ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็น
แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล
"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ"
"พี่ปรานต์"
เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า
"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริษัทแบบนี้"
เพลินตาแกล้งแซว แต่จริงๆ ก็พอจะเดาได้นั่นแหละว่าปรานต์คงน่าจะตั้งใจมาดักรอเธอจริงๆ
"ถ้าไม่มาดักรอ เกรงว่าจนถึงวันที่คุณหนูเพลินตาฝึกงานเสร็จแล้ว พี่ก็ยังหาโอกาสเจอเพลินไม่ได้น่ะสิ"
"แหม ก็ใครใช้ให้พี่ปรานต์งานเยอะล่ะคะ ควรจะแบ่งเวลาให้กับสาวๆ บ้าง"
"ทำไงได้ก็พี่มันลูกน้องเขานี่นะ"
"ดูพูดเข้า ฟังดูเสียน่าสงสารเลยค่ะ"
"งั้นวันนี้เพลินช่วยไปดูหนังกับกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนพี่หน่อยจะได้ไหม เพลินมีธุระอะไรต้องไปทำต่อหรือเปล่า"
"อืม..ก็ไม่มีนะคะ พอดีว่าเพลินเองก็กำลังมองหาเจ้ามือเลี้ยงข้าวอยู่พอดีเลย แหมโชคดีจัง"
ปรานต์หัวเราะขำ ขณะที่เพลินตาทำหน้าอายๆ สองคนเดินคุยหัวเราะกันไปยังลานจอดรถสำหรับผู้บริหาร โดยปรานต์เสนอให้ว่าเธอจอดรถของเธอเอาไว้ตรงนี้ แล้วเขาจะทำหน้าที่เป็นสารถีขับคันของเขาพาเธอไปเอง แต่พอเดินเข้าไปถึงจุดที่รถของปรานต์จอดเอาไว้ สายตาก็เหลือบไปเห็นว่ารถคันที่จอดอยู่ข้างกันซึ่งมันคือรถของปฏิธาน ทีแรกก็กะว่าจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ดันมีน้ำเสียงที่ดังมาจากด้านหลังดึงรั้งความสนใจของเธอให้หันกลับมาอีกจนได้
"จะพากันไปไหนเหรอ เจ้าปรานต์"
ปรานต์ที่ทำท่าเปิดประตูรถให้เธอค้างไว้หันกลับไปตอบญาติผู้พี่ ในขณะที่เพลินตาไม่อยากจะให้ปรานต์บอกปฏิธานไปเลยสักนิดว่าเธอและปรานต์นั้นกำลังจะพากันไปที่ไหน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
"กำลังจะไปทานข้าวแล้วก็ว่าจะดูหนังกันครับ"
"งั้นเหรอ พอดีเลย เพราะว่าฉันกับชมพูก็กำลังจะไปดูหนังเหมือนกัน งั้นเราก็ไปพร้อมกันเลยสิ"
'ไม่นะพี่ปรานต์ เพลินไม่อยากไปพร้อมกับพี่เต็ม'
เพลินตารีบปฏิเสธในใจทันทีว่าเธอไม่อยากจะไปพร้อมกับปฏิธาน และดูเหมือนว่าปรานต์เองก็น่าจะพอเดาใจเธอได้เมื่อเธอหันมาขยิบตาใส่ จึงได้รีบปฏิเสธฝ่ายนั้นไปทันทีเหมือนกัน
"ไม่รบกวนดีกว่ามั้งครับ เพราะดูท่าว่าพี่เต็มกับคุณชมพูคงน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน"
ปฏิธานหันกลับไปมองหน้านางแบบข้างกายหนึ่งที หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามความคิดเห็นจากฝ่ายนั้น แค่นี้เพลินตาที่ยืนดูอยู่เงียบๆก็สามารถฟันธงได้อย่างง่ายดายเลยว่านางแบบคนนั้นคงไม่กล้าที่จะมีปากมีเสียงอะไร แถมปฏิธานยังคงพยายามดันทุรังจะให้เธอกับปรานต์ไปด้วยกันให้ได้อีก
