ในช่วงเวลาของการรอคอย ยามเช้าตรู่ของวันที่สี่ แสงสีทองของดวงอาทิตย์เริ่มสาดส่องจับขอบฟ้ารำไร พระจันทร์ทิ้งตัวร่วงหล่นลงสู่พื้นผิวน้ำ ดวงดาราน้อยใหญ่บนผืนฟ้าต่างพากันหลบเร้นกาย
เหมยฮวาสีแดงสดเบ่งบานงามสะพรั่ง หยาดน้ำค้างเกาะตามกลีบดอกสีสดใส สะท้อนแสงแวววาวหยอกล้อกับแสงอ่อนๆ ในยามเช้า ส่งผลให้ทิวทัศน์รอบบริเวณงดงามปานสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า
ทว่าในจวนนั้นเล่า หาได้มีผู้ใดคิดจะให้ความสนใจกับความงามของทัศนียภาพไม่ ด้วยว่าเวลานี้มีเสียงร้องเล็กๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นในจวน ดึงความสนใจของพวกเขาได้ชะงัดนัก
“อุแว้ๆๆ”
ในห้องนอนเต็มไปด้วยบรรดาหมอตำแยที่แม่ทัพหนุ่มดั้นด้นวิ่งไปลากตามตัวมา จนกลุ่มคนแทบจะล้นออกมานอกห้อง
ณ เวลานี้แต่ละคนล้วนมีสีหน้าปรีดากันถ้วนทั่ว เฟยเซียนเผยรอยยิ้มอ่อนหวานแฝงความยินดี ใบหน้านางเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ทว่ายังคงงดงามดังเดิม แม้ยามนี้จะเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดโตก็ตาม
ยิ่งเมื่อสายตามองเห็นร่างเล็กๆ ในห่อผ้าสีขาวสะอาดตาที่หมอตำแยคนหนึ่งอุ้มมาอยู่เบื้องหน้า ฮูหยินจ้าวก็แทบหายคลายความเหนื่อยล้าเป็นปลิดทิ้ง
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะฮูหยิน ท่านได้บุตรสาว”
หมอตำแยวัยชราผู้อุ้มร่างเล็กในห่อผ้าเอ่ยขึ้นพลางยื่นส่งทารกน้อยให้ผู้เป็นมารดาได้ชื่นชมบุตรีตัวเองบ้าง
หญิงสาวรับร่างน้อยๆ นั้นมากอดไว้แนบอกด้วยความทะนุถนอม ความปลาบปลื้มปีติยินดีพลันบังเกิดขึ้นในใจอย่างล้นหลาม
อา... ลูกรักของนางถือกำเนิดแล้ว
“เซียนเอ๋อร์ๆ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อประตูห้องนอนเปิดออก ร่างสูงใหญ่กำยำของแม่ทัพไร้พ่ายก็ถลันกายเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน ก่อนจะร้องถามภรรยารักด้วยน้ำเสียงโล่งใจระคนยินดี
ร่างบางบนเตียงส่งยิ้มอ่อนหวานเต็มใบหน้าให้สามี ก่อนจะยื่นห่อผ้าที่มีบุตรสาวอยู่ภายในอ้อมกอด เพื่อให้ผู้เป็นบิดาได้เชยชมเจ้าตัวน้อยบ้าง
“ลูกพ่อ เจ้าช่างน่ารักน่าชังยิ่งนัก”
จ้าวหมิงหลงก้มลงหอมทารกน้อยที่อยู่ในห่อผ้าเบาๆ ด้วยเกรงว่าหากทำรุนแรงไปบุตรสาวตัวน้อยจะเจ็บเอาได้ วงหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มกว้าง แววตามีความรักใคร่เอ็นดูฉายอยู่ตลอด
“ผิวขาวราวกับหิมะ ปากแดงๆ หน้าตาจิ้มลิ้มนัก โตขึ้นมาเจ้าจะต้องเป็นสาวงามเหนือใครเหมือนแม่ของเจ้าอย่างแน่นอน”
แม่ทัพไร้พ่ายที่บัดนี้ผันตัวเองมาเป็นบิดาเห่อบุตรเอ่ยพรรณนาเยินยอบุตรสาวในอ้อมแขนเป็นชุด พลางส่งเสียงหัวเราะยินดีออกมาไม่หยุด
จางฟงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นก็อดใจไม่ไหวต้องชะโงกหน้าเข้ามาดูร่างเล็กๆ ในห่อผ้าบ้าง เมื่อเห็นแล้วพ่อบ้านจึงเอ่ยแย้งขึ้นอย่างอดไม่ได้
