คนตัวสูงเพียงแค่พูดขู่ แต่เหนือฟ้ากลับคว้าโทรศัพท์โทรหาพี่สาว "พี่ไนท์เหนือขอยืมห้าแสน"
ภาคีถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเร่งฝีเท้าออกจากห้อง
"เดี๋ยวพี่คี ไอ้ภาคี ไอ้คน..." เหนือฟ้าเดินตามไป แต่เขากลับปิดประตูกระแทกใส่หน้าเธออย่างแรง
"เหนือจะเอาเงินตั้งมากมายไปทำอะไร" ราตรีกรอกเสียงกลับมาอย่างกังวล
"เหนือจะซื้อพี่คี ซื้อกิน"
"ฮะ..บ้าเปล่าเนี่ย แล้วเจอคีที่ไหน ที่งานเอ็กซ์โปใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"เอางี้นะ พี่จะโอนเงินให้พรุ่งนี้ แต่เหนือต้องใจเย็นแล้วกลับไปนอนซะ ถ้ายังดื้ออีกพี่จะบอกความจริงกับพ่อแม่ว่าสามปีก่อนเหนือเจออะไรมา"
"ก็ได้ค่ะ ตกลง"
หลังจากวางสายจากน้องสาวราตรีที่หัวไว ไหวพริบเป็นเลิศก็คิดแผนการซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว "ยังไงคงต้องบอกความจริงแล้วล่ะ ก่อนที่น้องสาวฉันจะประสาทแดก"
ราตรีกลอกตามองบน ไอ้เด็กสองคนนี้มันเป็นอะไรกันนักหนา นักธุรกิจสาวในชุดเสื้อยืดเอวลอยสวมกางเกงวอร์มผ้าร่มคว้ากระเป๋ากล่องเหล็กที่เก็บข้อมูลทุกอย่างแล้วโทรตามทนายพิมุกต์กลางดึก
"คุณพิคะ ช่วยไนท์หน่อย ถ้าคุณพิไม่มาด้วยไนท์กลัวว่าภาคีจะไม่เชื่อ ดังนั้นไนท์รวบกวนคุณพิหน่อยนะคะ"
ราตรีขับรถไปรับพิมุกต์ที่บ้านแล้วเหยียบมิดไมล์ตรงไปหาน้องสาวที่โรงแรม หญิงสาวตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วให้พนักงานโทรตามภาคีลงมาพบเธอข้างล่าง
ราวสิบกว่านาทีภาคีจึงเดินมาห้องอาหารของโรงแรม จุดนัดพบคุยธุระสำคัญและพบราตรีพี่สาวที่เขาเคารพกำลังนั่งไขว่ห้างกระดิกขาไปมาเหมือนคนร้อนใจ ด้านข้างมีทนายประจำตระกูลเวหะชลการยืนอยู่ด้วย
"สวัสดีครับคุณภาคี ไม่เจอกันนานเลยนะครับ" ทนายพิมุกต์รีบแต่งตัวจัดจึงมาในชุดนอนลายสก็อตสีเขียวขี้ม้า ราตรีเหล่มองแล้วหลุดขำ
"สวัสดีครับคุณพิ แล้วพี่ไนท์สบายดีไหม" ภาคีนั่งลงฝั่งตรงข้าม ราตรีจึงไม่รีรอเริ่มเปิดประเด็นทันที เพราะเธอเป็นคนตรง ๆ และมักทำอะไรด้วยความรวดรัดฉับไว อะไรที่คลุมเครือและเป็นต้นตอของปัญหาเธอไม่มีทางปล่อยให้คาราคาซังเด็ดขาด
"พี่อ่ะนะ ไม่สบายเลยตลอดสามปี โคตรอึดอัด อ่ะดูความจริงซะ" ราตรีเปิดกล่องเหล็กที่เต็มไปด้วยหลักฐานสำคัญ ในนั้นมีรูปถ่ายของเหนือฟ้ารวมอยู่ด้วย รวมทั้งแฟลชไดรฟ์ และเอกสารทางกฏหมายหลายฉบับ
ภาคีถลึงตามอง มือแกร่งหยิบรูปถ่ายของเหนือฟ้าที่อยู่ในสภาพใบหน้ายับเยิน เต็มด้วยบาดแผลฟกช้ำดำเขียว ดวงตาสดใสฉายแววซุกซนปูดบวมเป็นสีเขียวม่วงจนปิดไปหนึ่งข้าง ริมฝีปากเจ่อบวม ปลายคางแตก
