Masukลุงพันสบตาเมฆาด้วยสายตาเศร้าแบบหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
“พวกผมหมดหนทางแล้วจริงๆ ครับพ่อเลี้ยง”
“ถ้าฉันช่วยแล้วฉันจะได้อะไร ที่มันคุ้มกับเงินห้าล้านล่ะ”
ลุงพันมองหน้าลูกสาว ใช้นิ้วปาดน้ำตา
“ปลายฝน พ่อรักหนูนะลูก”
ปลายฝนพยักหน้ารับรู้ ลุงพันหันไปคุยกับคนเป็นนายต่อ
“กระผมมีปลายฝนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เธอเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตผม กระผมจะขอยกลูกสาวคนนี้ให้พ่อเลี้ยงเป็นข้อแลกเปลี่ยนครับ”
“พ่อ”
“มันคือทางออกที่ดีที่สุดแล้วปลายฝนเอ๋ย”
“หนูเป็นคนนะ หนูไม่ใช่สิ่งของ พ่อเอาหนูมาขายแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
ปลายฝนมองหน้าผู้เป็นบิดาด้วยความปวดร้าวในใจ
“พ่อกลัวไอ้พวกนั้นมันจะกลับมาทำร้ายลูก ถ้าลูกอยู่กับพ่อเลี้ยง ลูกจะปลอดภัย เชื่อพ่อนะว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
เมฆามองสองพ่อลูก เขาไม่คิดว่าการพนันมันจะทำให้คนเป็นพ่อขายลูกในไส้ได้ ผู้เป็นพ่อได้แต่ปลอบโยนลูกสาวที่สะอื้นไห้
“ได้ข้อสรุปกันหรือยัง ฉันมีเวลาไม่มากนะ ถ้ายังตกลงกันไม่ได้ก็กลับไปนอนคิดกันก่อนก็ได้นะ แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันอาจจะเข้ากรุงเทพสักสัปดาห์นึง ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปกันได้แล้ว ฉันมีงานต้องเคลียร์”
“ค่ะ หนูยอมแล้ว หนูยอมทำตามเงื่อนไขของพ่อเลี้ยงแล้วค่ะ ขอเพียงให้พ่อหนูได้มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย”
ร่างบางพูดทั้งน้ำตา ปากคอสั่น ดวงตาบอบช้ำเป็นภาพที่ชวนน่าสงสาร
“ดี ถ้าอย่างนั้น จำไว้ว่าตั้งแต่นี้ต่อไป ฉันคือเจ้าชีวิตเธอ เธอคือคนของฉัน ต้องเชื่อฟังฉัน เพราะชีวิตเธอ พ่อบังเกิดเกล้าของเธอได้ขายเธอให้กับฉันแล้ว และฉันก็หวังว่าลุงพันจะไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับการพนันอีก เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาอีกก็ไปแก้ไขกันเอาเอง ไม่ต้องมาหาฉัน”
เมฆาพูดพลางหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่นแล้วยื่นให้สองพ่อลูก
“เอ้า เขียนซะ ว่าลุงพันได้ยกลูกสาวของลุงให้กับฉันแล้วเพื่อแลกกับเงินห้าล้านบาทแล้วลงชื่อทั้งคู่ เดี๋ยวฉันจะให้เวหาทำเป็นหนังสือสัญญาแล้วเอาไปให้เซ็นต์อีกที ส่วนเธอพรุ่งนี้ไปเก็บข้าวของมาที่นี่ ไม่ว่าฉันจะให้เธอทำงานอะไรเธอก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน หวังว่าเธอคงเข้าใจในข้อตกลงนี้ หรือถ้าจะเปลี่ยนใจ ฉันให้โอกาสเธอทบทวนเป็นครั้งสุดท้าย”
