เสน่หามนตรา
บทที่ 3 - เชคฮบราฮิม
"วันนี้เรามีภาระกิจที่ไหนบ้าง ราชิต" ทายาทผู้นำรัฐเอ่ยถามเลขาคนสนิทถึงภาระกิจที่ต้องทำ ตามที่ท่านผู้นำรัฐมอบหมายให้
"ท่านจะต้องต้อนรับแขกคนสำคัญด้วยตนเองที่สนามบินครับ...และเลี้ยงรับรองในมื้อเย็น เป็นอันเสร็จภาระกิจของวันนี้ครับ" ราชิตร่ายยาวถึงภาระกิจที่เชคฮบราฮิมต้องทำ
"ทานข้าวอย่างนั้นหรือ...ใครกันแขกสำคัญ เรื่องนี้เราไม่เห็นรู้ล่วงหน้า"
"ท่านผู้นำสั่งมาแบบกระทันหันครับ ต้องขออภัยที่รายงานช้า" ราชิตเลขาคนสนิทโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเป็นการขอโทษขอโพย แต่แท้จริงแล้วราชิตทำโดยคำสั่งท่านผู้นำรัฐต่างหากที่สั่งเข้มไว้ เพราะหากบอกกล่าวล่วงหน้าบุตรชายทายาทคงปฏิเสธภาระกิจนี้เป็นแน่
เชคฮบราฮิม ทายาทลำดับต่อไปต่อจากท่านผู้นำแห่งรัฐชาร์จาห์ ที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอาหรับบนอ่าวเปอร์เซีย ที่มีประชากรนับหลายแสนคน เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมที่มั่งคั่ง ผู้คนมากมายทั้งนักธุรกิจชาวต่างชาติและนักธุรกิจในอาหรับ ที่ต้องการร่วมลงทุนกับธุรกิจของชาร์จาห์ แต่ก็ไม่ง่ายนักเลยที่เชคฮบราฮิมผู้เคร่งครัดและมีแบบแผนจะยอมร่วมลงทุนด้วยง่าย ๆ หากผลที่ได้นั้นไม่มากพอจนเป็นที่น่าพอใจ
เชคฮบราฮิม ผู้ที่ทรงเสน่ห์ด้วยมาดขรึม แววตาดุดันคมเฉี่ยวดุจพญาเหยี่ยวที่เฉิดฉายบนท้องฟ้า เป็นที่ต้องตาของหญิงสาวชาวอาหรับ แต่ทุกนางกลับถูกเชคฮบราฮิมนั้นปฏิเสธ เพียงเพราะยังไม่อยากผูกมัดกับหญิงใด หากไม่ใช่คนที่หมายตาและถูกใจจริง ๆ
<br/>
**บุคคลในภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด***
^^^^^^^^^^^^^^^
...ผืนแผ่นดินอาหรับที่อาบล้อมด้วยความงดงามทางวัฒนธรรมและสิ่งก่อสร้างตระกานตา สายตาคมของม่านฟ้ามองตึกสูงระฟ้า และสิ่งรอบกายอย่างสนอกสนใจ เธอชื่นชอบและหลงใหลที่นี่เสียแล้ว
"เดี๋ยวคืนนี้เราจะพักกันที่โรงแรม Burj Al Arab(บุรจอัลอาหรับ) กันนะครับ เป็นโรงแรมที่หรูหราระดับเจ็ดดาวและเป็นสัญลักษณ์แห่งดูไบ" เสียงเข้มสุขุมดังขึ้น เมื่อหันมองไปก็เป็นเสียงของครรชิตที่เปร่งออกมาเพื่อบอกกล่าวลูกทัวร์
((ว้าว))
"ทำไม...?" ม่านฟ้าจ้องมองไปยังครรชิตด้วยความสงสัย และส่งสายตาอย่างเป็นคำถามเมื่อครรชิตนั้นมองมาและส่งยิ้มให้
"ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ...ผมชื่อครรชิต เป็นคนดูแลทุกท่านตลอดทริปนี้ และ...เป็นเจ้าของบริษัททัวร์นี้ครับ"
((ว้าว)) เสียงโห่ร้องของลูกทัวร์ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อครรชิตแนะนำตัวจบลง แน่นอนสิเพราะครรชิตหนุ่มหน้าตาดีจะเป็นคนดูแลและบริการพาเที่ยว สาวที่ไหนจะไม่กรี๊ดจริงไหม ?
