Share

บทที่ 6

"เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยกับลูกสาวของฉันค่ะ" น้ำเสียงของเซี่ยอวิ๋นซือแม้จะไม่ดังมาก แต่ทว่าท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุมลานบ้านชั่วขณะทุกคนก็ต่างได้ยินเสียงของหล่อนอย่างชัดเจน

เธอยืนหยัดเคียงข้างสามี มือยังคงประคองแขนเขาไว้ดวงตาจ้องมองไปยังแม่สามีที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ลดละ คำประกาศนั้นราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของนางจาง

หล่อนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อหู ลูกสะใภ้ที่นางคิดว่าควบคุมได้มาตลอดที่ปกติจะอ่อนน้อมยอมตามเธอเสมอ กล้าดียังไงมาเข้าข้างหลานสาวตัวแสบและลูกชายที่ไม่เอาไหนของนาง!

"แก! นังอวิ๋นซือ!" จางหลินแผดเสียงแหลมออกมาด้วยความโกรธจัดจนหน้าเขียว ชี้นิ้วสั่นเทาไปยังใบหน้าลูกสะใภ้คนรองก่อนจะผรุสวาทถ้อยคำหยาบคายออกมา

"แกมันนังลูกสะใภ้ไม่รักดี! เลี้ยงไม่เชื่อง! ฉันอุ้มชูแกมา ให้ที่ซุกหัวนอนแต่แกกลับเข้าข้างนังเด็กนี่กับผัวแกงั้นเหรอ! พวกแกมันพวกเดียวกันหมด! วางแผนกันจะฮุบสมบัติไล่แม่ผัวอย่างฉันกับพี่ใหญ่ออกจากบ้านใช่ไหม!"

คำกล่าวหาที่รุนแรงและบิดเบือนความจริงทำให้เซี่ยอวิ๋น ซือเม้มปากแน่น แต่เธอก็ไม่ได้โต้เถียงด้วยถ้อยคำหยาบคายตรงกันข้ามเธอกลับตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงมากกว่าเดิม

"คุณแม่คะ พวกเราไม่เคยคิดจะไล่ใคร แค่ต้องการความยุติธรรมค่ะ ตำแหน่งงานเป็นของสามีฉันที่ทำมาด้วยความสามารถ หนี้สินที่ติดค้างก็ควรต้องชำระคืน มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ใช่หรือคะ"

ทางด้านเสิ่นฉีและฟางหลานถึงกับหน้าถอดสี พวกเขามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนกไม่คิดว่าเซี่ยอวิ๋นซือจะกล้าแข็งข้อกับแม่สามีได้ถึงขนาดนี้ ฟางหลานเริ่มขยับถอยหลังเล็กน้อย ดึงแขนสามีเบา ๆ คล้ายจะส่งสัญญาณว่าควรพอได้แล้ว สถานการณ์มันไม่เป็นใจอย่างรุนแรง

ในขณะที่เสิ่นหานพอได้ยินภรรยาประกาศสนับสนุนอย่างชัดเจน ความลังเลและความเจ็บปวดในแววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่

เขาสูดหายใจลึกยืดอกขึ้น และกล่าวกับมารดารวมถึงพี่ชายที่มักเอาเปรียบตนเองมาตลอดด้วยน้ำเสียงที่ดังและมั่นคงกว่าทุกครั้ง

"ผมเห็นด้วยกับภรรยาและลูกสาวครับแม่ ตำแหน่งงานนี้ผมไม่สละให้ใครทั้งนั้น และถ้าพี่ใหญ่กับแม่ยังอยากจะได้ตำแหน่งงานของผม ก็ควรจะคืนเงิน 500 หยวนที่ติดค้างเรามาก่อน หรืออย่างน้อยก็ควรจะพูดคุยกันถึงวิธีการชดเชยให้ครอบครัวของผมไม่ใช่มาใช้วิธีบังคับขู่เข็ญกันแบบนี้"