มือเรียวเล็กหยิบปากกาขึ้นมาจรดลงบนกระดาษที่ว่างเปล่า เขียนข้อความพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงหยดลงมา ส่วนเมฆายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหามือขวาของเขา
“เวย์นายมาหาฉันที่ห้องทำงานตอนนี้เลย มีอะไรให้ทำด่วน”
ไม่นานเสียงประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะแล้วผลักเข้ามาโดยชายหนุ่มวัยเดียวกับเจ้าของห้อง เวหาหุบยิ้มในทันทีที่เห็นใบหน้าหญิงสาวเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา กระดาษที่มีลายมือน่ารักและเปื้อนหยดน้ำตาถูกส่งให้เวหา
“นายเอาไปทำจดหมายสัญญา ดำเนินการให้เรียบร้อย ฝากจัดที่พักให้ปลายฝนด้วย ฉันต้องการให้อยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา ให้อยู่เรือนรับรองหลังเล็กที่ฉันเคยสร้างไว้ในนายก็ได้”
เวหาทำหน้างงแล้วอ่านข้อความบนกระดาษที่ถูกเขียนโดยเด็กสาวและมีลายเซ็นของทั้งสองพ่อลูกเซ็นกำกับอยู่ข้างกัน เขาตกใจตวาดเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว
“นี่มันอะไรกันพ่อเลี้ยง สัญญาทาสหรือไง นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว”
“ทุกอย่างถูกระบุในกระดาษแผ่นนั้นหมดแล้ว นายก็เห็นว่าไม่มีลายมือฉันแม้แต่ตัวเดียว”
“ลุงพัน น้องปลาย คิดดีแล้วหรือที่ทำแบบนี้”
“มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วพ่อเวหา ลุงขอโทษที่เมื่อวานบอกว่าจะให้พ่อเวหาดูแลยัยหนู แต่เงินมันเยอะลุงคิดว่าทางออกนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด”
“น้องปลาย”
เวหาหันไปมองที่เด็กสาว เธอยิ้มแล้วพยักหน้ารับ หัวใจเขาบีบรัดกระตุกวูบ เขามองหน้าผู้เป็นนายด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นกระผมกับลูกสาวขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบพระคุณพ่อเลี้ยงมากครับ”
สองพ่อลูกกล่าวคำร่ำลาแล้วเดินออกไป ทิ้งความตึงเครียดขุ่นมัวไว้ในห้อง
พออยู่กันสองคนเวหาเดินเข้าไปเอามือท้าวโต๊ะมองหน้าเจ้านายผู้เป็นเหมือนเพื่อนรัก
“เฮ้ย.. นายคิดจะทำอะไรของนายวะเมฆ ปลายฝนไม่ใช่สิ่งของนะเว้ย ที่จะมาซื้อขาย ยกให้กันแบบนี้”
“มึงเป็นอะไรนักหนาเวย์ กูไม่เคยเห็นมึงฟิวส์ขาดแบบนี้มาก่อนเลย หรือว่ามึงสนใจยัยเด็กนั่น”
เมฆามองหน้าเวหาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ฝ่ายเวหาพอได้ยินสิ่งที่เมฆาพูดเขาก็เหมือนได้สติกลับคืนมา ทำหน้าเลิ่กลั่ก แล้วปรับโทนเสียงของตัวเองให้เบาลง
“เอ่อ.. กูไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่คิดว่ามึงจะทำสัญญาทาสแบบนี้”
“มึงกลับไปถามสองพ่อลูกนั้นก็ได้ว่าเขาคุยอะไรกับกูบ้าง กูจะบอกไว้ให้ว่าทั้งหมดนี้คนเป็นพ่อเขาเป็นคนเสนอเงื่อนไขเอง กูไม่เกี่ยว กูยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเด็กนั่นมาใช้ทำอะไรถึงจะคุ้มกับห้าล้านที่จ่ายไป มึงช่วยกูคิดทีสิ”
