Share

ตอนที่ 4

last update Last Updated: 2025-02-03 02:37:30

เว่ยซือหลางในวัย 20 ปีมีความสุขุมมากกว่าน้องชายส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็จับมือเว่ยซือเหลียงออกจากหัวของน้องสาว “อย่าแกล้งน้อง”

“โธ่พี่ใหญ่ ข้าแค่แกล้งน้องนิด ๆ หน่อย ๆ เอง”

“ไม่ได้ อย่าแกล้งน้อง” เว่ยซือเหลียงทำหน้าขัดใจเพราะไม่อาจขัดคำพูดพี่ใหญ่ได้  

“สมน้ำหน้า แบร่” เว่ยซือหงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่พี่ชายคนรอง เล่นเอาเว่ยซือเหลียงทั้งฉุนทั้งขำ

“พี่ใหญ่ท่านดูนางสิ”

“น้องเล็ก เดี๋ยวเถอะ”

เว่ยซือหงเปล่งเสียงหัวเราะที่แกล้งทั้งพี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองได้ แต่พอถูกสายตาเรียบนิ่งของพี่ชายทั้งสองมองมาเจ้าตัวจึงค่อย ๆ เงียบลง “ขออภัยเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่เจ้าเถอะสบายดีหรือไม่”

“สบายดีเจ้าค่ะ พวกท่านเล่าเจ้าคะ”

“พวกพี่สบายดี”

สามพี่น้องตระกูลเว่ยผลัดกันถามสารทุกข์สุกดิบก่อนผลัดกันเล่าเรื่องราว ถึงจะเขียนจดหมายเล่าให้กันฟังทุกเดือนอยู่แล้วก็เถอะ ทว่าเมื่อเจอหน้ากันทั้งเรื่องใหม่เรื่องเก่าล้วนถูกเล่าปะปนกันไปอยู่ดี เป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว

“ว่าแต่ครั้งนี้พวกท่านจะอยู่ที่จวนนานหรือไม่เจ้าคะ”

“ทำไม เจ้าอยากให้พวกพี่กลับไปแล้วหรือ” เว่ยซือเหลียงกวนน้องสาว จนเว่ยซือหงมุ่ยหน้า

“ใช่ที่ไหนเล่าเจ้าคะ ข้าก็แค่อยากรู้เท่านั้น รอบก่อนพวกท่านบอกว่าจะอยู่ที่จวนสองเดือน สุดท้ายเป็นเช่นไร แค่อาทิตย์เดียวก็กลับสำนักศึกษาไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปทำภารกิจด่วนหรือรีบกลับไปหาสตรีกันแน่” ไม่พูดก็แล้วไปเถิด พอพูดขึ้นมาทำให้นางรู้สึกงอนพวกพี่ชายจริง ๆ แล้วนะ

“ข้าไม่เกี่ยวนะ” เว่ยซือหลางที่ได้รับสายตาขอความช่วยเหลือจากน้องชายรีบส่ายหน้าเอ่ยปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องทันที

เว่ยซือเหลียงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ลอบมองสีหน้าน้องสาวดูแล้วเหมือนจะงอนจริง “พี่ใหญ่ไม่ช่วยกันหน่อยหรือขอรับ”

“ไม่ เจ้าแกล้งน้องเล็กเองก็ง้อเอง”

“น้องเล็ก น้องเล็กคนดีของพี่รอง พี่รองขอโทษ พี่รองไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ”

“เชอะ” เว่ยซือหงหันหน้าหนีแต่มุมปากกลับกระตุกยิ้มน้อย ๆ เว่ยซือหลางเห็นแล้วยกมือป้องปากกลัวจะหลุดหัวเราะแล้วโดนงอนไปด้วยอีกคน

