تسجيل الدخولกรงทองของปีศาจ
การเซ็นสัญญาใต้โต๊ะในวันนั้นคือการที่ อีวา คาร์เตอร์ ยอมจำนนต่อ ดีแลน แบล็กเวลล์ อย่างสมบูรณ์ เธอไม่ได้เซ็นสัญญาเพื่อเงิน แต่เพื่อความปรารถนาสุดท้ายของคุณย่าแคโรไลน์ และเพื่อแก้ไขปมในใจของตัวเอง
สองวันต่อมา อีวาย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์หรูและก้าวเข้าสู่ กรงทอง ของดีแลน คฤหาสน์ส่วนตัวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ห่างจากบ้านเก่าของตระกูลคาร์เตอร์เพียงไม่กี่ร้อยเมตร คฤหาสน์หลังนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของชัยชนะที่เด่นชัดและถาวรของตระกูลแบล็กเวลล์
ชีวิตใหม่ของอีวาเต็มไปด้วยความย้อนแย้ง เธอได้รับความสะดวกสบายเหนือจินตนาการ เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของใช้ทุกอย่างล้วนเป็นแบรนด์เนมชั้นสูง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ถูกกักขังและถูกจำกัดอิสรภาพ เธอไม่มีสิทธิ์ไปทำงาน ไม่มีสิทธิ์พบปะเพื่อนฝูง และถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกนอกเขตบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเป็น 'ของเล่นลับ' ของดีแลน
ความสัมพันธ์ทางกายของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วและ เผ็ดร้อน ดีแลนไม่เคยให้เวลาอีวาได้ปรับตัวหรือทำความคุ้นเคย เขาต้องการที่จะครอบครองเธออย่างสมบูรณ์ตั้งแต่คืนแรก
ดีแลน ใช้ความแค้นที่สั่งสมมานานยี่สิบปีเป็นเชื้อเพลิงในการแสดงความรุนแรงทางอารมณ์และกาย เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่ร่างกายของเธอ แต่ต้องการ ทำลายความแข็งแกร่งทางจิตใจ ที่อีวาเพียรสร้างขึ้นมา
ทุกสัมผัสของดีแลนเต็มไปด้วยความเป็นเจ้าของ ความต้องการที่รุนแรง และการลงโทษ เขาไม่เคยพูดคำหวานหรือแสดงความอ่อนโยน แต่กลับใช้คำพูดที่บาดลึกเพื่อทำร้ายจิตใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ดูตัวเองสิ อีวา” ดีแลนจะกระซิบเสียงต่ำขณะกอดรัดเธอไว้แน่นบนเตียงราคาแพง “วันนี้คุณเป็นแค่ นางบำเรอ ที่ถูกซื้อมาด้วยราคาที่ดินที่ตระกูลของคุณทำพลาดไป คุณภูมิใจในความสง่างามของคุณมากไม่ใช่เหรอ? แต่วันนี้มันก็ถูกฉันทำลายจนหมดสิ้นแล้ว”
เขาปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นทรัพย์สินที่ไม่มีค่า พูดจาดูถูกเหยียดหยามตระกูลคาร์เตอร์ และทุกครั้งที่อีวาพยายามต่อต้านด้วยวาจา ดีแลนจะตอบโต้ด้วยการ จูบที่รุนแรง และ การครอบครอง ที่หนักแน่นยิ่งขึ้น
...
