Chapter 3
(บทที่ ๓ )
เตตะวันขับรถกลับมาที่ร้านสักอีกครั้ง แต่พอขับมาถึงทำเอาปวดแผลอยู่มากเหมือนกัน เพราะต้องเกร็งแขนในการขับรถและแผลโดนลมแรงจนแสบไปหมด
"ไอ้สัตว์ไต้ เลือดอาบแขนมึงละนั่น" เขมทัตที่เข้ามาเห็นเพื่อนนั่งอยู่ห้องสักด้วยภาพที่เลือดซึมอาบแขนก็ได้แต่กุมขมับ
"เบาๆ ไอ้เจนมันแทงกู" เวลาที่มีเรื่องกันเขามักจะได้บาดแผลกลับมาแบบนี้เสมอจนชิน บางทีก็เป็นแผลเป็นจนต้องสักทับ
"แต่ครั้งนี้มันแรงจนมึงหมดสติไปใช่เปล่ากูได้ข่าว" เขาลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ เพื่อนเพื่อทำแผลให้
"ข่าวไวจากไหนอีกสัตว์ กูแค่เสียเลือดเยอะเลยวูบ" ข่าวนี้จากไอ้เจมส์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มเขามีเขมทัตนี่แหละที่พอทำแผลให้เพื่อนได้ตลอดเพราะเขาเรียนหมอ
"ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ได้ข่าวว่าสาวช่วยไว้" รู้แม่งหมดทุกอย่างจริงๆ ไอ้พวกนี้ เจมส์รู้โลกรู้
"เออน่า สาวเหี้ยไรช่างมัน" เขาไม่สนใจเรื่องพรรคนี้อยู่แล้วล่ะ
"แล้วเด็กวิลัยฯมึงเป็นไง โดนล่อยับเลยดิ" หลังจากที่พวกคู่อริรอบกัดพวกเขาก็ได้ยกพวกไปต่อยตีกับเด็กที่วิลัยฯเขาต่อ อาศัยจังหวะที่เขาและเพื่อนเจ็บก็โจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว
"ยับจัดๆ กูว่าจะไปดูอาการมันอยู่" แต่ตอนนี้เขาก็ขอรักษาตัวเองก่อน
"เออเดี๋ยวบอกพวกไอ้โชนไว้ด้วย" ศึกนี้ต้องมีล้างแค้นแบบนองเลือดแน่
"กูจะเอาคืนแม่งให้หมด" ใครก็ตามที่ทำสภาพเขาและเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องเขายับขนาดนี้ เขาจะเอาคืนแม่งให้หมดเลย
เช้าวันถัดมารันรานาตื่นตั้งแต่หกโมงครึ่งเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนต่อ พอเดินลงจากห้องมาก็เจอผู้ชายทรงผมอันเดอร์คัท ใส่เสื้อช็อปของวิลัยฯใกล้ๆ คอนโดมิเนียมเธอ ยืนหันหลังพิงมอเตอร์ไซค์คันใหญ่อยู่ คุ้นๆ จัง
"นา" พอเขาหันมาก็ใช่เลย เขามาทำอะไรที่หน้าคอนโดเธอ
"คุณมาทำอะไรคะ" เธอหันหน้าหันหลังเหมือนกำลังหาว่าเขาคงมารอใครซักคน แต่ก็ไม่เห็นมีใคร
"รอเธอ" เมื่อเขาหันมาเต็มตัวก็ทำให้เห็นออร่าความหล่อแบดกร้าวใจเธอมาก วันนี้เขาอยู่ในช็อปสีกรมท่าพร้อมใส่แว่นดำเสยผมขึ้น แต่ก็ไม่อยากเข้าใกล้เลย เธอเริ่มกลัวหน่อยๆ แล้ว ไม่อยากพัวพันกับพวกนักเลงมากนัก ทั้งเพื่อนเขาก็น่ากลัวด้วย
"มารอเราทำไมคะ" เธอกระชับกระเป๋าแน่นเตรียมวิ่ง เขาจะมาต่อยเธอที่เมื่อวานไปด่าเขาไว้รึเปล่า..