“น้องเล็ก พี่รองผิดไปแล้ว ครั้งก่อนพี่รองไปทำภารกิจด่วนจริง ๆ ไม่ได้ไปหาสตรีที่ไหน หัวใจของพี่รองมีเพียงครอบครัวของเราเท่านั้น แค่เอาใจท่านย่า ท่านแม่ และเจ้า พี่รองก็ไม่มีเวลาไปมองใครแล้ว ให้อภัยพี่รองเถอะนะ ดีกันนะน้องเล็ก นะ” คิดภาพผู้ชายตัวโตงอนง้อน้องสาวด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยดูสิ ภาพที่ออกมาน่าดูชมไม่เบาเลยนะ

“จริงหรือเจ้าคะ” เว่ยซือหงถามอย่างมีชั้นเชิง

“จริงสิ พี่รองไม่โกหก ดีกันนะน้องเล็ก” เว่ยซือหงไม่ได้เล่นตัวนานนัก นางหันหน้าเผชิญกับพี่ชายพลางว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ อาหงไม่งอนแล้วก็ได้”

“น้องเล็กดีที่สุด”

“สรุปแล้วคราวนี้ได้อยู่จวนนานหรือไม่เจ้าคะ”

“พวกพี่ลามาหนึ่งเดือน แต่ไม่รู้จะได้อยู่จวนหรือไม่” เว่ยซือหลางเป็นคนตอบพร้อมสีหน้าครุ่นคิด เว่ยซือหงรู้สึกแปลกใจถามกลับไปทันที

“เหตุใดเล่าเจ้าคะ”

“นี่เจ้ายังไม่รู้” เว่ยซือเหลียงเอ่ยถามน้องสาวด้วยสีหน้าประหลาด เว่ยซือหงงงหนัก ยังมีเรื่องอะไรที่นางพลาดไปกระนั้นหรือ

“มันเรื่องอันใดกันแน่เจ้าคะพี่ใหญ่พี่รอง”

พี่ชายทั้งสองมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ก่อนค่อย ๆ เล่าให้น้องสาวฟังอย่างละเอียด

“พวกท่านว่าอันใดนะเจ้าคะ! พวกท่านบอกว่าดินแดนลับกำลังจะเปิดออก ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเปิดในแคว้นโจวของเรา”

“ใช่”

“ข่าวใหญ่ขนาดนี้ทำไมอาหงไม่รู้เล่าเจ้าคะ ดินแดนลับกำลังจะเปิดออกเชียวนะ” เจ้าตัวโวยวายเล็กน้อยก่อนค่อยสงบลง

“คงเป็นเพราะช่วงนี้อาหงถูกท่านย่าเคี่ยวกรำเรื่องศาสตร์ทั้งสี่รวมถึงจารีตประเพณีของสตรีชั้นสูงจนไม่ได้สนใจเรื่องราวภายนอกแน่เลยเจ้าค่ะ”

“...”

“มิน่าละ สองสามวันก่อนท่านปู่กับท่านพ่อถึงได้มีสีหนาเคร่งเครียดกว่าปกตินัก”

“...”

“เฮ้อ เช่นนั้นอาหงก็เข้าใจแล้วเจ้าค่ะว่าเหตุใดพวกท่านจึงไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่จวนหรือไม่ คงเพราะพวกท่านจะเข้าร่วมดินแดนลับสินะเจ้าคะ”

“เป็นเช่นนั้น”

เว่ยซือหงเงียบไป นางเข้าสู่ภวังค์ความคิด หากนี่เป็นข่าวจริง ซึ่งนางเชื่อว่าจริงแน่ ไม่เช่นนั้นพี่ชายทั้งสองคงไม่พูดออกมา ข่าวใหญ่มากเช่นนี้ ด้านนอกคงจะวุ่นวายไม่น้อย

ความคิดของเว่ยซือหงถูกต้อง ภายนอกจวนตระกูลเว่ยนั้นล้วนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจากทั่วสารทิศ ทันทีที่สมาคมอักขระออกมาประกาศว่าดินแดนลับในครั้งนี้จะเปิดที่ดินแดนเบื้องล่าง ทั้งยังเป็นแคว้นโจว ผู้คนมากมายก็เร่งเข้ามาในแคว้นต่างจับจองห้องพัก เพราะถ้าช้าเกินไปอาจได้นอนค้างแรมในป่าได้ ถึงกระนั้นยามนี้โรงเตี๊ยมทุกที่ในแคว้นโจวก็เต็มหมดแล้วเช่นกัน