"นี่มัน....นี่มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมเหนือถึง..." เขาพูดไม่ออก เพราะหยดน้ำตากำลังพรั่งพรูออกมาทั้งที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุด้วยซ้ำ
"ตกเย็นวันนั้นที่คีกำลังจะบินไปญี่ปุ่น ยัยเหนือไปช่วยยัยแก้วที่กำลังโดนแฟนเก่าบุกมาทำร้ายถึงบ้าน ก็เลยโดนซ้อมจนหมดสภาพ ขาหักข้างหนึ่ง ใบหน้าก็เละเทะไปหมด พี่ก็ไม่อยากอธิบายเรื่องบาดแผลเท่าไหร่ พูดแล้วมันก็เจ็บกระดองใจ แต่เอาสั้น ๆ ไอ้คนที่ทำกับเหนือมันยังลอยนวลอยู่ และกระดาษที่เขียนข้อความบอกเลิกก็เป็นฝีมือพี่เอง ที่พี่ทำแบบนั้นเพราะยัยเหนือขอร้อง"
"เพราะน้องกลัวผมจะไม่ไปญี่ปุ่นใช่ไหม" ภาคีตกตะกอนทางความคิด ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าตัวเองมันเป็นควายสตวงอย่างที่เหนือฟ้าบอกไว้จริง ๆ คนที่เคยฉลาดหลักแหลมกลับกลายเป็นไอ้โง่ดักดาน
แทนที่จะหาต้นตอของการเลิกกัน แล้วยอมฟังเธออย่างใจเย็น แต่กลับทำตัวแย่ ๆ ใส่
"ทิชชูครับ" ทนายพิมุกต์นั่งตัวลีบตัวแบน เหมือนหนุ่มเจ้าสำอางค์อยู่ด้านข้างราตรีแล้วดึงทิชชู่ส่งให้ภาคีซับน้ำตา
"ขอบคุณครับ" ภาคีซับดวงตาทั้งสองข้าง แต่ซับเท่าไหร่มันก็ยังไหลออกมาไม่หยุด
"มันชื่ออะไรครับ" ตอนนี้เขาข้ามไปที่คนกระทำผิด เขาต้องการจัดการมันให้ได้รับผลกรรมอย่างถึงที่สุด
"ไอ้หอกหักนี่มันชื่อเวคิน ตอนนี้มันอยู่ภูเก็ต มีแบล็คเป็นเจ้าของผับ เหมือนว่าจะทำงานอยู่ในวงการธุรกิจสีเทาสีดำด้วย ตอนนี้พี่ให้อาแซ็คสืบอยู่ แต่คีจะสืบเองก็จัดการได้เลย แล้วมาแบ่งปันข้อมูลกัน เพราะพี่เองต้องการชกมันสักหมัดสองหมัดแล้วหักไอ้จ้อนของมันโยนให้ห่านกิน ดูสิว่ามันจะทำหน้ายังไง"
"คุณไนท์โหดจังเลยนะครับ" พิมุกต์ขนลุกซู่คว้าของสงวนที่หว่างขาของตนเองด้วยความหวาดเสียว
"ต้องโหดสิคะ ไนท์บริหารงานท่ามกลางพวกผู้ชายทั้งนั้น ถ้าไม่โหดจะคุมคนอย่างคุณพิอยู่ไหม" ราตรีค้อนมองทนายสายเปรี้ยวของเธอ แม้ว่าพิมุกต์จะดูเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ความจริงเขาเป็นเสือผู้หญิงในคราบทนาย
"ผมตัดสินใจแล้วครับว่าจะจัดการทุกอย่างต่อจากพี่ไนท์เอง สามปีนี้ผมเสียเวลาไปเยอะแล้ว ผมจะไม่ยอมเสียอะไรไปอีก"
"แต่เหมือนยัยเหนือจะประสาทแดกแล้วนะ เมื่อกี้โทรมายืมเงินพี่ห้าแสนเพื่อซื้อตัวคี คีเรียกแพงขนาดนั้นเลยเหรอ"
"คีแค่หยอกเล่นให้ตัดใจ เอาเป็นว่าพี่ไนท์ช่วยเล่นละครกับคีหน่อย คีจะโอนเงินห้าแสนให้พี่ไนท์ แล้วพี่ไนท์ค่อยโอนให้เหนืออีกที"