คืนหนึ่ง ณ ห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งด้วยโทนสีเข้มและหรูหรา อีวากำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างมองไปยังทิศทางที่บ้านเก่าของเธอเคยตั้งอยู่ ความคิดถึงคุณย่าและความโกรธที่ถูกจองจำทำให้เธอทนไม่ไหว
“คุณไม่มีหัวใจเลย ดีแลน” อีวาหันไปเผชิญหน้ากับเขา “คุณทำลายทุกสิ่งที่เป็นของเรา และตอนนี้คุณยังใช้ความปรารถนาสุดท้ายของคุณย่ามาเป็นเครื่องมือในการซาดิสม์กับฉัน”
ดีแลนที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเดียวหยุดนิ่ง ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววอันตราย
“ซาดิสม์เหรอ?” ดีแลนเดินเข้าหาอีวาอย่างช้า ๆ ทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยอำนาจ “มันไม่ใช่ซาดิสม์ อีวา แต่มันคือ การชำระแค้น ของตระกูลที่ถูกคุณดูถูกเหยียดหยามมานานหลายสิบปี”
“ตระกูลฉันไม่ได้ทำอะไรกับคุณ! มันเป็นเรื่องของพ่อคุณ!” อีวาตอบโต้ด้วยความโกรธ
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือของดีแลนตวัดลงบนแก้มของอีวาอย่างรุนแรงจนใบหน้าเธอหันไปตามแรงตบ รสชาติเลือดฝาดพุ่งขึ้นมาในปากของเธอ
“อย่าพูดถึงพ่อฉันด้วยน้ำเสียงแบบนั้น! ตระกูลคาร์เตอร์คือ ความสกปรก ที่ฉันต้องทำความสะอาด และเธอคือ เศษขยะ ที่ฉันจะเก็บไว้เล่นจนกว่าจะเบื่อ!”
อีวากุมแก้มที่ร้อนผ่าวด้วยความตกใจและเจ็บปวด เธอมองดีแลนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาและความเกลียดชังอย่างสุดขั้ว แต่ดีแลนกลับไม่แยแส เขาคว้าเธอเข้ามากอดรัดอย่างรุนแรงทันที
"และนี่คือการลงโทษสำหรับความดื้อรั้นของเธอ!"
ดีแลนบดขยี้ริมฝีปากของอีวาอย่างป่าเถื่อนอีกครั้ง จูบ ของเขาในครั้งนี้ไม่ได้แค่รุนแรง แต่มันเต็มไปด้วยความต้องการที่บ้าคลั่ง เขากระแทกอารมณ์ทั้งหมดของความแค้น ความโกรธ และความปรารถนาลงไปในจูบเดียว
อีวาต่อต้านอย่างสิ้นหวัง เธอทุบ ตี จิกข่วนลงบนแผ่นหลังของเขา แต่ดีแลนไม่สะทกสะท้าน เขายกตัวเธอขึ้นจากพื้น กดร่างของเธอให้แนบชิดกับกระจกหน้าต่าง
บทตบจูบ นี้ดำเนินไปอย่างยาวนาน จูบที่เต็มไปด้วยแรงแค้นกลายเป็น เพลิงปรารถนา ที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งคู่จมดิ่งลงสู่ความสัมพันธ์ที่บิดเบือนซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความใคร่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เมื่อดีแลนผละออกไป อีวาแทบจะยืนไม่ไหว เธอถูกครอบงำด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความอัปยศอดสูและ ความหวั่นไหว ที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ ร่างกายของเธอตอบสนองต่อผู้ชายที่เกลียดชังเธออย่างที่สุด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับ ดีแลน ไม่ใช่การกระทำที่รุนแรงของเขา แต่คือ ความรู้สึกรักใคร่ และ เสน่หา ที่ก่อตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งในจิตใจของเขาเอง
ดีแลนพยายามย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าอีวาคือ 'เหยื่อ' คือ 'ตัวแทน' ของความแค้น เขาควรจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้ทำลายเธอ แต่ในความเป็นจริง
เขาเริ่มหลงใหลในความแข็งแกร่งของเธอ ทุกครั้งที่เขาทำร้ายเธอทางวาจา อีวาจะตอบโต้ด้วยดวงตาที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ นั่นยิ่งทำให้ดีแลนอยากจะ 'ทำลาย' ความมาดมั่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยิ่งหลงใหลในจิตวิญญาณนักสู้ของเธอ
เขาติดในเสน่ห์ทางกาย รูปลักษณ์ที่งดงามของอีวาไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเขาลดลง แต่กลับทำให้เขาเสพติดสัมผัสของเธออย่างหนัก ทุกค่ำคืนที่เขากอดรัดเธอไว้ เขาจะพบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกถึงความแค้นอีกต่อไป แต่รู้สึกถึงความต้องการที่จะ ปกป้อง และ ครอบครอง เธอไว้ตลอดไป
ความสับสนที่บิดเบือน ดีแลนเริ่มสับสนระหว่างความเกลียดชังกับความรัก เขามักจะนอนกอดอีวาแน่นหลังจากการเผชิญหน้าที่ดุเดือด โดยใช้คำพูดที่โหดร้ายเพื่อปฏิเสธความรู้สึกรักใคร่ที่ก่อตัวขึ้น
“ฉันเกลียดเธอ อีวา คาร์เตอร์... เกลียดทุกอย่างที่เป็นของเธอ...” ดีแลนเคยกระซิบข้างหูของเธอในยามเช้ามืด “แต่ฉันจะให้เธออยู่กับฉัน... จนกว่าฉันจะเบื่อการแก้แค้นนี้”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างรุนแรง เกลียดแต่กอด... ลงโทษแต่หวงแหน...
