LOGINณ.ร้านอาหาร หลังจากที่กวินลากฟ้าออกมาจากห้องรับแขกต่อหน้าต่อตาอัมพวันและลูกชาย กวินก็พาฟ้าใสมาร้านอาหารในห้าง ฟ้าใสพยายามบ่ายเบี่ยงขอกลับบริษัทแอนดริวตลอดทาง แต่กวินทำเป็นไม่สนใจ
"ทานสิ"
"เมื่อไหร่คุณจะไปส่งฉันสักที ฉันมีงานที่ต้องทำนะคะ"
"ก็หลังจากทานข้าวเสร็จนี่ไง"
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟ้าใสก็รีบตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว เพื่อหวังจะได้กลับไวๆ แต่เปล่าเลย หลังทานข้าวเสร็จกวินก็ลากฟ้าใสไปยังร้านนาฬิกา แบรนด์ดัง
"ช่วยเลือกหน่อย"
"ทำไมฉันต้องช่วยเลือก คุณใส่คุณก็เลือกไปสิ"
"ไหนว่าจะรีบกลับ ถ้าเลือกนาฬิกาไม่เสร็จผมก็ไม่ไปส่งคุณ"
"ฉันกลับเองก็ได้"
ฟ้าใสทำท่าจะเดินออกจากร้าน แต่กวินก็ขวางไว้
"ช่วยหลีกหน่อยค่ะ ฉันจะกลับเอง"
"ทำไมคุณดื้อแบบนี้"
"ก็ฉันมีงานที่ต้องทำ ฉันมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ฉันไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นแบบคุณหรอกนะ"
"งั้นก็ช่วยเลือกนาฬิกาผมก่อน เสร็จแล้วจะไปส่ง สัญญา"
"จริงๆ นะคะ"
"อืม"
ฟ้าใสช่วยกวินเลือกนาฬิกาไปเรื่อยๆ จนได้เรือนที่ถูกใจ กวินจึงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินส่วนฟ้าใสก็ขอออกไปรอนอกร้าน เมื่อฟ้าใสออกไปแล้ว กวินจึงให้พนักงานห่อนาฬิกาอีกเรือนที่เขาดูไว้ตั้งแต่แรก เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วกวินก็เดินออกมาจากร้าน
"เบบี๋ คิดถึงจังเลย"
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เจษฎาบังเอิญมาเจอฟ้าใสยืนคอยกวินอยู่หน้าร้านพอดี เจษฎาเลยกระโจนเข้าหาฟ้าใสจากด้านหลังทันที
"งื้อ เจษเราตกใจหมดเลย"
"คงคิดว่าหนุ่มๆ ที่ไหนมากอดละสิ"
เจษฎาเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฟ้าใสให้ความสนิทสนมและไว้ใจมากที่สุด ตลอดเวลาที่รู้จักกัน เจษฎาเป็นเพื่อนที่ดี และคอยช่วยเหลือฟ้าใสอยู่เสมอ จนบางครั้งฟ้าใสก็แอบเกรงใจ
"จะมีหนุ่มๆที่ไหนกันล่ะ"
"ไม่ได้แอบเราไปมีใครใช่มั้ย"
"เจษก็พูดไป เราจะมีใครได้ล่ะเจษก็รู้"
กวินที่ยืนฟังอยู่ก็กำถุงในมือแน่น เขาโกรธที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ เหมือนสองคนกำลังบอกรักกัน ไหนว่าเป็นแค่เพื่อน กวินอยากจะเข้าไปกระชากแขนที่โอบฟ้าใสไว้ แต่เขาก็ทำได้แค่คิด เพราะอย่างน้อยเจษฎาก็เป็นน้องชายของเพื่อนเขา กวินก้าวขาออกไปเพื่อที่จะแสดงตัวให้รู้ว่าเขามากับฟ้าใส แต่ก็ต้องหยุดชะงัก ความขุ่นข้องใจที่มีเมื่อกี้ก็หายไปเมื่อได้ยินประโยคสนทนาของทั้งสองอีกครั้ง