เมืองหลวงที่เว่ยซือหงอยู่ล้วนมีแต่คนมากอำนาจเดินสวนกันทุกชั่วขณะ จะคิดจะพูดสิ่งใดต้องระมัดระวังให้มาก เพราะเหตุนี้เองท่านปู่และบิดาของนางถึงได้ค่อนข้างเครียด ด้วยเกรงว่าจะไปล่วงเกินคนที่ไม่สมควรเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่เว่ยซือหงถูกกักตัวไว้ในจวนด้วยข้ออ้างของผู้เป็นย่าเพื่อร่ำเรียนศาสตร์ของสตรีชั้นสูงนั่นเอง

“พี่ใหญ่พี่รองพอจะรู้หรือไม่เจ้าคะ ว่าดินแดนลับครั้งนี้เป็นดินแดนแบบไหน”

เว่ยซือหลางมองน้องสาวที่ดวงตาใสแจ๋วสะท้อนความอยากรู้เต็มแก่พลันยกยิ้มแล้วพยักหน้า “เท่าที่พวกพี่ทราบ สมาคมอักขระบอกว่าเป็นมิติร่วมนภานะ”

“มิติร่วมนภา? นี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่กว่าเดิมหรือเจ้าคะ!” เจ้าตัวถามด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ เพราะนานแล้วที่มิติร่วมนภาไม่ได้เปิดออก ร่วมร้อยปีหรือห้าร้อยปีแล้วกระมัง

“ใช่ เพราะเป็นมิติร่วมนภา ผู้คนถึงได้พากันตื่นเต้นและมารวมตัวกันอย่างมากมาย”

“ต้องอันตรายแน่เลยเจ้าค่ะ”

“อันตรายอย่างไรก็สมควรเสี่ยง จะเป็นหมูหรือมังกร ก็วัดกันหลังออกมาจากมิติร่วมนภานี้แล้ว” เว่ยซือเหลียงตอบบ้าง

เว่ยซือหงนิ่งคิด ดินแดนลับแต่ละดินแดนมีความพิเศษต่างกัน อย่างมิติร่วมนภา ถือเป็นดินแดนลับที่ใหญ่และมีปริศนามากที่สุด ขณะเดียวกันภายในนั้นก็เต็มไปด้วยโชคและวาสนา หากสามารถไขว่คว้ามาได้ถือได้ว่าคนผู้นั้นปีนป่ายสู่สวรรค์ไปแล้วครึ่งก้าว

สถานที่ที่เปลี่ยนจากงูดินเป็นมังกรได้ คิดเอาเถิดว่ามันวิเศษแค่ไหน

จู่ ๆ ความคะนึงหาพลันพุ่งเข้าจู่โจมจิตใจของเว่ยซือหง พร้อมทั้งความรู้สึกเรียกร้องของจิตวิญญาณ แม้จะไม่เข้าใจแต่กลับรู้ได้ว่า นางควรเข้าไปในมิติร่วมนภา ดินแดนลับที่ยากจะเปิดออกนี้แน่นอน  

ทว่าหากนางเข้าร่วมด้วย ครอบครัวจะยินยอมหรือเปล่านะ?  

