ภาคี จากเธอไปถึงสามปี เพื่อรอวันเอาคืน เหนือฟ้า อยู่รอถึงสามปี เพื่อรอวันทวงเขากลับคืน
view moreผู้อำนวยการทัพฟ้าและครูนับเก้าพาลูก ๆ ของตนมาเที่ยวบนดอย ณ ไร่กฤตกล้าธนาดรของหม่อมเจ้าภูวสินที่แม่ฮ่องสอน เนื่องจากลูกสาวคนโตกำลังจะไปหาประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศและเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น
ส่วนคนเล็กก็เพิ่งอยู่มหาลัยปีสอง แถมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ พ่อแม่จึงหวังให้ลูก ๆ มีโอกาสได้คลายเครียดบ้าง "เฮ้ยไอ้ฟ้า มึงมาถึงเร็วจังวะ" เจ้าของไร่ชาบนดอยตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่เพิ่งลงมาจากรถกอล์ฟของรีสอร์ต "มาถึงช้าก็อดดื่มด่ำบรรยากาศสิวะ เออไนท์ เหนือ หวัดดีอาภูสิลูก" ทัพฟ้าบอกลูกสาวทั้งสองคน "สวัสดีค่ะอาภู" หลานสาวสองคนยกมือไหว้ด้วยกิริยาท่าทางอ่อนหวาน "หวัดดีลูกมาถึงเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ" "แล้วภาคีละวะ เห็นเพิ่งประกวดหนุ่มหล่อแห่งชาติอะไรมา ลูกมึงนี่ฮ็อตจริง ๆ จริงไหมยัยเหนือ" "ค...คะ พ่อถามเหนือทำไม เหนือไม่รู้" เหนือฟ้าสาวอวบผิวขาวอมชมพูถักเปียข้าง รีบปฏิเสธทันควัน "ทีตอนอยู่บ้านยังรู้เรื่องอยู่เลยนะ" ราตรีพี่สาวบีบแกมจ้ำม่ำของน้อง "เด็ก ๆ นี่กุญแจห้องพักจ้ะ" นับเก้าส่งคีย์การ์ดห้องพักให้ลูกสาวคนละอัน "พี่ไนท์น่าจะให้เหนือนอนด้วย ทำไมต้องนอนคนละหลังกัน เปลืองเงินเปลืองทอง" เหนือฟ้าสาวอวบบ่นพี่สาว เธอไม่เต็มใจที่จะนอนแยกห้องกับพี่ "โตเป็นสาวแล้วนะเรา ต้องหัดนอนคนเดียวให้เป็น" พี่สาวผิวสีน้ำผึ้งตัดบทแล้วแบกกระเป๋าเข้าบ้านพักของตัวเอง เหนือฟ้าลากกระเป๋าเข้าไปในห้องพัก แล้วรีบออกมาเดินเล่นคนเดียว เธอเห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งชนแก้วสังสรรค์อยู่กับอาภูและอาต่าย จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน ส่วนพี่สาวมาถึงก็ขลุกตัวนอนอยู่ในห้อง หญิงสาวในชุดเสื้อปาดไหล่แขนตุ๊กตาโชว์เนินอกขาวอวบเดินมาสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่ของรีสอร์ท ขณะที่กำลังอ่านเมนูที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้าหนุ่มก็ชะโงกหน้าออกมา "รับอะไรดีครับคุณลูกค้า" "เอาข้าวโพดปั่นนมสดฮอกไกโดค่ะ" สาวแก้มยุ้ยเงยหน้าขึ้น พลันนั้นดวงตาคู่คมที่อยู่ห่างกับเธอเพียงไม่กี่เซนเกือบทำให้โลกทั้งใบแทบหยุดหมุน แม้กระทั่งหัวใจและร่างกายของเธอด้วย เพราะผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าคือ ภาคี พี่คีของสาว ๆ ทั้งประเทศ ฉายาหนุ่มหล่อแห่งชาติมาดขรึมแห่งยุค มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬายิงปืนเก่า เก่งกีฬาแทบทุกประเภท เรียนจบปริญญาตรีจากควีนแลนดส์ มหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกที่เลื่องลือด้านการเกษตร ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องทุกอย่างจนคิดว่าคนประเภทนี้ไม่น่ามีตัวตนอยู่จริง "นั่งรอพี่ก่อนนะ ใส่วิปครีมไหมครับ" เจ้าของร้านถามขณะที่ฝานข้าวโพดสีขาวลงโถปั่น "ใส่ค่ะ" เหนือฟ้าตอบสั้น ๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้โดยไม่ได้ดูว่ามันเป็นเก้าอี้พลาสติกเก่ากึกที่จวนเจียนจะหักเต็มที โครม!!!!!! ขาเก้าอี้หักเป็นสองท่อน สาวร่างอวบหงายหลังกลิ้งขลุก ๆ ไปกองกับพื้น "โอ้ย.... ตูดแหกหมดแล้วมั้งเนี่ย" ภาคีรีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้านในแล้วงัดร่างตุ้ยนุ้ยของหญิงสาวขึ้นมา "เฮ้ยน้อง....เจ็บไหม มานั่งตรงนี้ก่อน" ชายหนุ่มผมหยักศกมัดผมครึ่งหัวรวบตัวเธอขึ้นได้อย่างสบาย ๆ เหนือฟ้าตัวแข็งทื่อรีบคล้องมือไปที่หลังคอด้วยความตกใจ "เอ่อ...พี่ไม่หนักเหรอคะ" น้ำเสียงหวานใสกริ๊งถามแบบไม่สบตา ภาคียิ้มแล้ววางคนซุ่มซ่ามลงบนโซฟาหวายตัวยาว พร้อมกับชันเข่าหนึ่งข้างสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มอวบอิ่มของสาวเก้าอี้หักตรงหน้า "ไม่หนักครับ แค่นี้พี่อุ้มไหว" เจ้าของเสียงนุ่มเอ่ย เพียงแค่ฉีกยิ้มมุมปากจนเห็นเขี้ยวขาวคม คนฟังก็ถึงถึงกับละลายกลายเป็นของเหลว บาริสต้าหนุ่มเดินไปล้วงบางอย่างในกล่องพลาสติก แล้วกลับมาพร้อมกับขวดยาหม่อง "เอาไว้นวดก้นนะ" อายชะมัด มาเจอคนหล่อขวัญใจสาวระดับประเทศแต่กลับมาทำทุเรศต่อหน้าด้วยการทำเก้าอี้ร้านเขาหัก "ขอบคุณค่ะ" สาวขี้อายพยักหน้ารับ เจ้าของร้านกาแฟจึงฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นเดินกลับไปทำข้าวโพดปั่นต่อ และเพียงไม่กี่นาทีเครื่องดื่มที่เธอสั่งก็ถูกเสิร์ฟด้วยคนหล่ออีกครั้ง "ค่อย ๆ ดูดนะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะสำลัก" เขาบอกแล้วเดินกลับไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่มายืนสั่งเครื่องดื่มอีกสองสามคน "น่ารักจัง" หญิงสาวพูดพึมพำแล้วนั่งรอจังหวะที่คนโล่งถึงจะเดินไปจ่ายเงิน "มาจ่ายเงินค่าข้าวโพดปั่นค่ะ" "ห้าสิบห้าบาทครับ" ภาคีตะโกนบอกเพราะกำลังยุ่งกับการชงกาแฟอยู่ "งั้นวางเงินไว้ตรงนี้นะคะ" เหนือฟ้าหยิบแบงค์ยี่สิบสามใบเท่ากับหกสิบบาท เธอทิปพิเศษให้เขาห้าบาทแล้วจากไปเงียบ ๆ ช่วงเวลาโพล้เพล้หม่อมเจ้าภูวสินกับอากระต่ายเรียกทัพฟ้าและนับเก้ารวมทั้งลูกสาวอีกสองคนไปร่วม แจมหมูกระทะชมพระอาทิตย์ตกดินบนบ้านเนินเขา จังหวะที่เหนือฟ้ากับราตรีเดินตามพ่อแม่ขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเสื่อที่ระเบียงชมดาวของบ้าน ตรงหน้ามีเตาและกระทะตั้งน้ำซุปรออยู่ก่อนแล้ว "พ่อครับขอโทษทีวันนี้ที่คาเฟ่ลูกค้าเยอะ" ภาคีโผล่มาแจมด้วย "อุ้ย" ราตรีสะกิดน้องสาวและยื่นมือไปสะกิดพ่อกับแม่อีกที ทั้งสามคนรู้ดีว่าเหนือฟ้ากำลังกรี๊ดกร๊าดภาคีอยู่ ผู้อำนวยการทัพฟ้ารีบกระซิบข้างหูหม่อมเจ้าภูวสิน ชายวัยกลางคนลุคเซอร์ผมยาวคลุมช่วงคอพอกับลูกชายรีบกระตุกยิ้มเห็นด้วยกับเพื่อนซี้ "ไม่เป็นไรลูก แต่คีทักทายอาฟ้ากับอานับก่อนสิลูก" พ่อผู้มีแผนลึกลุกขึ้นกระชับหัวไหล่ล่ำของลูกชาย "สวัสดีครับอาฟ้า อานับ ไม่เจอกันนานเลย อ้อแล้วก็นั่นพี่ไนท์ใช่ไหมครับ" ภาคียกมือสวัสดีทุกคน "จ้ะพี่เอง คีโตขึ้นเยอะเลยอ่ะ แถมหล่อระเบิดเถิดเทิงเลยด้วย จริงไหมเหนือฟ้าาาา" ราตรีหันไปถามน้องสาวที่นั่งหันหลังให้ภาคีอยู่ที่โต๊ะหมูกระทะด้านหลัง "แล้วนั่นลูกสาวคนเล็กของอาฟ้ากับอานับใช่ไหมครับ" หนุ่มมาดเซอร์เกริ่นถามแล้วพยายามจะมองหน้าสาวร่างอวบที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับลูกค้าข้าวโพดปั่นเมื่อตอนกลางวัน "เหนือฟ้ารักษามารยาทหน่อยสิลูก สวัสดีพี่คีเร็วเข้า" นับเก้าสะกิดไหล่ลูกสาว หญิงสาวไม่มีทางเลือกค่อย ๆ เบือนหน้าหันไปหาคนด้านหลัง เมื่อภาคีเห็นว่าเป็นสาวคนเดียวกันกับลูกค้าเก้าอี้หัก "อ๋อ ฮ่าฮ่า" จู่ ๆ เขาก็หลุดหัวเราะต่อหน้าทุกคนโดยไม่มีสาเหตุ สาวอวบชักสีหน้าไม่พอใจรีบหันหน้ากลับ "สวัสดีค่ะคุณภาคี" เหนือฟ้าอารมณ์เสียคิดว่าภาคีกำลังจะโพนทนาเรื่องที่เธอทำเก้าอี้พลาสติกนั่นหักจนกลายเป็นซากพลาสติก "สวัสดีครับ" เขาทักทายกลับแต่ก็ยังทำหน้ากลั้นขำใส่เธออยู่เหมือนเดิม เหนือฟ้าโมโหจึงลุกขึ้นแล้วพยายามจะเดินหนีไปให้ไกล "อ้าวยัยเหนือจะไปไหน" ราตรีตะโกนเรียกน้องสาว" "ไปทำธุระส่วนตัวค่ะ" เหนือฟ้าตะโกนกลับมา "สงสัยน้องคงจะโกรธผมมั้งครับ" ภาคีสารภาพ "แล้วไปเจอกันตอนไหน แล้วทำไรให้น้องโกรธเหรอ" หม่อมเจ้าภูวสินยกมือทาบอกตวัดคิ้วเข้มเป็นปม "น้องไปซื้อน้ำที่ร้านครับ แล้วก็ทำเก้าอี้ที่ร้านหัก แต่ไม่ใช่ความผิดน้องครับเก้าอี้มันเก่าแล้ว" "ฮะ..