Share

บทที่ 5

เสิ่นหานยืนตัวแข็งอยู่กลางลานบ้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความลังเลและเจ็บปวด

"พ่อคะ" เสิ่นเมี่ยวแม้ว่าจะเห็นใจพ่อของตนแต่เธอคิดว่าเจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว ดังนั้นเธอจะต้องทำเรื่องนี้ให้จบลงอย่างเด็ดขาดในวันนี้

"พวกเราไม่ต้องการบ้านที่เต็มไปด้วยการเอาเปรียบอีกต่อไปแล้ว พ่อมีหนู มีพี่หยวน มีแม่ พวกเราอยู่ด้วยกันได้ไม่ต้องพึ่งพาใคร!" เสียงใสกังวานหนักแน่นเกินวัยแทรกผ่านบรรยากาศอึดอัดกดดันในลานบ้าน

เสิ่นหยวนที่ยืนอยู่ข้างน้องสาวกำมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยความภูมิใจระคนสะเทือนใจคราวเดียวกัน เสิ่นหานตาแดงเรื่อสองมือกำแน่นจนสั่น เขามองลูกสาวตัวน้อยที่ยืนหยัดแทนตัวเองทั้งที่เธอควรได้รับการปกป้องมากกว่า แต่เธอกลับยืนหยัดขึ้นมาปกป้องเขาแทน

นางจางหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจนตัวสั่นหลังได้ยินคำพูดของหลานสาวที่หล่อนมองว่าเป็นตัวขาดทุน ฟางหลานเม้มปากแน่น เสิ่นฉีกำลังอ้าปากจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ชาวบ้านที่มุงดูอยู่เริ่มมีเสียงฮือฮาตามมา

"เด็กตัวเท่านี้ยังรู้จักพูด รู้เรื่องกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก..."

"จริงด้วย ทำแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ คนเป็นพ่อแม่แท้ ๆ ยังกล้าบังคับกันขนาดนี้"

เสียงซุบซิบที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สีหน้าของจางหลิน เสิ่นฉี และฟางหลานเริ่มแย่ลง เสิ่นเมี่ยวไม่สนใจเธอก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง แล้วแบมือเล็ก ๆ ออกไปตรงหน้าของฟางหลาน

"ห้าร้อยหยวน ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ต้องพูด!" เธอประกาศก้องอย่างท้าทาย ครั้งนี้ทั้งย่าและเสิ่นฉีต่างหันไปมองหน้ากันอย่างขุ่นเคืองโดยไม่เก็บอาการ

แม้จะโกรธจนควันแทบออกหูแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าหากปล่อยให้เรื่องนี้บานปลายต่อหน้าชาวบ้านชื่อเสียงที่หวงแหนมานานจะต้องเสียหายย่อยยับอย่างแน่นอน ฟางหลานกัดฟันกรอด

"แม่คะ จ่ายสิคะ" เธอหันไปพูดกับแม่สามี

"แกจะบ้าเหรอ ฉันจะเอาเงินมาจากไหน" จางหลินตวาดแหวทันทีอย่างไม่พอใจก่อนที่หล่อนจะลงไปนั่งที่พื้นพลางทุบขาตัวเองเอ่ยตัดพ้อต่อสวรรค์

"ลูกอกตัญญู หมาป่าตาขาว" หล่อนเริ่มโวยวาย "ตอนนี้ครอบครัวแกก็ยังมีอาซือทำงานอยู่แต่ครอบครัวพี่ชายกำลังจะอดตายแกยัง..แกยังจะเอาเงินอีก" นางจางบีบน้ำตารำพึงรำพันน้ำหูน้ำตาไหลพราก

แต่แววตากลับฉายแววแข็งกร้าวและชำเลืองดูท่าทางของบุตรชายคนเล็กอย่างคำนวณเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องใจอ่อนเหมือนทุกครั้งอย่างแน่นอน

ชาวบ้านบางคนที่ใจอ่อนหรือยังยึดติดกับธรรมเนียมเก่า เริ่มมีสีหน้าลังเลเห็นใจหญิงชราที่นั่งฟูมฟายอยู่กับพื้น แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นและพอจะรู้นิสัยของคนบ้านนี้อยู่บ้างเริ่มส่ายหน้าอย่างระอา เสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้แฝงแววสมเพชในการกระทำของจางหลินมากกว่า

"โธ่เอ๊ย...เล่นละครเก่งเหมือนงิ้วเลยนะ" "ใช่ ๆ พอเถียงสู้ไม่ได้ก็ลงไปนั่งร้องไห้เรียกคะแนนสงสาร" "น่าสงสารอาหานนะ มีแม่กับพี่ชายแบบนี้"