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 75 จบ

    เห็นดังนั้น เว่ยซือหลิวจึงวางใจ ปล่อยให้นางฝึกฝนด้วยตนเอง ส่วนเขาก็กลับไปตั้งใจบ่มเพาะอย่างจริงจัง ตัวเว่ยซือหลางและเว่ยซือเหลียงเองก็จากไปบ่มเพาะเช่นกันเว่ยซือหงยังคงฝึกทักษะการต่อสู้ต่อไปแม้จะไม่มีคู่ซ้อม นางไม่คิดไปนั่งบ่มเพาะ เพราะพอใจในระดับพลังตอนนี้ของตนแล้ว ขอแค่อยากเลื่อนระดับ แค่หลับตานางก็สามารถเลื่อนไปยังระดับราชันได้ทันที ดังนั้นการบ่มเพาะสำหรับนางแล้วไม่จำเป็นเลยเด็กหญิงตั้งหน้าตั้งตาฝึกยุทธ์ขัดเกลาฝีมือของตนต่อไปไม่หยุดยั้ง กระบวนท่าของนางก็เฉียบคมและดุดันขึ้นเรื่อย ๆทั้งรวดเร็วและอันตรายมั่นใจได้เลยว่า หากได้ประมือกับพี่ชายทั้งสองอีก ต่อให้ไม่อาจเอาชนะ แต่นางก็ไม่แพ้อย่างแน่นอน พอใจในพัฒนาการของตนยิ่งนักเว่ยซือหงจึงสลับไปศึกษาศาสตร์อักขระและปรุงยาบ้าง สลับสับเปลี่ยนไปเช่นนี้อย่างไม่รู้เบื่อ วันเวลาในมิติผลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แม้ทุกคนจะมีใบหน้าและอายุเท่าเดิม เพราะเวลาในมิติไม่ส่งผลต่อมนุษย์ ทว่าระดับพลังของพวกเขานั้นคนละเรื่องไปเลย มันพัฒนาอย่างมากชนิดที่ว่าหากพวกเขาไม่ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกฝนในมิติพฤกษาสวรรค์ พวกเขาก็ไม่อาจคิดฝันว่าตนเองจะมาถึงระดับนี้!เว่ย

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 74

    ความจริงแล้วตระกูลเว่ยไม่ได้อาศัยอยู่ในจวน แต่พวกเขามารวมตัวกันอยู่ภายในมิติพฤกษาสวรรค์เว่ยซือหลินกับหลินซือเหยา แม่สามีลูกสะใภ้พากันเดินชมแปลงสมุนไพรพลังปราณระดับเซียนที่เคยเห็นชื่อแค่ในตำราด้วยความตื่นตาตื่นใจเว่ยซือหลิวกับเว่ยซือซานเองพากันศึกษากลยุทธ์ด้านการศึกสงครามในเรือนตำราส่วนสามพี่น้อง เว่ยซือหลาง เว่ยซือเหลียง และเว่ยซือหง พากันนอนกินผลไม้ปราณนิ่ง ๆ เนื่องจากพวกเขาเที่ยวเล่นในมิติจนพอแล้วกระทั่งได้เวลาอาหารกลางวัน ทุกคนก็มารวมตัวรับประทานอาหารพร้อมกันที่จุดเดียว จากนั้นเว่ยซือหลิวก็เอ่ยแจกแจงสิ่งที่แต่ละคนต้องทำขึ้นว่า“หลังจากนี้ข้าคิดว่าให้ทุกคนตั้งใจทำการบ่มเพาะดีกว่า ด้วยความช่วยเหลือจากมิติพฤกษาสวรรค์ พวกเจ้าทุกคนน่าจะเลื่อนระดับพลังปราณได้ไม่ยาก”“ข้าเห็นด้วยกับท่านพ่อนะขอรับ แต่นั่งบ่มเพาะนาน ๆ อย่างเดียวอาจเบื่อได้ เช่นนั้นให้ศึกษาอย่างอื่นที่ตนสนใจด้วยดีหรือไม่ขอรับ” เว่ยซือหลิวเสนอแนะ“จริงด้วยขอรับท่านปู่ ทำเช่นนี้จะได้คลายความเบื่อหน่าย การบ่มเพาะของพวกเราอาจจะก้าวหน้าเร็วขึ้น” เว่ยซือเหลียงเห็นด้วยกับความคิดบิดา“เช่นนั้นก็จัดเวลาด้วยตนเอง ศึกษาสิ่งที่สนใจส

