LOGINบทที่ 1
จุดเริ่มต้นของเด็กเลี้ยง
ร่างเล็กของหญิงสาววัย 20 ปีอย่างไอลดารีบวิ่งเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กจนโตจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพราะการช่วยเหลือและเอ็นดูจากแม่ครูผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต คนที่เปรียบเสมือนแม่เพียงคนเดียว คนที่เธอรักและเป็นห่วงมากที่สุด
“มาแล้วเหรอไอลดา...” เสียงของยี่หวาเพื่อนอีกคนที่เคยอาศัยอยู่ที่เดียวกับไอลดาพูดออกมา ยี่หวาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว ตั้งแต่ตอนยี่หวาอายุ 15 หล่อนโชคดีตรงที่มีครอบครัวที่แสนจะใจดีมารับตัวยี่หวาไปเป็นบุตรบุญธรรม แต่ทุกวันนี้ยี่หวายังคงแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ โดยไม่ลืมว่าตัวเองมาจากไหน
“แม่ครูเป็นยังไงบ้าง แฮกๆ” ไอลดาหอบเหนื่อยเมื่อรู้ข่าวเรื่องแม่ครู จากนั้นก็รีบกลับจากมหาวิทยาลัยทันที และตรงมาที่นี่ด้วยความร้อนใจ
“ตอนที่ฉันมาพวกครูๆ คนอื่นๆ ก็บอกว่าเมื่อเช้าแม่ครูเป็นลมหมดสติที่สนามเด็กเล่น พอมาถึงฉันก็บอกแม่ครูว่าจะพาไปหาหมอแต่แม่ครูไม่ยอมไป จนต้องโทร.เรียกให้เธอมาเพื่อเกลี้ยกล่อมแม่ครูเนี่ยแหละ” คิ้วสวยของยี่หวาย่นเข้าหากันอย่างตึงเครียด
ยี่หวา สาวน้อยร่างอวบจิ้มลิ้ม ด้วยรูปร่างและหน้าตาที่สวยน่ารักและเป็นคนร่าเริง ตอนนั้นเลยมีครอบครัวสองสามีภรรยารับเป็นบุตรบุญธรรม
“งั้นเดี๋ยวฉันไปหาแม่ครูก่อนนะ” ไอลดาเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปยังห้องพักของแม่ครูจิตตราที่เธอทั้งรักและห่วงมากที่สุด
ร่างเล็กเดินเข้าไปอย่างร้อนใจเพื่อจะเข้าไปดูอาการของแม่ครูที่นอนพักอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง
“แม่ครูขา...เป็นยังไงบ้างคะ” ไอลดาเดินไปนั่งคุกเข่าที่พื้นแล้วจับมือของแม่ครูอย่างเป็นห่วง ดวงตากลมโตมองใบหน้าเหี่ยวย่นด้วยสายตาสั่นระริกพร้อมกับมีน้ำตาไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“เป็นอะไรหนูไอ...ร้องไห้อีกแล้วนะ” เสียงแหบของแม่ครูจิตตราร้องถามเมื่อเห็นสาวร่างเล็กที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกด้วยความรัก
“ก็ไอเป็นห่วงแม่ครูนี่คะ...ทำไมแม่ครูไม่ไปหาหมอคะ” มือน้อยยกมือแห้งเหี่ยวของแม่ครูขึ้นทาบที่แก้มสวยของตัวเองอย่างเป็นห่วง
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกลูก...วันนี้หนูไอมีเรียนบ่ายด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญเท่ากับแม่ครูอีกแล้วค่ะ” ไอลดาบอกอย่างซาบซึ้งเพราะเธอไม่เคยเห็นอะไรสำคัญกว่าผู้มีบุญคุณ คนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันทางสายเลือดเลย
“โธ่...ลูก แม่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แม่แค่หน้ามืดเท่านั้นเอง เจ้ายี่หวาก็พูดเกินไป” แม่ครูจิตตราหันไปมองเด็กสาวอีกคนที่ต่อให้มีชีวิตที่ดีแล้วแต่ยังกลับมาเยี่ยมนางกับเด็กๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส
“แม่ครูก็...ก็หนูเป็นห่วงนะคะ แล้วแม่ครูก็ไม่ยอมไปหาหมอ หนูเลยต้องโทร.หาไอเพราะคิดว่าคนเดียวที่จะกล่อมแม่ครูได้มีแค่ยัยไอเท่านั้น” ยี่หวาร้องบอกเพราะเธอเองก็เป็นห่วงแม่ครูจิตตราไม่ต่างจากไอลดาเลย เพียงแต่ตัวเองเป็นคนแข็งๆ ไม่ได้อ่อนหวานอ่อนโยนเท่าไอลดาที่ทุกคนจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย
“ถูกของยี่หวานะคะแม่ครู หนูว่าไปหาหมอตรวจเช็กเพื่อความสบายใจดีกว่า หนูเป็นห่วงด้วย” ไอลดาบอกแล้วจ้องมองใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยด้วยความเป็นห่วง
“แต่...แม่ไม่อยากให้สิ้นเปลืองนะลูก ค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอครั้งหนึ่งมันแพงมาก”
“แม่ครูขา...เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวยี่หวากับยัยไอจะช่วยกันเองนะคะ แม่ครูไม่ต้องห่วงเลย ไปตรวจให้ละเอียดดีกว่าค่ะ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ” ยี่หวาตอบแทนไอลดา
“นั่นสิคะ ไปเถอะนะคะ เดี๋ยวไอกับยี่หวาจะพาไปเอง เรื่องค่าใช้จ่ายไอเพิ่งได้เงินจากงานพิเศษมา เดี๋ยวไอเอามาจ่ายก่อนนะคะ” ไอลดาบอกแล้วหยิบเงินที่อยู่ในกระเป๋าเงินของตัวเองขึ้น เมื่อวานเธอเพิ่งได้เงินจากการทำพาร์ตไทม์ช่วงสองวีคแล้วได้เงินราวๆ สี่พันบาทที่อาจจะเพียงพอต่อค่ายาของแม่ครู
“แต่นี่หนูเก็บไว้จ่ายค่าเทอมไม่ใช่เหรอ แม่ไม่อยากรบกวนหนูเลย” แม่ครูยื่นมือแล้วดันมือเล็กที่จับกระเป๋าเงินของไอลดาออกห่าง
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เหลือเวลาเก็บเงินจ่ายค่าเทอมอีกเยอะ ไม่ต้องห่วงไอนะคะ” ไอลดาหันมายิ้มกับแม่ครู หลังจากนี้เธอจะพยายามหาเงินเยอะๆ เพื่อที่จะช่วยแม่ครูและน้องๆ เพราะได้ข่าวมาว่าเจ้าของที่ดินที่แท้จริงตรงนี้จะมาเวนคืนเพราะต้องเอาไปเปิดกิจการอะไรสักอย่างทำให้แม่ครูเครียดจนล้มป่วยไปหลายวัน
ใช่แล้ว...บ้านเด็กกำพร้าที่นี่ใกล้ปิดตัวแล้ว เพราะเจ้าของที่ดินที่แท้จริงต้องการนำที่ดินผืนนี้ไปทำประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ตรงนี้เป็นของแม่ครูจิตตรา แต่หลังๆ ขาดสภาพคล่องทางการเงินจึงต้องนำที่ไปจำนองจนหลุดจำนองเป็นของเจ้าของใหม่ แต่ด้วยความที่เจ้าของใหม่ใจดีเลยให้พวกเราได้อยู่ที่นี่ต่ออีกหลายปี
“ใช่ค่ะ แม่ครูไปเถอะนะคะ”
“ก็ได้จ้ะ...”
