“ความจริงแล้วผมใช้บริการที่ร้านดอกไม้ ของคุณมานานแล้วนะครับ แต่ผมพึ่งรู้ว่าเจ้าของร้านตัวจริงคือคุณฮันน่า ผมคิดว่าเป็นคุณเรยาซะอีก" ฮันน่ารู้สึกเกลียดแววตาของเสี่ยศิลาเหลือเกิน มันดูน่าขนลุกยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งเธอไม่เคยได้สัมผัสกับแววตาน่าขยะแขยงแบบนี้มานานแล้ว แต่ฮันน่าก็ต้องทำใจดีสู้เสือ เพราะเขาได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ดูเหมือนว่าเสี่ยศิลาจะมีออเดอร์เข้าร้านของเธอบ่อยๆ
“ขอบคุณนะคะที่ไว้ใจร้านเรา พอดีว่าลูกโตขึ้น ก็เลยพาเด็กๆ ย้ายมาเข้าเรียนที่นี่ แต่ก่อนดิฉันให้พี่สาวดูแลกิจการให้ แต่ตอนนี้คงต้องเข้ามาดูแลเองทั้งหมดแล้วละค่ะ" คำบอกเล่าของฮันน่าทำให้เสี่ยศิลาถึงกับหน้าเสีย เพราะเขาไม่คิดว่าเธอนั้นจะมีครอบครัวแล้ว แต่ผู้ชายอย่างเขาก็ยังข้องใจ ทำไมไปที่ร้านตั้งหลายครั้ง กลับไม่เคยพบกับสามีของเธอ
“คุณเป็นคุณแม่ที่สวยที่สุดในโลกเลยนะครับ สามีของคุณช่างเป็นผู้ชายที่โชคดี ผมชักอยากจะเห็นหน้าอยากทำความรู้จักเขาซะแล้ว" เวลานี้กลายเป็นฮันน่าที่มีสายตาล่อกแล่ก เธอไม่ได้กลัวที่จะบอกเขาว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่หญิงสาวอยากให้ศิลาเข้าใจว่าเธอนั้นมีลูกมีสามีแล้ว เขาไม่ควรทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าชู้ใส่เธอแบบนี้
“เอาไว้คราวหน้า ถ้ามีโอกาสฉันจะแนะนำให้คุณได้รู้จักก็แล้วกันนะคะ แต่วันนี้ฉันต้องกลับ แล้วเพราะนัดลูกค้าเอาไว้" ฮันน่าพูดออกมาพร้อมกับก้มลงไปมองนาฬิกาที่ข้อมือ สำหรับผู้ชายอย่างเสี่ยเธอยอมเสียมารยาท ดีกว่าจะนั่งปั้นหน้าคุยกับเขาต่อ เพราะเริ่มรู้สึกเสียเวลากับผู้ชายคนนี้มากเกินไปแล้ว
“ได้สิครับ แต่ก่อนที่คุณจะไป คุณฮันน่าจะไม่ให้เกียรติดื่มไวน์เป็นเพื่อนผมสักแก้วหน่อยเหรอครับ" หญิงสาวจำใจยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับเขา เพื่อดื่มให้มันจบๆ ไป จากนั้นเสี่ยศิลาจึงยอมหยิบเช็คส่งให้กับเธอ
“อ้าว! ทำไมตัวเลขในเช็คถึงได้มากขนาดนี้ละค่ะคุณศิลา"
ฮันน่าก้มไปมองจำนวนเงินในเช็ค ปรากฏว่าเขาเขียนให้เธอหลักแสน ซึ่งหญิงสาวไม่ปรารถนาที่จะได้เงินเขามาฟรีๆ เธอทำธุรกิจ ต้องการค้าขายอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าเขาจะให้ทิป แต่มันก็ไม่น่าจะมากขนาดนี้
“ผมชอบ อะไรก็ตามที่ผมชอบ ผมยอมจ่ายทั้งนั้น ซึ่งมันไม่ได้แพงเลยสำหรับผม ความจริงมันคุ้มค่าด้วยซ้ำ ที่ได้เห็นอะไรสวยๆ งามๆ " น้ำเสียงที่หมายมั่น พร้อมกับแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม เขาคงไม่ได้สื่อถึงดอกไม้ แต่กำลังสื่อถึงตัวของฮันน่า ที่เวลานี้เธอดูสวยเซ็กซี่ สะดุดตาต้องใจเขาเหลือเกิน
“เผอิญว่าทางร้านของเราไม่มีมาตรการเอาเปรียบลูกค้า แม้ว่าคุณจะให้ทิปมันก็มากเกินไป เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย ดิฉันขอให้คุณเขียนเช็คใบใหม่ให้จะได้ไหมคะ คุณศิลา!" น้ำเสียงที่ดูหนักแน่นจริงจังของฮันน่า ยิ่งทำให้เสี่ยศิลารู้สึกลุ่มหลงในเสน่ห์ของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงปฏิเสธเงินของเขา ฮันน่าไปอยู่ไหนมา ทำไมเขาถึงได้เจอเธอช้าจัง