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 73

    “ได้ เริ่มจากข้าเลยแล้วกัน” หวังไท่หยางเป็นคนตรงไปตรงมาเอ่ยรับคำ ก่อนที่จะเอ่ยถึงข้อเสนอที่ตนเตรียมมาให้พ่อลูกตระกูลเว่ยและคนอื่น ๆ ได้ฟังถัดจากเขาคนอื่น ๆ ก็เริ่มนำเสนอข้อเสนอหรือสิ่งแลกเปลี่ยนของตนเองบ้าง การพูดคุยครั้งนี้เป็นไปอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร ทั้งเว่ยซือหลิวและเว่ยซือซานเองยังต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจยอมรับข้อเสนอหรือแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่ายหรือไม่การเจรจาเริ่มตั้งแต่ยามซื่อ(09:00-10:59) จนถึงยามซวี(19:00-20:59) โดยมีการหยุดพักรับประทานอาหารหนึ่งครั้งเท่านั้น การพูดคุยตกลงกันถึงได้สิ้นสุดลงโดยที่แต่ละคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า บ่งบอกว่าการเจรจามันผ่านไปได้ด้วยดี“ยินดีที่ได้ร่วมมือนะน้องเว่ย” หรงเทียนฮ่าว “ยินดีที่ได้ร่วมมือเช่นกันน้องเว่ย” หวังไท่หยาง “หวังว่าเราจะได้ร่วมมือกันอีกนะน้องเว่ย” ฉินตงหยาง“หากน้องเว่ยมีของดีอย่าลืมบอกพวกเราด้วยนะ” อิงหลันฮวาจาก ‘นายท่านตระกูลเว่ย’ ปัจจุบันเปลี่ยนคำเรียกขานว่า ‘น้องเว่ย’ ชี้ชัดว่าจากการพูดคุยครั้งนี้ พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์กันไม่น้อยเลยทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นผลมาจากทุกข้อเสนอได้รับการตอบรับอย่างดีนั่นแหละ หากไม่ใช่เช่นนั้น

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 72

    โอหยางจิง ตัวแทนจากหอเทพโอสถโอหยางเจี๋ย ตัวแทนจากสมาคมอักขระหรงเทียนฮ่าว ตัวแทนจากนิกายมังกรสวรรค์อิงหลันฮวา ตัวแทนจากนิกายจากบุปผาสวรรค์หวังไท่หยาง ตัวแทนจากนิกายพยัคฆ์สวรรค์ฉินตงหยาง ตัวแทนจากนิกายวิหคสวรรค์ตัวแทนที่มาจากนิกายทั้งสี่ ฟังจากที่โอหยางจิงที่เคยบอกกล่าวล่วงหน้าล้วนแต่เป็นเจ้านิกาย เป็นตัวตนยิ่งใหญ่ที่เขาสองพ่อลูกไม่อาจเสียมารยาทได้ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ศึกษาประวัติดินแดนเบื้องบนหรือที่ถูกกล่าวขานว่าทวีปศักดิ์สิทธิ์มาแล้วอย่างคร่าว ๆ ทวีปศักดิ์สิทธิ์ เป็นทวีปที่ปกครองตนเอง ไม่มีราชวงศ์ แบ่งออกเป็น 4 ดินแดน 4 นิกายหรือสำนักศึกษาอันเป็นขุมอำนาจสำคัญ ได้แก่ ดินแดนมังกร ดินแดนพยัคฆ์ ดินแดนวิหค และดินแดนบุปผาดินแดนมังกร เป็นดินแดนที่มีพื้นที่ใหญ่และเฟื่องฟูมีความเจริญก้าวหน้ามากที่สุด จึงถูกจัดให้เป็นเมืองหลวงของทวีปศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนมังกรเป็นที่ตั้งของนิกายมังกรสวรรค์ โดยตระกูลหรงจัดเป็นตระกูลใหญ่และเรืองอำนาจมากที่สุดในดินแดนนี้ทิศเหนือของดินแดนมังกรคือดินแดนวิหค ที่อยู่บนเทือกเขาสูงไม่อาจเดินทางด้วยวิธีธรรมดา จำต้องขึ้นเรือเหาะหรือเรือบินเท่านั้น ดินแดนวิหคเป็นที่

