ดูซิแค่แตะต้องเพียงนิดหน่อย กายก็ร้อนผ่าวอยากที่จะเร่งรุดให้ไปถึงจุดหมายปลายทางปรารถนาที่มาพร้อมความเสียดาย ถ้าให้อินซอฟเปิดห้องให้ก็ดีนะซิ จะได้มีความสุขกับมัดหมี่เสียในคืนนี้เลย กายแกร่งขยายใหญ่เสียจนปวดร้าว ด้วยต้องการเข้าไปพำนักในความอบอุ่นและฉ่ำร้อน แต่ฟารฮานก็ต้องจำต้องอดทนไว้ก่อน ถือคติอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
“บะ...บัญชีค่ะ” ปิยาพัชรตอบกลับเสียงสั่น อย่างไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงยอมให้ชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักมากก่อนแสดงความสนิทชิดเชื้อถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ถ้าพี่มัดหวายรู้เข้ามีหวังโกรธเป็นไฟแน่ เพียงแค่นึกถึงพี่สาว เรือนกายที่กำลังอ่อนระทวยและพร้อมจะเดินทางไปในทุ่งกว้างก็พลันมีสติขึ้นอย่างรวดเร็ว สองมือเล็กที่จิกทึ้งดึงเสื้อตัวใหญ่ รีบผลักกายหนาใหญ่ให้ออกห่าง มือเล็กเรียวเงื้อขึ้นสูงหมายจะตอบแทนคนที่อุกอาจ
“โอ๊ะโอ่!! มัดหมี่กล้าทำร้ายฉันหรือ” ฟารฮานถามสีหน้าและน้ำเสียงยิ้มๆ ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปตามใบหน้าขาวเนียน ที่ถึงแม้จะอยู่ในความมืดเพราะแสงไฟส่องมาไม่ถึง แต่กระนั้นก็ยังได้รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าขาวสวยแปรเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ ริมฝีปากอิ่มเต็มเริ่มบวมและแดงช้ำจากแรงกดทับ
ปิยาพัชรยังไม่ทันได้ทำอะไรตามความต้องการ มือเล็กก็ตกอยู่ในมือใหญ่ อีกทั้งโดนจับไพล่หลังไว้เสียอีก สองมือแกร่งดันเอาร่างบอบบางที่มีเสื้อผ้าติดกายอย่างหมิ่นเหม่ จมหายไปบดเบียดกับกายแกร่งที่ไม่รู้ว่ากระดุมเสื้อสูทตัวใหญ่และเสื้อเชิ้ตอีกตัวที่อยู่ภายในหลุดออกจากร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ สองกายบดเบียดเสียดสีสร้างความปวดร้าวและก่อเกิดไฟปรารถนาอย่างรวดเร็ว
“คุณ...ปล่อยมัดหมี่นะ ไม่งั้นมัดหมี่จะร้องให้คนช่วย”
“อืม...มัดหมี่กล้าร้องจริงหรือ ถ้ากล้าก็เอาซิ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าตอนที่คนอื่นมาเห็นเธอจะอยู่ในสภาพแบบไหน จะมีเสื้อผ้าติดกายหรือว่าไม่มี เลือกเอาเองนะสาวน้อย” อย่างที่บอกให้รู้ว่าเอาจริง มือใหญ่ลากไล้วนเวียนรอบๆ แผ่นหลังเนียนนุ่มบริเวณที่ซิปแยกอยู่แล้ว ปลายนิ้วยังซุกไซ้เข้าไปใต้เนื้อผ้า ลูบไล้ผิวกายและสะกิดเอาที่ตะขอชั้นใน
ปิยาพัชรหน้าซีดเผือด ดวงตากลมโตเบิกกว้างไหวระริกด้วยความตกใจและหวาดกลัว หัวใจเต้นอ่อนแรงและเกือบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว ริมฝีปากสั่นระริกจนต้องรีบขบกัดเอาไว้ มือเล็กเรียวเย็นเฉียบเหมือนกับน้ำแข็งรีบจับรั้งมือใหญ่ให้หยุดกับที่ อีกมือก็รีบจับเสื้อผ้าไม่ให้ร่วงลงจากกาย ได้แต่พยายามข่มความกลัวเอาไว้ภายใน ดึงเอาความกล้าที่มีน้อยนิด และพยายามถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“คะ...คุณเป็นใคร แล้วต้องการอะไรจากมัดหมี่กันแน่?”