หักเลยเหรอ โธ่! น้องฉัน" ราตรีเวทนาน้องสาว การที่น้องมีน้ำหนักตัวทะลุเกือบเจ็ดสิบทำให้หลายคนมักจะบูลลี่น้องอยู่เสมอ และเธอเองก็ไม่ชอบไอ้พวกปากหอยปากปูเหล่านั้นเลยสักนิด "เดี๋ยวผมไปตามน้องกลับมาเองครับ" เขายิ้มแล้วรีบวิ่งตามสาวอวบที่เดินกระแทกเท้าด้วยความโกรธลงมาจากบ้านเนินเขาปิดเทอมหน้าร้อนเทอมสุดท้ายบะแต๋งจะเรียนจบประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 ส่วนนิ่มฟ้าและน่านฟ้าจะขึ้นปอ.2 ครอบครัวคนเลี้ยงควายจึงคุยกันว่าจะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวมหาจันทร์ของปินปินและพบปะสังสรรค์สักหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ภาคีจอดรถจี๊ปในอาณาจักรอัญฎรญามีอันยิ่งใหญ่ที่มีเทวสถานพระศิวะขนาดความสูง 35 เมตร นิ่มฟ้าที่กำลังนั่งมองวิวทิวทัศน์สังเกตเห็นว่ารอบบริเวณเทวาลัยถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้พลันนั้นเด็กหญิงกลับสะดุดตาเข้ากับไม้ยืนต้นสูงที่มีลักษณะใบคล้ายกับต้นมณฑารพที่เทพมาสมักจะนัดพบเจอเธอที่นั่น เพียงแต่ดอกไม้ตนนั้นมีขนาดสูงใหญ่กว่าและผลิดอกสีเหลืองนวลเต็มต้น"พี่คีพี่เหนือเชิญทางนี้ค่ะ" แซมมี่ในชุดสาหรี่แต้มผงกุมสีแดงกลางหน้าผากเดินออกมาพร้อมกับมะแป่มตัวน้อยที่ตอนนี้ขึ้นอนุบาลสองเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่มะแป่มเห็นน่านฟ้า หนูน้อยก็ทำตัวอ่อนเดินเซไปหาคนพี่"ปี้น่านขา" มะแป่มคว้าหมับที่แขนของเด็กชายจนผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองต่างพากันหัวเราะขบขัน"เอ่อ...เป๋นหยังครับ" น่านฟ้าขานรับแต่กลับยืนตัวเกร็งหน้าแดงซ่าน"อุ๊ย..." มะแป่มทำท่าสะดุดขาแล้วรีบสวมกอดเอวพี่พลางเอาหน้าซบแผ่นอก"เกินไปแล้วจ้ะแม่ลูกสาว" แ
ภายในอ่างอาบน้ำทรงกลมที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องน้ำ มีร่างตุ้ยนุ้ยสองแม่ลูกกำลังแช่น้ำนมอุ่น ๆ ที่ภาคีเป็นคนเตรียมให้ ระหว่างที่เหนือฟ้ากำลังหยิบฟองน้ำเตรียมยกขึ้นมาขัดแผ่นหลังให้ลูกสาว พลันนั้นบาดแผลที่มีร่องรอยของการถูกกัดก็ปรากฏอยู่บนหัวไหล่เล็ก นัยน์ตาของเธอสั่นระริกวูบไหวอย่างฉับพลัน หัวใจของคนเป็นแม่แทบแหลกสลายในทันที เมื่อเห็นว่าลูกสาวยังมีบาดแผลภายในร่มผ้าที่เธอหรือหมอก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน"นิ่มฟ้าคะ หนู หนูเจ็บไหมลูก" ฟองน้ำรูปสัปปะรดหลุดลอยจากฝ่ามือไหลผ่านไปยังเบื้องหน้าของเด็กหญิงที่กำลังนั่งหันหลัง นิ่มฟ้าย่นคิ้วชิดกันแล้วรีบหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น"เป็นอะหยังก๊ะหนุนน้อย" มือเล็กยื่นไปจับแก้มขาวอมชมพูของแม่ ผิวพรรณของแม่ทำให้เธอรู้สึกหลงรัก"หัวไหล่หนูไงคะ โดนยัยเด็กกระถินนั่นกัดมาเหรอ ทำไมหนูไม่บอกแม่ว่ามีแผลตรงนี้ด้วย"เจ้าของบาดแผลกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว แต่แม่ของเธอกลับน้ำตาไหลอาบนองหน้า "เจ้า นิ่งโดนขบมาแต่นิ่งบ่เจ๋บแล้ว อี่แม่บ่ต้องร้อง เดี๋ยวนิ่งร้องตามเน้อ"เด็กหญิงโผเข้าซุกอกของแม่ที่ล้นหลามเหนือผิวน้ำ เหนือฟ้าสวมกอดกลับจูบซับศีระษะเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ ไม่รู้เบื่อเส
นิ่มฟ้าแสดงสีหน้าและแววตาโกรธสุดขีด เด็กหญิงตอบโต้กลับไปหาอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง กำหมัดสองข้างแน่นพยายามนึกถึงหน้าครอบครัวที่เธอรัก นึกถึงเทวดาคนโปรด"กรี๊ดด ติ๋นไม่ได้โง่นะ ไม่ได้โง่" กระถินกระทืบเท้าปึ้กปั้กแล้วพุ่งเข้ามากระชากศีระษะของนิ่มฟ้าและใช้กรงเล็บครูดข่วนใบหน้าของเธอไปทั่วโดยมีเพื่อน ๆ พยายามช่วยกันดึงตัวกระถินสายวีนออกจากการทึ้งหัวของหัวหน้าห้อง"ปล่อยเปิ้นเน้อ ปล่อยสิ" นิ่มฟ้าพยายามแกะมือเหนียวของกระถินออก พอเห็นว่าไม่เป็นผลเธอจึงใช้แรงทั้งหมดเหวี่ยงตัวของเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าจนเหวี่ยงไปกระแทกกับพื้น"โอ้ย ยัยหัวหน้าเผ่าฟาย" กระถินโกรธหน้าดำหน้าแดง"บ่าใจ้ฟายตำมะดาโตย แต่เป๋นฟายเจ๋ดทัวย่ะ" เด็กหญิงเถียงกลับแล้วรีบจัดทรงผมให้เข้าที่ เตรียมที่จะเดินหนียัยกระถินปากจัดที่พูดจาไม่รู้เรื่อง"ไม่ให้ปายยย" กระถินวิ่งกลับเข้ามากระโดดตะครุบกลางหลังนิ่มฟ้า เนื่องจากเธอตัวเล็กกว่าทำให้ปีนขึ้นไปอยู่หลังเด็กหญิงหุ่นจ้ำม่ำได้ง่ายขึ้นงั่บ!"โอ๊ยยย" นิ่มฟ้าร้องเพราะถูกคมเขี้ยวของกระถินงับลงมาบนหัวไหล่ แม้จะมีเนื้อผ้าของชุดนักเรียนขวางกั้นแต่ฟันคม ๆ ก็กัดจมลงมาจนเด็กหญิงถึงกับน้ำตาเล็ด