"เฮ้ย เอางั้นเลยเหรอ มีคีคนแรกเลยมั้งเนี่ย ซื้อตัวเองให้ผู้หญิงกิน ฮ่าฮ่ายัยเหนือรู้ล่ะก็ด่าเราทั้งคู่แน่เลย"
"คีทำกับเหนือไว้พอสมควรเลย ทั้งด่าทั้งพูดจาหมา ๆ แล้วดูเหมือนว่าเหนือจะยังไม่พร้อมเล่าเรื่องนี้ให้คีฟัง"
"โอ้ย ไม่เล่าให้ใครฟังเลยต่างหากล่ะ ทุกวันนี้พ่อกับแม่ยังไม่รู้เลยจ้า พี่อ่ะพาไปจิตแพทย์มาสิบรอบแล้ว ยังไงคีก็คอยตะล่อมคุยกับเหนือแล้วกัน ถ้าไปจี้ถามตรง ๆ เดี๋ยวนางจะสั่นจนสติหลุดอีก"
"เป็นเยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ" ภาคีกำหมัดแน่น ไม่คิดว่าผู้หญิงที่เขารักจะพบเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้
"เป็นหนักเลยล่ะ ตอนแรกมีสภาวะ PTSD พี่ก็พาไปรักษาจนอาการดีขึ้น แต่ต่อมากลับเป็นโรคแพนิค บางทีก็มือเท้าสั่น มีอาการเหนื่อยหอบ บางรอบก็มีอาการวูบจนหมดสติไปเลย ยังไงก็อย่าหลุดพูดชื่อไอ้เวย์เวรตะไลออกมาล่ะกัน อย่าให้พี่เจอหน้ามันนะ จะยิงไส้แตกเลย"
ภาคีกับทนายพิมุกต์สบตากันอย่างหวาดระแวง เพราะถ้าวันดีคืนดีทำให้ราตรีไม่พอใจ อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตก็ได้
ราตรียกกล่องหลักฐานการทำร้ายร่างกายของเหนือฟ้าให้ภาคีไปดูแลต่อ
"ทนายเวียงไชยครับ ผมภาคีเองมีเรื่องจะให้จัดการหน่อย" จากนั้นภาคีจึงเร่งโทรหาทนายของกฤตกล้าธนาดรที่โหดและดุกว่าทนายพิมุกต์หลายเท่า รวมทั้งเครือข่ายคนเลี้ยงควายที่แทรกซึมอยู่ทางภูเก็ตด้วย
PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือ โรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
โรคแพนิค โรคแพนิค หรือ Panic Disorder คือ ภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ หรือหวาดกลัวอย่างรุนแรงทั้งที่ตัวเองไม่ได้เผชิญหน้าหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย อาการแพนิคเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ปิดเทอมหน้าร้อนเทอมสุดท้ายบะแต๋งจะเรียนจบประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ส่วนนิ่มฟ้าและน่านฟ้าจะขึ้นปอ.2 ครอบครัวคนเลี้ยงควายจึงคุยกันว่าจะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวมหาจันทร์ของปินปินและพบปะสังสรรค์สักหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ภาคีจอดรถจี๊ปในอาณาจักรอัญฎรญามีอันยิ่งใหญ่ที่มีเทวสถานพระศิวะขนาดความสูง 35 เมตร