“งั้นเราไปกันเลยนะคะ เดี๋ยวยี่หวาจะเรียกแท็กซี่ก่อนนะคะ”
แม่ครูจิตตรามองไอลดาที่กำลังขะมักเขม้นเก็บของเพื่อเตรียมไปโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกสงสารเด็กสาวคนนี้ เด็กดีอย่างไอลดาไม่น่าจะต้องมาเกิดและโตที่นี่ ควรจะไปอยู่ในครอบครัวดีๆ ที่ช่วยซัพพอร์ตทุกอย่างมากกว่าจะมาตกระกำลำบากที่นี่
“ไปกันเลยไหมคะ”
“จ้ะ”
ไอลดาน่ารักเรียบร้อยและเป็นพี่ๆ ที่ดีของน้องๆ ทุกคนที่นี่ไม่มีใครไม่รักไอลดา เด็กสาวที่มีน้ำใจกับทุกคน จริงๆ แล้วไอลดากำลังจะมีพ่อแม่บุญธรรม แต่เพราะอยากให้เพื่อนอย่างยี่หวามีครอบครัวที่อบอุ่นเลยสละพร้อมให้เหตุผลว่าอยากดูแลทุกคนที่นี่มากกว่า เด็กสาวผู้เสียสละจนนางอยากให้ไอลดาได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้
“ค่ะคุณแม่...” “แม่ไม่เคยสอนให้หนูเป็นคนก้าวร้าวนะคะ แม่ดีใจที่วาวาเป็นเด็กฉลาดทันคน แต่บางครั้งเราต้องควบคุมตัวเองให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกหรือไม่ถูกต้อง ครั้งนี้แม่จะยังไม่ทำโทษนะคะ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปแม่จะงดซื้อของเล่นให้วาวาเป็นเวลาหนึ่งเดือน” “คุณแม่ขา...” ใบหน้าหวานของวาวาเงยขึ้นมองแม่ด้วยอาการน้ำตาซึมเนื่องจากกำลังถูกแม่ตักเตือนที่เป็นคนชอบโกหก “หนูเข้าใจที่แม่พูดใช่ไหมคะวาวา” “ค่ะ” “งั้นมากอดคุณแม่ทีค่ะ ไม่ร้องไห้นะคะลูก แม่เตือนเพราะแม่อยากให้หนูโตขึ้นมาเป็นเด็กที่ดี” ด้วยความที่เห็นน้ำตาของลูกสาวทำเอาหัวใจของผู้เป็นแม่เกิดอ่อนยวบขึ้นมา “คุณแม่ขา...” วาวาเดินไปกอดที่เอวของแม่เอาไว้แล้วเอาใบหน้าหวานๆ ซุกที่หน้าท้องของแม่ราวกับกำลังขอโทษ “แม่รักหนูกับพี่วินเทอร์มากนะคะ” “หนูก็รักคุณแม่ค่ะ” วาวาร้องไห้โฮออกมาอย่างรู้สึกผิด “ไว้หนูโตขึ้นหนูจะเข้าใจนะคะว่าทำไมแม่ถึงต้องดุด่า เพราะแม่อยากให้หนูโตขึ้นไปเป็นคนที่ดีของสังคมรู้ไหมคะ” วิคเตอร์มอ
ตอนพิเศษ 5เจ้าตัวแสบ “พี่วินเทอร์ เอาลูกบอลมาให้วาวานะ” เสียงแหลมเล็กของเด็กสาววัย 8 ขวบร้องบอกพี่ชายที่เอาแต่แย่งลูกบอลไปจากเธอ จนเธอไม่มีโอกาสได้แตะลูกบอลเลยสักนิดเดียว “ไม่ให้หรอกยัยเด็กแสบ เธอชอบแกล้งพี่ดีนัก” เสียงของ ‘วินเทอร์’ ลูกชายคนโต ร้องบอกน้องสาวคนเล็กอย่าง ‘วาวา’ ที่กำลังทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายที่เอาแต่แย่งของเล่นเธออยู่ตลอด “พี่วินใจร้าย! หนูจะฟ้องคุณพ่อ!” เด็กน้อยวัย 8 ขวบบอกพี่ชายที่แก่กว่าตัวเองเกือบสองปีอย่างวินเทอร์ด้วยสีหน้าหงุดหงิด จนคนเป็นพี่ทำท่าทางกวนๆ ใส่น้องสาวอย่างหมั่นไส้ “ยัยเด็กขี้ฟ้อง ทำไมไม่น่ารักเหมือนสายขิมนะ” ‘สายขิม’ คือชื่อของลูกสาวลุงกองทัพ กับป้าไลลา ที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเขา และสายขิมน่ารักอ่อนหวานผิดกับน้องสาวของเขาที่ทั้งแก่น ทั้งขี้โวยวาย จนนึกว่าแม่สลับลูกหรือเปล่า “เชอะ...