"เราลืมขอเบอร์เธอ"
"ฮะ?" เธอและเขามีอะไรต้องติดต่อกัน
"พิมพ์" เขายื่นมือถือที่หน้าจอเป็นรอยแตกนิดหน่อยให้เธอ เขาชอบทำมันตกตอนมีเรื่องบ่อยๆ สภาพจึงเป็นแบบนี้
"..." เธอรับมันมาอย่างงงๆ แล้วจำใจพิมพ์เบอร์มือถือให้เขาไป หากไม่พิมพ์จะโดนซัดหน้าเละไหม
"เราแค่เห็นเธอเหงา ดูไม่ค่อยมีเพื่อน" เธอรู้แล้วว่าทำไมสภาพที่เจอกันครั้งแรกเขาเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นสำนวนที่บอกว่า ปลาหมอตายเพราะปาก
เตตะวันขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามายังหน้าคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยมีสาวแว่นหน้าตาจิ้มลิ้มซ้อนท้ายมาด้วย ถึงจะเป็นภาพที่ไม่น่าเกิดขึ้นแต่ก็ปรากฎให้เห็นแก่สาธารณะชนแล้ว
“รู้ได้ไงคะว่าเรียนแพทย์” ถ้าจะดูจากการทำแผลใครๆ ก็ทำได้ แต่เขาดูมั่นใจขับรถมาจอดหน้าคณะ
“ดูจากหลายๆ อย่าง ไปเถอะ”
"ขอบคุณนะที่มาส่งแต่วันหลังไม่ต้องก็ได้ค่ะ" รันรานายิ้มหวานไปหนึ่งที เธอไม่ได้มีเจตนาประชดหรืออะไรทั้งสิ้นเพียงแต่ที่พูดคือความจริง
"แรงทุกดอก เธอไม่มีรถเดี๋ยวมารับตอนเย็น" รันรานาไม่สนใจที่เตตะวันพูด เธอถอดหมวกกันน็อกคืนเขาทันที เขารู้ได้ไงว่าเธอไม่มีรถ เธอแค่ขับไม่เป็นเท่านั้นแหละ! เขาดูจะรู้จักเธอมากเกินไปแล้ว
"ไม่เป็นไรเราเกรงใจ เราไม่ควรยุ่งเกี่ยวอะไรกันเลยค่ะ" จริงๆ เธอแอบกลัวว่าทำไมเขาถึงตามเธอมาขนาดนี้ แต่สิ่งที่กลัวอีกอย่างคือหัวใจของเธอเองที่เวลาอยู่ใกล้เขามันเต้นดังโครมครามไม่หยุดเลย ทำไมกันนะ
“เธอก็ไม่ต้องยุ่งกับเรา เดี๋ยวเรายุ่งกับเธอเอง”
“นี่คุณพูดไม่..”