"ใช่!" เสิ่นเมี่ยวรีบเสริมทัพพ่อทันที "ตกลงย่ากับลุงจะคืนเงิน 500 หยวนไหมคะ? หรือว่าจะให้พวกเราแยกบ้านออกไปโดยนำสิ่งของบ้านใหญ่ที่มีมูลค่าเท่ากันออกไปดี ย่าเลือกมาเลยค่ะ" คำพูดเกินวัยของเด็กหญิงยิ่งทำให้บรรยากาศมาคุขึ้นอีก

เสียงฮือฮาของชาวบ้านดังขึ้นอีกคำรบ คราวนี้เต็มไปด้วยเสียงสนับสนุนครอบครัวเสิ่นหานอย่างเปิดเผย

"พูดถูก! ต้องแบบนี้สิเสิ่นหาน!" "แยกบ้านไปเลย! อยู่ไปก็มีแต่โดนเอาเปรียบ!" "คืนเงินเขาไปซะสิแม่เฒ่าจาง! ทำผิดก็ต้องยอมรับ!"

จางหลินตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ อับอาย และรู้สึกเหมือนถูกทุกคนรุมประณาม นางจ้องเขม็งไปยังเสิ่นเมี่ยว เสิ่นหาน และเซี่ยอวิ๋นซือสลับกันไปมา ก่อนจะกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง

"พวกแก! พวกแกมันอกตัญญู! เนรคุณ! ฉันไม่มีลูกชาย ไม่มีลูกสะใภ้ ไม่มีหลานแบบพวกแก!"

พูดจบนางก็พยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เสิ่นฉีรีบเข้าไปประคองแม่ ฟางหลานมองมาทางเสิ่นเมี่ยวด้วยแววตาเคียดแค้นชิงชัง ก่อนจะรีบเดินตามสามีและแม่สามีเข้าบ้านไป ปิดประตูเสียงดังปัง! เป็นการจบการเผชิญหน้าลงชั่วคราว ทิ้งไว้เพียงความเงียบและสายตาของชาวบ้านที่มองตามไปอย่างสมเพช

เสิ่นเมี่ยวยืนมองตามแผ่นหลังของทั้งสามคนไปด้วยแววตาเรียบเฉย...นี่เป็นเพียงยกแรกเท่านั้นเพราะสงครามที่แท้จริง...มันต่อจากนี้ต่างหาก

เจ้านาย! ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าการอยู่กับคุณจะได้สัมผัสเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นพวกนี้เลยจริง ๆ เรื่องของคุณนี่อย่างกับละครสั้นที่ฉายทางโซเชียลไม่มีผิด เสียงเล็กใสแจ๋วที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นในหัวของเสิ่นเมี่ยวทำให้เธอแสดงสีหน้าตกใจออกมา

"ใคร!?" เธอถามออกมาเสียงดังจนพ่อแม่และพี่ชายมองมาทางเธอด้วยความประหลาดใจระคนเป็นห่วง

"ลูกรัก เกิดอะไรขึ้น" เซี่ยอวิ๋นซือถามออกมาอย่างกังวล

"ปะ..เปล่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไร" เสิ่นเมี่ยวแก้ตัวพลางคิดว่าตัวเองอาจจะหูแว่ว

ทว่า... เจ้านาย! คุณคงไม่ได้ลืมผมไปแล้วหรอกนะ ช่างน่าน้อยใจเสียจริง ผมเป็นคนพาคุณมาที่นี่ยังไงล่ะครับ เสียงใสแจ๋วนั้นได้ทำให้เสิ่นเมี่ยวเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงขึ้นทันที

นายคือ เสี่ยวหม่าว

ก็ใช่นะสิครับ ผมเสี่ยวหม่าวเอไอสุดหล่อเอง ไม่อย่างนั้นจะใครล่ะ คำพูดแสนหลงตัวเองนี้ของเอไอในรูปลักษณ์ของแมวน้อยปุกปุยที่เสิ่นเมี่ยวสร้างมาเองกับมือทำให้เสิ่นเมี่ยวอดยิ้มให้กับความหลงตัวเองของสิ่งประดิษฐ์ของตนไม่ได้ออกมา

รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของเสิ่นเมี่ยวเพียงครู่เดียวก่อนจะเลือนหายไป เมื่อเธอตระหนักได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขำขันกับความหลงตัวเองของเอไอคู่ใจ เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับพ่อแม่และพี่ชายที่ยังคงมองมาด้วยความกังวล

"หนูไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะแม่ พ่อ พี่หยวน สงสัยเมื่อกี้หนูคงจะตกใจไปหน่อย เลยหูแว่วไปเอง" เธอบอกปัดพลางจับมือแม่เขย่าเบา ๆ

"หนูว่าพวกเรารีบเข้าบ้านกันเถอะค่ะ ยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นที่สนใจของคนอื่นเปล่า ๆ"

เซี่ยอวิ๋นซือมองลูกสาวอย่างพิจารณา แม้จะยังไม่คลายกังวลนักแต่เมื่อเห็นว่าลูกดูปกติดีแล้ว ประกอบกับสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่งผ่านไปเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย

"จริงด้วย เข้าบ้านกันเถอะลูก" เซี่ยอวิ๋นซือตอบพลางเดินเข้าไปจับท่อนแขนของสามีที่ยังคงมีสีหน้าซับซ้อน ด้านเสิ่นหยวนก็เดินเข้ามาจับมือน้องสาวจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา

ทั้งสี่คนเดินกลับเข้าสู่ส่วนพักอาศัยของตนเองในบ้านที่แยกตัวออกมาปลูกบนที่ดินผืนเดียวกัน บรรยากาศภายในห้องโถงขนาดเล็กที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายตามฐานะเต็มไปด้วยความเงียบงันที่ต่างจากความโกลาหลเมื่อครู่

ที่มีทั้งความโล่งใจที่เผชิญหน้ากับปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ แต่ก็มีความเหนื่อยล้าและความกังวลถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนอบอวลอยู่

เจ้านาย สรุปว่าบ้านนี้อยู่รวมกันหมดเลยเหรอครับ ทั้งย่า ลุง ป้า พ่อ แม่ พี่ แล้วก็เจ้านาย? แบบนี้มันไม่วุ่นวายแย่เหรอ เสียงใส ๆ ของเสี่ยวหม่าวเอไอแมวน้อยดังขึ้นในหัวเสิ่นเมี่ยวอีกครั้ง

ก็ใช่น่ะสิ ถึงได้วุ่นวายแบบนี้ไง เสิ่นเมี่ยวตอบในใจพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้เก่าใกล้ตัวพร้อมเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาฉายแววครุ่นคิดอย่างหนัก

สถานการณ์เมื่อกี้พิสูจน์แล้วว่าการอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับย่าและครอบครัวลุงต่อไปมีแต่จะสร้างปัญหาไม่รู้จบ พวกเขาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่เป็นครอบครัวจริง ๆ เห็นเป็นแค่เครื่องมือหาเงินและที่พึ่งพิงยามลำบากเท่านั้น พอมีโอกาสก็จ้องจะเอาเปรียบตลอด

ความทรงจำในชาติก่อนที่ครอบครัวของลุงใหญ่ค่อย ๆ เข้ามาควบคุมทุกอย่างหลังจากที่พ่ออ่อนข้อให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เสิ่นเมี่ยวตัวสั่นขึ้นมาด้วยความโกรธและความกลัวระคนกัน

ไม่ได้...จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นอีกไม่ได้เด็ดขาด! เธอตัดสินใจแน่วแน่ ทางเดียวที่จะปกป้องพ่อ แม่ และพี่หยวนได้ คือต้อง...แยกบ้าน!