หลังจากกลับจากโรงพยาบาลภาคีอาสาดูแลหมูยอแทนเหนือฟ้า ระหว่างนั้นเขาจึงปรึกษากับภรรยาเรื่องลูกสาวเพราะเกรงว่าอาจมีการกลั่นแกล้งและบูลลี่กันที่โรงเรียนโดยที่เขาและเธอไม่เคยรับรู้มาก่อน"เหนือว่าเราควรไปสอบถามคุณครูโดยตรงเลยดีไหม พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย" เขาบ่นพึมพำท่ามกลางไฟสีส้มที่ส่องจากโคมรูปเห็ด ขณะที่ตนเองกำลังนอนตะแคงตบ ๆ ก้นให้หมูยอที่เพิ่งจะนอนหลับสนิท เนื่องจากหนูน้อยรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายท้อง แค้พอได้รับประทานยากับเกลือแร่เข้าไปอาการท้องเสียของเจ้าตัวเล็กก็ดูทุเลาลงสาวอวบที่เพิ่งอาบน้ำและไดร์ผมเสร็จก้าวขาเข้ามาในคอกกั้น วันนี้เธอกับสามีตัดสินใจนอนที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดูแลหมูยอ"ดีค่ะ เพราะสมัยที่เหนือโดนเพื่อนแกล้งและถูกล้อเลียนเรื่องรูปร่างเหนือก็มีความรู้สึกเดียวกับลูก เหนือไม่เข้าใจเลยว่าตอนนั้นทำอะไรผิดเพื่อน ๆ ถึงไม่อยากคบเหนือ ตอนนั้นคนเดียวที่ให้คำปรึกษาได้คือพี่ไนท์ค่ะ แต่ตอนนี้เราคือครอบครัว เราทุกคนจะช่วยกันให้คำปรึกษานิ่มฟ้า เหนือจะไม่ปล่อยให้ลูกเผชิญความเจ็บปวดคนเดียวเด็ดขาด" หญิงสาวเล่าเท้าความในอดีตที่เจ็บช้ำ คำพูดถากถากทับถมของเพื่อน ๆ กลายเป็นปมในใจของเธอที่อยาก
ติ๊ด! ติ๊ด!เสียงนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงดังขึ้นทำให้พ่อครัวใหญ่รีบดีดตัวขึ้นมาคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาชะล้างร่างกายเพียงสิบห้านาทีจึงรีบวิ่งซอยเท้าลงไปแล้วเริ่มปรุงอาหารด้วยความรักก่อนที่ลูกและภรรยาจะตื่นนอน"ป้อขี้!""เฮ่ย" หัวมันฝรั่งในมือเขาร่วงตุ้บลงกระแทกพื้น นิ่มฟ้าที่อยู่ชุดเสื้อคอกระเช้าเด็กประแปรงหน้าขาววอกสะกิดเรียกเขาท่ามกลางความมืดสลัวของห้องครัวในเวลาตีห้า"นิ่งบ่าใจ้ปี๋เน้อ ป้อต๋กใจนิ่งก๊ะ" นิ่มฟ้าลากเก้าอี้แล้วก้าวขึ้นไปยืนข้างพ่อชะโงกดูวัถตถุดิบที่พ่อเตรียมทำมื้อเช้า "ป้อทำก้าวผัดแฮ่มก๊ะ"เด็กหญิงสังเกตเห็นว่ามีเครื่องเคียงเป็นผัก หมูสับ และแฮมอีกอย่างพ่อก็วางกระทะตั้งไว้กับเตาแก๊สจึงมั่นใจว่าพ่อกำลังจะทำข้าวผัดแฮม"ฉลาดนะเนี่ยเรา ถูกต้องครับป้อกำลังทำข้าวผัดแฮมแล้วก็มีน้ำซุปมันฝรั่งซดแก้ฝืดคอ" เขาว่าแล้ววางหัวมันลง"โอ้โหดีเลยนิ่งกำลังอยากกิ๋น" นิ่มฟ้าคว้าหัวมันฝรั่งที่พ่อวางไว้บนเขียงมาถือแล้วหาที่ปอกเปลือกมัน"นี่ครับ" ผู้เป็นพ่อหยิบที่ปอกให้ลูกสาว มือเล็กรับไว้แล้วเริ่มปอกมันฝรั่งอย่าทะมัดทะแมง"ค่อย ๆ ปอกนะครับ แล้วนี่หนูตื่นมาทำอะไรแต่เช้า วันนี้วันเสาร์ไม่
