นางจันคิดใคร่ครวญถึงข้อเสนอของชายหนุ่ม พินิจดวงตาคมกล้าสีดำสนิทไร้แววล้อเล่นและความเจ้าเล่ห์เฉกเช่นผู้นำท้องถิ่นอย่างกำนันเทพ แล้วจึงหันไปหาหลานสาวตกอยู่ในสภาพมอมแมมอีกทั้งรอยขีดข่วนจนช้ำตามลำตัว
‘ช่างน่าละอายใจเหลือเกิน’
ความผิดจากการกระทำที่เห็นแก่ตัวกระแทกหัวใจคนเป็นป้าจนจุกในอก เปรมยุดาเป็นหลานสาวแท้ ๆ แต่ตนกลับปกป้องอะไรไม่ได้ เพราะความขลาดกลัวต่ออำนาจบวกกับความละโมบในทรัพย์สินของน้องชาย จึงทำให้หลงหน้ามืดตามัวเอาเงินทองมากมายมาเป็นของตนเอง ปล่อยให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยตัวเอง
น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นจากดวงตาเล็ก...
“ป้าผิดไปแล้วจริง ๆ เปรมเอ๊ย...เอ็งไม่ควรตกอยู่ในสภาพนี้ ควรจะมีโอกาสที่ดีเหมือนลูกหลานคนอื่นเขา ฮึก ๆ ป้าขอโทษนะลูก ป้ามันเห็นแก่ตัว ตายไปจะสู้หน้าพ่อกับแม่เอ็งได้ยังไง ฮือ...”
หน้าผากเหี่ยวย่นแตะหลังมือแดงก่ำของหลานสาว กว่าจะคิดได้ก็เกือบทำให้เด็กน้อยผู้อาภัพคนนี้ตายทั้งเป็น
อาทิตย์ต่อมา...
เขตสัตหีบเข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายคล้อย การันต์เดินทางกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเปรมยุดา
“ห้องอาอยู่ชั้นสองฝั่งซ้ายมือ ส่วนของเราอยู่อีกฝั่งมีระเบียงด้านนอกเปิดออกไปจะมองเห็นทะเลแล้วก็ทิวทัศน์สวย ๆ คิดว่าเราน่าจะชอบ”
เจ้าของบ้านอธิบายเมื่อพาเธอเข้ามาข้างใน วางกระเป๋าใบย่อมลงที่พื้นลายไม้อย่างเบามือ เดินลับไปในห้องครัวก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับแก้วใสบรรจุน้ำดื่มสองใบ
“ขอบคุณค่ะ” ยกมือไหว้นอบน้อม
ตั้งแต่เดินทางจากสมุทรปราการ จวบจนกระทั่งถึงชลบุรีคุณอาดูแลเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แม้จะบอกว่าไม่เป็นไรเธอสามารถดูแลตัวเองได้ก็ตาม
“ถ้านับคำว่าขอบคุณของเราเป็นทองคำป่านนี้อาคงมีทองสะสมหลายร้อยบาทแล้วนะว่าไหม” ชายหนุ่มเอ่ยล้อต่อความเกรงอกเกรงใจของเธอ
เปรมยุดาพอได้ยินก็เผยยิ้มหวาน คิดว่านอกจากคำนี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนหนี้น้ำใจครั้งใหญ่แก่ผู้มีพระคุณยังไง
“ถ้าเป็นอย่างที่อากานพูดจริงหนูจะขอบคุณทุก ๆ นาทีเลยค่ะ”
“เด็กน้อยเอ๊ย!” ว่าพลางขยี้เส้นผมกลางกระหม่อมเล็กวนไปมากับความไร้เดียงสา หากว่าต้องการสิ่งใดจากเธอจริงละก็ขอเป็นรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้มนี้ก็พอ!
สัมผัสบนเส้นผมกับดวงตาทอประกายห่วงใยจากคนร่างสูงทำให้หัวใจดวงน้อยบนหน้าอกข้างซ้ายของเปรมยุดาคล้ายกับมีเตาผิงติดไฟโอบล้อมก้อนเนื้อไว้ มันอุ่นอยู่ข้างในจนอยากจะยึดรอยยิ้มของคุณอาไว้แต่เพียงผู้เดียว!