การจัดทริปท่องเที่ยวที่แสนจะพิเศษ เรียกได้ว่าระดับราชนิกูลเลยทีเดียว ด้วยราคาทัวร์ต่อคนนั้นเหยียบแสนกว่าบาทและลูกทัวร์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ก็ไม่แปลกหากเจ้าของบริษัทฯ จะลงมาดูแลความเรียบร้อยเอง
ม่านฟ้าที่ได้แต่ยืนมองครรชิตด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ท่ามกลางเสียงตื่นเต้นของสาว ๆ หลายคน ใช่แล้วล่ะสาวๆ เพราะทริปนี้ไม่มีคนแก่หรือเด็กสักคน แต่ม่านฟ้าหาได้สนใจไม่ แค่ตกใจกับการได้ยินและรับรู้ครั้งแรกเท่านั้น ทุกอิริยาบถจึงเข้าสู่ปกติดังเดิม
เมื่อผู้นำทัวร์ชี้แจงรายละเอียดห้องพัก คู่ที่ต้องนอนร่วมกันตลอดทั้งทริปและทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งหมดจึงมุ่งตรงสู่โรงแรมที่พัก ม่านฟ้าเกิดอาการประหม่าและตื่นเต้นแต่เก็บอาการ เธอจ้องมองรูปภาพของโรงแรมในฝันและตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นความจริง
ความหรูหราตระการตาภายในโรงแรมจนแทบไม่อยากละสายตา ความสวยงามที่ฉาบแต่งอย่างอลังการ ม่านฟ้าเดินก้าวขาอย่างช้า ๆ สายตาก็กวาดมองโดยรอบอย่างตะลึงในความสวยงาม และสิ่งก่อสร้างนี้ โดยที่เธอนั้นไม่ได้มองทางสักนิด เพราะหลงใหลกับสิ่งตรงหน้าจนไม่อาจละสายตาลงได้
"สวยจริง ๆ" สายตาคมแหงนมองพื้นเพดานสีทอง ถูกตกแต่งด้วยไฟระย้าสวยงามพวงใหญ่ ตุ๊กตาพลทหารน่ารักยืนเรียงเป็นชั้น ๆ จนม่านฟ้านั้นอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้ในความทรงจำ "โอ๊ะ!..." ด้วยความไม่ทันระวัง ม่านฟ้าถอยหลังเพื่อมุมถ่ายรูปที่ต้องการ จนแผ่นหลังบางนั้นชนกระทบเข้ากับของแข็งบางอย่าง "ขอโทษค่ะ" ม่านฟ้ารีบก้มหัวและพูดขอโทษเป็นภาษาอังกฤษทันทีตามวิสัยของคนไทยที่มักนอบน้อมเสมอไม่ว่าอยู่ที่ใด
ชายตรงหน้าที่มีใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลา ในแบบฉบับชาวตะวันออกกลาง เปรียบเหมือนมนตราที่สะกดม่านฟ้าให้จ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้อย่างกับโดนมนตร์ดำสะกดไว้...ไร้เสียงตอบกลับจากฝ่ายตรงข้ามแม้ม่านฟ้าจะเอ่ยขอโทษออกไป มีเพียงสายตาคมดุดันเท่านั้นที่มองมา
"ขอโทษอีกครั้ง...ฉันไม่ได้ตั้งใจ" ม่านฟ้ากล่าวเป็นภาษาอังกฤษอีกครั้งเมื่อดึงสติกลับมา "คุณคะ...อ๊ะ!!" มือบางยื่นออกไปหวังจะสะกิดชายตรงหน้า เพราะม่านฟ้าพูดออกไปหลายประโยคแต่กลับไร้น้ำเสียงโต้ตอบกลับมา มีเพียงสายตาคมที่มองมายังเธอเท่านั้น มือบางหวังสัมผัสเพื่อให้ให้ชายตรงหน้าโต้ตอบ เพราะเขานั้นนิ่งเหลือเกินอย่างกับหยุดหายใจ แต่ก็โดนชายชุดสูทสีดำปัดมือบางนั้นออกไปอย่างแรง
ชายคนนั้นเพ่งสายตาคมไปมองชายชุดดำที่ยืนขนาบข้าง พูดเสียงเข้มแต่ม่านฟ้าฟังไม่ออกด้วยภาษาที่เขาใช้กันนั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เธอจึงได้แต่ยืนมองอย่างงง ๆ
((คุณม่านฟ้า)) เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นทำให้ม่านฟ้าเบนสายตาไปยังต้นเสียง ครรชิตที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังเธอก่อนจะหยุดยืนข้าง ๆ และมองชายคนนั้นที่ยืนอยู่ก่อนหน้า ม่านฟ้างงว่าทำไมเขาไม่พูดอะไรหรือเดินจากไปสักที หรือเขาเคืองโกรธที่เธอนั้นเผลอชนเขาเข้า
"คุณครรชิต คือฉันชนเขาค่ะ แต่....อ้าว~~~" ม่านฟ้ากำลังแถลงเหตุการณ์เล่าสู่ครรชิตฟัง หวังให้ครรชิตถามไถ่ให้ แต่ไหนเลยชายคนนั้นกลับเดินจากไปทันทีทั้งที่ก่อนหน้าก็นิ่งอยู่นาน แต่ก็ช่างเถอะเขาไม่เอาเรื่องก็ดีถมไปแล้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณม่านฟ้า" ครรชิตเอ่ยถาม
"ไม่เป็นไรค่ะ" ม่านฟ้าตอบกลับ
"พอดีผมจะมาตาม...บัดดี้ที่จะนอนห้องเดียวกับคุณม่านฟ้ารอเข้าห้องพักอยู่ครับ"
"อ่อ...ขอโทษนะคะ ฉันเดินเพลินไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรครับ...ไปกันเถอะเดี๋ยวผมเดินไปส่ง"
"ขอบคุณค่ะ" ม่านฟ้าส่งยิ้มให้ครรชิตและเอ่ยขอบคุณ ทันทีที่รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าเสลา ครรชิตนั้นปลื้มปริ่ม ยิ้มกริ่มในใจ รอยยิ้มหวานสดใสที่มองทีไรเป็นต้องทำให้หัวใจครรชิตนั้นสั่นไหวทุกครา
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา