3 ใช่เขา (ที่ตามหา)
ร้านอาหารจีนช่วงวันศุกร์เย็นคนค่อนข้างแน่นร้าน แต่บ๊อบได้จองห้องพิเศษให้คณะซึ่งมีทั้งหมดสิบคน ทันทีที่โผล่เข้าไปที่ห้องพิเศษบ๊อบถามกับพนักงานเสิร์ฟว่ามีใครมาก่อนหน้านี้รึยัง เขาไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยนอกจากการส่ายหน้าของสาวเสิร์ฟ
ขณะที่ทุกคนกำลังสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ประตูห้องพิเศษเปิดออกทันใดมีหน้าหญิงสาวโผล่เข้ามาถามกับทีมงาน บ๊อบรีบเดินออกจากโต๊ะตัวยาวไปที่ประตู ปรากฏว่าเธอมาถึงก่อนเพื่อนชายที่บ๊อบได้นัดหมายไว้ ซึ่งบ๊อบเองทำหน้าสับสนเช่นกัน
สาวเปรี้ยวผู้นี้เดินก้าวเข้ามาถึงโต๊ะตัวยาวที่มีทีมงานนั่งอยู่กันแล้ว มีที่นั่งว่างเหลืออยู่สามที่ เธอจึงขออนุญาตเข้ามานั่งรอชายหนุ่มเพื่อนของบ๊อบ และเริ่มแนะนำตัวเองกับทุกคน
“ฉันชื่อซินดี้...ค่ะ ขออนุญาตร่วมโต๊ะนะคะ please…” สำเนียงนี้จะเป็นคนชาติอื่นไปไม่ได้ นอกจากคนไทย...เท่านั้น
“เพื่อนฉันชื่อ เคน กำลังมานะคะ เขาติดธุระอยู่” เธอทำเสียงสูงต่ำดูน่ารักมาก รุ่งทิวาวิจารณ์เธออยู่ในใจ... ‘หวานซู้ด…เปรี้ยวจี๊ด’
ทุกคนแนะนำตัวเองจนมาถึงรุ่งทิวา เธอเอ่ยสั้นๆ ว่าชื่อ รุ่ง เป็นภาษาอังกฤษ แต่ทำให้เธอคนนี้มีสีหน้าแปลกใจนิดๆ
และแล้ววินาทีสำคัญก็มาถึง ชายหนุ่มของเธอที่ได้นัดกับบ๊อบไว้ก็ผลักบานประตูเข้ามาทันที เขาเผยอยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ใบหน้ามีเคราบางๆ ไล่ขึ้นไปถึงจอนทำให้รูปหน้าคมเข้มหล่อเหลาเอาการ เขาแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างจับใจ ทำให้รุ่งทิวาเผลอใจลอยคิดไปถึงใครคนนั้น ทำไมน้ำเสียงของชายคนนี้ถึงได้เหมือนคนที่เธอเฝ้ารอคอยคำตอบ เขาเงียบไปนานแล้วด้วยสาเหตุอะไร
“ผมเป็นคนไทย มาเรียนอยู่ที่ UNSW อีกสองปีจะจบล่ะ” เขาพูดและไล่สายตามองทุกคนจนมาถึงรุ่งทิวา เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็เหลือบสายตาเลยผ่านไป
“ซินดี้คงแนะนำตัวเองไปแล้ว เธอเป็นผู้ช่วยวิจัยของผม ขอมาร่วม join กับบ๊อบและทุกคน” เขาก้มตัวลงนั่งลงที่เก้าอี้ติดกับสาวเปรี้ยว
รุ่งทิวากำลังคุยกับเพื่อนทีมงานอยู่ เขาเดินจากที่นั่งเข้ามาทักทายกับเธอตัวต่อตัว
“ขอผมรู้จักคุณได้ไหม” เขาพูดภาษาไทยทันที
“ค่ะ...รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนไทย” เธอเล่นลิ้นแย้งไป ท่าทางเขาเหมือนคนที่เธอรู้จักมาก่อน แต่ทำไมหน้าตาถึงไม่ใช่
“บ๊อบ...บอกว่ามีคนไทยอยู่ในทีมด้วย” เขามองจ้องแววตาเธอ ตาประสานตากันอย่างจัง รุ่งทิวาบอกได้ทันทีว่าต้องเป็นเขาคนนั้น
“ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม...” รุ่งทิวาเริ่มคำถามที่อยู่ในใจ
“หลายอย่างก็ได้...” เขาหยอกกลับสั้นๆ
“คุณเคยมีเพื่อนชื่อ รุ่งทิวา บ้างไหม” เธอมองจ้องตาเขา เห็นดวงตาดำขลับคู่นั้นส่งยิ้มทันที
“มีสิ...ที่ห้องเรียนผม...มีอยู่หนึ่งคน” คำตอบของเขาทำหญิงสาวร้อง...เสียงหลงอยู่ในใจ... ‘โอ้ย...ทำไมถึงไม่รู้จักเรา หรือว่าไม่ใช่เขา!!!???’
จนแล้วจนรอดหญิงสาวก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรที่แน่ชัดจากเขาคนนี้ เขาเป็นใครกันแน่ และเธอคนนี้เป็นคนรักของเขาหรือว่าเพื่อนร่วมงาน รุ่งทิวากลับมาที่โรงแรมพร้อมทีมงานด้วยคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจ คำตอบในใจเธอบอกได้เพียงแค่นี้
เขาไม่ใช่เขมราฐ... แล้วชายคนนี้หายไปไหน!!!???
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วประดุจสายน้ำในมหาสมุทร วันสุดท้ายของงานแสดงสินค้ากำลังจะสิ้นสุด รุ่งทิวาและทีมงานยุ่งกับการเก็บข้าวของที่ต้องแพ็กลงกล่องเพื่อให้บ๊อบจัดการส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ๋ในลอนดอน ในใจของหญิงสาวยังคงครุ่นคิดถึงเขาคนนั้น เธอจะขอใช้เวลาที่ได้ลางานไว้อีก 5 วันเพื่ออยู่ต่อเที่ยวที่นี่ไปติดตามหาชายหนุ่ม
เธอไปถามหาที่สถานทูตไทยว่า มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้หรือไม่ และแล้วคำตอบที่สั่งสมอยู่มากมายก็ถึงคราวคลายปม
เขมราฐถูกคนร้ายเมายาอีจับตัวไปนานเป็นสัปดาห์เมื่อปีก่อน เขาได้รับอุบัติเหตุจากการที่คนร้ายกำลังลักพาตัวเขาไปเป็นตัวประกัน ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บปางตาย
รุ่งทิวาใจลอยเดินออกจากสถานทูต เธอไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนี้ นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เธอหายไปจากความทรงจำของเขา
เธอเรียกรถแท็กซี่ไปหาอะไรกินแถวไทยทาวน์ มื้อเย็นได้นัดกับทีมงานสองคนจากเมืองไทยที่นั่นไว้ ทีมงานทั้งสองคนรู้ใจรุ่งทิวาพวกเขาสั่งอาหารให้หัวหน้าสาวที่ดูเหมือนใจเหม่อลอย
“คุณรุ่งมีอะไรหรือเปล่าครับ” บดินทร์ถามอย่างเป็นห่วง เขาเป็นผู้จัดการในสายงานอันดับรองจากรุ่งทิวา ที่คอยดูแลจัดการสินค้าของบริษัทให้ออกตัวเร็วและไวกว่าคู่แข่งขัน ทำงานดีมากจนหัวหน้าสาวเอ่ยชมทุกครั้งต่อที่ประชุม
“ไม่มีอะไร...ฉันแค่เหนื่อยมากช่วงนี้”
“ถ้าเพลียก็อย่าเพิ่งรีบกลับก็ได้ อยู่เที่ยวไปก่อน ไว้ผมไปจัดการเรื่องที่ยังค้างอยู่ให้” สุวิทย์เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ช่วยดูแลเรื่องประสานงานกับหน่วยงานทั้งในและนอกองค์กรเพื่อให้ทีมงานราบรื่น คนนี้บางครั้งแม้จะทำงานติดขัดแต่ด้วยฝีมือการแก้ปัญหาของเขานับว่าฉับไวคล่องตัวดีมาก ทำให้รุ่งทิวาไว้ใจเขาที่สุดมากกว่าบดินทร์ด้วยซ้ำ
ทั้งสองรีบจัดการอาหารบนโต๊ะให้เสร็จเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งสองมีแผนการจะพาหญิงสาวคนเดียวในทีมไปเที่ยวผับแถวริมอ่าว มีร้านฟังเพลงและเต้นรำแถวนั้นที่ควรพาเธอไปปล่อยอาการเครียดหมกมุ่น
