับความรักและความซื่อสัตย์... ไม่ใช่วันที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ"
ด้วยคำแนะนำของอีวา ดีแลนจึงใช้ วันเกิดของอีวา และ วันครบรอบที่เขาสารภาพความจริง ให้เธอฟัง เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกรหัสสุดท้าย
เมื่อรหัสถูกถอดได้สำเร็จ มันเผยให้เห็น พิกัด และ บัญชีธนาคารลับ ที่มีคำสั่งที่ชัดเจน: แอนนาได้ลงทุนใน บริษัทเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดที่เพิ่งเริ่มต้นเมื่อ 20 ปีก่อน โดยเป็นเงินทุนที่เธอได้รับมรดกจากตระกูลของเธอเอง และเก็บเป็นความลับจากลูคัสมาตลอด
มูลค่าของบริษัทนี้ในปัจจุบัน มหาศาลกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลแบล็กเวลล์ในยุคลูคัส
เงื่อนไขแอนนาระบุอย่างชัดเจนว่าทรัพย์สินนี้ต้องใช้เพื่อสนับสนุน การวิจัยด้านจริยธรรมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เพื่อชดเชยความเสียหายที่ตระกูลแบล็กเวลล์ได้ก่อไว้ให้กับโลก
ดีแลนรู้สึกทึ่งกับความเฉลียวฉลาดและความรักที่บริสุทธิ์ของมารดา เขารู้สึกเหมือนได้พบ ตัวตนที่แท้จริงของมารดาเป็นครั้งแรก: ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความรัก แต่ต้องสู้กับความมืดมิดด้วยวิธีของเธอเอง
ขณะที่ ดีแลนกำลังรวบรวมเอกสารเพื่อเข้าถึงมรดกนี้ ข่าวลือเรื่องสมุดบันทึกเก่าของแอนนาก็เล็ดรอดออกไปสู่โลกภายนอกผ่านพนักงานที่ดูแลที่ดินเก่าโจนาธาน เฮย์ส (อดีตคู่หมั้นของอีวา) ผู้ที่ยังคงติดอยู่ในวงจรของความโลภและความแค้น ได้ทราบข่าวนี้ทันที โจนาธานเชื่อว่ามรดกนี้ควรเป็นของเขา เพราะเขาเคยเป็นคู่หมั้นของอีวา และเขาเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ที่คู่ควรกับความมั่งคั่งมากกว่าดีแลน
โจนาธานไม่ได้โจมตีดีแลนทางกฎหมาย แต่ใช้ การโจมตีทางข้อมูล เขาจ้างแฮ็กเกอร์ระดับสูงเพื่อพยายามเข้าถึงบัญชีธนาคารลับที่ถูกกล่าวถึงในสมุดบันทึก แต่เนื่องจากแอนนาใช้การเข้ารหัสที่ซับซ้อนและใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยแบบเก่า ดีแลนจึงสามารถป้องกันการโจมตีได้ทัน
โจนาธานพยายามติดต่อดีแลนโดยตรงด้วยข้อเสนอที่น่ารังเกียจ
โจนาธาน (ในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน) "แกคิดว่าแกซ่อนสมบัติของ แอนนา ไว้ได้ตลอดไปงั้นเหรอ ดีแลน? ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพิกัดนั้น... ให้ฉันเข้าถึงส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งซะ แล้วฉันจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ"
ดีแลน(ตอบด้วยความเยือกเย็นที่กลับมา แต่ควบคุมได้) โจนาธาน ผมไม่ได้ต้องการเงิน ผมต้องการ เกียรติยศ ของแม่ผม และมรดกนี้จะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่แปดเปื้อนอีกต่อไป"
ดีแลนใช้ความรู้ด้านการเงินของเขาในการ แช่แข็ง ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นการชั่วคราว เพื่อให้โจนาธานไม่สามารถเข้าถึงได้จนกว่าเอกสารการโอนสิทธิ์จะเสร็จสมบูรณ์
ดีแลน ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้มรดกนี้อยู่ภายใต้การปกป้องของเขาเพียงลำพัง เขาจัดงานแถลงข่าวเล็ก ๆ โดยมี อีวา เคียงข้าง และเปิดเผยถึงการมีอยู่ของ กองทุนแอนนา แบล็กเวลล์ดีแลน "มรดกนี้ไม่ได้เป็นของผม แต่เป็นของโลกใบนี้ มารดาของผมได้ทิ้งมันไว้เพื่อการไถ่บาปที่แท้จริง... และเพื่อสนับสนุนการวิจัยด้านพลังงานสะอาดและจริยธรรม"
การตัดสินใจของดีแลนในการ มอบทรัพย์สินมหาศาล ให้กับสาธารณชนโดยสมัครใจ ทำให้ โจนาธาน ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป เพราะมูลค่าทางตลาดของทรัพย์สินนั้นกลายเป็น สินทรัพย์เพื่อการกุศล ทันที ทำให้การพยายามแย่งชิงของโจนาธานไร้ความหมาย
ผลลัพธ์ดีแลนไม่เพียงแต่กอบกู้ทรัพย์สิน แต่ยังกอบกู้ เกียรติยศของมารดาที่เคยถูกลูคัสบดบังไว้ และสร้าง มรดกใหม่ที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมให้กับตระกูลแบล็กเวลล์ในปัจจุบัน