เวหานิ่งเงียบเขากลับมาอ่านลายมือเขียนน่ารักที่เขียนด้วยการลงน้ำหนัก บ่งบอกว่าคนเขียนได้ตั้งใจเขียนอย่างมีสติ เขาไล่อ่านแต่ละบรรทัดอีกครั้ง ทุกสิ่งตรงกับที่เมฆาบอกไม่มีผิดเพี้ยน แล้วเขามาสะดุดตากับประโยคสุดท้าย
“จากนี้ต่อไปชีวิตของปลายฝนเป็นของพ่อเลี้ยงเมฆา”
เมฆาปลดกางเกงลงแล้วควักเจ้าลูกชายของเขาออกมา ท่อนเอ็นที่มีขนาดเกือบเท่าแขนของปลายฝน ความยาวไม่ใช่น้อย ทำให้ปลายฝนตะลึงงัน เผลอกระเถิบถอยหลังจนชิดผนังเรือนโดยไม่รู้ตัว เมฆาก้าวตามไป แล้วจับท่อนเอ็นจ่อไปที่ปากเธอ ปลายหัวหยักมีน้ำปริ่มออกมา ปลายฝนตกใจทำอะไรไม่ถูก ทั้งกลัว ทั้งตระหนก“เอาเข้าไปในปากเธอสิปลายฝน แล้วดูดเลียให้ฉันเหมือนที่เธอดูดนิ้วฉันเมื่อครู่นี้ แต่ห้ามให้ฟันโดนของฉันเด็ดขาด”“พ่อเลี้ยง หนู หนูกลัว”“ทำตามที่ฉันสั่งอย่าให้ฉันโมโห เธอต้องเอาใจฉันและตามใจทำให้ฉันพอใจฉันเข้าใจไหม”ปลายฝนอ้าปากสั่นระริกครอบท่อนเอ็นของผู้เป็นเจ้าชีวิตเธอ กลิ่นและรสชาติของน้ำที่ปริ่มที่ปลายหัวทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอม แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธมันได้เพราะสายตาที่แข็งกร้าวดุดันกำลังจ้องมองเธออยู่เพียงแค่ส่วนหนึ่งของร่างกายเขาเข้าไปอยู่ในโพรงปากที่อ่อนนุ่มและอุ่นชื้นของหญิงสาว เขาก็สยิวเสียวซ่านจนแทบจะอดรนทนไม่ได้ เสียงแหบพร่าแต่แฝงไปด้วยอำนาจทั้งครางและออกคำสั่ง“อ่า.. ขยับปากหน่อยปลายฝน ดูดแรงหน่อย อ่าส์ อย่างนั้นแหละ แม่งโคตรดีเลย”ปลายฝนออกแรงดูดตามคำสั่ง ดูดจนแก้มตอบด้วยท่าทางที่ไม่ประสีประสาอ่อนต่
ปลายฝนรู้สึกเหมือนสติจะหลุด ทุกลมหายใจโดนพ่อเลี้ยงสูบไปเกือบหมด หน้าอกถูกบีบขย้ำเต็มแรงจนเธอเจ็บระบม แต่แล้วความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อฝ่ามือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อบีบขยำสองเต้าที่นุ่มนิ่มเต็มฝ่ามือ ไอร้อนจากฝ่ามือของชายหนุ่มกับสัมผัสจาก ปลายนิ้วที่ทั้งบดขยี้ดึงเล่นที่ส่วนปลายถัน ความวูบวาบแล่นผ่านปทุมถันแล้วพุ่งลงไปที่ช่วงล่างของเธอทำให้รู้สึกมวนท้องน้อยและปั่นป่วนไปด้วย ปลายฝนได้แต่ร้องครางในลำคอ เพราะอีกฝ่ายยังคงประกบปากเธออยู่ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ จากการถูกปลุกปั่นไม่นานยอดอกที่นุ่มนิ่มก็เริ่มแข็งตัวชูชันสู้กับปลายนิ้วของชายหนุ่ม ทำให้เมฆาพึงพอใจ เขาจึงละริมฝีปากออกมา ปลายฝนหายใจแรงรีบกอบโกยลมเข้าสู่ปอด เธอแทบยืนไม่อยู่ สายตาเธอประทะกับดวงตาแข็งกร้าวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยไฟราคะ เสื้อยืดตัวโคร่งถูกดึงกระชากถอดออกไปพร้อมกับบราตัวจิ๋ว หญิงสาวตกใจรีบยกมือมาปิดสองเต้าไว้ “อ๊ะ.. พ่อเลี้ยง” “ใช่.. ฉันเอง ทำไมกลัวเรียกชื่อผิดหรือไร เอามือออก” “ฮือ พ่อเลี้ยงอย่าทำอะไรหนูเลย” “นี่เธอคิดว่าฉันจ่ายห้าล้านเพื่อให้เธอมาแค่ทำงานในเรือน กับเป็นคนงานในไ
