หงหลินซินแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเองแม้ว่าตอนที่เปลี่ยนชุดสาวใช้จะเตรียมชุดที่ค่อนข้างจะถอดง่ายเอาไว้ให้นางแต่นางมีเสื้อคลุมอีกหนึ่งชั้นจึงไม่ได้แปลกใจอะไรแต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะให้นางถอดออก แม้ว่าจะมีกระโจมม่านขาวทึบกั้นอยู่ก็ตาม
“แต่ว่า..”
“ท่านหญิงไม่ต้องห่วงข้าขอเอาเกียรติของลูกผู้ชายรับประกันว่าจะไม่มีทางทำให้ท่านเสื่อมเสียเกียรติเป็นอันขาด และช่วงทำพิธีจะมีเพียงสาวใช้สองคนเท่านั้นที่อยู่ด้านในกับท่าน”
จินอวี้หานมองนางเพื่อให้นางมั่นใจซึ่งหงหลินซินแม้ว่าจะกลัวแต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง อย่างน้อยด้านในก็ยังมีสาวใช้อีกสองคนที่อยู่กับนางอีกทั้งด้านนอกยังมีจินอวี้หานซึ่งนางรู้สึกไว้วางใจเขาได้ตั้งแต่ที่เขาพานางกลับขึ้นเขามายังอารามก่อนที่คนของวังหลวงจะเข้ามา
“ก็ได้ แต่ว่าราชครูจิน แค่ครั้งเดียวใช่หรือไม่”
“คือว่าเรื่องนี้…”
“ช่างเถอะ รีบทำจะได้รีบจบพิธีเร็ว ๆ”
หลินซินเดินเข้าไปในกระโจมพร้อมกับเสียงถอดชุด แม้ว่าจะมีกระโจมกั้นแต่จินอวี้หานกลับพบว่ามันยากเหลือเกินที่จะทำใจมิให้ได้ยินเสียงถอดชุดที่อยู่ด้านในได้ อีกทั้งคนข้างในที่ไม่ส่งเสียงทำให้จิตใจของราชครูหนุ่มพลันคิดและจินตนาการไปจนเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้
“ข้าพร้อมแล้ว”
เสียงของนางปลุกเขาให้กลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะรีบหันไปมองท่านโหรที่นั่งหันหลังให้เขาเพื่อเริ่มพิธี
“ท่านโหร เริ่มพิธีได้แล้ว”
ระหว่างที่โหรหลวงเริ่มสวดทำพิธี ถังน้ำถังแรกก็ถูกเทลงไปที่ศีรษะของนาง แม้ว่าน้ำนั้นจะอุ่นแต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มทำให้ร่างบางของนางเริ่มหนาวสั่นกายสะท้านอีกครั้ง และน้ำถังที่สองที่ราดลงมาพร้อมกับโหรที่ทำพิธีจนเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องไปทันทีเพื่อให้สาวใช้ด้านในสวมชุดให้นาง
“ท่านหญิง เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
“ขะ ข้า… ข้า…”
“ท่านหญิง!!” / ราชครูจิน
“ไม่.. ไม่เป็นไรราชครูจินข้าแค่หมดแรง รีบเอาชุดมาให้ข้าเร็วเข้า”
สาวใช้รีบนำชุดมาสวมให้ท่านหญิงที่ยืนสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อออกมาจากถังน้ำศักดิ์สิทธิ์นางก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงที่จะเดิน เมื่อกระโจมเปิดออกมา สีหน้าของนางที่ซีดเผือดก็ทำให้จินอวี้หานถึงกับตกใจ
“ท่านหญิง! ท่านยังเดินไหวอยู่หรือไม่”
“ข้า… ข้าหนาว…ข้า”