ศีรษะเล็กขับไล่ความคิดแปลกประหลาดแทรกเข้ามาในหัว
“เป็นอะไร? หรือเหนื่อยที่นั่งรถนานเหรอ งั้นก็ขึ้นไปพักเถอะอาให้คนทำความสะอาดไว้ให้แล้ว”
จะตอบว่าไม่ใช่แต่เป็นเพราะคิดฟุ้งซ่านก็ใช่ที ประเดี๋ยวก็โดนไล่ออกไปจากบ้านตั้งแต่วันแรกที่มาอาศัย งานนี้ได้กลายเป็นคนเร่ร่อนของจริง
“ค่ะ หนูเอาของไปเก็บก่อนนะคะ ฝั่งขวาใช่ไหมห้องของหนู” คว้ากระเป๋าเก็บของส่วนตัวพลางถามย้ำ
“ใช่ ห้องสุดท้ายนั่นแหละ แล้วก็ของพวกนี้เดี๋ยวอาถือไปให้เราถือแค่กระเป๋าใบนั้นก็พอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ กระเป๋าแค่สามใบเองหนูขนขึ้นไปได้ค่ะ”
“เป็นเด็กดีนะเปรมยุดา อาบอกว่าจะถือไปให้ก็ฟังกันหน่อย โอเคไหมคะ”
“...ค่ะ”
เปรมยุดาย้ายมาอยู่สัตหีบได้หนึ่งอาทิตย์แล้วเป็นช่วงเวลาต้องปรับตัวหลายอย่าง อีกทั้งผู้ร่วมอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันยังเป็นผู้ชายในวัยทำงาน เท่าที่พินิจพิจารณาน่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่งตัวภูมิฐานตั้งแต่ช่วงบนด้วยสูทเนื้อดีกับกางเกงสแลคสีเดียวกัน เสริมให้คุณอามีบุคลิกโดดเด่นให้ยิ่งน่ามองและน่าเกรงขามเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“อาต้องไปทำงานอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้ ระหว่างนี้ก็คิดไว้ว่าขาดเหลือหรืออยากได้อะไร หลังเลิกงานอาจะพาออกไปเดินซื้อในห้าง”
การันต์วางแก้วกาแฟดำลงแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“ไม่มีค่ะ” ส่ายหน้าจนผมปลิว “เท่าที่มีก็ยังใช้ได้อยู่ อากานไม่ต้องพาหนูไปหรอกค่ะ”
คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่ออีกคนรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“อาเห็นเราหน้ามัน ปากซีดมาตั้งแต่วันก่อนแล้วนะ ยังจะเสื้อผ้าที่เอามาไม่กี่ชุด ถึงอาจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่เลี้ยงคนคนหนึ่งไหว เชื่ออาสิ!”
เปรมยุดายกมือขึ้นคลำผิวหน้าของตนเองตามที่คุณอาบอก แม้จะไร้เครื่องสำอางแต่ผิวก็ยังเนียนละเอียด ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองทว่าเป็นเช่นนั้นจริง สุขภาพผิวของเธออิ่มเอิบนวลเนียน
ถึงอย่างนั้นก็ยังไล้ฝ่ามือลงไปยังเสื้อตัวเก่าและกางเกงขาสั้นเสมอเข่า ข้อนี้ไม่กล้าเถียงด้วยว่าเป็นคนไม่ค่อยซื้อชุดใหม่ ดังนั้นที่นับได้ก็มีไม่กี่ตัวที่หยิบมาใส่จนสีซีด
“งั้นก็เอาตามที่อาว่าก็แล้วกัน” พอเปรมยุดาไม่แย้งเขาจึงสรุปแผนการในช่วงเย็นด้วยตัวเองเสร็จสรรพ
“อากานจะไม่เหนื่อยเหรอคะ ตั้งแต่กลับมาก็ไม่ได้หยุดเลย”
“รู้ได้ยังไงว่าอาไม่ได้หยุด?” คิ้วเข้มยกขึ้นสูงเชิงถาม
“หนู...” บอกยังไงดีว่านอนไม่หลับก็เลยได้ยินเสียงประตูอีกฝั่งเปิดเข้าออกอยู่หลายครั้ง
“หื้ม?”
“หนูแค่เดาเอาน่ะค่ะ”
“หึ! อาไม่เหนื่อยปกติกิจวัตรประจำวันก็เป็นแบบนี้”
“ก็ได้ค่ะ ตกลงตามที่อาว่าก็ได้”
“อืม...อาต้องไปแล้ว ปิดบ้านให้ดีหิวมีของสดในตู้เย็น ถ้าจะสั่งก็บอกอาหน่อยจะได้ช่วยดูว่าสายไหนเป็นคนรับออเดอร์”
“ค่ะ” ดันตัวขึ้นแล้วเดินตามเจ้าของร่างสูงเดินนำออกไปที่ประตู พลางย่นคิ้วแล้วคิดไปว่าเหมือนผู้ปกครองกำลังกำชับเด็กน้อยให้ระวังทั้งที่ตนเองก็โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว
ปึก!