"เจษก็รู้ว่าเราทำแต่งานทุกวัน ขนาดกับเจษเรายังไม่มีเวลาคุยด้วยเลย"
"สงสารหนุ่มๆ ที่มาจีบบี๋จัง ป่านนี้คงจะถอยทับออกไปหมดแล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันคู่แข่งเราจะได้ลดลง บี๋จะได้รักเราคนเดียว"
"แหม๋ พ่อคุณแบบดัง สาวๆ รายล้อมขนาดนั้น จะมาหวังความรักอะไรจากเรา"
"แล้วรักเราบ้างไม่ได้เหรอ"
"ก็เพื่อนรักไง หรือไม่เอา ห๊ะคุณเจษฎา"
กวินได้แต่อมยิ้มให้กับท่าทางน่ารักของฟ้าใส เขาไม่แปลกใจว่าทำไมคนที่อยู่รอบๆ ตัวของฟ้าใสถึงตกหลุมรักเธอได้ง่ายดายขนาดนี้ เพราเธอเป็นคนที่ชัดเจนกับความรู้สึก ตอนอยู่กับเขาถ้าไม่ชอบก็จะบอกว่าไม่ชอบ ถ้าไม่เห็นด้วยก็จะโต้แย้งทันที
"ว่าแต่วันนี้ ทำไมมาเดินห้างได้ล่ะ ปกติบี๋ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ"
"เรามากับคุณกวินน่ะ"
"คุณกวินนี่ใครกัน แฟนบี๋เหรอ ไหนว่าไม่มีใครไง"
"เปล่าๆ ไม่ใช่แฟน"
"ผมเองครับ"
ทั้งสองหันไปมองตามเสียงพร้อมกันฟ้าใสก็ต้องตกใจเพราะไม่รู้ว่ากวินมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่
"อ้าวพี่วิน สวัสดีครับ"
"ครับ" กวินพยักหน้ารับ
"ผมก็คิดว่าหนุ่มที่ไหน" หันไปพูดกับกวินก่อนจะหันกลับมาสนใจฟ้าใสต่อ "ทำไมมากับพี่วินได้ล่ะเบบี๋ บี๋ทำงานที่บริษัทพี่ดริวไม่ใช่เหรอ"
"คือผมจ้างให้ฟ้าใสมาทำงานให้นะครับ" กวินตอบแทน
"รับจ๊อบพิเศษเหรอ"
"ก็ประมาณนั้น" ฟ้าใสตอบ
"แล้ววันนี้เจษมาทำอะไรที่นี่เหรอ"
"เรามาถ่ายแบบน่ะ ถ่ายเพิ่งเสร็จเนี่ย ว่าจะกลับไปพักหน่อย ช่างภาพขี้บ่นมากเลยบี๋ เราละปวดหัว"
"เขาก็อยากให้ภาพออกมาสวยมั้ยล่ะ เลยต้องเก็บรายละเอียดเยอะหน่อย"
"อืม ตามบี๋ว่านั้นแหละ แล้วเอารถมาเองหรือเปล่า"
"เปล่า เรามากับคุณกวิน"
"ให้เราไปส่งมั้ย จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่วิน"
"ไม่รบกวนหรอก ผมเป็นคนไปรับมา ผมก็ต้องเป็นคนไปส่ง"
"ตกลงว่าไง"
"ไม่เป็นไรเจษกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเราต้องแวะไปเอารถที่บริษัทก่อน"
"ก็ได้ ไว้เจอกันนะ ถึงบ้านแล้วโทรหาเราด้วยล่ะ"
"อือ"
ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ฟ้าใสที่เอาแต่เงียบ ไม่พูดไม่จาก็พลอยทำให้กวินอึดอัดไปด้วย ฟ้าใสยังไม่รู้สึกสนิทกับกวินถึงขนาดพูดคุยเรื่องทั่วไป หรือถามไถ่อะไร