ใครจะไปน่ารักเท่าน้องสาวคนโปรดของพี่ล่ะ” ใบหน้าหวานตามแม่แต่นิสัยไม่ได้หวานเหมือนหน้าเลย จนเขาอยากจะสลับน้องตัวเองกับน้องของ ‘ขุนศึก’ ซึ่งเป็นพี่ชายของสายขิมเหลือเกิน “ดี! อยากสลั
เพียะ! “พี่ทัพเอาอีกแล้วนะ” ไลลามองสามีแล้วหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับเจ้าของบ้านอย่างวิคเตอร์และไอลดา “เอ่อ...” วิคเตอร์หน้าม้านขึ้นมาทันที เพราะกลัวเมียรักจะงอนที่เขาเล่นบทรักกับเธอโจ่งแจ้งจนมีคนมาเห็นอีกแล้ว “คือเราไม่ได้เห็นอะไรนะคะ...แค่ได้ยินเสียงเฉยๆ” ไลลารีบแก้ต่างเพราะกลัวเจ้าของบ้านทั้งสองจะอาย “ไลลา...คือ...” “ไม่ได้เห็นอะไรจริงๆ เลยค่ะ พี่วิคเตอร์กับไอสบายใจได้เลย” “มึงแม่งก็ชอบเล่นอะไรแบบนี้กับน้องกูอยู่เรื่อย สงสารไอเลย เลิกกับผัวไหม...ไว้พี่หาคนใหม่ให้” กองทัพหันไปบอกน้องสาวแกมหยอกเพื่อนเพราะรู้ดีว่าวิคเตอร์มันไม่มีทางยอมให้ทำอย่างนั้นแน่นอน “ตีนเถอะ...อย่ามายุ่งกับเมียกู ตอนนี้ไอลดาเป็นเมียกู ส่วนมึงก็แค่พี่เมียที่เป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว” วิคเตอร์หันมากอดร่างเล็กของไอลดาเอาไว้อย่างหวงแหน “ทำอะไรเกรงใจบ้าง ฟ้าดินก็ยังดีเพื่อน” “พี่ทัพ...หยุดแซวคนอื่นเลย...” ไลลาหันมองค้อนสามีที่ยังคงแซวเพื่อนตัวเองไม่เลิก แต่คนที่กำลังอายตัวแดงก็คือไอลดาต่างหาก “ครั
ร่างของทั้งสองนั่งกอดกันด้วยสภาพกึ่งเปลือย ขณะที่ไอลดาก็จับที่ไหล่กว้างแล้วทำการโยกขยับร่างกายของตัวเองขึ้นลงบนท่อนเนื้อหนาของสามีที่กำลังทำท่าทางสูดปากราวกับกินของเผ็ดร้อน “อ๊า...ดีเหลือเกินที่รักของพี่” ใบหน้าหล่อเหลาของวิคเตอร์แดงก่ำเนื่องจากกำลังเสียวซ่านกับจังหวะที่ไอลดาส่งมา มือทั้งสองข้างโอบเอวเล็กเอาไว้เพราะไม่อยากให้เธอหงายหลังลงไป “ดีไหมคะพี่วิค” คนตัวเล็กถามเมื่อเห็นมาเฟียหนุ่มหลับตาพริ้มแล้วนิ่วหน้า “ดีที่สุดเลยจ้ะเมียจ๋า ทำไมดีขนาดนี้ครับ” “ตื่นเต้นจัง...ถ้ามีใครมาได้ยินทำยังไงคะ” ไอลดาเขินหน้าแดงเมื่อชายหนุ่มชอบพาเธอเอาต์ดอร์อยู่เรื่อย ถึงแม้จะไม่มีใครเห็นแต่ถ้าเกิดมีคนผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้น “ไม่มีใครเห็นหรอกครับพี่ไล่ออกจากบ้านหมดแล้ว บ้านหลังนี้มีแค่เราสองคนนะครับ” วิคเตอร์บอกเพราะเขาเองก็ไม่ต้องการให้ใครมาเห็นร่างกายที่แสนเย้ายวนของไอลดาเช่นเดียวกัน “อื้อ...ที่รักของไอ” มือทั้งสองข้างของไอลดาโอบรอบต้นคอหนาจากนั้นเธอก็โน้มลงไปจูบที่ปากหยักของวิคเตอร์อย่างรักใคร่ เรียวลิ้นเล็กๆ