"ไม่หรอก เรามันก็คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ฉันว่าไปด้วยกันหลายคนนี่แหละสนุกดี เร็วเข้าเถอะ ขืนช้าเดี๋ยวก็รถติด"
จากนั้นปฏิธานก็ดึงมือสาวข้างกายให้เดินตามตัวเองขึ้นรถไป ก่อนจะเป็นคนขับนำออกไปแบบที่ทั้งเธอและปรานต์ยังไม่ทันได้ตอบตกลงด้วยเสียหน่อย พออยากจะหาทางปฏิเสธ อีกฝ่ายก็ดันปิดประตูรถเข้าไปนั่งจนเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะขับออกไปทันที
ทั้งซุปเปอร์คาร์และรถยนต์สัญชาติยุโรปราคาแพงลิบลิ่วของสองผู้บริหารหนุ่มพากันขับเข้ามาจอดยังจุดที่เป็นจุดจอดรถสำหรับลูกค้าวีวีไอพี จากนั้นทั้งสี่คนก็พากันเดินเข้าไปภายในตัวห้าง ก่อนจะตรงไปยังชั้นที่เป็นที่ตั้งของโรงภาพยนต์
แน่นอนว่าทั้งหมดปฏิธานเป็นคนจัดการเอง พอซื้อตั๋วเสร็จก็เลือกหนังเรื่องที่เพลินตาเป็นคนเสนอความคิดเห็นว่าอยากจะดู ส่วนนางแบบสาวก็เอาแต่บอกว่า ตามใจผู้ชาย จนเพลินตาฟังแล้วก็ได้แต่ทั้งสงสารทั้งขำอยู่ในใจที่ผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากออกความคิดเห็นที่เป็นของตัวเอง หรือไม่นางแบบก็คงจะนึกสินะ ว่าท่าทีอ่อนหวานแบบที่ต้องการการทะนุถนอมแบบนี้นั้นมันดูน่ารัก แต่สำหรับเธอกลับมองว่ามันช่างดูน่ารำคาญและไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย สงสารก็แต่กันตธีร์ที่ต้องมานั่งเสียใจเพราะผู้หญิงแบบนี้
หลังจากยืนรอซื้อเครื่องดื่ม และนั่งเล่นรออีกสิบนาทีกว่าที่จะเดินเข้าไปในโรงหนัง ระหว่างนั้นขณะเวลาที่เธอและปรานต์พูดคุยอะไรกัน สายตาของปฏิธานยังคงมองมาที่เธอเป็นระยะจนเพลินตารู้สึกได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็มากับผู้หญิงที่ตัวเองควงมาแท้ๆ ยังจะเอาแต่เหล่มองมาที่เธออยู่อีก ด้วยความหมั่นไส้ จึงได้ทำหน้ากวนประสาทแล้วยักคิ้วขึ้นเป็นเชิงตั้งคำถามว่าปฏิธานมีปัญหาอะไรกับเธอหรือเปล่า ถึงได้เอาแต่มองมาไม่หยุดแบบนี้
"เพลินมีอะไรงั้นเหรอ เห็นยืนยักคิ้วให้พี่ หรือว่าคิ้วเพลินเป็นอะไรถึงได้กระตุก"
อีตาบ้า! เธออุตส่าห์ทำตอนเวลาที่ปรานต์และนางแบบคนที่ยืนข้างตัวเขาเผลอแล้วแท้ๆ ดูเอาเถอะว่าปฏิธานยังจะกล้าทักขึ้นมาโต้งๆ จนทำเอาเธอหน้าเหวอ เพราะทันทีที่ปฏิธานพูดจบ ทั้งปรานต์และนางแบบสาวต่างก็พากันหันมองมายังเธอ มิหนำซ้ำนางแบบคนนั้นก็ยังมองมาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความหึงหวงและต้องการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของปฏิธานอย่างเห็นได้ชัด ดูจากที่นางพยายามยกมือขึ้นไปควงไว้ที่แขนของฝ่ายชาย แล้วจิกสายตามองมาทางเธอแบบเชิดๆนั่นสิ ว่าแล้วก็ได้แต่บ่นคนเดียวในใจ
'ใครเขาอยากจะได้ผู้ชายคนนี้ของเธอกันแม่คู้ณ!'