"สนิทกันมากเลยนะ"
"ว่าไงนะคะ"
"กับเจษน่ะ สนิทกันมากเลยนะ"
"ค่ะ"
"ไม่คิดจะชอบบ้างเหรอ ได้ข่าวว่าเขาตามจีบมานานแล้ว"
"ไม่ค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้เจษก็คิดกับฉันแค่เพื่อน คงเพราะสนิทกันละมั้ง ใครๆถึงมองว่าเจษยังจีบฉันอยู่"
คำตอบของฟ้าใสทำให้กวินพอใจอยู่ไม่น้อย เขาอารมณ์ดีขึ้น
"คุณกวินคะ นี่ไม่ใช่ทางไปบริษัทนิคะ"
"ก็เห็นอยู่ว่าไม่ใช่ คุณจะถามทำไม"
"แล้วคุณจะพาฉันไปไหน"
"ก็กลับคอนโดคุณไง"
"ฉันต้องไปเอารถก่อนค่ะ พรุ่งฉันต้องขับมาทำงาน"
"พรุ่งนี้ผมไปรับคุณเอง"
"อย่าลำบากเลยค่ะ ฉันขับไปเองสะดวกกว่า"
"ผมต้องมาธุระแถวนี้พอดี" กวินให้เหตุผล
"ก็ได้ค่ะ" ฟ้าใสก็หมดคำจะอ้าง เลยจำใจยอม
"รับนี่ไปสิ" ยื่นถุงนาฬิกาให้ฟ้าใส
"อะไรคะ"
"เปิดดูสิ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ"
ฟ้าใสปฏิเสธทันที เพราะเธอจำถุงนาฬิกานั้นได้ เธอไม่รู้ว่าด้านในจะเป็นนาฬิกาแบบไหน แต่ที่แน่ๆ ราคามันต้องสูงมาก เพราะนาฬิทุกเรือนในร้านเป็นลิมิเต็ดทั้งหมด เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ราคาจะสูง
"ไม่รับผมทิ้ง"
กวินเปิดกระจกรถทำท่าจะเขวี้ยงถุงนาฬิกาทิ้ง แต่ฟ้าใสก็ร้องห้ามไว้
"คุณนี่มันไม่เห็นค่าของเงินเลยนะ"
"คุณก็ไม่เห็นค่า ถ้าคุณเห็นค่า คุณคงรับมันไปแล้วฟ้าใส"
"เพราะมันมีค่ามากเกินไปไง ฉันเลยไม่กล้ารับ"
"สรุปคุณจะไม่เอา"
ฟ้าใสรีบคว้าถุงไว้อีกครั้งเมื่อกวินจะเหวี่ยงมันออกไปอีก ฟ้าใสคิดในใจว่าเก็บไว้ก่อนก็ได้ แล้วค่อยคุยกับกวินเพื่อคืนมัน
"ฉันเก็บไว้ก็ได้ค่ะ"
"ไม่ใช่แค่เก็บฟ้าใส คุณต้องใส่ด้วย"
"แต่" เสียงเบาลง
"ไม่ต้องมีแต่ พรุ่งนี้ผมต้องเห็นว่าคุณใส่มัน"
ฟ้าใสจนปัญญากับกวิน เขาเป็นคนเอาแต่ใจมากจริงๆ เมื่อถึงห้องฟ้าใสก็เปิดดูนาฬิกา มันเป็นนาฬิกาที่สวยมาก ราคาที่ติดไว้ก็สูงใช่เล่น คนรวยเขาใช้เงินกันแบบนี้เองเหรอ ซื้อทิ้งซื้อขว้างแบบไม่ได้สนใจอะไร แต่ฟ้าใสก็ตั้งใจไว้ว่าต้องหาโอกาสคืนให้ได้
ด้านกวินเมื่อส่งฟ้าใสเรียบร้อยเขาก็ตีรถกลับไปแต่ระหว่างทางกิ่งแก้วโทรมา บอกอยากเจอ เพราะไม่เจอกันหลายวันแล้ว หลายวันมานี้กิ่งแก้วรับงานถ่ายภาพอยู่ที่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาเมื่อสองวันที่แล้ว
"เป็นไงบ้างเรา ไม่เจอหลายวัน ไปทำตัวแสบๆ ที่ไหนมาอีก"
"มองกิ่งเป็นคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร"