“อยากรู้จริงๆ เหรอมัดหมี่ ฉันไม่ต้องการอะไรมากมายหรอก ก็แค่...” และถึงแม้จะมีมือเล็กจับมือใหญ่เอาไว้ แต่ก็ขัดขวางไม่ให้ปลายนิ้วยาวใหญ่ขยับไล้ผิวเนื้อขาวนวลเนียนได้ อีกทั้งใบหน้าคมโน้มลงไป ริมฝีปากอุ่นร้อนขบเม้มปลายติ่งหูนุ่ม
“ฉันต้องการตัวเธอไง สาวน้อย”
เท้าเรียวยาวก้าวถอยไปด้านหลัง แต่แขนใหญ่กลับดึงรั้งเอาไว้ และรัดด้วยแขนแข็งแกร่งเหมือนกับคีมเหล็ก ร่างหนาดันร่างบางแนบชิดผนังห้อง ขาแข็งแกร่งข้างหนึ่งแทรกระหว่างลำขาเรียวยาวที่พยายามจะยกเท้าขึ้นประทุษร้าย พร้อมเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ
“คิดทำร้ายกัน...ไม่กลัวโดนเอาคืนหรือไงมัดหมี่” ใบหน้าคมซบซุกกับลำคอระหง ขบเม้มผิวเนื้อขาวเนียนเบาๆ พอให้เป็นรอยเหมือนกับโดนใครจูบมาเพื่อตีตราจอง “จำไว้นะมัดหมี่ ต่อไปนี้ห้ามให้ใครมาทำแบบนี้กับเธออีก ถ้าไม่เชื่อรับรองได้ว่าฉันจะขังเธอไว้บนเตียงทั้งคืนแน่สาวน้อย”
ปากหนาอุ่นประกบลงบนเรียวปากนุ่ม บดคลึงเต็มๆ แรง ก่อนปลายลิ้นจะซอกซอนเข้าไปควานหาความหวานปานน้ำผึ้งภายในโพรงปากนุ่ม มือใหญ่ลากไล้วนเวียนจิกทึ้งดึงเอาชุดสวยหล่นไปกองที่เอวคอดกิ่ว ส่วนชั้นในตัวเล็กก็ตกลงไปกองอยู่ปลายเท้า มือใหญ่ฟอนเฟ้นปทุมถันอวบอิ่มตั้งแต่ฐานรากจนถึงปลายยอดเม็ดบัวสีเข้ม กดคลึงจิกทึ้งตามแรงอารมณ์ที่ปะทุออกมา
ปิยาพัชรถึงกับเขาอ่อน ร่างน้อยไร้เรี่ยวแรงและสั่นไหวเหมือนกับสนต้องลมพายุร้าย สองมือจิกทึ้งเสื้อตัวใหญ่ ลมหายใจหอบแรงเหมือนกับคนที่กำลังจะจมน้ำ ปากอวบอิ่มอ้าออกเพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ฟารฮานใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม
ริมฝีปากหนาร้อนประทับจุมพิตเคลื่อนไปตามจมูกโด่ง ดวงตากลมโต ขบเม้มติ่งหู ปลายลิ้นสากร้อนซอกซอนเข้าไปในช่องหนูนุ่ม ซุกไซ้ขบเม้มไปตามผิวกายเนียนหอมและอย่างไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะมีใครมองมัดหมี่ของเขา
ริมฝีปากหนาประทับไปบนบัวตูมเต่งตึง ปลายลิ้นตวัดไล้ปลายยอดถันสีเข้มเต็มแรงอารมณ์ปรารถนาที่ลุกโชติ ขบเคลื่อนไปประทับบนเรียวปากนุ่มบดคลึงแรงๆ อยู่สองสามครั้ง จึงได้ยอมปล่อยร่างน้อยให้เป็นอิสระ แต่ก็ยังไม่คลายอ้อมแขนใหญ่ เพียงแค่คลายออกเล็กน้อยให้ปิยาพัชรได้หายใจหายคอสะดวกขึ้นเท่านั้นเอง
“คุณ...ปล่อยมัดหมี่นะ!” ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ปิยาพัชรจึงได้แต่ขอร้องเสียงแผ่ว ด้วยเกรงกลัวภัยจากหนุ่มร่างใหญ่ที่ยังคงอิงแอบแนบชิด อีกทั้งปลายนิ้วยาวใหญ่ยังลากไล้วนเวียนบริเวณเนินทรวงสล้าง ใบหน้าสวยรีบเบือนหนีเมื่อจมูกโด่งคมกดลงบนแก้มนุ่ม
“อยากให้ฉันปล่อยเธอจริงๆ หรือมัดมี่ ฉันว่าไม่ใช่มั้ง เพราะตัวเธอ...” มือใหญ่ลากไล้แผ่วเบาไปตามเรือนกายสั่นไหวระริก
“ปะ...ปล่อยมัดหมี่นะคะ...”