“พวกเจ้ารีบไปเตรียมเตาอุ่นและผ้าห่มให้ท่านหญิง รีบไป”
""เจ้าค่ะ""
จินอวี้หานรวบตัวนางขึ้นมาอุ้ม เขาสัมผัสได้ว่านางสั่นไปทั้งตัวเพราะจื่อรุ่ยพึ่งบอกเขาว่านางเป็นโรคกลัวความหนาวที่สุด หากถูกน้ำเย็นร่างกายจะทรุดลงทันที
“พวกเจ้ารีบไปสั่งให้เนี่ยถงต้มยาที่ท่านหญิงดื่มเป็นประจำมาแล้วเอาตามไปที่ห้องนอนของท่านหญิง”
“ขอรับ”
ทหารรักษาการณ์รีบวิ่งออกไปทันที อวี้หานอุ้มนางที่ปากสั่นจนขยับไม่ได้และพาเดินออกจากห้องโถงพิธีกลับไปยังตำหนักดอกเหมยซึ่งยังมีซานหวนชิงนั่งคุกเข่าอยู่ เมื่อนางเห็นว่าราชครูอุ้มท่านหญิงที่สวมเพียงชุดคลุมสีขาวและมีผ้าคลุมก็ทำให้นางรู้สึกริษยาขึ้นมา
“นอกจากจะปากเก่งแล้วยังยั่วผู้ชายเก่งเสียด้วย กล้ายั่วยวนท่านราชครูจินเชียวหรือ เจ้าก็แค่ท่านหญิงตัวซวยมีสิทธิ์อันใดให้ท่านราชครูต้องดูแลถึงเพียงนั้น”
“ซานหวนชิง ท่านราชครูสั่งให้เจ้าลุกขึ้นได้”
“หึ ก็แค่นั้นแหละ”
จื่อรุ่ยใช้ดาบกั้นเพราะเห็นว่านางจะเดินเข้าไปที่เรือนดอกเหมย
“ไม่มีคำสั่งท่านราชครูห้ามเจ้าเข้าออกหรือไปก้าวก่ายด้านใน”
“แต่ว่าข้าได้รับคำสั่ง...”
“ฝ่าบาทสั่งให้ท่านราชครูดูแลท่านหญิง เจ้าคงรู้นะว่าทำตัวเช่นไร อีกอย่างท่านราชครูสั่งให้เจ้าคัดลอกกฎมารยาทสตรีที่พึงกระทำมาสองร้อยจบ หากคัดไม่เสร็จอย่าได้ออกมา ที่พักของพวกเจ้าอยู่เรือนสาวใช้ด้านหลัง เชิญข้าหลวงซาน”
“อะไรนะ! เหตุใด..”
“ท่านราชครูฝากบอกเจ้าว่าครั้งนี้เห็นแก่หน้าฮองเฮา แต่ครั้งต่อไปจะไม่ปรานีเช่นนี้อีกหากเจ้ายังกล้าก้าวก่ายการทำงานของท่านราชครู คงรู้จุดจบดีนะ”
จื่อรุ่ยยื่นหนังสือให้ซานหวนชิงซึ่งเป็นหนังสือสอนมารยาทสตรีก่อนจะเดินจากไปเพื่อเฝ้าอยู่หน้าเรือนดอกเหมยตามคำสั่ง จินอวี้หานอุ้มท่านหญิงมาถึงเตียงก็รีบห่มผ้าให้นางหนาขึ้น
“ยาต้มมาหรือยัง จื่อรุ่ยเจ้ารีบไปดูสิ”
“ขอรับ”
เขาไม่คิดว่านางจะเป็นโรคกลัวความหนาวหนักขนาดนี้ แม้ว่าจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องนี้อยู่ในรายงานที่ส่งมาพร้อมกับนางเขาจึงไม่ทราบมาก่อน
“ท่านหญิง ท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง”
“หนาว ท่านแม่อย่าทิ้งข้าไป ท่านแม่… ข้าหนาว”
เขาขยับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางจนแน่นแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้นางดีขึ้น
“กอด ท่านแม่กอดข้าหน่อย ท่านแม่ กอด…”
อวี้หานทำตัวไม่ถูกเมื่อด้านนอกยังไม่มีทีท่าว่าจะมีผู้ใดมาถึง ยาเองก็พึ่งจะต้มซึ่งน่าจะใช้เวลานานเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำในสิ่งที่สามารถช่วยนางได้
“ท่านหญิง ข้าคงต้องล่วงเกินท่านแล้ว”