"กระโปรงเธอถ้าซ้อนท้ายเราต้องยาวอีกหน่อย ใส่แบบนี้แว้นไม่สะดวก" เขาชิงเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ตอนมาจากหน้าคอนโดเขาไม่ค่อยขัดใจเท่าไหร่แต่พอมาจอดรถส่งที่หน้าคณะกลับพึ่งสังเกตุเห็นว่ากระโปรงทรงเอของว่าที่คุณหมอนั้นสั้นมาก ถึงขั้นว่าไอ้พวกไก่กามองตาไม่กระพริบเลยทีเดียว
"เรื่องอะไรเราต้องเปลี่ยนกระโปรงเราให้รถคุณ เราไปเรียนแล้วนะ" เธอไม่อยากพูดกับเขาแล้ว ไม่รอช้ารันรานาก็รีบวิ่งไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนใกล้ๆ ต้นไม้ใหญ่ที่ประจำของพวกเธอ
"หึ" ผู้หญิงอย่างรันรานาก็แสบไม่เบา ตอนแรกเขากลับคิดว่าเธอเรียบร้อยอ่อนหวานเสียอย่างเดียว แต่นี่กลับมีฤทธิ์แสบๆ ให้เจออีกเพียบ
พอรันรานาหย่อนก้นนั่งลงกับโต๊ะกลุ่มเพื่อนก็ถูกมองเป็นสายตาเดียวทันที ดูก็รู้ว่าเธอคงต้องอธิบายภาพเมื่อกี้สินะ
"ยัยนา! นั่นใครบอกมานะย่ะ!" ซูซี่เพื่อนสาวสองในกลุ่มได้เอ่ยถามคนแรกด้วยท่าทางจีบปากจีบคอตามประสาตัวแม่
"หล่อมากอะ แต่เสียดายใส่ช็อปวิลัยใกล้ๆ" คงจะเป็นพวกนักเลงชอบหาเรื่องต่อยตีไปทั่วล่ะมั้ง กุ๊กกิ๊กเพื่อนสาวในกลุ่มของรันรานาคิดในใจ
"อย่าบอกนะว่าคนคุยเธอ ไม่เหมาะสมเลย หมอนาของฉันต้องเอารวยๆ กว่านี้สิ ดูสภาพมอมแมมจะตายหมอนั่น" แพรวพราวพูดเสริมอีกคน หนุ่มท่าทางนักเลงนั่นก็หล่อดีแต่คงไม่รวย
"ปะ..เปล่า เราช่วยเขาไว้เลยอาสามาส่งน่ะ" รันรานาไม่กล้าที่จะบอกเพื่อนว่าเธอเองก็แอบสนใจเขาเล็กน้อย เพราะเพื่อนกลุ่มนี้เธอไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวมากนักอาจจะเป็นเพราะว่าเธอสนิทใจกับเพื่อนมัธยมมากกว่า และกว่าจะสนิทกันกับเพื่อนคณะก็ใช้เวลาเป็นปี
"เอาเถอะๆ จะคบใครมันก็เรื่องของนาจ้า" ซูซี่ที่มีความคิดว่าจะคบใคร จนหรือรวยก็เรื่องของรันรานาไม่ควรไปพูดว่าไม่เหมาะสม
"ปะๆ ขึ้นเรียน"
ติ๊ง!
•Taiphoon add your friends
Taiphoon : นา เธอทำอะไรอยู่
Rana : คุณเลิกก่อกวนเราแม้กระทั่งเวลาเรียนได้ไหม
Taiphoon : เจ็บแผลมากเลย
Rana : เห็นขับรถคล่องนะคะ
Taiphoon : จริงๆ
Taiphoon : เลิกเรียนเดี๋ยวไปรับ ถ้าไม่รอขอให้ไม่มีผัว
Rana : บ่ายสามค่ะ