นิ่มฟ้าที่กำลังนั่งมองวิวทิวทัศน์สังเกตเห็นว่ารอบบริเวณเทวาลัยถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้พลันนั้นเด็กหญิงกลับสะดุดตาเข้ากับไม้ยืนต้นสูงที่มีลักษณะใบคล้ายกับต้นมณฑารพที่เทพมาสมักจะนัดพบเจอเธอที่นั่น เพียงแต่ดอกไม้ตนนั้นมีขนาดสูงใหญ่กว่าและผลิดอกสีเหลืองนวลเต็มต้น"พี่คีพี่เหนือเชิญทางนี้ค่ะ" แซมมี่ในชุดสาหรี่แต้มผงกุมสีแดงกลางหน้าผากเดินออกมาพร้อมกับมะแป่มตัวน้อยที่ตอนนี้ขึ้นอนุบาลสองเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่มะแป่มเห็นน่านฟ้า หนูน้อยก็ทำตัวอ่อนเดินเซไปหาคนพี่"ปี้น่านขา" มะแป่มคว้าหมับที่แขนของเด็กชายจนผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองต่างพากันหัวเราะขบขัน"เอ่อ...เป๋นหยังครับ" น่านฟ้าขานรับแต่กลับยืนตัวเกร็งหน้าแดงซ่าน"อุ๊ย..." มะแป่มทำท่าสะดุดขาแล้วรีบสวมกอดเอวพี่พลางเอาหน้าซบแผ่นอก"เกินไปแล้วจ้ะแม่ลูกสาว" แ
ภายในอ่างอาบน้ำทรงกลมที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องน้ำ มีร่างตุ้ยนุ้ยสองแม่ลูกกำลังแช่น้ำนมอุ่น ๆ ที่ภาคีเป็นคนเตรียมให้ ระหว่างที่เหนือฟ้ากำลังหยิบฟองน้ำเตรียมยกขึ้นมาขัดแผ่นหลังให้ลูกสาว พลันนั้นบาดแผลที่มีร่องรอยของการถูกกัดก็ปรากฏอยู่บนหัวไหล่เล็ก นัยน์ตาของเธอสั่นระริกวูบไหวอย่างฉับพลัน หัวใจของคนเป็นแม่แทบแหลกสลายในทันที เมื่อเห็นว่าลูกสาวยังมีบาดแผลภายในร่มผ้าที่เธอหรือหมอก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน"นิ่มฟ้าคะ หนู หนูเจ็บไหมลูก" ฟองน้ำรูปสัปปะรดหลุดลอยจากฝ่ามือไหลผ่านไปยังเบื้องหน้าของเด็กหญิงที่กำลังนั่งหันหลัง นิ่มฟ้าย่นคิ้วชิดกันแล้วรีบหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น"เป็นอะหยังก๊ะหนุนน้อย" มือเล็กยื่นไปจับแก้มขาวอมชมพูของแม่ ผิวพรรณของแม่ทำให้เธอรู้สึกหลงรัก"หัวไหล่หนูไงคะ โดนยัยเด็กกระถินนั่นกัดมาเหรอ ทำไมหนูไม่บอกแม่ว่ามีแผลตรงนี้ด้วย"เจ้าของบาดแผลกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว แต่แม่ของเธอกลับน้ำตาไหลอาบนองหน้า "เจ้า นิ่งโดนขบมาแต่นิ่งบ่เจ๋บแล้ว อี่แม่บ่ต้องร้อง เดี๋ยวนิ่งร้องตามเน้อ"เด็กหญิงโผเข้าซุกอกของแม่ที่ล้นหลามเหนือผิวน้ำ เหนือฟ้าสวมกอดกลับจูบซับศีระษะเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ ไม่รู้เบื่อเส