5 ภาวะจำศีลบทต่อไปที่หญิงสาวขอทดลอง ไม่ได้มีอะไรมากมาย เธอแค่อยากกอดรัดเขาเฉยๆและลองฟังหัวใจเต้นของกันและกัน“แค่นี้เองหรือ...” เขาถามเธอ“ไม่ใช่แค่นี้...”“อ้าวว...” เขาลากเสียงยาว ด้วยความแปลกใจเธอจับเขาหมุนวนไปรอบเตียงวิเศษนั้น ทำเอาหัวหมุน เขาเริ่มพะอืดพะอม“เป็นไงบ้าง...” เธอถามอย่างสนุก“ไม่ดีมั้ง...แบบนี้จะทำให้ผมอาเจียน”“ไม่ค่ะ...แค่เริ่มต้น”จากนั้นเธอจับหัวของเขาลงแล้วไปจับขาขึ้นแขวนกลางอากาศ โจตกใจคว้าอากาศ เธอหัวเราะเสียงแหลม“นี่จะให้ผมตายหรือไง”“ไม่หรอก...แค่หยอกเย้า” เธอขำอย่างสนุกสนาน”“ขืนแบบนี้... ไม่ต้องมาหาเลย ผมไม่ต้องการคุณ” เขาตะโกนก้องหน้าแดง ภาวะตกภวังค์ของเขาเริ่มชะงักงัน อาการผ่อนคลายหายไป กลับมีความเครียดผวามาแทน“นี่ไง...คือบทพิสูจน์ แสดงธาตุแท้ของคุณแล้ว” เธอยังยั่วเขาต่อ“พาผมกลับไปที่เดิมเถอะ ... แล้วคุณกลับไปเป็นพรายน้ำรอคนรักในภพชาติต่อไป น่าจะดีกว่า ชาตินี้อย่ารอผมเลย” เขาหมดความอดทนที่จะให้เธอทำแบบนี้อีก“ไม่...ไม่... เรายังมีเวลาเรียนรู้กัน ไม่ใช่เหรอ คุณบอกเองนี่” เธอจ้องหน้าเขาขณะหัวห้อยลง“พรายน้ำเป็นแบบนี้ทุกคนใช่ไหม...”“ไม่ใช่... ฉันเ
4 ลองบทพิสูจน์ภาพปรากฏขึ้นเหมือนจอหนังสามมิติ ในนั้นมีตัวละคร...“โห... นี่จะให้ทำแบบนี้เลยเหรอ!!!” ชายหนุ่มอุทานขึ้น“ใช่... ฉันอยากพิสูจน์”“จริงๆ อยากรู้อะไรกันแน่” เขารู้สึกหงุดหงิด“ไร้อารมณ์แบบนี้... ชอบแบบไหน” เธอรุกจนเขารู้สึกได้ทันที“ตอนนี้พิสูจน์อะไรไม่ได้ ค่อยเป็นค่อยไป” เสียงงึมงำของเขาเอ่ย“อยากรู้ก่อน”“โอะ...โอ อย่าหาว่าผมแรง...”“ยังไง...”“คุณเป็นพรายน้ำสปีชีส์ HPD...” เขาพึมพำขึ้นมาจากส่วนลึกของความรู้สึก“คืออะไร...”“อยากให้ผมสนใจ... ขาดความรักความสนใจไม่ได้ ประมาณนั้น” เขาหรี่ตาจ้องนางที่กอดรัดเขาแน่น กลัวคนรักที่ตามหาจะไม่สนใจเขามองภาพโลกเสมือนจริงที่เป็นภาพฝันของโลกอนาคตซึ่งสร้างขึ้นจากญาณของเธอ ซึ่งมีเขาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมนั้น เธอตามหาเขามาจนถึงชาตินี้เป็นชาติที่สี่ ความพยายามสูงส่ง แต่เธอไม่เข้าใจว่าตัวตนของคนที่ตามหานั้นเป็นอย่างไร“ผมว่า... เราร่วมกันตัดสินใจแก้ปัญหาเถอะ”“มีคนรักอยู่แล้ว...ใช่ไหม”“อืม... ผมบอกว่า ไม่มี จะเชื่อผมไหม” เธอได้ยินเขาพูดประโยคนี้ หัวใจเต้นพองโต“ฉันตามหาคนนั้นมาตลอด เชื่อและยังรอเขาอยู่” เสียงออดอ้อนของเธอทำเขารู้สึกเห็
3 โลกเราสองชายหนุ่มมองไม่เห็นอะไร นอกจากความมืดเหมือนอยู่ในถ้ำ เสียงของหญิงสาวกลับตื่นเต้น“เราอยู่ในบ้านที่เป็นยานอวกาศ” เธอเฉลย“เพื่อ ???...” โจทำเสียงหวาดหวั่น“พร้อมไปสู่ดาวอื่น...”“ฮะ...”“10 ปีโลกจะวิบัติ” เธอตอบราวกับผู้รู้“รู้ได้ยังไง”“เราอยู่ในโลกหน้า... มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้ทุกคนเตรียมพร้อม”“โห... เราอยู่ในโรงหนังสามมิติ...ใช่ไหม” เขาขำขณะถามเธอ“ไม่ใช่...เราอยู่ในโลกเสมือนจริง บอกแต่แรกแล้ว ลืมล่ะสิ” เธอยิ้มให้เขา “ตกลงพา...