“เป็นอะไรหรือเปล่า” การันต์หันขวับกลับมาด้านหลังทันทีเมื่อรู้สึกถึงหน้าผากเล็กชนเข้ากลางหลัง
“มะ...ไม่ค่ะ หนูไม่คิดว่าอาจะหยุดก็เลยไม่ทันระวัง” สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนจากกายสูงโชยกระทบโสตประสาททำให้ติดอ่างขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“เรานี่นะระวังหน่อยสิ อาลืมบอกเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง อาทิตย์หน้าจะพาไปสมัครเรียนเตรียมตัวให้พร้อมอยากลงคณะไหนก็ตัดสินใจให้ดี ๆ เท่านี้แหละอาไปล่ะนะ”
“...สมัครเรียนงั้นเหรอคะ” เสียงแผ่วไล่ตามแผ่นหลังกว้างเดินห่างออกไปทีละนิด ไม่คิดว่าสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานจะเป็นจริงได้เร็วขนาดนี้ ยังคิดว่าต้องรอไปอีกสักระยะเสียอีก
บริษัทเอเจกรุ๊ป
“เป็นยังไงบ้าง?” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามปลายสายหลังจากคุยธุระเสร็จแล้ว
[ใช้งานกูไม่เลิก คราวหน้าก็ให้กูทำเองไปเลยดีกว่าจะได้จบ ๆ]
ดลธีกรอกเสียงประชดประชันเพื่อนสนิทพร้อมกับยื่นข้อเสนอซึ่งตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย แต่เกี่ยวหน่อยก็ได้ในฐานะรุ่นน้องคนหนึ่ง ทว่าก็ไม่ได้เป็นคนต้นคิดเรื่องวางแผนรับเลี้ยงเปรมยุดาเสียหน่อย ทำไมถึงกลายเป็นเขาออกหน้าแทบทุกเรื่องเลย
“ได้สมใจแล้วนี่ไงตกลงว่าไงเอาดี ๆ อย่ากวนได้ไหม”
[เออ...เรียบร้อยแล้วครับท่านประธาน แค่พาน้องเปรมไปยื่นเอกสารแล้วก็รายงานตัวก็พอ ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้หลังจากชื่อน้องเข้าไปอยู่ในคณะแล้วก็ได้]
“ขอบใจ เอาไว้เลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ตอบแทนก็แล้วกัน”
[รุ่นนี้เลี้ยงข้าวได้ที่ไหน ต้องเป็นน้ำแก้กระหายคอเท่านั้นถึงจะเหมาะสมเว้ย]
“ตามใจมึงแล้วกัน แต่คงจะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรอกนะ”
[อะไรวะ! อย่าทำเป็นพ่อลูกอ่อนจะได้ไหม น้องไม่ใช่เด็กสองสามขวบนะเว้ย]
“รู้ แต่มึงจะให้กูทิ้งคนที่พึ่งห่างบ้าน พักอยู่คนเดียวดึก ๆ ดื่น ๆ ได้ยังไง ตั้งใจพามาดูแลแล้วจะทิ้งขว้าง ใช่เรื่องที่ไหน”
[กูเป็นน้องเปรมคงเทิดทูนมึงขึ้นหัวแล้วนะเว้ย ดูแลขนาดนี้ยิ่งกว่าหลานคนหนึ่งอีกนะ]
“ปากมึงนะดล ไม่คุยเรื่องไร้สาระกับมึงแล้วยังไงก็นัดวันมาละกัน”
[เออ ๆ ทีงี้ว่ากูไร้สาระ...]
ตู๊ด ๆ ๆ
ยังไม่ทันที่ดลธีจะพูดจนจบประโยคก็ถูกการันต์ตัดสายทิ้งก่อน CEO หนุ่มทอดกายไปด้านหลังพิงพนักตัวใหญ่ เพราะณรงค์คือคนที่ส่งเสริมเขามาตั้งแต่ยังเป็นเพียงนักศึกษาจน ๆ คนหนึ่ง กระทั่งได้เข้าสู่วงการธุรกิจด้านการเงินและลงทุน ซึ่งในวันนี้เลือดเนื้อเชื้อไขของผู้มีพระคุณกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาอยู่ในจุดสามารถช่วยเหลือได้จะเพิกเฉยไม่ทำอะไรก็ดูเหมือนจะเป็นคนอกตัญญูเท่านั้นนะสิ!