“คุณรู้ตัวหรือเปล่า คุณคือผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธเงินของผม แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะเขียนเช็คใบใหม่ให้ เพื่อความสบายใจของคุณ แต่ผมก็อยากให้คุณเข้าใจว่าที่ผมเขียนเช็คใบนั้นให้ เพราะความเต็มใจ และคิดว่าฝีมือการจัดดอกไม้ของร้านคุณมีคุณภาพสวยเกินราคา ผมถึงอยากให้ทิปมากหน่อยก็แค่นั้น"
แม้ว่าเสี่ยศิลาจะพยายามแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่สำหรับฮันน่าที่ผ่านโลกมาเยอะพอสมควร เธอเข้าใจดีว่าชายวัยกลางคนที่ดูสมาร์ตหล่อเท่ แถมยังมีเสน่ห์เขาคงจะมีสาวๆ ห้อมล้อมมากมาย และคงจะชินกับการใช้เงิน ซื้อความสุขให้กับตัวเอง จนลืมไปว่าคุณค่าของความเป็นคนนั้นเท่าเทียมกันและไม่ควรที่จะเหยียบย่ำสตรีเพศแม่ เพราะทุกคนมีคุณค่าในตัว เพียงแค่ใครจะมองเห็นไหมก็เท่านั้น
“ขอบคุณนะคะสำหรับทิป ที่คุณยอมจ่ายเกินมาตั้งหมื่น ฉันจะเอาไปแบ่งให้เด็กที่ร้าน แล้วจะบอกพวกเธอว่าคุณฝากมาให้ ขอตัวนะคะ" เมื่อเสี่ยศิลายื่นเช็คใบใหม่ให้กับฮันน่า เธอได้กล่าวขอบคุณเขา พร้อมกับประโยคที่ชายวัยกลางคนได้รับฟัง ทำให้เขาถึงกับอึ้ง เสี่ยศิลาไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะนำทิปไปแบ่งให้เด็กที่ร้านด้วย สายตาคมกริบมองตามหลังร่างอรชรออกไปด้วยหัวใจที่พองโต เขาจะทำยังไงถึงจะได้เธอมาครอบครอง แต่ถ้าหากเธอมีเจ้าของ ตามที่หญิงสาวพูดมา เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถยับยั้งชั่งใจ ไม่ให้ชอบเธอได้ยังไง
ฮันน่าเข้าไปในลิฟต์ เธอกดลงไปที่ชั้นหนึ่งด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่ต้องทำงานพร้อมกับความพยายาม จะเหนื่อยมากขนาดนี้ เมื่อหญิงสาวไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับลูกค้าแบบเสี่ยอีกกี่คน แต่เพื่อลูกและความฝัน ต่อให้เธอต้องใช้ความพยายามแค่ไหน หญิงสาวก็จะฝ่าฟันมันไปให้ได้
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ" เมื่อประตูลิฟต์เปิดกว้างหญิงสาวก้าวเท้าออกไป เธอมัวแต่เหม่อเลยไม่ได้ระวัง จึงชนเข้ากับแผงอกของชายหนุ่ม ที่กำลังรอจะเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างจัง ฮันน่ากล่าวขอโทษเขาออกไป โดยไม่ได้สนใจว่าชายตรงหน้าจะเป็นใคร เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าได้กล่าวคำขอโทษไปแล้ว หญิงสาวค่อยๆ เดินออกไปจากโรงแรม พร้อมกับความคิดมากมายที่ประดาเข้ามาในสมองของเธอ ถ้าวันหนึ่งเสี่ยศิลารู้ว่าเธอไม่มีสามี เขาคงตามตอแยเธอไม่เลิกอย่างแน่นอน
“สวัสดีค่ะ เชิญเลยค่ะเดี๋ยวดิฉันจะขึ้นไปส่งคุณธาวินได้แจ้งเอาไว้แล้ว" พนักงานสาวสวยยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวทักทายฮันน่าจากนั้นหล่อนก็ได้เดินนำหน้าหญิงสาวตรงไปยังลิฟต์ เพราะอีธานอยู่ชั้นบนสุด คือชั้นเก้าและที่สำคัญชั้นนั้นมีเพียงแค่เขาอาศัยอยู่ เพราะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเหมือนบ้านมากกว่าโรงแรมพอฮันน่าเดินออกเดินออกมาจากลิฟต์พนักงานสาวก็ได้กลับลงไปทันที ในเวลานี้ หญิงสาวกำลังตกอยู่ในภวังค์การออกแบบที่ดูน่าอยู่น่าอาศัย ฮันน่ากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่ลีโอจะเดินเข้ามาหาเธอ “เชิญครับ นายให้คุณเข้าไปรออยู่ในห้อง เอาช่อดอกไม้มาเดี๋ยวผมถือเอง