LOGINภาคี จากเธอไปถึงสามปี เพื่อรอวันเอาคืน เหนือฟ้า อยู่รอถึงสามปี เพื่อรอวันทวงเขากลับคืน
View Moreผู้อำนวยการทัพฟ้าและครูนับเก้าพาลูก ๆ ของตนมาเที่ยวบนดอย ณ ไร่กฤตกล้าธนาดรของหม่อมเจ้าภูวสินที่แม่ฮ่องสอน เนื่องจากลูกสาวคนโตกำลังจะไปหาประสบการณ์ทำงานที่ต่างประเทศและเรียนต่อปริญญาโทที่นั่น
ส่วนคนเล็กก็เพิ่งอยู่มหาลัยปีสอง แถมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ พ่อแม่จึงหวังให้ลูก ๆ มีโอกาสได้คลายเครียดบ้าง "เฮ้ยไอ้ฟ้า มึงมาถึงเร็วจังวะ" เจ้าของไร่ชาบนดอยตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่เพิ่งลงมาจากรถกอล์ฟของรีสอร์ต "มาถึงช้าก็อดดื่มด่ำบรรยากาศสิวะ เออไนท์ เหนือ หวัดดีอาภูสิลูก" ทัพฟ้าบอกลูกสาวทั้งสองคน "สวัสดีค่ะอาภู" หลานสาวสองคนยกมือไหว้ด้วยกิริยาท่าทางอ่อนหวาน "หวัดดีลูกมาถึงเหนื่อย ๆ ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ" "แล้วภาคีละวะ เห็นเพิ่งประกวดหนุ่มหล่อแห่งชาติอะไรมา ลูกมึงนี่ฮ็อตจริง ๆ จริงไหมยัยเหนือ" "ค...คะ พ่อถามเหนือทำไม เหนือไม่รู้" เหนือฟ้าสาวอวบผิวขาวอมชมพูถักเปียข้าง รีบปฏิเสธทันควัน "ทีตอนอยู่บ้านยังรู้เรื่องอยู่เลยนะ" ราตรีพี่สาวบีบแกมจ้ำม่ำของน้อง "เด็ก ๆ นี่กุญแจห้องพักจ้ะ" นับเก้าส่งคีย์การ์ดห้องพักให้ลูกสาวคนละอัน "พี่ไนท์น่าจะให้เหนือนอนด้วย ทำไมต้องนอนคนละหลังกัน เปลืองเงินเปลืองทอง" เหนือฟ้าสาวอวบบ่นพี่สาว เธอไม่เต็มใจที่จะนอนแยกห้องกับพี่ "โตเป็นสาวแล้วนะเรา ต้องหัดนอนคนเดียวให้เป็น" พี่สาวผิวสีน้ำผึ้งตัดบทแล้วแบกกระเป๋าเข้าบ้านพักของตัวเอง เหนือฟ้าลากกระเป๋าเข้าไปในห้องพัก แล้วรีบออกมาเดินเล่นคนเดียว เธอเห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งชนแก้วสังสรรค์อยู่กับอาภูและอาต่าย จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน ส่วนพี่สาวมาถึงก็ขลุกตัวนอนอยู่ในห้อง หญิงสาวในชุดเสื้อปาดไหล่แขนตุ๊กตาโชว์เนินอกขาวอวบเดินมาสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่ของรีสอร์ท ขณะที่กำลังอ่านเมนูที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้าหนุ่มก็ชะโงกหน้าออกมา "รับอะไรดีครับคุณลูกค้า" "เอาข้าวโพดปั่นนมสดฮอกไกโดค่ะ" สาวแก้มยุ้ยเงยหน้าขึ้น พลันนั้นดวงตาคู่คมที่อยู่ห่างกับเธอเพียงไม่กี่เซนเกือบทำให้โลกทั้งใบแทบหยุดหมุน แม้กระทั่งหัวใจและร่างกายของเธอด้วย เพราะผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าคือ ภาคี พี่คีของสาว ๆ ทั้งประเทศ ฉายาหนุ่มหล่อแห่งชาติมาดขรึมแห่งยุค มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬายิงปืนเก่า เก่งกีฬาแทบทุกประเภท เรียนจบปริญญาตรีจากควีนแลนดส์ มหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกที่เลื่องลือด้านการเกษตร ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ชายที่ครบเครื่องทุกอย่างจนคิดว่าคนประเภทนี้ไม่น่ามีตัวตนอยู่จริง "นั่งรอพี่ก่อนนะ ใส่วิปครีมไหมครับ" เจ้าของร้านถามขณะที่ฝานข้าวโพดสีขาวลงโถปั่น "ใส่ค่ะ" เหนือฟ้าตอบสั้น ๆ แล้วนั่งลงที่เก้าอี้โดยไม่ได้ดูว่ามันเป็นเก้าอี้พลาสติกเก่ากึกที่จวนเจียนจะหักเต็มที โครม!!!!!! ขาเก้าอี้หักเป็นสองท่อน สาวร่างอวบหงายหลังกลิ้งขลุก ๆ ไปกองกับพื้น "โอ้ย.... ตูดแหกหมดแล้วมั้งเนี่ย" ภาคีรีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ด้านในแล้วงัดร่างตุ้ยนุ้ยของหญิงสาวขึ้นมา "เฮ้ยน้อง....เจ็บไหม มานั่งตรงนี้ก่อน" ชายหนุ่มผมหยักศกมัดผมครึ่งหัวรวบตัวเธอขึ้นได้อย่างสบาย ๆ เหนือฟ้าตัวแข็งทื่อรีบคล้องมือไปที่หลังคอด้วยความตกใจ "เอ่อ...พี่ไม่หนักเหรอคะ" น้ำเสียงหวานใสกริ๊งถามแบบไม่สบตา ภาคียิ้มแล้ววางคนซุ่มซ่ามลงบนโซฟาหวายตัวยาว พร้อมกับชันเข่าหนึ่งข้างสำรวจใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มอวบอิ่มของสาวเก้าอี้หักตรงหน้า "ไม่หนักครับ แค่นี้พี่อุ้มไหว" เจ้าของเสียงนุ่มเอ่ย เพียงแค่ฉีกยิ้มมุมปากจนเห็นเขี้ยวขาวคม คนฟังก็ถึงถึงกับละลายกลายเป็นของเหลว บาริสต้าหนุ่มเดินไปล้วงบางอย่างในกล่องพลาสติก แล้วกลับมาพร้อมกับขวดยาหม่อง "เอาไว้นวดก้นนะ" อายชะมัด มาเจอคนหล่อขวัญใจสาวระดับประเทศแต่กลับมาทำทุเรศต่อหน้าด้วยการทำเก้าอี้ร้านเขาหัก "ขอบคุณค่ะ" สาวขี้อายพยักหน้ารับ เจ้าของร้านกาแฟจึงฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นเดินกลับไปทำข้าวโพดปั่นต่อ และเพียงไม่กี่นาทีเครื่องดื่มที่เธอสั่งก็ถูกเสิร์ฟด้วยคนหล่ออีกครั้ง "ค่อย ๆ ดูดนะไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะสำลัก" เขาบอกแล้วเดินกลับไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่มายืนสั่งเครื่องดื่มอีกสองสามคน "น่ารักจัง" หญิงสาวพูดพึมพำแล้วนั่งรอจังหวะที่คนโล่งถึงจะเดินไปจ่ายเงิน "มาจ่ายเงินค่าข้าวโพดปั่นค่ะ" "ห้าสิบห้าบาทครับ" ภาคีตะโกนบอกเพราะกำลังยุ่งกับการชงกาแฟอยู่ "งั้นวางเงินไว้ตรงนี้นะคะ" เหนือฟ้าหยิบแบงค์ยี่สิบสามใบเท่ากับหกสิบบาท เธอทิปพิเศษให้เขาห้าบาทแล้วจากไปเงียบ ๆ ช่วงเวลาโพล้เพล้หม่อมเจ้าภูวสินกับอากระต่ายเรียกทัพฟ้าและนับเก้ารวมทั้งลูกสาวอีกสองคนไปร่วม