"เอ๊ะ เปล่านี่คะ คิ้วเพลินเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอคะ ไม่น่าจะใช่มั้ง เพลินว่าพี่เต็มคงจะตาฝาด"
"งั้นเหรอ เป็นพี่ตาฝาดหรือว่าเป็นเพลินที่ความจำสั้นกันแน่นะ ขนาดว่าพึ่งยักคิ้วให้พี่ แถมยังกัดปากตัวเองเสียจนเป็นรอยเด่นชัดซะขนาดนั้น แต่ดันกลับจำสิ่งที่พึ่งจะทำลงไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าความจำสั้นแบบนี้ ยังจะมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่าที่เพลินทำไปแล้ว..แต่ว่าก็ทำเป็นลืม"
เธอรู้ว่าเขาตั้งใจเหน็บเธอ และรู้แน่นอนว่าสิ่งที่ปฏิธานทำเป็นเอ่ยถึงนั้นอีกฝ่ายกำลังหมายถึงเรื่องอะไร ถึงแม้ว่าปรานต์และนางแบบสาวข้างกายปฏิธานจะไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เธอพยายามปกปิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย หากแต่อาการร้อนรนจนเป็นวัวสันหลังหวะ กลัวว่าความจริงที่ซ่อนเอาไว้นั้นจะถูกเปิดเผยขึ้นมา ทำเอาเพลินตาลืมตัวจนต้องแอบกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
"พี่เต็มไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ สมองเพลินยังดีอยู่ ถ้ามันมีเรื่องอะไรที่เพลินจะจำไม่ได้ เพลินว่าเรื่องนั้นมันคงจะไม่น่าจำมากกว่า เพลินถึงได้ไม่อยากจำมัน"
พูดจบเพลินตาก็ทำเป็นยิ้มเก๋ ก่อนจะหันไปถามปรานต์ว่าถึงเวลาที่ต้องเดินเข้าไปข้างในได้หรือยัง พอปรานต์พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าได้แล้วก็ไม่รอช้า เธอรีบดึงมือของอีกฝ่ายให้รีบเดินตามไป ปล่อยให้ใครบางคนได้แต่แอบหมั่นเขี้ยวเธออยู่ในใจ ก่อนจะเดินตามเธอไปโดยไม่ได้สนใจว่านางแบบสาวจะตามมาด้วยกันไหม
"คุณเต็มรอชมพูด้วยสิคะ"
ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ""พี่ปรานต์"เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริ
เพลินตาเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะหลากหลาย สมองอื้ออึงและมึนตึงไปพร้อมๆ กันเมื่อคำพูดของปฏิธานเอาแต่รบกวนระบบประสาทของเธออยู่เรื่อย ปฏิธานจะให้เธอยอมไปเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขาจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมา เธอขอสัญญากับตัวเองไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงเสียก็จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอ แต่เธอก็จะไม่ยอมต่ำตมจนต้องยอมทำอะไรผิดพลาดอีก"อ้าวเพลินกลับมาแล้วเหรอ เห็นคุณต้นอ้อแจ้งมาว่าให้เพลินช่วยไปถ่ายเอกสารให้ที่ข้างบนมาเพราะว่าเตรียมเอาไว้ใช้ในห้องประชุมบ่ายนี้ไม่ทัน เป็นไง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ"หลังจากเดินกลับมาถึงยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่เพลินตาก็เดินเข้าแผนกมาแบบเครียดๆ ในหัวตอนนี้ไหนจะมีเรื่องที่ปฏิธานพึ่งจะพูดกับเธอมา ไหนจะเป็นเรื่องที่ว่าตอนนี้พี่ๆ ในแผนกต่างมากันครบหมดแล้วอีก แล้วเธอควรต้องแก้ตัวว่าอะไร จนกระทั่งเดินเข้ามาเจอกับหัวหน้าแผนกอย่างคุณนิธิพล ที่แจ้งเหตุผลทันทีที่เห็นหน้าเธอว่าคุณต้นอ้อนั้นโทรมาบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอไปใช้งานเรียบร้อยแล้วเพลินตาอ้าปากแบบงงๆ คุณต้นอ้อคือใครแน่นอนว่า