“ก็ได้”
สิ้นเสียงทุ้มแหบห้าวปิยาพัชรแทบจะถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วริมฝีปากอวบอิ่มก็ต้องอ้าออก ดวงตาเบิกกว้าง
“แต่คืนนี้เธอต้องไปต่อกับฉันนะสาวน้อย...”
“มะ...ไม่นะคะ มัดหมี่ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณคิดนะคะ”
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น แค่คืนนี้ฉันอยากอยู่กับเธอนี่นา” ถึงแม้ปากจะพูดไป แต่มือใหญ่ก็ยังคงทำงานอย่างไม่ยอมให้สองปทุมถันอวบอิ่มได้อยู่อย่างสบาย ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้กดคลึงปลายยอดถันสลับซ้ายและขวา ในขณะที่อีกมือก็ลากไล้ลงไปบีบนวดลำขาเรียวยาว
“พาหม่อมฉันกลับมาอีกทำไม หม่อมฉันไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนหลอกลวง”“ถ้าไม่ใจร้ายและหลอกลวงอีก จะอยู่ด้วยไหมล่ะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มและเว้าวอนทำเอาคนที่พยายามจะใจแข็งถึงกับสั่นระรัว ด้วยรู้ชะตาตัวเองดีตั้งแต่ถูกจับได้นั่นแหละว่าอาจหนีไม่พ้นอ้อมแขนใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต“จะรู้ได้ไง พระองค์จะไม่หลอกหม่อมฉันอีก ทั้งพี่ทั้งน้องช่างวางแผนและเจ้าเล่ห์เหลือเกินนี่”“ใช้หัวใจแลกหัวใจไง”“เชอะ...คนอย่างองค์นาสเซอร์ ประมุขผู้ครองแคว้นซัลจาร์บาเมีย ชายหนุ่มที่มีผู้หญิงนับสิบอ๋อ...นับร้อยมากกว่าคอยถวายตัวเป็นข้ารองบาทน่ะหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงอย่างหม่อมฉันเพียงคนเดียว เชื่อตายละ” กัญญาพัชรยังคงปากแข็งแม้ใจจะยอมผ่อนตามไปเกือบจะครึ่งแล้ว“อ้าว...ทำไมล่ะ เราแตกต่างกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างไร ถึงจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ได้น่ะ ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไปในชีวิตนะมัดหวาย สำหรับเราเมื่อเราพบคนที่ใช่ เราก็พร้อมที่จะหยุดทุกอย่างไว้ที่เธอคนนั้นเพียงคนเดียว และตอนนี้เราก็คิดว่าเราพบนางคนนั้นของเราแล้ว”หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ไม่เป็นจังหวะ นาสเซอร์หมายถึงเธอใช่ไหม ‘ไม่นะมัดหวาย แกอย่าลืมซิว่าเขาหลอกลว
“ไม่ใช่หรอกมัดหมี่ ถ้าเพียงแค่ความต้องการของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าเขาไม่ทำถึงขนาดนี้หรอก” ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่จับมือเล็กเรียวมาวางบนแผงอกกว้างตรงที่มีหัวใจกำลังเต้นอยู่“สิ่งที่ฉันทำด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจก็จริง แรกเริ่มมาจากเพียงแค่ความปรารถนาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งนับจากวันแรกที่ฉันได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของสาวน้อยคนนั้น มันเป็นคำสั่งมาจากหัวใจทั้งสิ้น” สองมือใหญ่จับรั้งใบหน้าขาวสวยให้จ้องเข้าไปในดวงตาคมกริบ“ฉันอยากจะบอกให้มัดหมี่รู้เหมือนกัน ฉัน...รัก...