แจมหมูกระทะชมพระอาทิตย์ตกดินบนบ้านเนินเขา จังหวะที่เหนือฟ้ากับราตรีเดินตามพ่อแม่ขึ้นมาแล้วนั่งลงบนเสื่อที่ระเบียงชมดาวของบ้าน ตรงหน้ามีเตาและกระทะตั้งน้ำซุปรออยู่ก่อนแล้ว "พ่อครับขอโทษทีวันนี้ที่คาเฟ่ลูกค้าเยอะ" ภาคีโผล่มาแจมด้วย "อุ้ย" ราตรีสะกิดน้องสาวและยื่นมือไปสะกิดพ่อกับแม่อีกที ทั้งสามคนรู้ดีว่าเหนือฟ้ากำลังกรี๊ดกร๊าดภาคีอยู่ ผู้อำนวยการทัพฟ้ารีบกระซิบข้างหูหม่อมเจ้าภูวสิน ชายวัยกลางคนลุคเซอร์ผมยาวคลุมช่วงคอพอกับลูกชายรีบกระตุกยิ้มเห็นด้วยกับเพื่อนซี้ "ไม่เป็นไรลูก แต่คีทักทายอาฟ้ากับอานับก่อนสิลูก" พ่อผู้มีแผนลึกลุกขึ้นกระชับหัวไหล่ล่ำของลูกชาย "สวัสดีครับอาฟ้า อานับ ไม่เจอกันนานเลย อ้อแล้วก็นั่นพี่ไนท์ใช่ไหมครับ" ภาคียกมือสวัสดีทุกคน "จ้ะพี่เอง คีโตขึ้นเยอะเลยอ่ะ แถมหล่อระเบิดเถิดเทิงเลยด้วย จริงไหมเหนือฟ้าาาา" ราตรีหันไปถามน้องสาวที่นั่งหันหลังให้ภาคีอยู่ที่โต๊ะหมูกระทะด้านหลัง "แล้วนั่นลูกสาวคนเล็กของอาฟ้ากับอานับใช่ไหมครับ" หนุ่มมาดเซอร์เกริ่นถามแล้วพยายามจะมองหน้าสาวร่างอวบที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับลูกค้าข้าวโพดปั่นเมื่อตอนกลางวัน "เหนือฟ้ารักษามารยาทหน่อยสิลูก สวัสดีพี่คีเร็วเข้า" นับเก้าสะกิดไหล่ลูกสาว หญิงสาวไม่มีทางเลือกค่อย ๆ เบือนหน้าหันไปหาคนด้านหลัง เมื่อภาคีเห็นว่าเป็นสาวคนเดียวกันกับลูกค้าเก้าอี้หัก "อ๋อ ฮ่าฮ่า" จู่ ๆ เขาก็หลุดหัวเราะต่อหน้าทุกคนโดยไม่มีสาเหตุ สาวอวบชักสีหน้าไม่พอใจรีบหันหน้ากลับ "สวัสดีค่ะคุณภาคี" เหนือฟ้าอารมณ์เสียคิดว่าภาคีกำลังจะโพนทนาเรื่องที่เธอทำเก้าอี้พลาสติกนั่นหักจนกลายเป็นซากพลาสติก "สวัสดีครับ" เขาทักทายกลับแต่ก็ยังทำหน้ากลั้นขำใส่เธออยู่เหมือนเดิม เหนือฟ้าโมโหจึงลุกขึ้นแล้วพยายามจะเดินหนีไปให้ไกล "อ้าวยัยเหนือจะไปไหน" ราตรีตะโกนเรียกน้องสาว" "ไปทำธุระส่วนตัวค่ะ" เหนือฟ้าตะโกนกลับมา "สงสัยน้องคงจะโกรธผมมั้งครับ" ภาคีสารภาพ "แล้วไปเจอกันตอนไหน แล้วทำไรให้น้องโกรธเหรอ" หม่อมเจ้าภูวสินยกมือทาบอกตวัดคิ้วเข้มเป็นปม "น้องไปซื้อน้ำที่ร้านครับ แล้วก็ทำเก้าอี้ที่ร้านหัก แต่ไม่ใช่ความผิดน้องครับเก้าอี้มันเก่าแล้ว" "ฮะ..