“สาวงามอันใดกัน ตัวเล็กๆ แดงๆ ผิวหนังหรือก็เหี่ยวย่น นายท่าน ข้าน้อยว่านี่ไม่ต่างอะไรกับลูกลิงที่อยู่ในป่าเลยด้วยซ้ำนะขอรับ”
คำพูดของคนสนิทประดุจฟ้าฟาดลงกลางใจท่านแม่ทัพ ไวเท่าความคิด ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายได้กล่าวคำพูดใดๆ ต่อไป เท้าใหญ่สมรูปร่าง น้ำหนักสมฉายามัจจุราชแห่งต้าเฉิน ก็ประเคนเข้าใส่กลางลำตัวของบ่าวผู้ไม่รู้จักดูทิศทางลมทันทีแบบเน้นๆ
“จางฟง หากเจ้าไม่ใช่คนสนิทของข้า เจ้าได้ตายไปแล้ว”
จ้าวหมิงหลงคำรามเสียงต่ำบอกอีกฝ่าย เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้นั้นคือจางฟงในยามนี้นอนไร้สติอยู่บนพื้น ไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นเสียแล้ว
เมื่อเฟยเซียนเห็นดังนั้นก็เลื่อนมือออกจากใต้หมอนที่มีมีดสั้นประดับพลอยวางสอดไว้อย่างช้าๆ หากจางฟงสามารถรับรู้อนาคตได้แล้วละก็ เขาคงต้องโขกศีรษะขอบคุณหมิงหลงไม่ได้หยุดเป็นแน่แท้ เพราะหากหมิงหลงไม่ชิงลงมือเสียก่อน คาดว่าจุดที่มีดในมือฮูหยินจ้าวจะขว้างออกไปนั้นคงเป็นลำคอของคนสนิทสามีอย่างแน่นอน
‘นับว่าโชคของเจ้ายังดีอยู่ คราวหน้าหากกล้าเอ่ยว่าลูกข้าอีก จะตัดลิ้นเจ้าทิ้งเสียเลย’
นางคิดคาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจ ก่อนจะหันไปถามผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน ผิดกับความคิดเมื่อครู่
“ท่านพี่ แล้วท่านจะตั้งชื่อให้ลูกเราว่าอะไรดีเจ้าคะ”
จ้าวหมิงหลงทอดสายตาเปี่ยมสุขมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง ดวงตาคมกล้าจดจ้องไปที่ต้นเหมยฮวาสีแดงสดซึ่งยามนี้ออกดอกบานเต็มต้นท่ามกลางหิมะโปรยปราย เป็นผลให้ทัศนียภาพที่เห็นนั้นงดงามจับตา
ก่อนที่เขาจะก้มมองลงบุตรสาวในวงแขนตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มกว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเอ็นดู ขณะเอ่ยคำพูดขึ้นช้าๆ
“นางเกิดในวันที่ท้องฟ้าสดใส แต่กลับมีหิมะโปรยปราย เหมยฮวาในจวนบานสะพรั่ง ถ้าอย่างนั้นก็ให้ชื่อ ‘เหมยฮวา’ แล้วกัน เจ้าคิดว่าอย่างไรน้องหญิง”
เฟยเซียนมองตามสายตาผู้เป็นสามีออกไปด้านนอกหน้าต่าง เห็นเหมยฮวาเบ่งบานผลิดอกเต็มต้นท่ามกลางหิมะ ดูแล้วงดงามจับตายิ่งนัก นางพยักหน้าเห็นดีด้วย ก่อนจะเอนร่างลงซบไหล่แกร่งที่อุ้มบุตรอยู่ข้างกาย
‘เหมยฮวา เหมยน้อยของแม่ แม่ปรารถนาให้เจ้าเติบใหญ่อย่างมีความสุข และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ เฉกเช่นเดียวกับเหมยฮวา ที่สามารถเบ่งบานอย่างงดงามได้แม้ในวันที่มีหิมะตกหนัก’
ในห้องนอน สามคนพ่อแม่ลูกต่างซึมซับความรู้สึกดีๆ ในช่วงเวลานั้นไว้ในใจ โดยไม่มีผู้ใดให้ความสนใจต่อร่างยู่ยี่ที่นอนกองติดข้างฝาดุจกองผ้าขี้ริ้วเก่าๆ ผืนหนึ่งของพ่อบ้านแห่งจวน ที่ยามนี้ยังนอนไม่ได้สติอยู่ภายใต้หน้าต่าง บานที่พวกเขามองเหม่อ แม้แต่น้อย...