นิ่มฟ้าแสดงสีหน้าและแววตาโกรธสุดขีด เด็กหญิงตอบโต้กลับไปหาอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง กำหมัดสองข้างแน่นพยายามนึกถึงหน้าครอบครัวที่เธอรัก นึกถึงเทวดาคนโปรด"กรี๊ดด ติ๋นไม่ได้โง่นะ ไม่ได้โง่" กระถินกระทืบเท้าปึ้กปั้กแล้วพุ่งเข้ามากระชากศีระษะของนิ่มฟ้าและใช้กรงเล็บครูดข่วนใบหน้าของเธอไปทั่วโดยมีเพื่อน ๆ พยายามช่วยกันดึงตัวกระถินสายวีนออกจากการทึ้งหัวของหัวหน้าห้อง"ปล่อยเปิ้นเน้อ ปล่อยสิ" นิ่มฟ้าพยายามแกะมือเหนียวของกระถินออก พอเห็นว่าไม่เป็นผลเธอจึงใช้แรงทั้งหมดเหวี่ยงตัวของเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าจนเหวี่ยงไปกระแทกกับพื้น"โอ้ย ยัยหัวหน้าเผ่าฟาย" กระถินโกรธหน้าดำหน้าแดง"บ่าใจ้ฟายตำมะดาโตย แต่เป๋นฟายเจ๋ดทัวย่ะ" เด็กหญิงเถียงกลับแล้วรีบจัดทรงผมให้เข้าที่ เตรียมที่จะเดินหนียัยกระถินปากจัดที่พูดจาไม่รู้เรื่อง"ไม่ให้ปายยย" กระถินวิ่งกลับเข้ามากระโดดตะครุบกลางหลังนิ่มฟ้า เนื่องจากเธอตัวเล็กกว่าทำให้ปีนขึ้นไปอยู่หลังเด็กหญิงหุ่นจ้ำม่ำได้ง่ายขึ้นงั่บ!"โอ๊ยยย" นิ่มฟ้าร้องเพราะถูกคมเขี้ยวของกระถินงับลงมาบนหัวไหล่ แม้จะมีเนื้อผ้าของชุดนักเรียนขวางกั้นแต่ฟันคม ๆ ก็กัดจมลงมาจนเด็กหญิงถึงกับน้ำตาเล็ด
หลังจากกลับจากโรงพยาบาลภาคีอาสาดูแลหมูยอแทนเหนือฟ้า ระหว่างนั้นเขาจึงปรึกษากับภรรยาเรื่องลูกสาวเพราะเกรงว่าอาจมีการกลั่นแกล้งและบูลลี่กันที่โรงเรียนโดยที่เขาและเธอไม่เคยรับรู้มาก่อน"เหนือว่าเราควรไปสอบถามคุณครูโดยตรงเลยดีไหม พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย" เขาบ่นพึมพำท่ามกลางไฟสีส้มที่ส่องจากโคมรูปเห็ด ขณะที่ตนเองกำลังนอนตะแคงตบ ๆ ก้นให้หมูยอที่เพิ่งจะนอนหลับสนิท เนื่องจากหนูน้อยรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายท้อง แค้พอได้รับประทานยากับเกลือแร่เข้าไปอาการท้องเสียของเจ้าตัวเล็กก็ดูทุเลาลงสาวอวบที่เพิ่งอาบน้ำและไดร์ผมเสร็จก้าวขาเข้ามาในคอกกั้น วันนี้เธอกับสามีตัดสินใจนอนที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดูแลหมูยอ"ดีค่ะ เพราะสมัยที่เหนือโดนเพื่อนแกล้งและถูกล้อเลียนเรื่องรูปร่างเหนือก็มีความรู้สึกเดียวกับลูก เหนือไม่เข้าใจเลยว่าตอนนั้นทำอะไรผิดเพื่อน ๆ ถึงไม่อยากคบเหนือ ตอนนั้นคนเดียวที่ให้คำปรึกษาได้คือพี่ไนท์ค่ะ แต่ตอนนี้เราคือครอบครัว เราทุกคนจะช่วยกันให้คำปรึกษานิ่มฟ้า เหนือจะไม่ปล่อยให้ลูกเผชิญความเจ็บปวดคนเดียวเด็ดขาด" หญิงสาวเล่าเท้าความในอดีตที่เจ็บช้ำ คำพูดถากถากทับถมของเพื่อน ๆ กลายเป็นปมในใจของเธอที่อยาก