สำหรับอีวา เธอใช้ความเกลียดชังที่มีต่อดีแลนเป็นเกราะกำบังหัวใจ เธอจำคำพูดของคุณย่าได้ดี และนั่นคือเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอทนอยู่ในกรงทองนี้ได้
เธอตระหนักว่าร่างกายของเธอเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่รุนแรงของดีแลน และเริ่มแยกแยะความรู้สึกทางกายกับความรู้สึกทางใจได้
เขาอาจจะครอบครองร่างกายฉันได้... แต่เขาจะไม่มีวันครอบครองหัวใจฉันได้
อีวาเริ่มใช้เสน่ห์และความงามของเธอเป็น อาวุธ เธอรู้ว่าดีแลนเริ่มอ่อนไหวต่อเธอในแบบที่เขาไม่เคยยอมรับ เธอจึงเริ่มตอบโต้เขาด้วยความเยือกเย็นและความเมินเฉยทางอารมณ์ ยิ่งเขาแสดงความรุนแรงทางอารมณ์มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งแสดงความไร้อารมณ์มากขึ้นเท่านั้น
นี่ไม่ใช่แค่เกมแค้นของดีแลน แต่กลายเป็น เกมเอาชนะทางจิตใจ ของอีวา เธอจะต้องอยู่รอดในกรงทองนี้เป็นเวลาหนึ่งปี และต้องทำให้ดีแลนยอมขายที่ดินให้ได้ แม้จะต้องแลกมาด้วยศักดิ์ศรีของเธอเอง
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยไฟแค้นจึงค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงรักที่ร้อนแรงและอันตราย ที่กำลังเผาผลาญหัวใจของทั้งปีศาจและนา
งฟ้าไปพร้อม ๆ กัน
---
(พระเอกดีแลน ของไร้ต์ เลวได้ใจ จริงๆค่ะ ..😅😅)
บทเสริม: ความท้าทายใหม่—การเป็นผู้นำด้านศีลธรรม การกลับเข้าสู่สาธารณะชนในฐานะผู้ไถ่บาปหลายปีหลังจากที่ ดีแลน แบล็กเวลล์ยุติสงครามกับบิดาและทิ้งอาณาจักรธุรกิจของเขาไป เขาก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฐานะคุณพ่อและผู้บริหารมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาในฐานะอดีตซีอีโอที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อความถูกต้องและภรรยาของเขา ก็ยังคงดึงดูดความสนใจจากโลกภายนอกอยู่เสมอมูลนิธิคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรการกุศล แต่กลายเป็น สถาบันทางความคิด ด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ดีแลนและอีวาเริ่มได้รับคำเชิญให้ไปพูดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะจากสถาบันการศึกษาและกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ดีแลนตัดสินใจที่จะกลับเข้าสู่สาธารณชนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่เพื่อ มอบบทเรียนที่เขาได้รับมาจากการไถ่บาปของเขา ปาฐกถาที่มหาวิทยาลัย: บทเรียนจากความมืดมิด วันหนึ่ง ดีแลนได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ ซึ่งเป็นสถาบันที่เขาเคยบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อล้างภาพลักษณ์ของตระกูลในอดีต แต่คราวนี้เขามาในฐานะ วิทยากรที่มีความซื่อสัตย์เมื่อดีแลนยืนอยู่บนเวที ห้องประชุมเต็มไปด้วยนักศึกษาและนักธุรกิจที่ต่างจ
บทเสริม: ช่วงเวลาแห่งแสงแดด—ฤดูหนาวในบ้านที่อบอุ่น พลังงานของฤดูหนาว (The Winter Solace)เป็นช่วงกลางฤดูหนาวในคฤหาสน์บนเนินเขาหลังใหม่ของครอบครัวแบล็กเวลล์ แม้ภายนอกจะปกคลุมด้วยความเย็นยะเยือก แต่ภายในบ้านกลับอบอวลไปด้วยไออุ่นจากเตาผิงและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตร้อนที่ อีวา กำลังเตรียมอยู่ลูก ๆ ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกิจกรรมของตนเองในห้องนั่งเล่น:อีธาน (วัยเจ็ดขวบ) นั่งอยู่บนพรมหน้าเตาผิง