ห้างสรรพสินค้า
หลังจากคุณอาพาเดินซื้อของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้าอีกหลายชุดรวมถึงเครื่องสำอางที่จำเป็นหมดแล้ว นึกว่าเขาจะกลับเลยแต่ที่ไหนได้...
“เอ่อ...เอาไว้หนูไปซื้อในตลาดนัดแถวบ้านก็ได้ค่ะ” หันมาพูดกับคนตัวสูงถือถุงใบใหญ่เต็มทั้งสองข้างอย่างกระอักกระอ่วนใจ
การันต์ดีดตัวจากเก้าอี้ตัวยาวเร่งรุดไปหยุดตรงหน้าคุณหมออย่างรวดเร็ว “ภรรยากับลูกผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” ความตื่นเต้นระคนกังวลทำเสียงที่เอ่ยถามนายแพทย์ออกมาสั่นไหว “ยินดีกับคุณพ่อด้วย คุณแม่และ ‘ลูกชาย’ ปลอดภัยและแข็งแรงทั้งคู่ครับ อีกเดี๋ยวเราจะย้ายพวกเขาไปห้องพักฟื้น ถ้ามีอะไรต้องการเพิ่มก็แจ้งพยาบาลได้เลยครับ” นายแพทย์กล่าวเสียงละมุน เห็นสีหน้าของสามีคนไข้แล้วคงกระวนกระวายใจไม่น้อย “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” การันต์ไม่อาจกลั้นความปรีติยินดีเอาไว้ได้ น้ำตาแห่งความดีใจหล่นออกมาอย่างไม่นึกอายพอได้ยินกับหูตัวเองแล้วว่าคนที่ตนเองรักสุดชีวิตทั้งสองปลอดภัย “กูบอกแล้ว สองคนนั้นเก่งจะตาย” ดลธีตบไหล่ปลอบเพื่อน “ต้องอยากเจอหน้าหลานจังเลยค่ะ งั้นขอไปรอหน้าห้องเด็กนะคะ” “ไปด้วย ผมกับต้องไปทางนู้นนะครับ” ขุนพลหันมาบอกคุณอาทั้งสองก่อนจะวิ่งตามต้องใจไป ดลธีมองกระทั่งภาพหลังหนุ่มสาวทั้งสองลับสายตาจึงหันกลับมาหาเพื่อนรักที่เช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว “ยินดีด้วย ต่อไปก็เป็นพ่อเต็มตัวแล้วนะ ดีที่ไม่ต้องไว้หนวดตั้งแต่ตอนนี้” คุณพ่อป้ายแดงหันมาทางเพื่อนยืนอยู่ข้างกัน ดวงตาแดง ๆ ของเขาจ้
เดือนต่อมา...รถเมอร์เซเดสสีขาวของการันต์มุ่งหน้าไปยังหมูบ้านกลางน้ำอีกครั้ง ความตั้งใจของเขาในวันนี้ก็เพื่อจะพาคนรักนั่งข้างกันมีสีหน้าราบเรียบทว่าดวงตากลมโตมีแววสั่นไหวอย่างคนเป็นกังวล “อาจะพาหนูไปวัดแล้วกลับเลย ไม่ต้องกลัว” อุ้งมือใหญ่วางทาบมือเล็ก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความกังวลของเธอ ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปี หากแต่ว่าความทรงจำของเปรมยุดาก็อยู่ที่นี่ไม่น้อย “ขอบคุณนะคะ” ยิ้มอ่อน ๆ พลางหันมาทางคุณอา สายตาอบอุ่นของเขาทำให้ใจว้าวุ่นตลอดทางผ่อนคลายลงไปมาก คราแรกที่รู้ว่าเขาจะพากลับมาไหว้พ่อกับแม่น้ำตาเธอนองเต็มหน้า คิดถึงพวกท่านจับหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พบหน้ากันอีกแค่ได้ไหว้กระดูกคนเป็นลูกอย่างเธอก็ซาบซึ้งใจ“ไม่ต้องขอบคุณ อาตั้งใจจะมาพบพ่อกับแม่หนูอยู่แล้ว”เปรมยุดายิ้มกว้าง คนรักทำราวกับจะได้พบหน้ากัน...คงไม่ต่างจากเธอ!ทั้งสองใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึงที่หมาย ฝ่ายลูกสาวของผู้ลาลับหอบช่อดอกไม้สีสันสดใสกับผ้าหนึ่งผืนเดินนำเจ้าของเรือนกายภูมิฐานไปยังเจดีย์บรรจุอัฐิของพ่อและแม่ “หนูกลับมาหาพ่อกับแม่แล้วนะคะ” วางช่อดอกไม้ตรงฐานกว้าง เช็ดฝุ่นออกจากกรอบรูปที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใค
กว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที ดีที่ไม่มีใครแซวหรือพูดอะไร จึงทำให้พวกเรากลับมาสนุกกันต่อ เวลา 00.41 น.“รอกันตรงนี้เรียกรถให้แล้ว” ดลธีบอกขุนพลและต้องใจหลังจากงานเลี้ยงจบลง เขาดูแลทั้งสองเปรียบเสมือนน้องนั่นก็เพราะเปรมยุดาได้กำชับไว้ก่อนที่เธอจะแยกไปกับเพื่อนเขาดีจริง ๆ เลยทั้งหลานทั้งเพื่อน!“ขอบคุณนะครับ” ขุนพลไหว้ผู้ใหญ่ใจดี มื้อนี้เจ้ามือหมดไปไม่น้อย “ไม่เป็นไร ต่อไปถ้ามีงานทำก็กลับมาเลี้ยงฉันบ้างก็แล้วกัน” ดลธีหันไปตอบเพื่อนหลานด้วยใบหน้าทะเล้น“ต้องคิดเป็นบุญคุณด้วยเหรอคะ?” คนที่แม้แต่จะทรงตัวก็ลำบากยังอุตส่าห์หันมาถามเสียงอ่อน “ต้อง! เงียบบ้างก็ได้” ขุนพลห้ามเพื่อนพลางประคองไหล่เล็กให้ยืนได้ตรงเสียก่อนจะปากดี ไม่ดูตัวเองบ้างเลย! ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว“แค่บอกว่าให้เลี้ยงคืน? เป็นบุญคุณเหรอ ถ้าบอกให้เอาเงินมาคืนก็ว่าไปอย่าง หรือเธอจะคืนฉันล่ะยัยขี้เมา” “ก็เอาบัญชีมาสิ เดี๋ยวโอนให้ตอนนี้เลย ชิ!” “มือถือ?”“เอาไป”“ต้อง!”“นายเงียบเลยขุน” จะว่าเหมือนเด็กก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ทว่าคนทั้งสองต่างไม่มีใครยอมกัน คนกลางอย่างขุนพลจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้คุณอาขอ
ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาของเปรมยุดาและเพื่อน ๆ ต่างก็ดีอกดีใจเมื่อเดินทางมาถึงจุดสำเร็จสาขาบัญชีรวมตัวถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก เปรมยุดา ต้องใจและขุนพลฉีกยิ้มให้กับกล้อง เสียงกดชัตเตอร์รัวติดต่อกัน พร้อมกับช่างภาพยกนิ้วขึ้นโอเค ทุกคนก็ร้องเฮ คละเคล้าเสียงโห่ร้องตะโกนด้วยความดีใจต่างโอบกอดลากันด้วยน้ำตานองหน้า สี่ปีที่เรียนด้วยกันมาความผูกพันแน่นแฟ้นจนอดใจหายไม่ได้เมื่อต้องแยกจากเพื่อไปเติบโตใช้ชีวิตวัยทำงานไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาจะไม่มีวันลืมมิตรภาพที่ดีเหล่านี้เลย“เร็วนะว่าไหม? ไม่อยากจากพวกแกไปเลย”ต้องใจนั่งจับมือเปรมยุดา และมองเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งห่างออกไป เธอเห็นสายตาอาวรณ์ที่ขุนพลใช้มองเปรมยุดา ไม่ว่าจะครั้งแรกหรือกระทั่งตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ก็คงทำได้แค่นั้นเพราะตอนนี้เพื่อนรักของเธอมีเจ้าของแล้ว และไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นคุณอาสุดหล่อที่กำลังถือช่อดอกไม่ช่อใหญ่เดินเคียงคู่มากับอิตาคุณอาขี้เก๊กนั่นเอง“เรายังเจอกันได้ แค่เรียนจบไม่ได้จากไปไหนไกลนี่น่า จริงไหมขุน” “ใช่ทำอย่างกับจะจากกันไปไหนไกลเว่อร์จริง ๆ เลยเธอเนี่ย”“โดนรุมอีกละ!”“เรียนจบแทนที่จะดีใจกลับทำหน้าบูด