ความคิดในสมองของเมฆาแบ่งเป็นสองส่วนที่กำลังตีกันความคิดแรกคือเดินไปลากเจ้าตัวปัญหาขึ้นห้องแล้วให้รับผิดชอบที่หล่อนทำให้อารมณ์กระสันของเขาพลุ่งพล่านในตอนนี้ ซึ่งเขาสามารถทำได้อยู่แล้วเพราะเด็กนั่นเป็นสมบัติของเขาแต่อีกความคิดเขาก็ยังมีมนุษยธรรมมากพอ เพราะการทำแบบนั้นก็เท่ากับขืนใจ รอให้เด็กคนนี้เต็มใจแล้วคลานมาหาเขาเองดีกว่า ไม่ต้องรีบสุดท้ายความคิดฝ่ายขาวก็ชนะความคิดด้านมืด เขาจึงเดินขึ้นห้องไปจัดการปลดปล่อยอารมณ์ของตัวเองด้วยสองมือของเขาเอง ส่วนปลายฝนยืนล้างจานไป ภาพที่พ่อเลี้ยงยื่นหน้ามาใกล้ๆ เธอเมื่อช่วงเย็นที่บริเวณตรงที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ ก็ทำให้ใจเธอเต้นแรง มันเกิดอะไรกับเธอนะเนี่ยความรู้สึกแบบนี้คืออะไร เธอล้างจานเก็บทำความสะอาดครัวเสร็จก็รีบกลับเข้าเรือนพักของตัวเอง และหลับไปด้วยความว้าวุ่นใจและเหนื่อยล้าจากงานในไร่มาทั้งวัน โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบจินตนาการถึงใบหน้าและรูปร่างเธอแล้วเอาไปใช้สำเร็จความใคร่ของตนเองเช้าวันรุ่งขึ้น ปลายฝนตื่นแต่เช้าเธอเตรียมอาหารมื้อเช้าง่ายๆเป็นผัดกะหล่ำปลีใส่ไข่สำหรับตัวเองและใส่บาตร พอใส่บาตรเสร็จเธอเตรียมจะเดินเข้าบ้านเว
ปลายฝนไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดมาก่อน ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวแรง หายใจถี่ขึ้นโดยอัตโนมัติ ทรวงอกที่ขยับตามแรงลมหายใจดึงดูดความสนใจของเมฆา เขาอยากจะดึงเสื้อยืดตัวโคร่งของเธอถอดโยนทิ้งให้พ้นสายตาจริงๆ “ว่าไง เธอจะดูแลฉันอย่างไรปลายฝน” “เอ่อ.. หนูก็จะเตรียมกาแฟพ่อเลี้ยงตอนเช้า ทำอาหารให้พ่อเลี้ยงทานตอนเที่ยงกับตอนเย็นจ้ะ แล้วก็จะทำความสะอาดเรือนให้ด้วย” ปลายฝนตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมฆากระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาใช้มือข้างหนึ่งช้อนคางเด็กสาวให้สบตาเขา ดวงตาสวยใสราวกับลูกกวางน้อยมีแววตาที่หวาดหวั่น จากการถูกสายตาที่แข็งกร้าว ดุดันราวราชสีห์ของอีกฝ่ายจ้องมอง “เธอคิดว่าทำแค่นี้มันจะคุ้มค่ากับเงินห้าล้านของฉันไหม ไหนจะค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วอาหารที่เธอกินวันละสามมื้ออีก” “เอ่อ.. พ่อเลี้ยงให้หนูทำงานเพิ่มก็ได้นะจ๊ะ” ยิ่งเห็นแววตาที่ตื่นตระหนกหวาดกลัว แต่พยายามทำเป็นใจดีสู้เสือของปลายฝน เมฆาก็ยิ่งอยากแกล้ง “สงสัยฉันต้องให้เธอมาทำโอทีช่วงกลางคืนเพิ่มแล้วสิ” “พ่อเลี้ยงหิวแล้วใช่ไหมจ๊ะ เดี๋ยวหนูไปเตรียม