เชิญคุณผู้หญิงเข้าไปด้านในเลยครับ" ในเวลานี้ฮันน่าทำตัวไม่ถูกบวกกับความแปลกใจเธอเป็นแค่คนส่งดอกไม้แล้วทำไมต้องเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในของห้องด้วย แล้วถ้าเขาคิดไม่ซื่อกับเธอจะทำยังไงดี หรือว่าเธอกำลังมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ในเมื่อเขาก็มีภรรยาอยู่แล้ว ผู้ชายคนนั้นอาจจะให้เธอเข้าไปนั่งรอ เพื่อจ่ายเงินที่เหลือก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นฮันน่า จึงยอมเดินเข้าไปในห้อง และเธอก็ถึงกับตกตะลึงในความหรูหราโอ่อ่าของห้องนี้
“อืม...ออกรถสิ ฉันยอมคุณศิลาจริงๆ ขนาดเลทตั้งหลายชั่วโมงก็ยังจะรอ แสดงว่าโปรเจคนี้คงมีความสำคัญกับเขามาก" อีธานรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง ที่เสี่ยศิลาไม่ยอมเลื่อนนัด เพราะไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เขาคงจะแอบเฝ้ามองฮันน่ากับลูกทั้งวัน แต่ตอนนี้เขาคงต้องไปพบหุ้นส่วนรายสำคัญก่อน “อุ้ย! เกือบลืมค่ะแม่นี่เงินค่าช่อดอกไม้พร้อมกับค่ามัดจำช่อใหม่ และนี่นามบัตร" ฮันน่ารับเงินค่าช่อดอกไม้มาจากลูกสาว พร้อมกับนามบัตรแบบงงๆ “คืออะไรกันยา ค่าดอกไม้หกพันส่วนอีกสี่พันค่ามัดจำช่อใหม่หมายความว่ายังไง"ฮันน่าถามลูกสาวออกมาด้วยความแปลกใจ และเมื่อเห็นนามสกุลของนายธาวินที่อยู่บนนามบัตร เธอถึงกับทำตาโตพร้อมกับเอามือขึ้นมาป้องปากเอาไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่นามสกุลก็ทำให้ใจของเธอนั้นเต้นแรง เพราะสิบกว่าปีมาแล้วที่เธอนั้นไม่ได้ข่าวของอีธาน แต่หญิงสาวก็ปรารถนาอยากให้เขามีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าเธอนั้นไม่อยากพบเจอกับเขาก็ตามที“คุณธาวินเขาสั่งดอกไม้ที่ร้านของเราช่อละเป็นหมื่นเลยนะคะแม่ และ
ในเวลานี้ต่างคนต่างก็จ้องมองกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งสองรู้แค่เพียงว่าภายในใจมันรู้สึกดี กันยาเองก็รู้สึกผูกพันกับแววตาของชายหนุ่ม เธอรู้สึกอบอุ่นเวลาที่ได้จ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้า อีธานดูเป็นผู้ใหญ่หล่อสมาร์ตเท่และมีเสน่ห์มาก แต่ความรู้สึกของกันยาเขาเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่กำลังจ้องมองเธออย่างเอ็นดู ไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง อีธานยังคงมองไปที่ใบหน้าของกันยาด้วยความรู้สึกถูกชะตา ทันใดนั้นเองเขาได้คิดแผนการบางอย่างขึ้นมา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องชดเชยเวลาทั้งหมด เพื่อกลับมาเป็นครอบครัว ดั่งที่ใจเขาเคยปรารถนาเอาไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งเธอเองเป็นคนปฏิเสธและทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี “ดอกไม้สวยมาก ค่าเดินมาส่งสี่พันรวมเป็น หนึ่งหมื่นหนูนับก่อนก็ได้นะ" อีธานหยิบธนบัตรส่งให้กันยา พร้อมกับเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้จากหญิงสาวมาวางไว้ที่เบาะหลัง “ขอบคุณมากนะคะที่ใช้บริการร้านของเรา แต่กันยาคง