ในที่สุดก็ถึงเช้าวันจันทร์ เพลินตายังคงต้องไปทำงานตามปกติ หลังจากที่นั่งกลั้นใจอยู่ในรถตั้งนานกว่าที่จะทำใจให้ยอมลงจากรถไปได้ เธอไม่พร้อมเจอหน้าปฏิธาน ไม่พร้อมหรืออาจจะถึงขั้นไม่อยากเจอ ยิ่งพอได้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์แล้วก็ได้แต่อยากร้องไห้เมื่อความจริงที่ว่าเธอมีอะไรกับปฏิธานไปแล้วนั้นมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศหักหลังพี่สาวแต่ถ้าให้เลือก..ว่าระหว่างคนที่มาช่วยเธอคือ ปฏิธาน หรือจะให้เป็นใครคนอื่น บอกตามตรงว่ามันช่างเป็นคำตอบที่ยากแสนยาก เพลินตาไม่อยากให้เป็นคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากให้มันป็น เขา ผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะมีสถานะมาเป็นว่าที่สามีของพี่สาวตัวเองในอนาคต"สวัสดีตอนเช้าครับน้องเพลิน"ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสีหน้าที่ดูเครียดอยู่ก็เปลี่ยนไปในทางแปลกใจเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่ยืนตรงหน้าคือกันตธีร์ ผู้ชายที่เธอพึ่งเจอที่ผับเมื่อคืนวันนั้น หลังจากที่เกิดเรื่องไปเธอก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีก ส่วนมินตราพอโทรไปหาก็ดูเงียบไปแปลกๆ ก็เลยยังไม่กล้าถามหรือแม้แต่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง เช้านี้กันตธีร์
หลายชั่วโมงผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยาน่าจะยังคงไม่ยอมจางหายไปได้ง่ายๆ ในขณะที่ล้มตัวนอนลงไปข้างๆ กันด้วยความเหนื่อยหอบ ปฏิธานก็ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วเริ่มบีบคลึงที่สองเต้าอวบอีก ช่วงจังหวะนี้เพลินตาเริ่มจะรับรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมาระหว่างเธอและปฏิธานนั้นคืออะไร หากแต่ความต้องการภายในที่ยากต่อการควบคุมนั้นกลับทำให้เธอยังคงเรียกร้องให้เขาทำมันอีกซ้ำๆ"ดูดนมให้เพลินอีกสิพี่เต็ม""ดูดแค่นมมันจะไปพออะไร เพลินอ้าขาสิ พี่อยากลงไปเลียข้างล่าง"ค่ำคืนนี้คุณหนูเพลินตาจอมเซี้ยวช่างว่าง่ายนัก ไม่ว่าปฏิธานจะเอ่ยปสกบอกให้ทำอะไรเธอก็คล้อยตามเขาไปเสียหมด ทันทีที่ลิ้นร้อนๆของปฏิธานจ่อเลียเข้ามา สองเรียวขาก็รีบกระหวัดเอี่ยวขึ้นไปบนบ่า ก่อนจะแอ่นเด้งกายสาวเข้าหาให้เข้าได้กินใกล้ๆ"อ๊า พี่เต็มขา เพลินรู้สึกดีจังเลย""อื้มเพลิน พี่ชอบมัน"ปฏิธานยกสองเรียวขาพาดบ่าให้แน่น ก่อนจะขยี้ปลายลิ้นบี้ลงไปกับเม็ดเสียว เพลินตาดิ้นเร่า พยายามแอ่นเนินเนื้ออวบของเธอเข้าหาใบหน้าเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทรักที่แสนเร่าร้อนของปฏิธานนั้นแสนร้อนแรง แถมยังช่วยเปิดประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆให้กับเธอได