ชบาพาปลายฝนมานั่งพักในร่มเอาพัดมาโบกพัดวีให้ เอายาดมมาให้ดม สักพักคนที่หน้าซีดก็เริ่มมีอาการดีขึ้น ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาดสูบฉีดมา “นี่แหละผลของความดื้อของเรา” “ขอโทษจ้ะพี่ชบา ปลายเห็นทุกคนทำงานกันไม่ได้หยุดพักเลย ปลายก็อยากช่วยจ้ะ” “โอ๊ย เรามันกระดูกคนละเบอร์ เอ็งนะพึ่งมาวันนี้วันแรก ส่วนพวกพี่ทำกันมานานร่างกายมันชินแล้ว คราวหน้าถ้ารู้สึกไม่ดีต้องรีบพักรู้ไหม ถ้าเกิดพี่ไม่หันมาเห็นมีหวังเอ็งล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว” “จ้ะพี่” “นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ไปล้างไม้ล้างมือรอกินข้าวเที่ยงเลยก็ได้” เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงทุกคนก็เดินเข้าแถวถือถาดหลุมให้อารมณ์เหมือนตอนเรียนอยู่โรงเรียนประถมใครใคร่ตักข้าวมากน้อยเท่าไหร่ก็ได้ จะเติมกี่รอบก็ได้ มื้อเที่ยงนี้เป็นเมนูแกงส้มผักกาดจอ กับไข่เจียว“น้องสาวเป็นเด็กใหม่พึ่งมาหรือจ๊ะ ชื่ออะไรครับพี่ชื่อเข้มนะ”ชายหนุ่มผิวเข้มสมชื่อเอ่ยปากแซว ปลายฝนได้แต่ยิ้มแหย และก็มีเสียงสวรรค์ขึ้นมา“มึงหยุดเลยไอ้เข้ม แหมเห็นเด็กใหม่มาไม่ได้นะมึง ขี้หลีไปทั่ว ปลายมาทางนี้มาอย่าไปสนใจมัน” ชบาตะโกนต่อว่าชายผิวเข้มที่แซวน้องใ
ปลายฝนหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้ามาหนึ่งใบ ภายในมีเสื้อผ้าไม่กี่ตัวกับของใช้ส่วนตัวอีกแล้วเล็กน้อย เธอยกมือไหว้สมหมายป้าแม่บ้านที่ดูแลความเรียบร้อยของเรือนไม้บ้านพักของพ่อเลี้ยงเมฆา “สวัสดีค่ะป้าหมาย” “นี่เอ็งมีของมาแค่นี้เองหรือนังหนู กระเป๋าใบเดียวนี่นะ เราต้องมาอยู่กับพ่อเลี้ยงยาวๆ ไม่ได้มาเที่ยววันสองวันนะ” “ปลายไม่ค่อยมีของอะไรหรอกจ้ะป้า ปกติเสื้อผ้าก็มีไม่กี่ตัวแล้วก็ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยค่ะ” “ผิดกับนังเหมียวลูกป้าเลย รายนั้นไม่รู้จะซื้ออะไรนักหนาเสื้อผ้าเต็มตู้ไปหมด มา มาเอาของไปเก็บก่อน ที่พักเราอยู่ทางโน้น” สมหมายพาปลายฝนไปห้องพักที่เป็นเรือนไม้หลังเล็ก ถูกสร้างไว้ด้านหลังเรือนพักหลังใหญ่ของเมฆา ครั้งแรกเมฆาตั้งใจสร้างเอาไว้ให้เวหา แต่เวหาขอไปอยู่ที่เรือนไม้ในไร่แทน ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง ไม่อยากเห็นหน้าพ่อเลี้ยงทั้งวันทั้งคืน ประตูถูกเปิดออกมา ด้านในมีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องครัวเล็กๆ ห้องน้ำ และเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นเช่นตู้เสื้อผ้า พัดลม ตู้เย็น “อยู่ได้ไหม ขาดเหลือหรืออยากได้อะไรก็บอกป้าได้”





![ความลับของมาเฟีย [มาร์ติน×วีนัส]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