แยกบ้านเหรอครับเจ้านาย? แต่ดูจากสภาพแล้ว ครอบครัวเจ้านายตอนนี้มีเงินพอจะไปหาที่อยู่ใหม่เหรอครับ? ไหนจะธรรมเนียมปฏิบัติอีกล่ะ การแยกบ้านออกไปทั้งที่พ่อแม่ ของพ่อเจ้านายยังอยู่อาจจะถูกคนครหาได้นะครับ เสี่ยวหม่าวตั้งข้อสังเกตตามข้อมูลที่ประมวลผลได้

ฉันรู้...มันไม่ง่าย เสิ่นเมี่ยวตอบในใจกัดริมฝีปากครุ่นคิด แต่ยังไงก็ต้องทำ! เรื่องเงิน...ฉันต้องหาทางให้พ่อกับแม่มีรายได้เพิ่ม หรือหาเงินก้อนแรกให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องคำครหา...ถ้าเทียบกับการที่ต้องทนถูกกดขี่ข่มเหงไปตลอดชีวิต หรือลงเอยแบบชาติที่แล้ว การถูกนินทามันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!

เธอเริ่มคิดถึงลู่ทางต่าง ๆ ความรู้จากอนาคตที่เธอมี...มีอะไรบ้างที่พอจะนำมาใช้ในยุค 80 นี้ได้? การค้าขาย? การลงทุน? หรือความรู้ทางเทคโนโลยี?

เสี่ยวหม่าว นายช่วยตรวจสอบข้อมูลตลาดในเมืองนี้ตอนนี้ให้หน่อยได้ไหม มีอะไรที่พอจะทำเงินได้เร็ว ๆ บ้าง หรือมีช่องทางไหนที่พ่อพอจะหารายได้เสริมได้

รับทราบครับเจ้านาย! กำลังประมวลผลข้อมูลเศรษฐกิจท้องถิ่นปี 1980... กรุณารอสักครู่ครับ!

ขณะที่เสิ่นเมี่ยวกำลังวางแผนขั้นต้นอยู่ในใจโดยมีเอไอคู่หูเริ่มทำงานเบื้องหลัง...ในอีกฟากหนึ่งของบ้านใหญ่ ภายในห้องของจางหลินบรรยากาศกลับคุกรุ่นไปด้วยความโกรธแค้นและความไม่พอใจ

"บัดซบ! นังเด็กเปรตเสิ่นเมี่ยว! มันร้ายกาจจริง ๆ!" จางหลินทุบโต๊ะเสียงดัง ปากก็ด่าทอไม่หยุด "แล้วแกด้วยเสิ่นฉี! ไอ้ลูกไม่เอาไหน! ปล่อยให้น้องกับหลานมาหยามหน้าได้ยังไง!"

"แล้วแม่จะให้ผมทำยังไงล่ะ!?" เสิ่นฉีเถียงเสียงดังอย่างหัวเสีย "คนทั้งหมู่บ้านก็เห็นอยู่ว่านังเด็กนั่นมันพูดเข้าข้างพ่อมัน แถมชาวบ้านก็ยังเข้าข้างพวกมันอีก!"

"ใช่ค่ะแม่ เสิ่นหานกับเมียมันก็แข็งข้อขึ้นทุกวัน ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีหวังพวกเราได้อดตายจริง ๆ แน่" ฟางหลานรีบเสริมสามีพยายามเบี่ยงเบนความโกรธของแม่สามีไปทางบ้านรอง

จางหลินหันขวับมามองลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ด้วยแววตาดุดัน "แล้วจะให้ฉันทำยังไง หากตอนนั้นแกทำตามที่ฉันบอกไม่แน่ว่าตำแหน่งหัวหน้างานนั่นนะก็คงจะเป็นของแกตั้งนานแล้วอาฉี!"

"เรื่องมันผ่านมาแล้ว อีกอย่างในตอนนั้นแม่เองก็พอใจกับงานที่ผมได้ไม่ใช่หรือครับ แล้วตอนนี้จะมาพูดเรื่องพวกนี้ทำไม" เสิ่นฉีแย้งด้วยสีหน้าบึ้งตึง

นางจางได้แต่นั่งเป็นบื้อใบเพราะใครจะคิดว่างานที่เคยคิดว่าเป็นชามข้าวเหล็กจะมาปิดตัวลงแบบนี้ อีกทั้งยังค้างจ่ายค่าแรงอีก ท่ามกลางความเงียบเสียงของฟางหลานก็ดังขึ้นอย่างร้อนใจ

"แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะแม่ ในเมื่อเสิ่นหานมันไม่ยอม แถมเมียมันก็ยังมาเข้าข้างมันอีก!"