มัดหมี่”ปิยาพัชรแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง หากว่าไม่ถูกจับรั้งไว้ศีรษะทุยคงจะส่ายบอกว่าไม่เชื่อและไม่จริง แต่คำพูดที่หนักแน่น ดวงตาที่มั่นคงดุจดังภูเขาหินที่ไม่อาจพังทลายลงมาได้ ไม่ว่าจะเจอพายุร้ายเพียงใดเป็นคำตอบที่ชัดเจน และที่สำคัญคือหัวใจของเธอมันก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดนั้นซะด้วยสองแขนเรียวโอบรอบกายแข็งแกร่ง “จริงๆ นะคะ คุณฟารฮานพูดจริงๆ นะคะ ไม่ได้หลอกให้มัดหมี่ดีใจเล่นนะคะ”“จริงซิ ฉันจะโกหกมัดหมี่ทำไมล่ะ เพราะรัก ฉันเลยต้องวางแผนการร้ายทุกอย่าง เพื่อส่งแม่สาวจอมหว
“แสดงว่าพวกนายรู้แผนการของเราทุกอย่างเลยใช่ไหม แล้วรู้ได้ยังไง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมถึงไม่ขัดขวางตั้งแต่ต้น”“เอาเป็นว่าฉันจะเล่าให้เธอฟังวันหลังนะ แต่วันนี้ขอฉันลงโทษคนที่ทำให้ใจเสียก่อนละกัน”ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้ม ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง “เสียใจด้วยนะอินซอฟ เผอิญว่าวันนี้เครื่องซักผ้ามันดันเกิดแอ๊กซิเดนท์ ทำงานไม่ได้อ่ะ”จันฑีราหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ ยิ่งได้เห็นใบหน้าเสียอารมณ์ของอินซอฟก็ยิ่งอยากแกล้งยั่วเย้าให้หนักขึ้นอีก แต่รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เธอหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมจะต้องถูกเขาเอาคืนจนอาจจะลุกจากเตียงไม่ได้เพราะความเพลียมือเล็กจับแขนใหญ่วางยาวแนบไปกับพื้นเตียง พร้อมกับวางศีรษะลงไปนอนหนุน อีกมือก็จับแขนใหญ่มาพาดรอบเรือนกายเล็ก กายบางขยับจนแนบชิดกับเรือนกายใหญ่ นับจากวันนี้ชีวิตที่เคยมีเคยอยู่คนเดียวได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มด้วยความรักและความอบอุ่น“ขอบใจนะอินซอฟที่รักฉัน เมื่อก่อนที่ฉันเคยทำร้ายและทำไม่ดีกับนายไว้ ขอให้นายยกโทษและให้อภัยฉันด้วยนะ ฉันสัญญาว่าต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดีๆ และรักนายให้มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำ
“จะไปไหนล่ะมัดหมี่...” แขนแข็งแกร่งสอดเข้าระหว่างเอวเล็กคอดและดึงเข้าหาตัว ศีรษะทุยโน้มลงกระซิบเบาๆ ข้างใบหูนุ่ม น้ำเสียงกึ่งกระเซ้าและยั่วเย้า“รู้ไหมว่าโทษของคนที่คิดหนีฉันน่ะมันร้ายแรงมากนะ”“ปล่อยน้องสาวฉันนะนายฟารฮาน” แม้จะห้อยต่องแต่งอยู่บนร่างสูงใหญ่ แต่กัญญาพัชรก็ไม่วายส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ฟารฮาน สองมือยันแผ่นหลังกว้างเพื่อจะได้นำเอาตัวเองลงไปขัดขวาง“ฉันว่าเธอเอาตัวให้รอดพ้นจากพี่ชายฉันก่อนดีกว่านะมัดหวาย ก่อนที่จะมาช่วยเหลือคนอื่นเขาน่ะ” ฟารฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะ“ไปกันเถอะมัดหมี่ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยเหมือนกัน”“ว้าย!!” สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายลอยขึ้นจากพื้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “ทำอะไรก็ไม่รู้คุณฟารฮานน่ะ”“ก็พาคนที่กล้าหนีฉันไปลงโทษไง” ใบหน้าคมโน้มลงจนจมูกโด่งคมประชิดติดแก้มนุ่ม“บ้า...” ปิยาพัชรส่งค้อนให้คนพูดวงโตด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงฟารฮานไม่ได้โกรธเคืองเธอแม้แต่น้อยนิด อาจมีน้อยใจบ้าง แต่ถ้าอธิบายให้ฟังเขาก็พร้อมที่จะเข้าใจ“โว้ย...ปล่อยฉันนะคนบ้า คนเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็ง รัง