“อืม...ผมเอาช่อนี้ครับ" ลีโอชี้ลงไปที่ภาพของดอกไม้ช่อใหญ่ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง “ว้าว! แฟนคุณคงดีใจมากเลย นั่งรอสักครู่นะคะ" กันยายิ้มแฉ่งออกมาด้วยใบหน้าที่สดใส ใครเห็นก็บอกว่าโลกทั้งใบเป็นของเธอ เพราะรอยยิ้มที่พิมพ์ใจไม่ต่างจากอีธาน เพียงแค่เค้าโครงใบหน้าเธอได้มารดามาเต็มๆ “พี่แป้งรับออเดอร์ด้วยค่ะ" กันยาตะโกนออกไปเสียงดัง เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่หน้าร้าน เธอลืมไปว่าทุกคนไปพักรับประทานมื้อกลางวันกันหมด “กันยา...แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าตะโกนเสียงดัง อุ๊ย! ตายแล้ว... ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า ที่ลูกสาวดิฉันเผลอเสียมารยาท ตะโกนออกมาเสียงดังแบบนี้" ฮันน่าลุกออกมาจากโต๊ะทำงาน ซึ่งเธอกำลังเช็กออเดอร์ ดูรายชื่อลูกค้าในการจัดงานนอกสถานที่ของเดือนนี้ เมื่อได้ยินเสียงลูกสาวเรียกแป้งร่ำดังลั่นออกมาแบบนั้น ทำให้หญิงสาวร่างอรชรเดินออกมาดูหน้าร้าน
“ลีโอ...ลีโอ ใช่เธอหรือเปล่า... ใช่ฮันน่าไหม ใช่! ต้องใช่เธอแน่!" น้ำเสียงของอีธานเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง คำขอโทษของเธอเมื่อสักครู่ ยังคงก้องอยู่ในหัวใจของเขา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นศตวรรษ ชายหนุ่มก็ยังคงจดจำสรีระท่าทางของเธอได้เป็นอย่างดี นั่นฮันน่าภรรยาของเขา ต่อให้เธอแต่งหน้าทาปาก หรือว่าไม่เติมแต่งอะไรลงไปบนใบหน้าเขาก็จำได้จนติดตา ภาพของเธอยังคงตราตรึงในหัวใจของเขาอยู่ทุกวินาที แต่ที่เขาสงสัยในตอนนี้ก็คือเธอมาทำอะไรที่นี่ เพราะนี่คือโรงแรมของเขา “คุณฮันน่าล้านเปอร์เซ็นต์ครับนาย" ดูเหมือนว่าในเวลานี้ ลีโอก็มีความตื่นเต้นไม่แพ้เจ้านายหนุ่มของเขาเช่นกัน “จะรออะไรล่ะ รีบตามเธอไป วันนี้ฉันจะรู้ให้ได้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหนกับใคร เธอหายไปไหนมา" น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความดีใจ แววตาที่เป็นประกายบ่งบอกให้รู้ว่าหัวใจที่ตายด้านกำลังจะฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง “แต่คุณศิลารอนายอยู่
“ความจริงแล้วผมใช้บริการที่ร้านดอกไม้ ของคุณมานานแล้วนะครับ แต่ผมพึ่งรู้ว่าเจ้าของร้านตัวจริงคือคุณฮันน่า ผมคิดว่าเป็นคุณเรยาซะอีก" ฮันน่ารู้สึกเกลียดแววตาของเสี่ยศิลาเหลือเกิน มันดูน่าขนลุกยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งเธอไม่เคยได้สัมผัสกับแววตาน่าขยะแขยงแบบนี้มานานแล้ว แต่ฮันน่าก็ต้องทำใจดีสู้เสือ เพราะเขาได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ดูเหมือนว่าเสี่ยศิลาจะมีออเดอร์เข้าร้านของเธอบ่อยๆ“ขอบคุณนะคะที่ไว้ใจร้านเรา พอดีว่าลูกโตขึ้น ก็เลยพาเด็กๆ ย้ายมาเข้าเรียนที่นี่ แต่ก่อนดิฉันให้พี่สาวดูแลกิจการให้ แต่ตอนนี้คงต้องเข้ามาดูแลเองทั้งหมดแล้วละค่ะ" คำบอกเล่าของฮันน่าทำให้เสี่ยศิลาถึงกับหน้าเสีย เพราะเขาไม่คิดว่าเธอนั้นจะมีครอบครัวแล้ว แต่ผู้ชายอย่างเขาก็ยังข้องใจ ทำไมไปที่ร้านตั้งหลายครั้ง กลับไม่เคยพบกับสามีของเธอ “คุณเป็นคุณแม่ที่สวยที่สุดในโลกเลยนะครับ สามีของคุณช่างเป็นผู้ชายที่โชคดี ผมชักอยากจะเห็นหน้าอยากทำความรู้จักเขาซะแล้ว" เวลานี้กลายเป็นฮันน่าที่มีสายตาล่อกแล่ก เธอไม่ได้กลัวที่จะบอกเขาว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่หญิงสาวอยากให้ศิลาเข้าใจว่าเธอนั้นมีลูกมีสามีแล้ว เขาไม่ควรทำ