“พี่วิค...ไอเขินจังค่ะ” เสียงหวานร้องบอกแต่ก็ยินดีที่จะนอนราบกับพื้นแล้วปรือตามองสามีหนุ่มด้วยสายตารักใคร่ “ดีครับ...ดีที่สุด เรามาลองตื่นเต้นกันดูนะครับ รับรองไอต้องชอบ” ว่าจบมือหนาของวิคเตอร์ก็ทำการปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออก แล้วเขาก็จัดการวางมันข้างๆ และหลังจากนั้นก็ทำการปลดกางเกงทำงานของตัวเองออก จนไอลดามองเห็นบางอย่างที่กำลังแข็งเต็มที่ภายใต้กางเกงชั้นในสีดำ “พี่วิค...” ไอลดานอนหอบหายใจอยู่ที่พื้นแล้วมองร่างกายของสามีที่ยังคงแข็งแรงกำยำเหมือนเดิม เขาหุ่นดีมาก ดีจนเธอหลงใหลกับเรือนกายอันทรงพลังของเขา “จ๋า...ทำเสียงออดอ้อนใส่พี่แบบนี้ระวังจะไม่จบแค่ในสวนนะครับ” วิคเตอร์บอกด้วยเสียงแหบพร่าขณะที่มือหนาของตัวเองทำการรูดชั้นในตัวโปรดของไอลดาออกทางขาสวยจนสำเร็จ “พี่วิคขา...” “ฮึ่ม...ทำไมน่าเอาขนาดนี้ครับ” ดวงตาคมกริบจ้องมองช่องทางรักของไอลดาที่ตอนนี้กำลังมีน้ำหวานไหลซึมออกมา จนเขาอยากจะเอากายหนาของตัวเองแทรกเข้าไปกับความชุ่มฉ่ำนี้เสียเหลือเกิน “งั้นก็มาเอาไอสิคะ...ไอคิดถึงพี่วิคเหลือเกิน”คนตัวเล็กบอกแล้
ตอนพิเศษ 4บทรักในสวน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ไอลดาเหงาหงอย เนื่องจากลูกสาวลูกชายไปเที่ยวกับปู่ของพวกเขาที่อิตาลี ทำให้เธอต้องมานั่งเรื่อยเปื่อยเพียงลำพัง และรอการกลับมาของสามีในตอนเย็น มือทั้งสองข้างของไอลดาเท้าคางสวยเอาไว้แล้วทอดมองไปที่สวนดอกไม้ที่จัดแต่งมันด้วยมือของตัวเองจนตอนนี้มันออกดอกออกผลจนบ้านหลังนี้มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม แต่ตอนนี้เธอกำลังนั่งหน้าซึมเพราะคิดถึงลูกๆ ทั้งสองที่กำลังไปซุกซนที่ต่างประเทศ “ทำอะไรครับ” “ว้าย!!” หัวใจสาวเต้นแรงเมื่อกำลังเหม่อลอยแล้ววิคเตอร์ก็เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงจนเธอตกใจแล้วผงะเกือบหงายหลังตกเก้าอี้ไป แต่ยังดีที่มีมือหนาของวิคเตอร์ช้อนรองเอาไว้ก่อนที่เธอจะร่วงสู่พื้นเบื้องล่าง “ระวังหน่อยสิไอ” เสียงทุ้มของสามีร้องบอกเมื่อเห็นไอลดาตกใจแรง “พี่วิคมาตอนไหนคะ ไอตกใจหมดเลย” ดวงตากลมโตจ้องมองสามีหนุ่มจากนั้นเธอก็หยัดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงอีกครั้ง ขณะที่ร่างสูงใหญ่ของวิคเตอร์เดินอ้อมมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับไอลดา แล้วมองใบหน้าหวานของเมียรักด้วยสายตาหวานเยิ้ม “พี่ว







