“คุณชาย ท่านหมายถึงหงชิงอ๋องบิดาของท่านหญิงหรือขอรับ”
“เจ้าสั่งให้คนคุ้มกันรอบเรือนพักท่านหญิงเพิ่ม อย่าให้พวกนางที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปที่นั่นได้”
“ขอรับ”
ห้องนอนหงหลินซิน
“คุณหนูท่านตื่นแล้ว”
“เนี่ยถงนี่ข้าหลับไปหรือ”
“เจ้าค่ะ ท่านราชครูอุ้มท่านกลับมาหลังจากทำพิธีเสร็จแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าท่านแพ้ความหนาวนะเจ้าคะ”
“ดีแล้วข้าเองก็ไม่อยากให้ผู้ใดรู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อตอนบ่ายวันนี้ ฮองเฮาส่งคนของนางมาที่นี่”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะองครักษ์ของท่านราชครูจินบอกข้าให้ระวังตัวเอาไว้แล้ว”
“อืม เอายามาเถอะ”
“นี่เจ้าค่ะข้าไปอุ่นมาให้ท่านแล้วดื่มตอนร้อน ๆ จะได้หายเร็ว ๆ”
หลินซินรับยามาและดื่มพรวดเดียวหมด นางค่อย ๆ รวบรวมความคิดบางอย่างและหันไปมองสาวใช้ที่กำลังใช้เตาถ่านค่อย ๆ รีดไปที่เตียงของนางอีกครั้งเพื่อทำการอุ่นเตียง
“เนี่ยถงเจ้ากลับมาได้อย่างไรงั้นหรือ”
“ตอนที่ข้าออกมาจากหอฉินหลันก็ได้ยินเสียงพลุเจ้าค่ะ ไม่นานองครักษ์ของท่านราชครูก็มาพาตัวข้ากลับมาที่อาราม แต่พวกเขารอให้คนที่มาจากวังหลวงเข้ามาก่อนถึงได้ให้ข้าเข้ามา และกำชับว่าอย่าได้ให้ผู้ใดที่มาจากวังหลวงทราบว่าท่านออกไปจากอารามเจ้าค่ะ”
“ราชครูจินรอบคอบมาก เขาจัดการทุกอย่างได้รวดเร็วมากจริง ๆ”
“คุณหนูแล้วท่านกลับมาอย่างไรหรือเจ้าคะ ตอนที่ข้ามาถึงคนของวังหลวงขึ้นบันไดหน้าอารามไปกว่าครึ่งทางแล้วข้าคิดว่าท่านกับท่านราชครูจะมาทันได้เช่นไร”
“คือเรื่องนี้…”
เมื่อหวนกลับไปนึกถึงเรื่องที่นางนั่งบนหลังม้าตัวเดียวกับจินอวี้หานมาจนถึงอาราม ตอนที่เขาจับนางพาดบ่าและวิ่งขึ้นเขาก่อนที่คนของวังหลวงจะมาถึงอย่างหวุดหวิด อีกทั้งสั่งสาวใช้ให้เปลี่ยนชุดในอย่างรวดเร็วนั่นใบหน้าก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง
“คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ หน้าท่านแดงมากเลย”
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ท่านราชครูพาข้าเข้ามาทางด้านหลังอารามก็เลยไม่พบพวกเขา”
“เช่นนี้นี่เอง”
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านนอก
“ใครกันมาเวลานี้”
“ท่านหญิงข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านเล็กน้อย”
“คุณหนู ราชครูจินเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ! เขาหรือ”
หลินซินรู้สึกตื่นเต้นเมื่อทราบว่าผู้ใดที่มาเคาะประตูอีกทั้งตอนนี้หัวใจนางก็เริ่มเต้นรัวไม่หยุดก่อนที่จะหาเสื้อคลุมสองสามชั้นมาสวมและเดินออกไปพบเขา