โรงพยาบาลทั้งครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจภาคีในวันที่มีผ่าตัดทำหมันกับหมอที่โรงพยาบาล หลังจากที่เขาตัดสินใจจะหยุดการสืบพันธ์ุนี้เพราะเกรงว่าภรรยาจะเผลอท้องขึ้นมาอีกในอนาคต และเพื่อแสดงตนว่าเขาจริงใจที่จะเสียสละเพื่อเธอดังนั้นวิธีการนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเขาอยากให้เหนือฟ้ารู้ว่าทายาททั้งหกคนของเขาจะเป็นของเธอตลอดไป และจะมีใครมีโอกาสแย่งชิงเขาไปจากเธอ"ปี้ปี้" หมูยอเดินเลาะไปมาเกาะแข้งเกาะขาพวกพี่ ๆ ขณะที่แป้งจี่นอนหลับอยู่บนตักแม่ ส่วนน้ำเงี้ยวนั้นนอนแผ่ยาวหนุนตักน่านฟ้าและนิ่มฟ้าเสมือนว่าพี่สาวพี่ชายเป็นเตียงนอนส่วนตัว"หมูยอคะมานั่งเฉย ๆ สิลูก" เหนือฟ้าอุ้มลูกชายสายปราดเปรียวที่ไม่ยอมหลับยอมนอน เอาแต่ปีนป่ายโซฟาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"หม่ำ ๆ" หมูยอเริ่มเดินเหนื่อยหนูน้อยหยิบขวดนมในกระเป๋าสัมภาระเด็กที่วางอยู่บนเก้าอี้ แล้วเปิดฝาขวดนมบริการตัวเอง"อะหยังป้อต้องตัดหำโตยก๊ะ" น่านฟ้าสงสัยตั้งแต่พ่อบอกว่ามีนัดตัดสิ่งที่อยู่ใต้หว่างขา เด็กชายก็มีคำถามกับเธออยู่ตลอด"ป้อตัดเพื่อคุมกำเนิดพวกเราจะได้มีกันแค่หกคนไงคะ ไม่ดีเหรอหรือหนูอยากมีน้องเพิ่ม" เหนือฟ้าหันไปอธิบายกับลูกชาย"อึ๋ย
ล่วงเลยมาจวบจนแฝดสามตัวป่วนอายุย่างเข้าวัยหัดอ้อแอ้ ความโกลาหลก็เพิ่มระดับขึ้นทำให้ในแต่ละวันพ่อแม่ต้องสลับกันควักยาดมตอนนี้บะแต๋งขึ้นประถมศึกษาชั้นปีที่หกส่วนนิ่มฟ้าและน่านฟ้าขึ้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง“เย้นิ่งเป็นฉาวแล้ว” นิ่มฟ้าสะบัดผมเปียของตัวเองขณะสวมชุดกระโปรงแบบไม่มีเอี๊ยม เด็กหญิงชะม้อยชะม้ายชายตามองกระจกขณะที่แม่ทำหน้าที่จัดทรงผมตามระเบียบของโรงเรียนที่กำหนดว่าต้องมัดผมให้เรียบร้อย“แก่แดดแก่ลมเกินไปแล้วนะแม่คนนี้” เหนือฟ้ายื่นมือมาบีบแก้มอูมของลูกสาว“ที่รักอาหารเช้าเสร็จแล้ว” ภาคีตะโกนเสียงดังขึ้นมาบนห้องนอนชั้นสาม สองแม่ลูกจึงพากันลงไปลิ้มรสมื้อเช้าขณะที่แฝดสาม บะแต๋งและน่านฟ้านั่งประจำตำแหน่งที่โต๊ะอาหารของใครของมันเรียบร้อย ที่คอของหมูยอ แป้งจี่และน้ำเงี้ยวมีผ้ากันเปื้อนลายลายการ์ตูนคนละสี ผมของทารกวัยหนึ่งขวบกว่าเริ่มดกดำคลุมทั้งหัว“หม่ำ ๆ” หมูยอกระแทกช้อนส้อมกับเก้าอี้กินข้าวที่มีกระบะสำหรับใส่ภาชนะอย่างร้อนใจ“ครับเสร็จแล้วลูก” ภาคีวางถ้วยบะหมี่ผักหมูน้ำลงบนกระบะกินข้าวของแฝดสาม แล้วยกจานข้าวผัดปลาแซลมอนจานใหญ่มาตั้งตรงกลางให้บะแต๋ง นิ่มฟ้าและน่านฟ้าบริการตัวเองทว่า