ผมมาเพื่ออะไร” เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ“ให้ดูอะไรบางอย่าง” เธอยิ้มละไมภาพเบื้องหน้าระหว่างเธอกับเขา กำลังอยู่ในมิติแห่งความรัญจวน“แล้วนั่นคือโลกอนาคตนะครับ”“ถูกต้อง เรากำลังจะไปอยู่ ณ เวลานั้น” เธอพาเขาทะลุข้ามช่วงเวลาไปอีกหนึ่งมิติหญิงสาวรั้งชายหนุ่มกอดไว้แน่น เริ่มบรรเลงเพลงรักบทพิศวาส เขาเป็นฝ่ายถูกกระทำจนเกือบขาดอากาศหายใจ“เริ่มก่อนเลยหรือ”“อืม...เหมือนคนไร้อารมณ์ขนาดนี้ ต้องสปาร์กให้ก่อนถึงจะยอมใช่ไหม” เธอประชด“เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน... ผมรู้สึกไม่ดี” เขาไม่เข้าใจผู้หญิงแบบนี้“ใครบอกคุณ... เรารู้จักกันแล้ว”“ฮะ...โมเมจริงๆ” เขาขึ
2 สาวในฝันหญิงสาวอายุราวสามสิบต้นๆ เดินออกจากประตูที่เปิดไปด้านใน ตรงมายังโซฟาต้อนรับผู้มาเยือน“มานานรึยังคะ... คุณ ...เอ่อ” เธอตะกุกตะกัก ชายหนุ่มจึงตอบกลับทันควัน“สวัสดีครับ คุณวรินทร์ ผม...โจ”ก่อนเริ่มเรื่องอย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มชวนเธอพูดคุยเรื่องทั่วไป เพื่อสร้างความคุ้นเคย“คุณวรินทร์ ชอบฟังเพลงแนว relaxing music ไหมครับ” เขาเคลียร์ความสงสัยในใจ“ชอบมากเลย กลางคืนจะช่วยให้หลับลึก”“ประเภทนี้ไหมครับ...” เขาเปิดเพลงที่โหลดไว้ขึ้นมา“เพลงนี้หรือคะ... ฟังทุกคืนเลยค่ะ”“อ้าวเหรอครับ...”“ผมได้ยินเพลงดังขึ้น ก่อนคุณเปิดประตูเข้ามา”“ไม่ได้เปิดเพลงอะไรนะคะ” เธอจ้องมองแววตาของเขา.... ... ... ...โจ รู้สึกใจวาบหวิว แววตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนมีออร่าอะไรบางอย่างดูดให้เขาตกภวังค์“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวเอามือโบกอยู่ตรงใบหน้าของเขา“ไม่...ไม่ ครับ” เสียงตอบปฏิเสธเบา ท่าทีเหมือนตกอยู่ในภาวะตะลึงงันไม่นานโจเริ่มใจไม่อยู่กับตัว สติของเขาขาดไปชั่วขณะ เสียงหวีดหวิวเบาพลิ้วอยู่รอบกาย ใบหน้าของสาวน้อยคนนี้ที่ปรากฏอยู่บนรูปภาพบนฝาผนังลอยอยู่เบื้องหน้าของเขาดนตรีแหลมสูง
คำโปรยในห้วงแห่งภวังค์ เสียงเจื้อยแจ้วแว่ว...เพรียกหา เพลงพรายจากแดนไกลส่งกังวานจนพบกัน-------------------1 เสียงใครหนอติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง... ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง..เตง...เตง...เตง ...เตง...เตง...เตง ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง...ตึง...ตึง...ตึง ...ตึง...ตึง...ตึง ...ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊ง...ฮา...ฮื้อ...ฮา... ฮ้า...ฮื้อ...ฮือ อ้า...อา...อา อ้า...อา...อา.... ... ... ...โจ วรสุทธิ เปิดดนตรีที่โหลดลงบนมือถือ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เขาได้ไปเข้าคอร์ส อบรมเมื่อหลายวันก่อน แล้วได้รับดนตรีระดับอัลฟ่านี้กลับมาเปิดกล่อมสมองให้หลับได้ลึกขึ้นเสียงน้ำลึกในลำธาร...ดังปุดปุด ปนเสียงบับเบิ้ล...เป็นจังหวะ ผสานเสียงโซปราโน กับแบ็คกราวนด์ของคีย์เปียโนขึ้นลง...สะท้อนก้องเบา เหมือนกำลังจมอยู่ในห้วงลึกของวังน้ำ...ที่กำลังหมุนวนอยู่รอบกายโสตประสาทของเขากำลังหมุนดำดิ่งจากอารมณ์เปล่าเปลี่ยว เหงา เศร้า ซึม รันทด ท้อ จมอยู่ในห้วงแห่งทุกข์แสนสาหัส สู่การปล่อยวาง เงียบสงบ เบาโล่งโปร่ง ถึงระดับฌานเสียงหนึ่งหวีดหวิวเพรี