กายโชกไปด้วยเหงื่อทรุดลงทาบทับร่างเปลือยเปล่าหอบหายใจโยนป้อก⁓“อะ” เปรมยุดารู้สึกกึ่งกลางกายวูบโหวงเมื่อคุณอาถอดถอนตัวตนลำใหญ่ออกไปจากตัวเธอ การันต์หายใจหอบใบหน้าชื้นไปด้วยเหงื่อ ดึงผ้าห่มคลุมกายเปลือยเปล่าทั้งสองจนถึงอก “มีคำหนึ่งใช่ไหมที่อายังไม่ได้บอกหนู” เกลี่ยปอยผมปกใบหน้ารูปไข่เล่น “อะไรเหรอคะ” ตะแคงตัวโอบกอดกายใหญ่ ซุกหน้าเข้าซอกคอแกร่ง ทำให้คุณอาหัวเราะในลำคอพลอยให้เธอยิ้มตามไปด้วย“อารักหนูเปรม รักมาก รักเกินกว่าใคร ๆ ฉะนั้น...อย่าพูดว่าจะให้อามีคนอื่นหรือคิดว่าอาจะไปมีใคร เพราะแค่มีหนูเปรมคนเดียวก็พอแล้ว” “อาบอกว่ารักหนูเหรอคะ” แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคาย วางฝ่ามือบนใบหน้าเริ่มมีตอหนวดขึ้นบาง ๆ มิน่าเมื่อครู่ถึงได้รู้สึกระคาย “อารักหนูเปรม” ทาบฝ่ามือใหญ่บนหลังมือเล็ก ย้ำให้คนจ้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสดใสสุขล้นฉายชัด เขาชอบเปรมยุดาเป็นแบบนี้มากกว่า ต้องโทษที่ตนไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกจนทำให้เธอเข้าใจผิด“หนูก็รักอา รักมาก ๆ รักที่สุด รักกว่าใครในโลกเลย” ปีนขึ้นไปอยู่เหนือกายใหญ่ อกฟูบดเบียดหน้าอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคนใต้ร่าง สอดแขนไปใต้ไหล่กว้างก่อนจะซุกหน้าลงหาควา
“อื๊อ” ห้ามยังไงทันเมื่อปลายนิ้วก้านยาวไล้กลีบดอกไม้ผ่านเนื้อผ้า ซ้ำยังคลึงจนเธอสะท้านเฮือกสยิวเสียวซ่านต้องยกสะโพกขึ้นรับความดุดันทันที“หนูเปรมของอาแฉะเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ‘อยาก’ เหมือนกันใช่ไหมเด็กน้อย”ลมร้อนพ่นผ่านซอกคอหอม กดเรียวปากร้อนแนบชิดผิวละมุน ดอมดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย“อ๊าส์...” ครางกระเส่าเสียงหวิวเมื่อคุณอาสอดนิ้วเข้ามาในร่องคับแคบและมันตอบรับเขาอย่างดี ตอดรัดทักทายความแข็งแกร่งราวกับว่ารอคอยในสัมผัสเร่าร้อนนี้มานานเสียงครางผะผ่าวกระตุ้นข้อมือใหญ่สอดใส่ท่อนนิ้วเพิ่ม เขาเกร็งกระแทกเข้าใส่ดุดันจนเส้นเลือดรายล้อมข้อแขนขึ้นปูดบวม ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงพิศวาสมองเรือนร่างส่ายเร้า เขาถอนก้านนิ้วออกหลังจากทนความปรารถนากำลังเผาไหม้ตนเองไม่ไหว ต้องการให้ความอึดอัดเบื้องล่างเข้าไปแทนที่ท่อนนิ้วแกร่งของตัวเองชุดนักศึกษาถูกถอดออกด้วยชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเตียง ไม่นานกายเปลือยเปล่าสวยงามก็ปรากฏแก่สายตา ผิวเนียนละเอียดอมชมพูสวยกระแทกใจการันต์ “หนูเปรมของอาสวยเหลือเกิน” “อาอย่ามองนานนักได้ไหม”“มากกว่ามองก็ทำมาแล้ว”มุมปากหยักกระตุกให้กับเจ้าของมือที่ยกขึ้นปิดส่วนสวยงามเอาไว้ ทั้งขาเร