ติ๊ด! ติ๊ด!เสียงนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงดังขึ้นทำให้พ่อครัวใหญ่รีบดีดตัวขึ้นมาคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาชะล้างร่างกายเพียงสิบห้านาทีจึงรีบวิ่งซอยเท้าลงไปแล้วเริ่มปรุงอาหารด้วยความรักก่อนที่ลูกและภรรยาจะตื่นนอน"ป้อขี้!""เฮ่ย" หัวมันฝรั่งในมือเขาร่วงตุ้บลงกระแทกพื้น นิ่มฟ้าที่อยู่ชุดเสื้อคอกระเช้าเด็กประแปรงหน้าขาววอกสะกิดเรียกเขาท่ามกลางความมืดสลัวของห้องครัวในเวลาตีห้า"นิ่งบ่าใจ้ปี๋เน้อ ป้อต๋กใจนิ่งก๊ะ" นิ่มฟ้าลากเก้าอี้แล้วก้าวขึ้นไปยืนข้างพ่อชะโงกดูวัถตถุดิบที่พ่อเตรียมทำมื้อเช้า "ป้อทำก้าวผัดแฮ่มก๊ะ"เด็กหญิงสังเกตเห็นว่ามีเครื่องเคียงเป็นผัก หมูสับ และแฮมอีกอย่างพ่อก็วางกระทะตั้งไว้กับเตาแก๊สจึงมั่นใจว่าพ่อกำลังจะทำข้าวผัดแฮม"ฉลาดนะเนี่ยเรา ถูกต้องครับป้อกำลังทำข้าวผัดแฮมแล้วก็มีน้ำซุปมันฝรั่งซดแก้ฝืดคอ" เขาว่าแล้ววางหัวมันลง"โอ้โหดีเลยนิ่งกำลังอยากกิ๋น" นิ่มฟ้าคว้าหัวมันฝรั่งที่พ่อวางไว้บนเขียงมาถือแล้วหาที่ปอกเปลือกมัน"นี่ครับ" ผู้เป็นพ่อหยิบที่ปอกให้ลูกสาว มือเล็กรับไว้แล้วเริ่มปอกมันฝรั่งอย่าทะมัดทะแมง"ค่อย ๆ ปอกนะครับ แล้วนี่หนูตื่นมาทำอะไรแต่เช้า วันนี้วันเสาร์ไม่
โรงพยาบาลทั้งครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจภาคีในวันที่มีผ่าตัดทำหมันกับหมอที่โรงพยาบาล หลังจากที่เขาตัดสินใจจะหยุดการสืบพันธ์ุนี้เพราะเกรงว่าภรรยาจะเผลอท้องขึ้นมาอีกในอนาคต และเพื่อแสดงตนว่าเขาจริงใจที่จะเสียสละเพื่อเธอดังนั้นวิธีการนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเขาอยากให้เหนือฟ้ารู้ว่าทายาททั้งหกคนของเขาจะเป็นของเธอตลอดไป และจะมีใครมีโอกาสแย่งชิงเขาไปจากเธอ"ปี้ปี้" หมูยอเดินเลาะไปมาเกาะแข้งเกาะขาพวกพี่ ๆ ขณะที่แป้งจี่นอนหลับอยู่บนตักแม่ ส่วนน้ำเงี้ยวนั้นนอนแผ่ยาวหนุนตักน่านฟ้าและนิ่มฟ้าเสมือนว่าพี่สาวพี่ชายเป็นเตียงนอนส่วนตัว"หมูยอคะมานั่งเฉย ๆ สิลูก" เหนือฟ้าอุ้มลูกชายสายปราดเปรียวที่ไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่ปีนป่ายโซฟาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"หม่ำ ๆ" หมูยอเริ่มเดินเหนื่อยหนูน้อยหยิบขวดนมในกระเป๋าสัมภาระเด็กที่วางอยู่บนเก้าอี้ แล้วเปิดฝาขวดนมบริการตัวเอง"อะหยังป้อต้องตัดหำโตยก๊ะ" น่านฟ้าสงสัยตั้งแต่พ่อบอกว่ามีนัดตัดสิ่งที่อยู่ใต้หว่างขา เด็กชายก็มีคำถามกับเธออยู่ตลอด"ป้อตัดเพื่อคุมกำเนิดพวกเราจะได้มีกันแค่หกคนไงคะ ไม่ดีเหรอหรือหนูอยากมีน้องเพิ่ม" เหนือฟ้าหันไปอธิบายกับลูกชาย"อึ๋ย