5 กลับมาเริ่มอีกครั้ง ณ สนามบินนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา... ... ... ...รานี่กวาดสายตามองหาชายร่างผอมบางความสูงราว 185 ซม. โดยรอบบริเวณของ meeting point จุดนัดหมายของสนามบิน เที่ยวบินที่เขาบอกไว้ล่วงหน้าก็ยังอยู่ในข้อความ เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้คนสุดท้ายของเที่ยวบินก็น่าจะโผล่ออกมาได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววของชายหนุ่ม“Good evening…sweetie สวัสดีที่รัก...รอนานล่ะสิ” เสียงกระซิบข้างหลังทั้งโอบเอวของหญิงสาว ทำให้รานี่ยิ้มอย่างลิงโลด เธอหันหน้ากลับไปมองหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวที่พบกันตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้ จึงเป็นครั้งแรกที่จะได้กลับมาเจอกันอีกที่บ้านเมืองของเธอ“ทำไมดูคล้ำๆ ไปล่ะ...” เสียงลาซทักทายรานี่โดยจับแขนขึ้นดูสีผิวทันที“อ๋อ...ฉันไปทำงานกลางแดด ออกตรวจงานตาม site ให้กับลุงของฉัน ท่านกำลังเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นี่” รานี่มองหน้าของลาซซึ่งดูอวบขึ้น รูปร่างของเขาก็หนาขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อนที่ดาลัด“ผมมีที่พักไหม รึว่าจะให้พักที่เดียวกับคุณ” รานี่หน้าแดงทันที ลูกหยอกของเขามันสองแง่สองง่าม“พักโรงแรมของลุง...ฉันจองไว้แล้ว” เสียงรานี่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น จากวันนั้นท
4 ความสัมพันธ์คืนเดียว (One Night Stand)อีวี่ปล่อยให้ลาซทำหน้าที่สุภาพบุรุษอุ้มเพื่อนสาวที่กำลังเสียสติไร้การควบคุมตนเองขึ้นไปจัดการควบคุมอารมณ์ที่ห้องพักของเขา เสื้อผ้าหลุดลุ่ยของเธอแทบเผยให้เห็นเนื้อขาวเนียนไม่เหลือสภาพที่พอปกปิดร่างกายให้มิดชิด ลาซปล่อยนางร้องไห้สะอึกสะอื้นลำพังอยู่พักใหญ่จนล้าม่อยฟุบหลับคุ้ดคู้อยู่บนเตียง double bed ขนาด Queen size ซึ่งบรรจุลงในพื้นที่ขนาดพอเหมาะกับห้องที่มีความกว้างแค่ 15 ตรม.ชายหนุ่มเปิดไฟกิ่งตรงมุมห้องด้านหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายก่อนจะเข้ามานอนอยู่บนเตียงข้างเธอ เขาได้กลิ่นหอมแป้งอ่อนๆ จากกายของรานี่ แต่ด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง มันเลยดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือดของเขาไป การครองสติที่ดีถูกอบรมมาจากแม่ของเขานั่นเอง ที่คอยพูดเตือนอยู่บ่อยครั้งว่า... “Vær gentleman” จงเป็นสุภาพบุรุษอย่าฉวยโอกาส เขานอนหลับอย่างกระสับกระส่าย สมองฟุ้งซ่านที่มีสาวเอเชียผมดำตาโตผิวเนื้อเนียนสีเหลืองทองคล้ำออกแดงนอนอยู่ข้างๆ ซึ่ง typical แบบนี้เป็น spec ในฝันของหนุ่มยุโรปผิวขาวอย่างเขามาตั้งแต่เรียนอยู่ high school ที่เคยเห็นภรรยาชาวเอเชียของเพ