"ก็ตั้งแต่รู้จักกันนั่นแหละ"
"พี่วินอ่ะ"
"แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง หิวมั้ย"
"หิวสิ ไม่เหมือนคนแถวนี้หรอก คงอิ่มอกอิ่มใจ"
"อะไร หึ"
"กิ่งเห็นนะ ในร้านอาหารเมื่อกี้"
จริงๆ แล้วตอนที่กวินกับฟ้าใสนั่งทานข้าวกันอยู่ที่ร้านอาหาร กิ่งแก้วที่รับงานถ่ายภาพที่ห้างแห่งนี้ บังเอิญเห็นทั้งสองคนนั่งทานข้าวอยู่พอดี ด้วยความรีบ กิ่งแก้วจึงไม่ได้เข้าไปทักทาย
"ใช่คนที่เจอที่ร้านอาหารวันก่อนหรือเปล่าคะ"
"อืม"
"ลูกค้าเหรอคะ"
"เปล่า พี่จ้างมาทำงาน แล้วเราทำงานวันนี้เป็นไงบ้าง"
"กิ่งอยากจะบ้าตายกับคุณแบบคนนี้ เจอกันก็หลายครั้งแล้วนะคะ ไม่เคยจบสวยสักที อีตาบ้านั่นน่ะ พูดยากมากเลย เอาแต่ใจที่หนึ่ง" กิ่งแก้วบ่นพลางนึกภาพเหตุการณ์วันนี้ทำให้เธอต้องถอนหายใจ
"ขนาดนั้นเลย"
"ใช่ค่ะ ถ้าไม่กลัวเสียชื่อนะ กิ่งจะขยุ่มหัวตาบ้านั่นสักที"
"คงแสบพอๆ กัน"
กวินที่รู้จักกับกิ่งแก้วมานานรู้ดีว่านิสัยของเธอเป็นยังไง เธอเป็นคนไม่ยอมคน ถ้ามั่นใจว่าเธอไม่ผิด เธอก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ส่วนอีกเรื่องคือเธอมักจะบ่นๆ อะไรก็แล้วแต่ที่มันขัดใจ ไม่ถูกใจ เรื่องๆ เดียวบ่นไปเป็นเดือนก็มี
"พี่วินรีบไปไหนป่าว ถ้ามีรีบก็ช่วยนั่งเป็นเพื่อนกิ่งทานข้าวก่อนนะ ไม่อยากนั่งทานคนเดียว"
"ได้สิ"
ด้วยความโกรธกวินขับรถด้วยความเร็ว มุ่งไปยังโรงแรมใหม่ที่จะเปิดตัวในอีกสองสัปดาห์ จริงๆ แล้วกวินต้องมาตรวจความเรียบร้อยตั้งแต่สามวันก่อน เพราะเขามัวแต่ตามตัวฟ้าใส เลยเลื่อนมาตลอด ทั้งสองไม่มีประโยคสนทนาใดๆ ส่วนกวินก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติ เขารู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเธอ"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมอีก"เมื่อรถมาจอดฟ้าใสก็เอ่ยปากถามทันที"ผมต้องมาดูความเรียบร้อยของงาน ก่อนเปิดตัวในอีกสองสัปดาห์""แล้วฉันล่ะ?""คุณช่วยผมดูหน่อย เรื่องการออกแบบตกแต่งภายใน ผมว่าคุณน่ามีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง""แต่...""คุณไม่ขัดผมสักเรื่องได้มั้ย"กวินพูดแย้งขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าฟ้าใสจะปฏิเสธเขา"ก็ได้ค่ะ""ไป เราเข้าไปข้างในกัน"จู่ๆ กวินก็จับมือฟ้าใสแล้วพาเดินเข้าไปยังโรงแรมหรู ยี่สิบชั้น ที่ก่อสร้างและตกแต่งเรียบร้อยพร้อมเปิดตัว หลายๆ คนที่ทั้งสอวเดินผ่านต่างหันมองทั้งสองคน เพราะทุกครั้งที่มากวินไม่เคยพาใครมา นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาเห็นฟ้าใสเป็นครั้งแรกที่ฟ้าใสเห็นกวินดูจริงจังในการทำงาน เพราะที่ผ่านมาฟ้าใสเห็นแต่กวินที่คอยตามเธออยู่ตลอด"เมื่อไหร่จะเลิกจ้องผมสักที""ห๊ะ!! เอ่อ ฉันเ