ตอนพิเศษตอนนี้สามารถเรียกรันรานาว่าหมอนาอย่างเต็มตัว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้น ราวกับว่าเธอกับเตตะวันพึ่งเจอกันเมื่อวาน แต่ความจริงแล้วเขากับเธอคบกันมาย่างเข้าปีที่สี่แล้ว และวันนี้คือวันครบรอบของเขาและเธอ"หมอนา น้ำเต้าหู้ครับ""ขอบคุณค่ะหมอแดน" และใช่ ไม่รู้ว่าพระเจ้าเล่นตลกหรือเวรกรรมอะไรของเธอจึงได้ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกันกับหมอแดน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีแต่หากเตตะวันมาเห็นเข้าคงได้นองเลือดอีกแน่"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ยุ่งหรอกสบายใจได้" เรื่องอะไรเขาต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ตอนนี้เขามองรันรานาเป็นแค่เพื่อนร่วมอาชีพเพียงคนนึงเท่านั้น ในเมื่อเธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเขาก็ไม่ยุ่ง"ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ แล้วก็ขอโทษเรื่องที่ผ่านมาค่ะ" เขาต้องมาเจอเรื่องราวให้เจ็บตัวเพราะเธอ "ไม่เป็นไรครับมันผ่านมาแล้ว"ครืด..ครืด"ตายยากเหมือนกันนะเนี่ยเฮีย" พอเห็นชื่อสายเรียกเข้าโชว์หราอยู่บนหน้าจอมือถือตนเองก็ได้แต่ขนลุก ทำไมเขาถึงโทรถูกเวลาเสียจริง"ฮะโหลค่ะ"'เลิกงานยัง'"เลิกพอดีเลยค่ะกำลังเก็บของ"'พอดีเดี๋ยวเข้าไปรับ'"โอเคค่ะ รีบมานะ" พอวางสายเธอก็รีบเก็บของใส่
Chapter 37( บทที่ ๓๗ บทส่งท้าย... )บทส่งท้าย..หลังจากวันนั้นก็ผ่านไปหลายเดือนเตตะวันและรันรานายังคบหาดูใจกันไปเรื่อยๆ เนื่องจากพวกเขาเป็นคนซ้ำๆเดิมๆไม่ได้หวือหวาอะไรมากและการงานของเตตะวันพึ่งลงตัว รันรานาเองก็เริ่มทำโปรเจคมากมายเลยใช้ชีวิตกันแบบเรื่อยๆไปก่อน แต่ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนเตตะวันก็จะกลับมานอนกับรันรานาทุกๆวัน"เออๆไอ้ห่า""เฮียพูดกับเพื่อนดีๆหน่อยค่ะ อารมณ์เสียแต่เช้าเลย" เธอยื่นแก้วนมร้อนให้เขา วันนี้วันอาทิตย์เขาได้หยุดงานแต่ก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนแต่เช้า ส่วนเธอน่ะหรือ! ปิดซัมเมอร์วันแรกจ้า ดีใจสุดๆ"ปกติ" ปกติเขาก็เป็นคนพูดแบบนี้แต่รันรานาไม่ชินเสียที อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้พูดคำหยาบตอนอยู่กับเธอซักเท่าไหร่แล้ว"วันนี้เราจะทำอะไรดีคะ" ด้วยความดีใจที่ได้หยุดวันแรกทำให้เธอตื่นตัวและตื่นเต้นสุดๆ"ไม่รู้" ข้อเสียของเตตะวันคือเป็นผู้ช๊ายผู้ชายมากเกินไป ดิบเถื่อนจนไม่มีมุมหวาน แต่รันรานาก็มองว่ามันน่ารักดีเพราะเธอเป็นคนแรกของเขาแต่บางทีมันก็น่าน้อยใจ"เราเบื่อห้อง""เมี้ยว" โชยุเองก็เห็นด้วย เดินมาคลอเคลียขาใหญ่เลย"งั้นไปร้านสักละกัน""อีกแล้วเหรอคะ เราพึ่งไปมาวันก่อนเองน