เสิ่นหานยืนหน้าซีดเผือดมือไม้สั่น เขามองแม่ที่นั่งอยู่บนพื้นแล้วก็รู้สึกปวดใจ แต่พอได้ยินคำพูดกล่าวหาว่าอกตัญญูทั้งที่ตนช่วยเหลือครอบครัวพี่ชายมาตลอด ความน้อยใจและความโกรธก็ตีตื้นขึ้นมา เขากำลังจะอ้าปากพูดแต่เสียงใส ๆ ที่หนักแน่นของลูกสาวตัวน้อยก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

"ย่าคะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ พื้นมันเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะคะ ชาวบ้านเขามองกันเต็มไปหมดแล้ว อายเขาค่ะ ย่าไม่อายเหรอ"

น้ำเสียงของเสิ่นเมี่ยวเรียบเฉย ไม่ได้แสดงความเห็นใจแต่ก็ไม่ถึงกับแข็งกระด้าง เป็นน้ำเสียงของผู้ใหญ่ที่กำลังเตือนสติเด็กน้อย ทำให้จางหลินที่กำลังฟูมฟายถึงกับชะงักไปเล็กน้อย มองหลานสาวด้วยความคาดไม่ถึง

เสิ่นเมี่ยวไม่รอให้ย่าได้ตั้งตัว เธอกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงชัดเจน "จริงอยู่ที่ตอนนี้ครอบครัวลุงเสิ่นฉีลำบากเพราะโรงงานปิดตัว แต่การจะมาบังคับให้พ่อหนูสละตำแหน่งงานที่ทำมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของตัวเอง มันใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือคะ?"

เธอหันไปมองทางลุงกับป้าสะใภ้ "แล้วที่ผ่านมาหลายปี ครอบครัวเราส่งข้าวส่งเกลือให้ครอบครัวลุงไม่เคยขาด มีปัญหาอะไรพ่อกับแม่ก็คอยช่วยเหลือตลอด ลุงกับป้า...แล้วก็ย่า ลืมไปหมดแล้วหรือคะ?"

คำพูดนั้นแทงใจดำของทั้งเสิ่นฉีและฟางหลาน พวกเขาหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่ยังคงเชิดหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เสิ่นเมี่ยว หันกลับมามองย่าที่ยังคงนั่งเงียบทว่าดวงตาแข็งกร้าวเช่นเดิมอย่างคนไม่ยอมรับความจริง

"ส่วนเงินห้าร้อยหยวนที่หนูพูดถึง...ย่าคะ นั่นไม่ใช่ว่าหนูเห็นแก่เงิน หรือจะมาซ้ำเติมคนล้ม แต่เงินจำนวนนั้นคือเงินที่ครอบครัวลุงติดค้างบ้านเรามานานแล้ว ทั้งค่าหยูกค่ายา ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่พ่อกับแม่ต้องออกให้ก่อนอยู่เสมอ ไหนจะเงินที่ย่าหยิบยืมไปครั้งแล้วครั้งเล่าอีก"

เธอเว้นจังหวะให้ชาวบ้านได้ยินกันอย่างชัดเจน "ถ้าวันนี้ย่ากับลุงต้องการจะให้พ่อหนูสละตำแหน่งงาน ดังนั้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ย่ากับครอบครัวของลุงใหญ่ก็สมควรต้องจัดการหนี้สินเก่าที่ติดค้างกันมานานให้หมดสิ้นเสียก่อน ไม่ใช่หรือคะ? มันถึงจะยุติธรรม"

คราวนี้เสียงฮือฮาจากชาวบ้านดังยิ่งกว่าเดิม หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลของเด็กหญิงตัวน้อย

"เออ เรื่องนี้ถูกต้อง เป็นหนี้ก็ต้องใช้คืนสิ" "นั่นน่ะสิ ไม่ใช่จะมาเอาแต่ได้อย่างเดียว" "ที่แท้ก็ติดหนี้เขาไว้เยอะนี่เอง แต่ทำไมยังถึงได้กล้ามาบังคับเอาตำแหน่งงานเขาอีก...นี่มันจะไม่หน้าหนาเกินไปหน่อยหรอกหรือ" เสียงของชาวบ้านเริ่มเข้าข้างไปทางเสิ่นหาน

จางหลินหน้าซีดสลับเขียวด้วยความโกรธและอับอาย นางอยากจะกรีดร้องด่าทอหลานสาวที่ไม่รู้ว่าวันนี้ไปกินยาผิดสำแดงอะไร จากคนเงียบแม้แต่เสียงดังหน่อยก็หวาดกลัวทว่าในวันนี้เหตุใดมันถึงได้พูดเอาพูดเอา

แต่เมื่อหล่อนเห็นสายตาของชาวบ้านที่มองมาอย่างกดดันและไม่เห็นด้วย นางจางก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ทางตัวเองหาใช่จะได้เปรียบอีกทั้งหากหล่อนยังดึงดันต่อไปมีแต่จะเสียกับเสีย

นางจางจึงได้แต่จ้องมองเสิ่นเมี่ยวเขม็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น...นังเด็กเปรตนี่ มันร้ายกาจเกินเด็กจริง ๆ!