ยามราตรีที่ท้องฟ้ามีแสงดาวส่องนำทาง สามร่างเดินตามกันไปอย่างรีบเร่ง โดยมีร่างสูงโปร่งเดินนำและร่างบอบบางอีกสองร่างเดินตามไปติดๆ ศีรษะทุยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้นาสเซอร์ ฟารฮาน และอินซอฟกำลังอยู่ร่วมการประชุมในการกำหนดนโยบายของแคว้นว่าจะให้เดินไปในทิศทางใดหลังจากนี้ แต่ใครจะรู้เล่าเกิดว่าคนหนึ่งคนใดเกิดสงสัยในพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ และกระซิบกระซาบที่เธอและน้องๆ ทั้งสองคนมีมีหลายครั้งที่ร่างโปร่งบางหยุดยืนและหันไปจะเอ่ยปากถามสองสาวที่ตามมาด้วยว่าตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะตามเธอไปน่ะ แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของสองสาวก็ทำให้พูดไม่ออก ใจจริงกัญญาพัชรไม่ได้อยากชวนปิยาพัชรและจันฑีราหนีไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของสองสาว ที่ไม่รู้ว่าจะต้องโดนหางเลขจากคนที่ไม่หวังดีด้วยเมื่อไหร่ มันก็ทำให้เธอต้องคะยั้นคะยอชักแม่น้ำทั้งห้าให้สองสาวเดินทางหลบหนีกลับบ้านด้วย อีกทั้งเมื่อน้องสาวทั้งสองคนรู้ว่าเธอจะหนีกลับ ทั้งสองก็ไม่ยอมให้เธอต้องเดินทางเพียงลำพังปิยาพัชรและจันฑีราเดินตามกัญญาพัชรไปด้วยใจที่เจ็บปวดและหวาดกลัว
“อ้าว...พี่มัดหวายหลับแล้วละแก” ปิยาพัชรที่เล่าเรื่องของตัวเองจ๋อยๆ ด้วยความดีใจและสุขล้นหยุดอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตแปรเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าลง เธอเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สาวฟังแทบทั้งหมด ยกเว้นเรื่องที่เธอตกเป็นของฟารฮานแล้วและเรื่องถูกปองร้ายหมายเอาชีวิต“ใจเย็นๆ นะแก ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานอินซอฟจะต้องหาคนที่คิดร้ายกับแกเจอ” จันฑีรายกมือขึ้นตบบ่ากว้างของเพื่อนรักเบาๆ เธอเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าปิยาพัชร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่ากัญญาพัชรมีอาการดีขึ้น ความเหนื่อยจากการเดินทางไกลก็เริ่มประท้วง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าหาวหวอดๆ ดวงตาก็เริ่มที่จะหรี่ลง“ฉันไม่ไหวแล้วแก ขอนอนกอดพี่มัดหวายก่อนนะ” ร่างบอบบางคลานขึ้นไปบนเตียงนอนใหญ่ เอนตัวนอนแนบชิดร่างกัญญาพัชร“เฮ้ย...ไม่เอาซิแก ฉันนอนด้วย” ปิยาพัชรบอก เพราะเธอก็เหนื่อยและเพลียเหมือนกัน ร่างบอบบางรีบเอนตัวลงอิงแอบแนบซบกับร่างพี่สาว แขนเรียวยาวพาดไปโอบร่างโปร่งไว้ แต่ด้วยความไม่ระมัดระวังทำให้ปลายมือไปถูกเอาที่บาดแผล ทำให้คนที่หลับอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ และเจ็บปวดเล็กน้อย“ขอมัดหมี่นอนด้วยนะพี่มัดหวาย คิดถึง อยากนอนกอดพี่” ปิยาพัชรบอกเสียงหว