Chapter 36( บทที่ ๓๖ )พอมาถึงร้านแดนก็บริการดีและไม่ได้ล่วงเกินอะไรเธอ เขาออกจะดูไปทางคนดีมากด้วยซ้ำและการมาเที่ยวร้านเหล้าก็ไม่ควรตัดสินนิสัย คนเที่ยวกลางคืนไม่ใช่ว่าแปลว่าเป็นคนไม่ดี"อยากลองไปแดนซ์ไหม" นั่งดื่มกันไปซักพักคุยอะไรนิดหน่อยแดนก็เริ่มชวยเธอออกไปเต้น"เราเต้นไม่เป็น" เธอเต้นไม่เป็นจริงๆ มันดูตลกๆแข็งๆมากแน่"ไม่เอาน่า มาเร็ว" แดนดึงมือเธอไปที่ตรงผับ เป็นครั้งแรกที่เขาโดนตัวเธอแบบนี้"เราเต้นไม่เป็นนะ" เธอยืนมองหน้าเวทีที่มีดีเจและทามกลางผู้คนที่เต้นกันอย่างเมามัน"โยกเบาๆพอ แบบนี้" แดนโยกตัวเบาๆตามจังหวะเพลงให้ดู แบบนี้ทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้น"แบบนี้เหรอ" ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์นิดหน่อยในตัวเธอทำให้เธอกล้าทำ ปกติก็ไม่ได้คอแข็งเท่าไหร่ทั้งสองคนเต้นกันอย่างเพลิดเพลิน มีบางจังหวะอาจจะโดนตัวแนบชิดกันบ้างเพราะสถานที่บันเทิงคนเบียดเสียดแต่เขาก็ไม่เคยฉวยโอกาสกับเธอเลย แบบนี้สิสุภาพบุรุษ ไม่เหมือนกับอีกคนถนัดใช้แต่กำลัง"นา!""ฮะ..เฮีย" เขามาได้ยังไงกัน"มึงใช่ไหมที่พาเมียกูมา!"พลั๊ว! พลั๊ว!"เฮีย! เฮียอย่า!พอแล้ว!" เธอเองก็โลกหมุนไปหมดไม่มีแรงจะห้ามเขาเท่าไหร่ ไม่น่าดื่มเกินลิมิ
Chapter 35( บทที่ ๓๕ )รันรานาออกมาด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนกัน เธอน้อยใจที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สถานะเธอและเตตะวันเป็นอะไรกันแต่เธอก็ยอมอยู่ข้างเขามาตลอด และเตตะวันก็ไม่ได้ผลักไสจินดาออกไปเลย เวลาก็ไม่ค่อยจะได้ใช้ร่วมกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว เธอควรอยู่ต่อหนีถอยดี"เฮ้อ.." รันรานาเดินตามถนนสายนึงไปเรื่อยๆ ขนาดเธอวิ่งออกมาขนาดนี้เตตะวันยังไม่ได้ตามเธอมาเลย"หรือว่า.." หรือว่าเขาจะเบื่อเธอ เธอจืดชืดเกินไปหรือไม่ ขนาดเธอยังเบื่อตัวเองที่เอาแต่ทำตัวเดิมๆจืดๆ คิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินแวะเข้าร้านขายเสื้อผ้าด้านหน้าในตรอก ดูแล้วเป็นร้านที่หรูหราและสะอาดแต่ทำไมคนช่างน้อยเหลือเกิน "สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับค่ะลูกค้า" พนักงานร้านยิ้มแย้มแจ่มใสเข้ามาต้อนรับ"มีชุดแนะนำไหมคะ ขอแบบสวยๆเซ็กซี่แต่ไม่โป๊มากค่ะ" เธอแค่อยากเปลี่ยนลุควับๆแวมๆบ้างแต่ก็ไม่ได้อยากใส่โป๊ๆเพราะมันไม่ใช่เธอ"ยินดีเลยค่ะลูกค้า ลูกค้าสวยหุ่นดีใส่อะไรก็สวยค่ะ" ไม่ได้กะจะอวยขายอะไรมากแต่ผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ หุ่นก็ดีแต่แต่งตัวดูแก่ไปหน่อยพนักงานคิดในใจ"อันนี้คอลเลคชั่นที่ยังไม่เปิดตัวเลยค่ะแอบกระซิบ" พนักงานหยิบเสื้อสองตัวออก