ท่ามกลางของความอึกทึกโกลาหลเซี่ยอวิ๋นซือที่เพิ่งกลับมาถึงพลันรู้สึกเกิดความประหลาดใจที่เห็นชาวบ้านจำนวนมากอยู่ล้อมรอบหน้าประตูบ้าน

"นั่นแม่ของเมี่ยวเมี่ยวกลับมาแล้ว" ใครบางคนที่อยู่ในกลุ่มพูดพลางชี้นิ้วมาทางเธอ

เซี่ยอวิ๋นซือใจหายวาบ เร่งฝีเท้าสาวเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น หัวใจเต้นแรงด้วยความสังหรณ์ใจไม่ดี เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้าน? แล้วภาพที่เห็นเมื่อแหวกกลุ่มคนเข้าไปได้ก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ

แม่สามี กำลังนั่งแผละอยู่กับพื้นดินกลางลานบ้าน ใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาแต่ดวงตาแข็งกร้าว สามีของเธอ ยืนหน้าซีดเผือดมือสั่นอยู่ไม่ไกล ลูกสาวตัวน้อยกับลูกชายบุญธรรมยืนเคียงข้างพ่อด้วยท่าทีปกป้อง ส่วนพี่ชายสามีกับภรรยาก็ยืนหน้าตึงอยู่ใกล้ ๆ บรรยากาศตึงเครียด

"นี่มัน...เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?" เซี่ยอวิ๋นซือเอ่ยถามเสียงสั่นเล็กน้อย ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหายไปสิ้นเมื่อถูกแทนที่ด้วยความกังวล

ยังไม่ทันที่คนในครอบครัวจะได้ตอบ ป้าหวังเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็รีบชิงอธิบายอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแทน

"ก็แม่สามีเธอนะสิ อวิ๋นซือ! ไม่รู้ไปฟังอะไรมา จะมาบังคับให้เสิ่นหานสละตำแหน่งหัวหน้างานที่โรงงานให้เสิ่นฉีเขาน่ะสิ พอเสิ่นหานไม่ยอมก็หาว่าอกตัญญู แล้วนังหนูเมี่ยวเมี่ยวนี่แหละ เก่งจริง ๆ ออกมาปกป้องพ่อ บอกว่าถ้าจะเอาตำแหน่งไปก็ต้องเอาเงินห้าร้อยหยวนที่เป็นหนี้เก่ามาคืนก่อน!"

เซี่ยอวิ๋นซือเบิกตากว้าง หันขวับไปมองแม่สามี พี่ชายสามี และสามีของตนสลับกันไปมา จางหลินพอเห็นลูกสะใภ้มาถึงก็รีบเบะปากร้องไห้โฮเสียงดังมากกว่าเดิมชี้มือมาทางเสิ่นเมี่ยว

"สะใภ้รองเธอดูสิ! ดูนังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ลูกของหล่อนมันกล้าทำกับย่า! มันใส่ร้ายว่าพวกฉันติดหนี้! แล้วยังยุให้พ่อมันแข็งข้อกับฉันอีก! เธอดูสามีเธอมันเลี้ยงลูกยังไงให้มาปีนเกลียวย่าตัวเองแบบนี้!" นางพยายามโยนความผิดทั้งหมดให้หลานสาวและลูกชายคนเล็กหวังให้ลูกสะใภ้เข้าข้างตน

เสิ่นเมี่ยวรู้ทันความคิดของย่า เธอรีบหันไปหาแม่จับมือหล่อนเอาไว้แน่นพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนมากกว่าเก่าก่อนที่แม่จะทันได้ไขว้เขว

"แม่คะ! ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ! วันนี้โรงงานลุงฉีปิดตัว ลุงตกงาน ย่ากับลุงเลยจะมาบังคับให้พ่อสละตำแหน่งหัวหน้างานให้ลุงฉีค่ะ! พ่อไม่ยอม ย่าก็เลยด่าพ่อว่าอกตัญญู หนูทนไม่ได้ก็เลยบอกไปว่าถ้าจะให้พ่อเสียสละขนาดนั้นก็ต้องคืนเงินห้าร้อยหยวนที่ย่ากับลุงติดหนี้บ้านเรามานานแล้วคืนมาก่อนถึงจะยุติธรรมค่ะ"