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 71

    เพียงสามวันหลังจากกลุ่มผู้เยาว์กลับออกมาจากการสำรวจดินแดนลับ ข้อเสนอที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์และหลุมพรางมากมายก็ถูกยื่นตรงเข้าหาพวกเขา หลายคนมีความคิดตื้นเขินเห็นแก่ผลประโยชน์เล็กน้อยก็สูญเสียบางอย่างที่ล้ำค่าไป ทว่ามีอีกหลายคนที่มีความคิดอ่านลึกซึ้ง จึงอยู่ในช่วงเจรจาต่อรอง ตระกูลเว่ยเป็นหนึ่งในคนกลุ่มหลังนี้เพียงแต่ว่าตระกูลเว่ยมีความแตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะพวกเขามีแต้มต่อที่เยอะมาก ทั้งยังไม่เห็นแก่ผลประโยชน์เล็กน้อยยังไม่นับรวมการที่เว่ยซือหลิวมีพลังปราณระดับราชัน จากที่คิดว่าอาจถูกกดดัน กลายเป็นว่าตัวตนของตระกูลเว่ยไปกดดันผู้ที่มาเจรจาต่อรองผลประโยชน์แทนแม้จะเป็นเช่นนั้น ประตูของตระกูลเว่ยก็ไม่ได้เงียบเหงาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังมีคนเข้าออกอย่างต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีข่าวว่าพวกเขาตกลงปลงใจกับขุมอำนาจใด หมายความว่าพวกเขายังมีหวังต่อตระกูลเว่ยอยู่ทรัพยากรที่เด็ก ๆ ตระกูลเว่ยเก็บเกี่ยวมาได้นั้นหอมหวานเกินไป ต่อให้การเจรจาต่อรองจะเป็นไปได้ยาก พวกเขาก็ไม่อาจตัดใจได้ จนกว่าจะมีข่าวว่าตระกูลเว่ยจับมือตกลงผลประโยชน์กับกลุ่มอำนาจใดไปแล้วนั่นแหละ พวกเขาจึงจะถอยในคนเหล่านั้น บา

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 2   ตอนที่ 70

    “เรื่องที่อาหงสามารถพาทุกคนเข้าไปยังมิติของตัวเองได้นั้นเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ กล่าวให้ถูกคืออาหงสามารถพาทุกคนเข้ามิติได้ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอยู่ในระดับแม่ทัพแล้ว ทว่ามันต้องแลกกับการต้องทำพันธสัญญาเลือดกับทุกคน คล้ายการทำพันธสัญญาทาสที่จะไม่ทรยศหรือหักหลังอาหง”“...”“แต่ทุกคนเป็นครอบครัวของอาหงนะเจ้าคะ อาหงจะทำพันธสัญญาเช่นนั้นกับพวกท่านได้อย่างไร จึงไม่เคยเอ่ยถึงหรือบอกกล่าวความจริงนี้ให้ฟัง ด้วยเหตุนั้นอาหงจึงเริ่มศึกษามิติของตนเองมาเรื่อย ๆ ว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะพาทุกคนเข้าไปในมิติได้โดยไม่ต้องทำพันธสัญญากดขี่เช่นนั้น และอาหงก็ค้นพบ”“...”“นั่นก็คือต้องเพิ่มความเเข็งแกร่งให้ตนเองมาก ๆ อย่างน้อยต้องมีพลังระดับจักรพรรดิเป็นอย่างต่ำ ถึงจะสามารถพาทุกคนเข้ามิติได้โดยไม่ต้องทำพันธสัญญาดังกล่าว เพียงแต่ว่า...” เด็กหญิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยที่จะเอ่ยส่วนที่เหลือออกไป“เด็กดี ไม่ต้องกังวล เอ่ยออกมาเถิด เป็นเช่นไรเดี๋ยวพวกแม่ตัดสินใจกันเอง เจ้าไม่ต้องคิดมาก” หลิวลี่หงปลอบบุตรสาว ไม่อยากให้นางกังวลเกินไปนัก อายุเพียงเท่านี้ก็คิดทำหลายอย่างเพื่อครอบครัวมากเกินไปแล้ว“เฮ้อ มิติของอาหงมันพิเศษเจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status