เขาค่อย ๆ ทาบกายลงมาทาบและกอดนางเอาไว้ แม้จะมีผ้าห่มหนากั้นแต่แก้มเย็น ๆ ของนางก็อยู่ใกล้กับจมูกของเขาเพียงนิดเดียว กลิ่นกายสตรีที่หอมอ่อน ๆ ลอยมายิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกทั้งภาพที่เขาจินตนาการเมื่อครู่ก็พลันผุดขึ้นมาในตอนนี้ที่เขากำลังกอดนางเอาไว้
“บ้าเอ๊ย! พอเสียทีอย่าคิดอะไรบ้า ๆ นะ”
“จินอวี้หาน… ท่าน...เก่งยิ่งนัก”
เขารีบหันไปเพราะคิดว่านางได้สติแต่นางยังหลับตาอยู่ ท่านหญิงเพียงแค่ละเมอเรียกชื่อเขาเท่านั้น แต่ร่างกายนางเริ่มนิ่งลงแล้วหลังจากที่เขาทาบกายทับนางอีกครั้ง ริมฝีปากของนางกลับหันมาชนแก้มของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“อื้อ…หนาว”
เสียงกระซิบนั้นทำให้บางอย่างในกายหนุ่มเช่นเขาตื่นจนต้องรีบลุกขึ้นมาก่อนจะเผลอตัวล่วงเกินนางเข้า ตอนนี้ท่านหญิงนอนนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ราชครูหนุ่มรีบถอยออกมาจากเตียงราวกับนางคือสิ่งที่อันตรายที่สุดที่เขาเคยพบ ก่อนเสียงเคาะประตูจะดังขึ้นจนเรียกสติเขากลับมากอีกครั้ง
“ท่านราชครู ยาต้มเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
จินอวี้หานรีบเดินมาเปิดประตูในทันทีพร้อมกับพยายามปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุด เมื่อเปิดไปพบกับจื่อรุ่ยและเนี่ยถงที่ยืนถือถาดยาอยู่เขาก็รีบสั่งทันที
“ผมของท่านหญิงยังไม่แห้ง ฝากเจ้าเช็ดให้นางด้วยอีกอย่างนางยังไม่ฟื้นอย่าพึ่งปลุกนาง อีกสักพักข้าจะสั่งให้คนนำเตาอุ่นมาเพิ่มให้”
“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้เจ้าค่ะ เพียงแค่ท่านหญิงดื่มยาถ้วยนี้อาการก็จะดีขึ้นไม่ต้องเพิ่มเตาแล้วก็ได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ดูแลนางให้ดี หากว่าต้องการสิ่งใดเพิ่มก็รีบให้คนไปแจ้งกับข้าหรือไม่ก็จื่อรุ่ย”
“ขอบคุณท่านราชครู”
จินอวี้หานรู้สึกหายใจโล่งขึ้นเมื่อออกมาจากห้องของนางได้ เขาแทบจะจำไม่ได้เลยว่าจื่อรุ่ยพูดอะไรกับเขาบ้าง จำไม่ได้แม้แต่ว่าเดินกลับมาถึงเรือนพักของตนเองได้เช่นไร แม้แต่ทหารที่นำเรื่องของซานหวนชิงมาแจ้งเขาก็แค่พยักหน้าให้และโบกมือให้ทหารออกไปอย่างใจลอย
“คุณชาย”
“ว่าอย่างไร”
“คนของฮองเฮามาเพิ่มอีกสี่คนเห็นทีว่าเรื่องที่ท่านสั่งลงโทษซานหวนชิงจะถึงวังหลวงแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าซ่อนอยู่หลังม่านมาตั้งนาน แค่การมาของท่านหญิงหงเพียงคนเดียวกลับทำให้นางร้อนรุ่มได้ถึงเพียงนี้ ดูท่าว่าบุตรีท่านอ๋องคงจะไปสะกิดแผลเก่าของนางเข้าสินะ”
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