ดีแลนและอีวาตัดสินใจผนวกกองทุนนี้เข้ากับมูลนิธิ โดยตั้งชื่อว่า "กองทุนแอนนา แบล็กเวลล์เพื่อความยั่งยืน" เป็นการให้เกียรติแก่ความรักของแอนนา และเป็นการยืนยันว่า ตระกูลแบล็กเวลล์ใหม่จะดำเนินชีวิตด้วยหลักการของความซื่อสัตย์และความยุติธรรมตลอดไป
โนอาห์—การสร้างตัวตน (The Pursuit of Identity) เงาที่ต้องหลีกหนี (The Shadow to Evade)โนอาห์ แบล็กเวลล์ วัย 24 ปี เป็นแฝดคนหนึ่งที่แสดงความสามารถทางธุรกิจและเทคโนโลยีออกมาอย่างโดดเด่นตั้งแต่เด็ก เขามีความเฉียบขาด, มีสัญชาตญาณทางตลาด, และมีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จแบบ ดีแลน แบล็กเวลล์ แต่เป็นดีแลนในเวอร์ชันที่ทันสมัยและเร็วกว่าแต่สิ่งหนึ่งที่ โนอาห์ ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงคือ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ เขามองว่าการทำงานด้านการกุศลเป็นเหมือนการยืนอยู่ใต้ เงา ของความสำเร็จที่พ่อแม่สร้างไว้ โนอาห์ต้องการพิสูจน์ว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จด้วย ชื่อของตัวเอง โดยปราศจากมรดกที่ถูกไถ่บาปเขาได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้าน ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน (AI-Fi)ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โนอาห์สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่ศูนย์ โดยปฏิเสธเงินทุนจากครอบครัวความขัดแย้งภายในความมุ่งมั่นที่จะหลีกหนีจากเงาของพ่อแม่ทำให้ โนอาห์ เริ่มแสดงนิสัยที่คล้ายกับ ลูคัส แบล็กเวลล์ ในอดีต: เขาหมกมุ่นอยู่กับการแข่งขัน, มองว่าการเข้าซื้อกิจการเป็น การทำสงคราม และเชื่อว่า ประสิท
กำแพงแก้วแห่งความคาดหวัง (The Glass Wall of Expectation)อีธาน แบล็กเวลล์ ในวัย 25 ปี เป็นบุตรชายคนโตและเป็นภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของความรักที่ได้รับการไถ่บาปของ ดีแลน และ อีวา เขาสูงสง่า มีความสุภาพอ่อนโยน และมีแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจตามแบบฉบับของมารดา อีวาเขาเป็นผู้บริหารหลักของ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ และเป็นหัวหน้าโครงการยุติธรรมทางสังคม อีธานมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เฉียบคมเหมือนพ่อ แต่เขามักจะ ลังเล ที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายด้วยตัวเอง เพราะความกลัวที่จะทำผิดพลาดอย่างรุนแรงความกลัวของอีธานอีธานไม่ได้กลัวความล้มเหลวทางธุรกิจ แต่เขากลัวที่จะ ทำลายมรดก แห่งความซื่อสัตย์ที่พ่อแม่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของเขาจะถูกตีความว่าเป็น เงาของตระกูลแบล็กเวลล์ ที่กลับมาหลอกหลอน ด้วยเหตุนี้ ชีวิตส่วนตัวของเขาจึงถูก แช่แข็ง ไว้ เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่เคยไปเที่ยวคลับ ไม่เคยทำอะไรที่เสี่ยงต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์เขามองเห็นความรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่เป็นเหมือน งานศิลปะชั้นยอด ที่สมบูรณ์แบบเสียจนเขาไม่กล้าแตะต้องมัน จุดเริ่มต
สิบแปดปี ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีธาน, โนอาห์, และลินน์ แบล็กเวลล์ เติบโตขึ้นภายใต้แสงสว่างของ โรงเรียนกุหลาบขาว และหลักการของ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ พวกเขาคือภาพสะท้อนของความรักที่ได้รับการไถ่บาปของ ดีแลน และ อีวาแต่ความสมบูรณ์แบบที่พ่อแม่สร้างขึ้นกลับกลายเป็น กำแพง และ ความคาดหวัง ที่หนักอึ้งสำหรับคนรุ่นใหม่อีธาน (วัย 25 ปี) แบกรับภาระทางจริยธรรมของมูลนิธิ โนอาห์ (วัย 24 ปี) ใช้ความสามารถทางธุรกิจเพื่อสร้างชื่อเสียงของตัวเองให้ห่างจากเงาของพ่อแม่ และ ลินน์ (วัย 24 ปี) ค้นหาตัวตนที่แท้จริงในโลกของศิลปะเมื่อ ความลับจากอดีต ที่ถูกเก็บงำไว้ในยุคลูคัสถูกเปิดเผยอีกครั้ง และมี ตัวละครใหม่ ที่นำพาความเสี่ยงและความรักเข้ามาในชีวิตของพวกเขา ลูก ๆ ของดีแลนและอีวาจะต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถสร้างความรักในแบบของตัวเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยการไถ่บาปของคนรุ่นก่อน
โครงการสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ หลังจากผ่านพ้นความท้าทายทางกฎหมาย จริยธรรม และความท้าทายในครอบครัว ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา ก็ตัดสินใจที่จะใช้เงินทุนทั้งหมดจาก กองทุนแอนนา แบล็กเวลล์เพื่อความยั่งยืนและทรัพย์สินส่วนตัวที่เหลือของดีแลนในการสร้างโครงการที่สำคัญที่สุด นั่นคือ "โรงเรียนกุหลาบขาว"โรงเรียนนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาคารเรียน แต่เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ไม่แสวงหาผลกำไรสำหรับเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการถูกชักจูงให้ทำผิดกฎหมายหรือขาดการชี้นำทางจริยธรรมปรัชญาของโรงเรียนโรงเรียนกุหลาบขาวจะเน้นการศึกษาที่ครอบคลุมสี่ด้านหลัก จริยธรรมและการไถ่บาปสอนความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ และการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ศิลปะและการบำบัด ใช้ดนตรี ศิลปะ และการเขียนเป็นเครื่องมือในการเยียวยาบาดแผลทางอารมณ์ ความยั่งยืน การสอนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อโลก (จากกองทุนแอนนา) ความรู้ทางธุรกิจที่รับผิดชอบ การสอนพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการเงินภายใต้หลักการความยุติธรร การมีส่วนร่วมของลูก ๆ (The Children's Contribution)การสร้างโ
เสียงกระซิบจากโลกภายนอก (Whispers from the Outside World)อีธาน แบล็กเวลล์ในวัยเจ็ดขวบ ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาอีกต่อไป เขาเป็นเด็กชายที่ช่างสังเกต, มีความรู้สึกอ่อนไหว, และมีความคิดที่ซับซ้อนตามแบบฉบับของ อีวา ผู้เป็นแม่ เขากำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนประถมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่มีพื้นเพมาจากครอบครัวชนชั้นสูงที่เคยรู้จักหรือเป็นคู่แข่งทางธุรกิจของตระกูลแบล็กเวลล์ในอดีตแม้ว่า ดีแลนและอีวาจะพยายามปกป้องลูก ๆ จากเงาของอดีต แต่กำแพงของบ้านก็ไม่สามารถกั้นคำพูดของคนภายนอกได้วันหนึ่ง อีธาน กลับมาถึงบ้านจากโรงเรียนด้วยสีหน้าที่เงียบผิดปกติ เขานั่งเล่นอยู่เงียบๆ ในห้องนั่งเล่น โดยมีหนังสือเล่มโปรดอยู่ในมือแต่ไม่ได้เปิดอ่าน ดีแลน สังเกตเห็นความผิดปกตินั้น และรู้ทันทีว่ามีบางอย่างที่รบกวนจิตใจของลูกชายอีธาน รอจนกระทั่ง โนอาห์ และ ลินน์ เข้านอนแล้ว เขาเดินเข้าไปหา ดีแลน ซึ่งกำลังนั่งตรวจเอกสารของมูลนิธิอยู่หน้าเตาผิงอีธาน (พูดด้วยเสียงเบาและสั่นเครือ) "คุณพ่อครับ... วันนี้เพื่อนที่โรงเรียนถาม อีธานว่า... คุณปู่ลูคัส... เป็นคนไม่ดีใช่ไหมครับ?"คำถามนั้นเหมือนเป็นระเบิดเวล
ความท้าทายด้านจริยธรรมในมูลนิธิ (The Ethical Crossroads)หลังจากที่ มูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากการเปิดโปงและจัดการกับมรดกที่ถูกซ่อนไว้ของ แอนนา แบล็กเวลล์ องค์กรก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิทักษ์ความยุติธรรมแต่ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นก็นำมาซึ่งความท้าทายที่ยากจะปฏิเสธ วันหนึ่ง มูลนิธิได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจาก มาร์คัส เคนอดีตซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนรายหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกง และ ปั่นราคาหุ้น ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมากต้องประสบกับความสูญเสียมาร์คัส เคนไม่ได้มาขอความช่วยเหลือเพื่อต่อสู้คดีในศาล แต่มาพร้อมกับ การสารภาพผิดอย่างสมบูรณ์และข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อน: เขาจะ มอบทรัพย์สินส่วนตัวเกือบทั้งหมด (ประมาณ 80% ของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา) คืนให้กับเหยื่อและสังคม โดยมีเงื่อนไขว่ามูลนิธิฯ ต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เขาในการเจรจาโทษกับทางการ ซึ่งรวมถึงการขอโอกาสในการ ไถ่บาป ด้วยการทำงานเพื่อสังคมหลังจากพ้นโทษข้อเสนอของมาร์คัสทำให้บอร์ดบริหารของมูลนิธิและ ดีแลนกับ อีวา ต้องเผชิญกับทางแยกที่ยากลำบากที่สุดนับต