หักเลยเหรอ โธ่! น้องฉัน" ราตรีเวทนาน้องสาว การที่น้องมีน้ำหนักตัวทะลุเกือบเจ็ดสิบทำให้หลายคนมักจะบูลลี่น้องอยู่เสมอ และเธอเองก็ไม่ชอบไอ้พวกปากหอยปากปูเหล่านั้นเลยสักนิด "เดี๋ยวผมไปตามน้องกลับมาเองครับ" เขายิ้มแล้วรีบวิ่งตามสาวอวบที่เดินกระแทกเท้าด้วยความโกรธลงมาจากบ้านเนินเขามาสพานิ่มฟ้ากับมะต๋าวรวมทั้งสามแฝดนั่งรับประทานอาหารติดหน้าต่างเรือซึ่งสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของสายน้ำได้อย่างชัดเจน โดยที่โก๋กับเฮงหาเก้าอี้กินข้าวเด็กมาบริการให้ทารกน้อยนั่งเป็นเจ้าภาพหัวโต๊ะ"มะมะ" มะต๋าวขยำฝ่ามือ หนูน้อยมองซูชิกับสเต็กในจานพี่"จะกินก๊ะ เดี๋ยวปี้ไปถามอี่แม่ก่อนเน้อว่ามะต๋าวกิ๋นอะหยังได้พ่อง อ้ายมาสเดี๋ยวนิ่มมาเน้อ""ได้ครับเดี๋ยวอ้ายดูน้อง ๆ ให้เอง" มาสอาสาเด็กหญิงเดินไปถามแม่เรื่องอาหารของมะต๋าว เหนือฟ้าแนะนำว่าให้น้องกินพวกซุปหรือไข่ตุ๋น เด็กหญิงเดินไปยังบุปเฟต์อาหารฝรั่งแล้วตักซุปข้าวโพดให้น้อง ระหว่างนั้นแคนดี้ลูกสาวของหนึ่งในหุ้นส่วนโรงแรมดาลัลตั้งใจเดินมาหาเรื่องนิ่มฟ้า"นี่เธอ...." แคนดี้ผลักไหล่นิ่มฟ้าทำให้ซุปร้อน ๆ ในกระบวยกระฉอกโดนมือของเด็กหญิง"ซี๊ด" ใบหน้าของนิ่มฟ้าเหยเก "โอ๊ย...มันฮ้อนเน้อ"ชั่วขณะนั้นสามแฝดเดินมาหยิบฟรุ๊ตเค้กที่โซนขนมฝรั่งไปเพิ่ม ทำให้เห็นพี่สาวกำลังยืนเถียงฉอด ๆ อยู่กับแคนดี้"เธอเป็นอะไรกับพี่มาสกันแน่ บอกมา" เด็กหญิงในชุดเดรสม่วงต้องการคำตอบ"ไม่ใช่ปี้น้องก
บนโต๊ะอาหารของสองครอบครัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเหนือฟ้ากับราสมาลัยคุยกันถูกคอ ขณะที่ภาคีกับอุษมันก็คุยฟุ้งเรื่องธุรกิจร่วมกันได้อย่างออกรสออกชาติ แต่เดิมบรรยากาศการคุยงานของอุษมันจะเต็มด้วยความเคร่งเครียดทว่าเมื่อเขาอยู่กับครอบครัวนี้กลับรู้สึกว่าสบายใจที่จะเปิดอกคุยทุกเรื่อง"ไปเดินดูอาหารข้างนอกไหม" มาสชวนนิ่มฟ้าไปเดินดูอาหารบุฟเฟต์นอกห้องวีไอพีบะแต๋งเห็นน้องสาวรู้สึกขาดความมั่นใจตนจึงกระซิบกับหูน่านฟ้าแล้วให้น้องชายคุยกับสามแฝดให้อีกทอดเนื่องน้องนั่งอยู่ตรงข้ามเขา เพราะเขานั่งติดกับมาส"เดี๋ยวหมู่เฮาจะออกไปดูอาหารข้างนอกเป็นเปื่อนเน้อ" น่านฟ้าบอก"ดอฉะไป๋กะอ้ายมาก" หมูยอลงจากเก้าอี้วิ่งไปหามาส เด็กชายจึงย่อตัวลงไปอุ้มน้องขึ้นมา"ไปครับ ปะด้วยกันหมดนี่แหละ" มาสเอ่ยปากชวน สายตาปรายมองเด็กหญิงแก้มป่องดูท่าทีว่าเธอจะตัดสินใจว่าอย่างไร"แอ้แอ้" มะต๋าวที่นอนดูดขวดนมอยู่ในรถเข็นเด็กหยัดตัวลุกขึ้นคว้ามือพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างแม่"จะไป๋เป็นเปื่อนปี้ก๊ะ" นิ่มฟ้าพยายามใช้ภาษาเหนือกับน้อง มะต๋าวจะได้เรียนรู้ตั้งแต่เล็ก"มะมะ" มะต๋าวยิ้มโชว์ฟันกระต่ายสองซี่บนที่เพิ่งงอกหมาด ๆ"น้องอยากไปด้วยน่ะ
รถแวนหรูของมาสจอดรอนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าเลิกเรียน ระหว่างนั้นสายโทรศัพท์สำคัญจากเลขาของอุษมันโทรเข้ามาหามาสทั้งที่ปกติหากไม่มีเรื่องสำคัญจริง ๆ เลขาวารีจะไม่โทรมาหาเขาด้วยตนเอง"ฮัลโหลครับพี่วารี""คุณมาสคะค่ำนี้สะดวกไหมคะ ท่านประธานให้แจ้งว่าวันนี้จะพาคุณมาสไปเปิดตัวกับหุ้นส่วนคนใหม่ค่ะ""งานเสียงดังไหมครับ" ทุกครั้งที่เขาอยู่ในสถานที่ที่ดังเกินไป เขาจะรู้สึกปวดหัวมากอาจเป็นเพราะอุบัติเหตุที่เขาเคยได้รับส่งผลกระทบทำให้ร่างกายไม่อาจทนทานกับเสียงดังอึกทึกครึกโครม"อ้ายมาส" นิ่มฟ้าวิ่งนำน่านฟ้าลงมาจากตึกเรียนเด็กหญิงตะโกนเรียกชื่อเขาด้วยความดีใจ"งั้นผมตกลงไปงานครับ แค่นี้นะครับ" มาสตอบรับทันควันแล้วกดวางสาย"นิ่มมากวนหรือเปล่าคุยต่อได้นะคะ" เด็กหญิงบอกด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ"อ้ายคุยเสร็จแล้ว แต่ทีหลังไม่ต้องวิ่งมาอีกนะเดี๋ยวหกล้ม งั้นรอแป๊ปเดี๋ยวอ้ายไปหยิบน้ำให้" เด็กชายก้าวขาขึ้นรถแล้วหยิบแก้วเยติให้นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าคนละแก้วเด็กหญิงสงสัยว่าข้างในคือน้ำอะไร "น้ำอะหยังก๊ะ""น้ำชาดำเย็น อ้ายชอบกินมันสดชื่นดี" มาสเอ่ย"ทำตัวเหมือนร้านโชห่วยเคลื่อนที่เลยเน้อ" นิ่มฟ้าแซวรีบดูดน้ำเพื่อดับกระหาย
เหนือฟ้า ภาคี อินเหลาเดินทางไปศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเพื่อทำเรื่องรับมะต๋าวเป็นบุตรคนที่เจ็ด และขับรถพาแฝดสามไปฝากกับพ่อแม่ที่ร้านปลาเผาก่อนจะไปทำธุระ ขณะที่นิ่มฟ้าและน่านฟ้าเปิดเทอมวันแรก ส่วนบะแต๋งนั้นเปิดเรียนอาทิตย์หน้าเด็กชายจึงเดินทางขึ้นรถแวนหรูไปส่งน้องสาวและน้องชายกับมาสแทนพ่อแม่วันนี้แฝดสองพี่น้องขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่สามอย่างเป็นทางการ ระหว่างที่นิ่มฟ้าลงจากรถแวนคันหรูติดฟิล์มดำทึบ รถสปอร์ตคันหรูก็ทะยานเข้ามาจอดเทียบเคียง กระถินอริตัวฉกาจก้าวขาลงมาจากรถแถมยังย้อมผมสีเขียวสะท้อนแสงราวถืออภิสิทธิ์เหนือทุกคน ขณะที่เด็กนักเรียนคนอื่นนั้นมัดผมผูกโบว์เป็นระเบียบเรียบร้อยตามกฏของโรงเรียนนิ่มฟ้าสะพายกระเป๋าและชำเลืองมองหน้ากระถินเล็กน้อยปึ้ก!กระถินไม่พอใจจึงเอากระเป๋ากระแทกกับลำตัวนิ่มฟ้าอย่างแรง"นี่!..." เด็กหญิงก้าวเท้าฉับ ๆ เข้าไปหาแต่น่านฟ้าเข้าไปยืนดักพี่สาวก่อนที่พี่จะเดินไปจิกหัวอีกฝ่ายจนต้องเข้าห้องปกครองตั้งแต่เปิดเทอมมาสที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับพ่อเสร็จเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หลังคุยธุระจบเขาจึงก้าวขาลงมาจากรถเป็นคนสุดท้าย เด็กชายยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูบะแต๋ง












reviews