หลังจากถูกจับลอกคราบออกเสียจนสิ้น เรือนร่างที่แสนงดงามสมส่วนของเพลินตาก็นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงใหญ่ ใบหน้างดงามเหยแกเพราะผลจากฤทธิ์ของยาจนไม่สามารถต้านทานต่อความต้องการที่เกิดขึ้นภายในกายได้ จึงได้เอื้อมมือเล็กของตัวเองบี้คลึงลงไปที่ใจกลางเกสรของดอกไม้งาม ก่อนจะแยกเรียวขาออกอย่างไม่นึกอาย"อ๊า พี่เต็มขาได้โปรดช่วยเพลินด้วย อื้อ เพลินทรมานเหลือเกิน"ปฏิธานจ้องมองภาพนั้นก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ภาพของเพลินตาที่นอนแหวกอ้าขาออก แล้วใช้มือตัวเองบีบขยี้บี้คลึงปุ่มเกสรกลางกาย ทำเอาต่อมความยับยั้งช่างใจของเขายิ่งตะเลิด ทั้งๆที่ใจจริงไม่เคยได้คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะกล้าถึงขั้นเลยเถิดลามปามเด็กผู้หญิงตัวน้อย หากแต่เป็นตอนนี้ ปฏิธานตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องช่วยเธอ หากว่าไม่ มีหวังเพลินตาคงต้องช็อกตายเพราะความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองเป็นแน่ราวกับสุนัขจิ้งจอกเตรียมพร้อมที่จะกลืนกินลูกแกะตัวน้อย ปฏิธานจ้องมองเรือนร่างงดงามที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเขาด้วยความหื่นกระหาย สายตากวาดไล่มองสำรวจตั้งแต่ใบหน้าสวยลากเลื้อยลงมาจนไปหยุดที่กึ่งกลางกาย เพลินตางดงามไปเสียทุกส่วน จนเขาไม่สามารถที่จะทนย
เพลินตาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับเธอนั้นคืออะไร ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนคอแห้งปากแห้งและยังใจสั่น อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแล้วเปลี่ยนเป็นการคลั่นเนื้อคลั่นตัวแทน มือไม้สั่นระริกระคนจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ หากแต่เวลาที่สัมผัสโดนผิวกายของปฏิธานแม้เพียงเล็กน้อย กลับทำให้เธอนั้นอยากทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการกระโจนเข้าหาและดึงเขาเข้ามากอดจูบเสียอย่างนั้น "พี่เต็ม เพลินเป็นอะไรก็ไม่รู้"เพลินตาตัดสินใจหันไปพูดบอกกับปฏิธานตามตรง หากแต่จุดโฟกัสสายตากลับกลายเป็นเป็นสันจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาที่เธอเคยได้สัมผัส จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะยังคงไม่พอ เพลินตายังคงแอบละสายตาจากริมฝีปากของคนข้างๆ ไต่ไล่ลงมายังลูกกระเดือก ช่วงจังหวะที่มันขยับกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจจนตามร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบ"เป็นอะไรเพลิน""มัน มันรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ"ปฏิธานหันกลับมามองเธอเพียงแค่แวบหนึ่ง สภาพของเพลินตาที่เห็นในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะหวานเชื่อม มือไม้ก็อยู่ไม่สุก ไล่เเกะปัดป่ายไปตามเนื้อตัวตัวเอง มองจากสภาพของเพลินตา ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะรู้อยู่หรอก