หลังจากวันนั้นฟ้าใสก็หลบหน้ากวินมาตลอด พอถึงวันที่ต้องไปที่บริษัทกวิน ฟ้าใสก็หาข้ออ้างเพื่อไม่ต้องไปได้ตลอด ถึงกวินจะไปรอเจอที่คอนโดก็ไม่เจอ จนกวินเริ่มไม่พอใจ ตามฟ้าใสไปถึงบริษัท"ไอ้ดริวฟ้าใสไปไหน""ไปคุยงานกับลูกค้า""ใคร?"แอนดริวละสายตามาจากเอกสารตรงหน้า เพื่อมองหน้าของเพื่อนสนิท ที่มาป่วนบริษัทของเขา มาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา"คุณอัมพวัน"เมื่อได้ยินชื่อนี้ทำให้กวินยิ่งโกรธ เพราะเขามั่นใจว่าอัมพวันต้องพาลูกชายไปด้วยแน่นอน"ที่ไหน!""กูไม่รู้""มึงเป็นเจ้านายภาษาอะไร"กวินใช้มือสองข้างค้ำโต๊ะของแอนดริว"มึงก็เป็นเจ้านายภาษาอะไร งานการไม่ทำ มายุ่งวุ่นวายกับลูกน้องกู" แอนดริวย้อน"กูไม่เจอฟ้าใสมาอาทิตย์นึงแล้วนะ""แล้วไง?""ก็กู...""คิดถึง?""กูยังไม่พูด ใครจะคิดถึงเด็กบ้านั่น""เออ ไม่คิดถึงเลย เช้าถึงเย็นถึง""มึงโทรให้กูหน่อย""เออๆ รอแปบ"แอนดริวยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาฟ้าใส รอสักครู่ เธอก็รับสายแอนดริวก็เลยเปิดสปีกเกอร์โฟน เพื่อให้กวินได้ฟังด้วย'ค่ะ คุณแอนดริว'"ตอนนี้อยู่ไหนครับ"'คุยงานอยู่กับคุณอัมพวันค่ะ'"จะกลับตอนไหน"'น่าจะหลังทานข้าวเสร็จค่ะ'"คุณอัมพวันมาคนเดีย
ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เมื่อลืมตาสิ่งแรกที่เธอสัมผัสได้ไม่ใช่หมอนข้างที่นอนกอดอยู่ทุกวัน แต่เป็นใครคนหนึ่ง ที่กำลังกอดเธอไว้ เมื่อเงยหน้ามองกลับเป็น ผู้ชายที่ตามปั่นป่วนชีวิตเธอมาตลอดเกือบๆ 3 เดือน ฟ้าใสได้แต่แปลกใจว่าเธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เพราะเมื่อมองไปรอบๆ นี่ก็ไม่ใช่คอนโดของเธอ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่!!"นี่คุณ ตื่นสิ"ฟ้าใสที่พยายามขยับตัวเพื่อลุกจากที่นอน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะคนข้างๆ กอดเธอไว้แน่นเหลือเกิน"เป็นอะไร ตื่นมาทำไมแต่เช้า"กวินที่ยังคงไม่ยอมลืมตา เขากอดกระชับฟ้าใสเข้าไปอีก แถมหอมหัวไปทีนึง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนที่เขากอดอยู่คือฟ้าใส เพราะเขาเป็นคนพากลับมาที่คอนโดของเขาเอง แต่กวินอยากนอนกอดฟ้าใสต่อ เขาเลยทำเป็นไม่สนใจที่ฟ้าใสพูด"คุณทำอะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ"".....""