หนึ่งสัปดาห์ของการปิดเทอมที่เงียบเหงาทำให้นิ่มฟ้าที่ใจจดจ่อรอคอยต้องออกไปหากิจกรรมทำพร้อมกับพี่น้อง ช่วงเช้าเด็กหญิงนั่งรถซาเล้งออกมากับภาคีที่กระเต็งน้ำเงี้ยวไว้ในเป้อุ้มทารก ในรถพ่วงข้างยังมีส้มปู๋กับบะแว้งและบะแปปเจ้าแพะแคระติดสอยห้อยตามมาด้วย ส่วนบะแต๋งกับน่านฟ้านั้นไปทำงานกับแม่ที่โรงเลี้ยงวนิลา"เทพมาสไม่มาหาหนูแล้วเหรอ" จู่ ๆ พ่อก็ตัดสินใจถามเด็กหญิงที่กำลังใช้คราดขุดมันม่วงโอกินาว่า นิ่มฟ้าผงะเล็กน้อยกับคำถามที่เธอไม่อยากตอบเท่าไหร่"ดะดะ" แต่เพราะน้ำเงี้ยวเอียงคอมองพี่สาวที่กำลังทำหน้าจ๋อย พี่จึงยิ้มกว้างเพื่อให้น้องสบายใจ"บ่มาแล้ว จะไปตี้ไหนก็ไปเต๊อะนิ่งมุดออนแล้วเจ้า" หนูน้อยวัยอนุบาลที่มีวาจาฉะฉานประหนึ่งคนโตตอบพ่อด้วยความมั่นใจ แล้วกลับไปใช้คราดถากหญ้าถอนมันต่อ"เขาเรียกว่ามูฟออนจ้ะ ทำใจ๋เต๊อะความรักก็แบบนี้แหละน้า" ภาคีอุ้มน้ำเงี้ยวออกมาแล้วจับใส่สนับเข่าให้เจ้าตัวเล็กหัดคลานไปบนพื้นดินและได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่"ตะตะ" น้ำเงี้ยวเห็นใครบางคนกำลังกวักมือเรียก หนูน้อยสวมหมวกลายดอกไม้กับชุดผ้าหม้อฮ่อมสไตล์ล้านนารีบเร่งคลานแบบติดเทอร์โบไปหาเป้าหมายที่กำลังเปล่งแสงเร
ผ่านมาแล้วเกือบเจ็ดเดือนแล้วที่เหนือฟ้ากับภาคีได้กลายเป็นพ่อแม่ลูกหก แม้ในแต่ละวันทั้งคู่จะวุ่นวายกับการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กต่างวัยทั้งหลาย แต่กลับไม่รู้เลยว่าการมีเด็กน้อยเหล่านี้เป็นภาระเพราะพวกเขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งเวลาอาชีพ เงินทองและความรักทว่ากลับมีเด็กหญิงเพียงคนเดียวที่กลายเป็นเด็กไม่สดใสร่าเริง เนื่องจากเธอเฝ้ารอคอยใครคนนั้นให้แวะเวียนมาหา โชคร้ายที่คำสวดอ้อนวอนและภาวนารวมทั้งการทำความดีของเธอไม่ได้ช่วยให้เทวดาคนโปรดปรากฏกายถึงแม้นี่จะเป็นวันปิดเทอมวันแรกของภาคเรียนที่หนึ่ง แทนที่นิ่มฟ้าจะดีใจแต่เธอกลับรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะการไปเจอเพื่อน ๆ นั้นทำให้เธอได้พบกับความสนุกสนาน เสียงหัวเราะและพูดคุยของเพื่อนสนิทนั้นช่วยคลายความเหงาและความคิดถึงที่มีต่อเทพมาส“นิ่มฟ้าหนูมีการบ้านปิดเทอมหรือเปล่าคะ” เหนือฟ้าที่กำลังทำงุ่มง่ามวุ่นวายกับการเตรียมมื้อเช้าให้ทารกแฝดสามวัยอายุเจ็ดเดือนเศษอยู่หน้าเตาชะเง้อคอมองลูกสาวที่กำลังนั่งเฝ้าน้องในคอกกั้นโดยไม่พูดไม่จา “นิ่มฟ้าแม่ถามว่ามีการบ้านหรือเปล่าลูก” สาวอวบปิดเตาแก๊สแล้วล้างมือเดินไปดูอาการของลูกสาวที่ซึมเศร้าเหงาหงอยมาพักใ
Mga Comments