3 ภาพบาดใจชายหนุ่มเดินถ่ายรูปเพลิดเพลินอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้สนใจใคร จนมาถึงสวนที่มีไม้ดอกตกแต่งเป็นรูปทรงสวยงามอยู่รอบๆ ตัววัด แล้วหูก็ได้ยินเสียงดังคุ้นๆ สำเนียงคล้ายสองสาวที่เจอกันตั้งแต่สนามบินจนถึงบ้านเพี้ยนที่เขาได้เข้าพักซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับเธอสองคน“Wow…why here???!!!” เสียงอีวี่ทักทายแบบกวนๆ กับชายหนุ่มที่ท่าเต้นจังหวะนั้นได้กลายเป็นเรื่องฮือฮาใน tiktok ของรานี่“Oh…oh why not??? sweeties” โอ๊ะ โอ๋...ทำไมล่ะ แม่คุณ” ลาซก็เอาเรื่องอยู่ถ้าบทจะเกรียนขึ้นมา“No…I don’t think to see you here….ไม่คิดจะเจอกันที่นี่” รานี่ทักทายแบบไม่แยแส“Oh..oh…this place is not only for you…โธ่...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของพวกเธอเท่านั้นหรอกมั๊ง” ลาซได้ทีเกรียนต่อไปเรื่อยๆ ดูว่านางจะว่ายังไง โดยเฉพาะนางคนที่เมาจนเกือบยั่วเขาให้ตกเป็นจำเลยทางเพศในคืนนั้นที่กรุงเทพ เขาสังเกตดูจากท่าทีของรานี่ไม่คิดว่าเธอจะจำเขาได้อย่างแน่นอน ชายหนุ่มเลยไม่สนใจว่าเธอจะนึกได้หรือไม่ก็ตาม เขาเองก็สุภาพพอที่จะไม่ทำให้เธอรู้สึกอับอายลาซตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับสองสาวเพราะเขาเองก็ไม่มีเพื่อน เมื่อถูกชักชวนจากอีวี่เลยไม่ลังเลกระ
2 เธอในความทรงจำ“Hey…รานี่ เก่งจริง จองที่พักที่นี่ได้” อีวี่ดีดนิ้วเสียงดังเปราะ ทันทีที่เดินผ่านประตูห้องเข้าไป เห็นวิวของเมืองดาลัดซึ่งบริเวณโดยรอบของบ้านรูปทรงประหลาดแห่งนี้มีบ้านหนาแน่นไม่แตกต่างจากชุมชนแถบบ้านเธอที่เป็นตัวเมือง“เอ้ย...นั่นมัน...ไอ้หมอนั่นที่เจอตรง belt รับกระเป๋านี่นา มานี่เร็ว...ใช่ไหม” อีวี่เรียกให้รานี่มาช่วยดูหน่อย มองเห็นไกลๆ จากหน้าต่างลงไปด้านล่าง เห็นหนุ่มหน้าลูกครึ่งกำลังยกกล้องเล็งจุดโฟกัสมายังตัวบ้านประหลาด ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า Crazy house บ้านเพี้ยน รูปทรงบิดๆ เบี้ยวๆ มองดูแล้วมันคงเป็นศิลปะแนว modern ที่ได้แนวคิดจาก Alice in Wonderland ลักษณะตัวบ้านเป็นโพรงไม้และป่า ทางเดินมีลานเล็กและแคบเป็นช่องซอกเล็กซอกน้อย ไต่บันไดขึ้นไปชมความงามของตัวเมือง ทำเอาสองสาวมองออกไปอย่างซุกซนและนางหนึ่งก็สะบัดเสียงทันทีว่า“Hey… don’t care about that guy! อย่า...สนคนอื่น ขอบอกคืนนี้...เราเอาไฟฉายส่องเดินไต่บันไดขึ้นไปบนยอดแล้วแรปกันดีไหม...นะนะ”“streaming live on air…kon dang…จะดังเลยล่ะ” อีวี่แนวสาว social media เธอชอบทำอะไรแล้วโพสต์ขึ้น tiktok“Oke…ya โอเค ได