พอได้ยินสะใภ้คนโตพูดแบบนี้แววตาของจางหลินก็วาวโรจน์ขึ้นมาอีก "หึ! เสิ่นหานมันไม่ยอม...ก็ต้องทำให้มันยอม! ตำแหน่งงานนั่น...ยังไงก็ต้องเป็นของเจ้าใหญ่ เราต้องหาทาง...บีบให้มันคายตำแหน่งออกมา!" หญิงชรากัดฟันกรอด เริ่มวางแผนการร้ายอย่างเงียบงันในใจอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าหลานสาวตัวน้อยที่นางแสนชิงชังก็กำลังวางแผนรับมือและหาทางหนีจากวงจรอุบาทว์นี้อยู่เช่นกัน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 156

    ในตอนนี้แม้ว่าพวกเขาอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องความเป็นความตายอย่างถ่องแท้ แต่เรื่องราวของดวงดาวผู้พิทักษ์ก็ได้ปลูกฝังความรัก ความทรงจำ และความอบอุ่นไว้ในหัวใจดวงน้อยของทั้งสามคน...และสายใยของครอบครัวก็จะยังคงส่องสว่างนำทางพวกเขาต่อไป...ตราบนานเท่านาน... กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอีกครั้ง จาก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 155

    หลายปีผ่านไปหลังจากนั้น...กาลเวลาได้ถักทอเรื่องราวบทใหม่ให้กับทุกคนในครอบครัวใหญ่ กิจการ "บ้านหลี่" เติบโตและมั่นคงอย่างถึงที่สุด หม่าหลี่หยวนได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักบริหารหนุ่มผู้เก่งกาจ ส่วนหลี่เมี่ยวและโจวยี่เหิงก็ได้สร้างชื่อเสียงในแวดวงวิชาการและวงการแพทย์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในร

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 154

    สองปีถัดมา หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวทั้งตระกูลหลี่ ตระกูลเซี่ย และตระกูลหม่า ต่างก็เร่งรัดและส่งเสริมให้หม่าหลี่หยวนรีบแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ในที่สุดวันนี้ที่ทุกคนในครอบครัวรอคอยก็มาถึง งานวิวาห์ระหว่างหม่าหลี่หยวน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้สืบทอดกิจการของสองตระกูล และ หลินเยว่ พนักงาน

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 153

    หลายปีแห่งการเติบโตและการทำงานอย่างหนักในเส้นทางของตนเองได้ผ่านพ้นไป...โจวยี่เหิงในตอนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแพทย์ประจำบ้านอีกต่อไปแล้ว แต่เขาได้กลายเป็นศัลยแพทย์สมองหนุ่มผู้มีชื่อเสียง และเป็นอาจารย์พิเศษที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจียวทงเซี่ยงไฮ้ บุคลิก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 152

    ข่าวด่วนในเช้าวันหนึ่งของเมืองปักกิ่ง ข่าวนี้ได้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วแวดวงวิชาการและเทคโนโลยี...ได้มีคนพบศพนักศึกษาสาวอัจฉริยะในอพาร์ตเมนต์ของเธอเอง ร่างของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด มีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกมีดแทงที่กลางหน้าอกอย่างเหี้ยมโหด จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 151

    คำกระซิบที่แผ่วเบาแต่ก้องกังวานอยู่ในหัวใจของหลี่เมี่ยวทำให้เธอตัวแข็งทื่อยิ่งกว่าเดิม ใบหน้างามแดงก่ำจนลามเลียไปถึงใบหู เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมกล้าที่เต็มไปด้วยความรัก ความจริงจัง และการรอคอยอย่างเปี่ยมล้นคู่นั้น...น้ำตาแห่งความตื้นตันใจค่อย ๆ เอ่อคลอขึ้นมาอย่างสุดจะกลั้น เธอไม่ได้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status