เขากำลังพยายามสานผ้าพันคอสีเข้มให้กับ ดีแลนโดยมีสมาธิอย่างสูง ตามแบบฉบับของเขาที่ชอบทำงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนโนอาห์ (วัยหกขวบ) ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ กำลังก่อสร้างป้อมปราการขนาดใหญ่จากหมอนอิงและผ้าห่มกลางห้อง เขามักจะอธิบายถึงโครงสร้างของป้อมปราการอย่างละเอียดด้วยศัพท์ทางวิศวกรรมที่เขาไปค้นคว้ามาลินน์(วัยหกขวบ) ผู้มีจิตใจอ่อนโยนและจินตนาการกว้างไกล กำลังนั่งวาดรูปครอบครัวอยู่บนโต๊ะกาแฟ เธอวาดกุหลาบขาวดอกใหญ่ไว้ที่มุมหนึ่งของภาพเสมอดีแลน กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เก่า ๆ (เขาไม่สนใจข่าวสารทางธุรกิจอีกต่อไป) แต่ดวงตาของเขากลับมองเลยขอบกระดาษเพื่อเฝ้าดูลูก ๆ ของเขาอย่างเงียบ ๆอีว
บทเสริม: การเดินทางเพื่อรำลึก—การกลับไปสู่จุดเริ่มต้น วันครบรอบ การเดินทางที่ไม่ใช่การหนีเจ็ดปีผ่านไปนับตั้งแต่ ดีแลน แบล็กเวลล์ และ อีวา คาร์เตอร์ เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของพวกเขา และครบรอบห้าปีนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์ และ ลินน์ ชีวิตของพวกเขาถูกเติมเต็มด้วยความสุขสงบ และการเติบโตของลูก ๆ ทั้งสามปีนี้ในวันครบรอบ ดีแลนและอีวาตัดสินใจที่จะเดินทางไปพักผ่อนเพียงลำพัง โดยฝาก อีธาน, โนอาห์, และ ลินน์ ไว้กับพี่เลี้ยงที่ไว้ใจได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนทั่วไป แต่เป็นการเดินทางเพื่อ รำลึกถึงจุดเริ่มต้น ของพวกเขาจุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ ที่ดินเก่าของตระกูลคาร์เตอร์ ที่ตอนนี้ถูกพัฒนาเป็น ศูนย์การเรียนรู้และยุติธรรมสำหรับเยาวชน ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ ที่ดินนี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นของความแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดของพวกเขาการเดินทางที่เงียบสงบดีแลนขับรถไปอย่างช้า ๆ มือของเขากุมมือของอีวาไว้ตลอดทาง พวกเขาสื่อสารกันด้วยความเงียบมากกว่าคำพูด ความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและซาบซึ้งในเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมาอีวา: "คุณยังจำได้ไหมคะ ดีแลน วันที่คุณ
บทเสริม: การเติบโต—ปีที่สี่ของแบล็กเวลล์น้อยความวุ่นวายที่มีระเบียบ (Structured Chaos)สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การกำเนิดของลูกแฝด โนอาห์และ ลินน์ บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ไม่ได้เป็นเพียงบ้านที่อบอุ่นอีกต่อไป แต่เป็นศูนย์กลางของพลังงานที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีธานตอนนี้อายุห้าขวบ เป็นพี่ชายที่รักน้องและเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของพ่อแม่ ส่วน โนอาห์และ ลินน์ แฝดสี่ขวบ กำลังอยู่ในช่วงของการค้นพบโลกและเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สิ้นสุดดีแลนผู้ที่เคยเป็นซีอีโอที่เคร่งครัด ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นคุณพ่อที่อดทนและมีไหวพริบ เขาใช้หลักการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่เขาเคยใช้ในบริษัทมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกได้อย่างน่าประหลาดใจในห้องครัวที่เต็มไปด้วยแสงแดด ดีแลน กำลังพยายามทำอาหารเช้าสามอย่างพร้อมกัน (โจ๊กสำหรับอีธาน, แพนเค้กสำหรับโนอาห์, และผลไม้สำหรับลินน์) ในขณะที่ต้องตอบคำถามที่ซับซ้อน:โนอาห์ "คุณพ่อคะ ทำไมพระอาทิตย์ต้องไปนอนด้วยคะ? โนอาห์ไม่เคยไปนอนตอนเที่ยงวันเลย!"ดีแลน"เพราะพระอาทิตย์ต้องให้ดวงจันทร์ได้ทำงานบ้างครับ ลูกชาย มันเหมือนกับการแบ่งปันหน้าที่กันในครอบครัวไงครับ"ลินน์(นั่งวาดรูปอยู่บนเก้า
เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคในการสร้างข้อความ ความสุขที่สมบูรณ์แบบของครอบครัว (The Complete Joy) ยามเช้าในบ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์: วงจรชีวิตใหม่บ้านคาร์เตอร์-แบล็กเวลล์ในช่วงเช้าไม่ได้เงียบสงบอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยพลังงานที่วุ่นวายและเสียงหัวเราะ ดีแลน ตื่นก่อนใครเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เพื่ออ่านรายงานการเงิน แต่เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิห้อง, เตรียมขวดนมสองขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แบบ, และเตรียมชาขิงให้กับ อีวาเมื่อลูกแฝด โนอาห์ (มักจะตื่นก่อนและมีเสียงดัง) และ ลินน์ (มักจะตื่นทีหลังและร้องเบา ๆ) เริ่มส่งเสียงร้องขออาหารเช้าจากห้องทารก อีธาน ลูกชายคนโตวัยสามขวบก็จะวิ่งลงจากเตียงและตรงมาที่ห้องพ่อแม่เพื่อขอให้ ดีแลน อุ้มเขาไปดูน้อง ๆดีแลน ที่เคยรังเกียจความวุ่นวายและสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้กลับโอบกอดความโกลาหลนี้ไว้ด้วยความสุขเต็มเปี่ยม เขาสามารถอุ้ม อีธาน ไว้ที่สะโพกข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างผสมนมผงสำหรับแฝดได้อย่างชำนาญการทำงานเป็นทีมที่ไร้ที่ติอีวา ที่ออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จะเดินตรงไปหา ลินน์ ทันที ขณะที่ดีแลนจัดการกับ โนอาห์ ที่เริ่มส่งเสียงเรียกร้องอย่าง
ความทรงจำของลูคัสและจุดจบของยุคสมัย ความเงียบเหงาที่ถูกควบคุม (The Controlled Solitude)หลังจากที่ ลูคัส แบล็กเวลล์ยอมลงนามในสัญญาการยอมรับความผิด เขาถูกย้ายไปยังสถานที่ดูแลส่วนตัวที่ห่างไกลออกไปภายใต้ข้อตกลงลับกับดีแลน ที่ซึ่งเขายังคงได้รับการดูแลทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่เคยมี แต่เขาถูกตัดขาดจากการควบคุมโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงสถานที่นั้นเป็นคฤหาสน์ขนาดเล็กตั้งอยู่บนเนินเขาที่เงียบสงบ แต่สำหรับลูคัส มันคือ คุกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีผู้บริหารคนใดมาเข้าพบ มีเพียงพยาบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกจ้างโดยดีแลนเท่านั้นการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าตลอดชีวิตของลูคัส เขาเคยชินกับการกรอกเวลาทุกวินาทีด้วยการวางแผน การบงการ และการแสวงหาอำนาจ แต่ตอนนี้... เวลาว่างเปล่า ได้กัดกินเขาอย่างช้า ๆเขานั่งอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือที่ไม่เคยเปิดอ่าน มองออกไปนอกหน้าต่างที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ความงามเหล่านั้นไม่ได้สร้างความหมายใด ๆ ให้กับเขาเลย“ฉันทำอะไรลงไป?” ลูคัสคิดในใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่ใช่การเสียดายที่สูญเสียธุรกิจ