Chapter 34( บทที่ ๓๔ )ข่าวของเตตะวันลงหนังสือพิมพ์บางส่วนในประเทศแต่กลับเป็นข่าวที่ติดเทรนในโซเชี่ยล จู่ๆลูกชายคนเล็กที่หายไปของเจ้าสัวเช้งก็กลับมา นี่มันอะไรกัน ผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งภรรยาเจ้าสัวเสียชีวิต"ดูคนไม่ผิดจริงๆ" ร่างระหงส์ผมบลอนด์ทองเผยยิ้มมุมปาก ว่าแล้วทำไมเขาถึงมีออร่าน่าสนใจขนาดนี้ ตอนแรกเป็นนักเลงพอรับได้แต่ตอนนี้ยิ่งอยากได้ไปใหญ่ช่วงนี้เตตะวันและรันรานาต่างคนต่างยุ่ง ไม่มีเวลาให้กันและกันเท่าไหร่ เตตะวันเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวและต้องรับผิดชอบงานมากมาย ส่วนรันรานาก็วุ่นกับการสอบ"คราวนี้มีเวลาให้เราแล้วใช่ไหม" ถึงปากจะบอกว่าย้ายมาอยู่ใกล้ๆเธอ แต่ส่วนมากเขาก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่ได้กลับมานอนห้อง "โทษที ให้" เขายุ่งจริงๆช่วงนี้ วันนี้ก็เจียดเวลาช่วงพรบค่ำมาได้จึงรีบมาหาเธอแต่ก็ไม่วายจอดซื้อดอกทานตะวันมาฝากเธอ เพราะรู้ว่ารันรานาคงงอนเขาแน่จึงค้นหาในอินเตอร์เน็ตว่าง้ออย่างไรดี"ฉลาดง้อผู้หญิงด้วยดอกไม้เหรอคะ" พอเห็นมุมโรแมนติกของเขาเธอก็ยิ้มออกมา ให้ตายสิจะให้งอนนานได้อย่างไร"ทานตะวันหนึ่งดอก" เตตะวันยิ้มมุมปากเกาท้ายทอยแก้เขิน"รักแรกและรักเดียวเ
Chapter 33( บทที่ ๓๓ ) รันรานากลับมานอนเล่นที่ห้องด้วยอารมณ์น้อยใจ เธออุตส่าห์ตั้งตารอแต่เขาดันกลับมาเทได้ง่ายๆ เธอนั่งรอนอนรอเขาอยู่ร่วมหลายชั่วโมง ข้าวก็ไม่มีอารมณ์กิน พอตกดึกเตตะวันกลับมาพร้อมสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่"เฮียไปไหนมา.." ความคิดที่คิดไว้ว่ากลับมาจะเป็นคนให้เขามาง้อได้พังทลายลง หลังจากเห็นสภาพของเขา"นา แม่เฮีย แม่เฮีย.." ตายแล้ว..เตตะวันแทบเสียสติ โลกทั้งใบของเขาได้จบชีวิตลง เขาพึ่งได้เห็นแม่และพูดคุยอีกครั้งในรอบหลายปี และเป็นวันสุดท้ายด้วย ใจของเตตะวันสลายในวันนี้"เฮีย.." รันรานาพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคลุกคลีอยู่กับการเกิดแก่เจ็บตายจึงรับรู้ได้ถึงความรู้สึก"นาเฮีย ฮึก..ไม่ไหวว่ะ" ตั้งแต่โตมาแม้จะชกต่อยเจ็บปางตายแค่ไหนก็ไม่เคยร้องไห้ แต่วันนี้เขาได้แตกสลายและอ่อนแอเหลือเกิน "เราเสียใจด้วยนะ กอดไหม" พอเธออ้าแขนร่างหนาก็ทรุดเข้าไปกอดทันที เขาร้องไห้..แล้วกอดเธอแน่น ตอนนี้เขาจมดิ่งกับความเสียใจเป็นที่สุด ไม่สนว่าจะร้องไห้อ่อนแอให้เธอเห็น นักเลงก็เสียใจเป็น"เราแม่งไม่ได้เรื่องเลยว่ะ" เขาเหมือนคนเสียสติที่แม้กระทั่งคำแทนตัวเองยังจำไม่ได้ เขารู้สึกว