เซี่ยอวิ๋นซือมองลึกลงไปในดวงตาที่แน่วแน่ของลูกสาวตัวน้อย ก่อนจะหันไปมองสามีที่ยืนก้มหน้ากำหมัดแน่น และมองไปยังแม่สามีที่บัดนี้เงียบเสียงร้องไห้ไปแต่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยแววตาอาฆาต

ในฐานะภรรยาและแม่ที่อยู่กับครอบครัวนี้มานาน นางย่อมรู้ดีถึงความลำเอียงของแม่สามีและความเอาเปรียบของครอบครัวพี่ชายสามีมาตลอด แม้จะพยายามอดทนเพื่อความสงบสุขแต่ครั้งนี้มันเกินไปจริง ๆ ที่จะมาบังคับแย่งตำแหน่งงานที่สามีทำมาอย่างยากลำบาก

นางสูดหายใจลึกก้าวเดินไปประคองสามีให้ยืนตรง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับแม่สามีและพี่ชายสามี แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่แววตาที่มองไปนั้นไม่ได้อ่อนข้อเหมือนเช่นเคย มันฉายแววปกป้องครอบครัวของตนเองอย่างชัดเจนทำให้จางหลินและเสิ่นฉีรู้สึกเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ... ดูเหมือนว่าวันนี้ ลูกสะใภ้ที่เคยคิดว่าอ่อนแอกำลังจะเปลี่ยนไป
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 156

    ในตอนนี้แม้ว่าพวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องความเป็นความตายอย่างถ่องแท้ แต่เรื่องราวของดวงดาวผู้พิทักษ์ก็ได้ปลูกฝังความรัก ความทรงจำ และความอบอุ่นไว้ในหัวใจดวงน้อยของทั้งสามคน...และสายใยของครอบครัวก็จะยังคงส่องสว่างนำทางพวกเขาต่อไป...ตราบนานเท่านาน... กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอีกครั้ง จาก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 155

    หลายปีผ่านไปหลังจากนั้น...กาลเวลาได้ถักทอเรื่องราวบทใหม่ให้กับทุกคนในครอบครัวใหญ่ กิจการ "บ้านหลี่" เติบโตและมั่นคงอย่างถึงที่สุด หม่าหลี่หยวนได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักบริหารหนุ่มผู้เก่งกาจ ส่วนหลี่เมี่ยวและโจวยี่เหิงก็ได้สร้างชื่อเสียงในแวดวงวิชาการและวงการแพทย์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในร

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 154

    สองปีถัดมา หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวทั้งตระกูลหลี่ ตระกูลเซี่ย และตระกูลหม่า ต่างก็เร่งรัดและส่งเสริมให้หม่าหลี่หยวนรีบแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ในที่สุดวันนี้ที่ทุกคนในครอบครัวรอคอยก็มาถึง งานวิวาห์ระหว่างหม่าหลี่หยวน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้สืบทอดกิจการของสองตระกูล และ หลินเยว่ พนักงาน

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 153

    หลายปีแห่งการเติบโตและการทำงานอย่างหนักในเส้นทางของตนเองได้ผ่านพ้นไป...โจวยี่เหิงในตอนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแพทย์ประจำบ้านอีกต่อไปแล้ว แต่เขาได้กลายเป็นศัลยแพทย์สมองหนุ่มผู้มีชื่อเสียง และเป็นอาจารย์พิเศษที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจียวทงเซี่ยงไฮ้ บุคลิก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 152

    ข่าวด่วนในเช้าวันหนึ่งของเมืองปักกิ่ง ข่าวนี้ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วแวดวงวิชาการและเทคโนโลยี...ได้มีคนพบศพนักศึกษาสาวอัจฉริยะในอพาร์ตเมนต์ของเธอเอง ร่างของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด มีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกมีดแทงที่กลางหน้าอกอย่างเหี้ยมโหด จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 151

    คำกระซิบที่แผ่วเบาแต่ก้องกังวานอยู่ในหัวใจของหลี่เมี่ยวทำให้เธอตัวแข็งทื่อยิ่งกว่าเดิม ใบหน้างามแดงก่ำจนลามเลียไปถึงใบหู เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมกล้าที่เต็มไปด้วยความรัก ความจริงจัง และการรอคอยอย่างเปี่ยมล้นคู่นั้น...น้ำตาแห่งความตื้นตันใจค่อย ๆ เอ่อคลอขึ้นมาอย่างสุดจะกลั้น เธอไม่ได้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status