“ราชครูจิน ท่านมีเรื่องอะไรจะคุยกับข้างั้นหรือ”
อวี้หานเมื่อหันมามองเห็นใบหน้าที่แดงจัดแต่ปากของนางยังคงซีดอยู่ก็รู้สึกว่านางแปลก ๆ ไป
“ท่านหญิง ท่านไม่สบายหรือเปล่าเหตุใดท่าน… จึงหน้าแดงเช่นนี้”
“ขะ ข้า… เปล่า ๆ ไม่มีอะไรเชิญท่านนั่งลงก่อน เนี่ยถงเจ้าไปเตรียมน้ำชา”
“ไม่ต้องหรอก ข้ากินดื่มมาแล้วเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เอ่อ… เจ้าค่ะ”
แม้หลินซินจะอยากเรียกสาวใช้เอาไว้แต่ที่นี่คำสั่งราชครูจินเป็นใหญ่ดังนั้นนางจึงทำได้แค่นั่งเฉย ๆ
“ท่านมีสิ่งใดก็รีบพูดเถอะนี่ก็ดึกแล้วท่านไม่หนาวหรือ”
“ท่านหญิงข้าจะจะถามแบบไม่อ้อมค้อม เหตุใดท่านป่วยเป็นโรคแพ้ความหนาวแต่จงใจปกปิด ท่านก็เห็นรายละเอียดของพิธีกรรมทุกอย่างแล้วแต่ไม่แจ้งข้า ร่างกายของท่านสูงส่งหากเกิดเป็นอะไรขึ้นมาข้าและใต้เท้าคนอื่น ๆ จะรับผิดชอบไม่ไหวนะขอรับ”
“ที่ท่านมา ก็เพื่อจะตำหนิข้าเรื่องนี้หรอกหรือ”
“ข้ามิได้ตำหนิ ข้าแค่เป็นห่วงท่าน!!”
สีหน้าที่จริงจังกึ่งหงุดหงิดของเขาทำให้หลินซินทำตัวไม่ถูก แม้ว่าเขาจะพูดเพียงแค่พลั้งปากออกมาเพราะหน้าที่ แต่นางกลับรู้สึกร้อนวูบวาบจนไม่กล้ามองหน้าเขา จินอวี้หานเองก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดถึงเพียงนี้เวลาที่จะต้องพูดเรื่องแบบนี้กับนาง
“คือข้า… ข้าก็”
“ข้ารู้ว่าท่านรับคำสั่งของฝ่าบาทมาเพื่อปกป้องข้า อีกอย่างการที่ฮองเฮาส่งคนของตัวเองมาเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการมาจับผิดท่าน เรื่องก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่าเป็นเช่นไรแต่จากนี้ไปข้ารับปากท่านว่าจะไม่ทำแบบวันนี้อีกท่านไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณท่านหญิงที่เข้าใจ”
“ข้าเป็นโรคกลัวความหนาวมาตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้มีท่านพ่อกับเนี่ยถงที่ทราบเมื่อตอนยังเด็กข้า… เคยป่วยเป็นปอดบวมดังนั้นจากนั้นจึงไม่ถูกกับอากาศที่หนาวเย็นและชื้น ก่อนเข้าฤดูหนาวในห้องก็ต้องเตรียมเตาอุ่นเอาไว้มากกว่าคนอื่น ๆ เมื่อปีก่อนเพราะเตรียมถ่านไฟและเตามากเกินไป เรือนพักของข้าจึงไฟไหม้แต่โชคดีที่ไม่ได้อยู่ในนั้น เพราะเรื่องนั้นจึงได้มีข่าวลือออกไปมากมายข้าจึงได้ชื่อว่าเป็นตัวซวยอย่างที่นางข้าหลวงผู้นั้นพูด”
“ไม่ใช่! ท่านอย่าไปฟังคนไร้มารยาทเช่นนั้นพูดเป็นอันขาด”
แม้ว่านางยังคงรู้สึกหนาวแต่ในหัวใจตอนนี้กลับอบอุ่นเพียงเพราะเขาเชื่อว่านางมิใช่ตัวอับโชคอย่างที่ร่ำลือกันต่อ ๆ มา เพราะเรื่องนี้ท่านอ๋องจึงได้อนุญาตให้นางมาที่เมืองหลวง ฝ่าบาททรงเป็นกังวลพระทัยเกี่ยวกับข่าวลือและสุขภาพของนาง
“ขอบคุณที่ท่านช่วยข้าในวันนี้ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้พวกท่านเกือบเดือดร้อนเพราะข้า”
“หากท่านหญิงอยากจะออกไปเที่ยวเล่น เอาไว้หลังจากพิธีสวดมนต์เช้ากับโหรหลวงเสร็จข้าจะพาท่านไปเดินเล่น”
“จริงหรือ! ท่านจะเป็นคนพาข้าไปจริง ๆ น่ะหรือราชครูจินท่านเองก็มีด้านที่ใจดีเหมือนกับคนอื่น ๆ นี่ แค่ไม่แสดงออกมาเท่านั้น”
“คือข้า… เพียงแค่ ช่างเถอะคืนนี้ท่านก็พักผ่อนหากไม่มีเรื่องด่วนอันใดข้าจะหาวันพาท่านออกไปเดินเล่น”
“เช่นนั้นก็ได้ ขอบคุณท่านราชครูจิน”
“เรียกข้าว่าใต้เท้าจินก็พอ ไม่ต้องเรียกเต็มยศถึงเพียงนั้นหรอกขอรับ”
“อืม เช่นนั้นข้าเรียกเพียงชื่อของท่านได้หรือไม่”
“อะไรนะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไร ๆ หากท่านไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไร”
“ได้สิ ท่านหญิงเรียกข้าว่า "อวี้หาน" ก็ได้"
หลินซินหันมาพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้เขาหลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายมาในวันนี้ รอยยิ้มของนางทำให้หัวใจของราชครูหนุ่มเริ่มกระตุกอีกครั้งราวกับนางกำลังกะเทาะเปลือกน้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจของเขาออกมาทีละนิดโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อน เขาเผลอยิ้มให้กับนางก่อนจะรีบบอกลา
“เช่นนั้นท่านหญิงพักผ่อนเสียหน่อยเถอะ คืนนี้ดึกแล้วเรื่องยาของท่านข้าให้เนี่ยถงจดตำรับเอาไว้และสั่งคนจัดหามาเพิ่ม เวลาท่านป่วยจะได้มียาเตรียมเอาไว้”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านแล้ว”
“ขอตัวก่อน”
“แล้วพบกันพรุ่งนี้นะจินอวี้หาน”
อวี้หานที่กำลังจะเดินออกไปก็อมยิ้มให้กับคำเรียกชื่อของเขาที่ออกมาจากปากนาง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าการที่มีคนเรียกชื่อเขาเช่นนี้จะทำให้เขายิ้มได้และดีใจถึงเพียงนี้
“พบกันพรุ่งนี้…. ท่านหญิง”
เขาเดินยิ้มออกมาจากเรือนพักของนางและกำลังจะเดินกลับไปยังเรือนของตัวเองก็พบกับแขกที่มายืนรออยู่หน้าเรือน ซึ่งรอยยิ้มที่มีพลันหายไปในทันทีก่อนที่นางจะทันได้เห็น สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยเมื่อถามอีกฝ่ายอย่างไม่ยินดีที่พบนางอยู่ที่นี่
“นางข้าหลวงอย่างเจ้ามาทำอะไรที่นี่ในเวลาเช่นนี้”
ซานหวนชิงหันมาคำนับย่อให้เขาอย่างอ่อนช้อยกว่าปกติซึ่งแม้แต่จื่อรุ่ยที่ยืนด้านหลังยังรู้สึกขนลุกไม่น้อย
“ท่านราชครู ข้าน้อยอยากจะขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลท่านหญิงหงและพูดคุยกับท่านเพื่อขอคำชี้แนะสักเล็กน้อยหวังว่าท่านราชครูจะสละเวลาช่วยชี้แนะข้าด้วยเจ้าค่ะ”
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