คุณกวินตื่นสิ ฉันต้องไปทำงานนะ""ก็ลาสิ""ไม่ ฉันไม่มีทางลามานอนเล่นหรอก"พรึ่บ!!กวินพลิกตัวขึ้นมาคร่อมฟ้าใสทันที ทำให้เธอต้องตกใจจนตาโต กวินมองหน้าเธออย่างเอ็นดู จนต้องหอมหัวไปอีกหนึ่งที"ใครว่านอนเล่น นอนทำอย่างอื่นก็ได้นะ""คุณกวิน สองครั้งแล้วนะ คุณจะทำอะไรเนี่ย"ฟ้าใสเริ่มไม่พอใจ ชัก
เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ฟ้าใสยังไม่ยอมหลับ คุยงุ้งงิ้งๆ จนสลิลลากับวิภาดาหลงไม่ไหว อยากจะเข้าไปกัดแก้มสักทีสองที เพื่อนๆ คุณแบบนางแบบของเจษฎาต่างก็มองมาที่ทั้งคู่ด้วยความสงสัยเช่นกัน"ฟ้าใสลงมาเถอะ พี่ว่าคุณวินเหนื่อยแล้วนะ""ไม่เอานะพี่วิ พี่วินให้ฟ้านั่ง ฟ้าขอพี่วินแล้ว"ฟ้าใสงอแงทุกครั้งที่มีคนเรียกให้ลงจากตักของกวิน ตอนนี้ทุกคนต่างมองกวินด้วยความสงสาร โดยเฉพาะแอนดริวกับเจมส์เพราะทั้งคู่รู้ว่ากวินคิดยังไงกับฟ้าใส ขนาดพวกเขายังมองว่าฟ้าใสน่าเอ็นดู แล้วกวินล่ะ ต้องอดทนแค่ไหนเวลา 23.30 น.ตอนนี้ฟ้าใสหลับไปแล้ว แต่เป็นกวินซะเองที่ไม่ยอมปล่อยให้ฟ้าใสลงจากตัก เจษฎาด้วยความหวงเพื่อนก็พยายามบอกกับกวินหลายครั้งว่าจะพาฟ้าใสไปนอนที่ชั้นบน แต่กวินก็ไม่ยอม บอกจะพาฟ้าใสไปส่งเอง เพราะเป็นคนรับมา"ฉันขอไปห้องน้ำนะคะ" สลิลลาเอ่ยขึ้น"ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ยคะคุณเค้ก" วิภาดาอาสา"ไม่เป็นไรคะ ขอบคุณคุณวิมากเลยค่ะ"สลิลลาลุกขึ้นเดินออกไป ผ่านโต๊ะของผู้ชายกลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นเป็นรุ่นพี่ที่สลิลลารู้จัก "เค้ก มาด้วยเหรอ" ชายหนุ่มเมื่อเห็นสลิลลาก็เอ่ยทัก แม้เธอไม่อยากจะคุยกับเขาเท่าไหร่น
"คืนนี้มีงานวันเกิดน้องกูที่ผับ มึงจะไปมั้ยวะ""ไม่ไป คืนนี้กูไม่ว่าง""อย่าไปถามมัน ช่วงนี้มันไม่ไปไหนหรอก มึงก็เห็นไอ้เจมส์""แล้วมึง ไปมั้ย""จะเหลือเหรอ ขอเมียแล้วด้วย""เดี๋ยวนี้เมียมึงใจกว้างนะ""เปล่าหรอก เห็นว่าจะไปด้วย""ฮ่าๆๆ กูว่าแล้ว""เห็นบอกกูว่าฟ้าใสไปด้วยไง เลยจะไปนั่งเป็นเพื่อนฟ้าใส"กวินที่นั่งฟังอยู่เมื่อได้ยินชื่อฟ้าใสก็รีบหันไปมองเพื่อนทั้งสอง ส่วนจอมพลกับแอนดริวที่เหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนอยู่แล้ว แต่ทำเป็นไม่สนใจ พูดคุยกันต่อ"เห็นไอ้น้องชายตัวดีไม่บอกกูว่าเบบี๋จะไปด้วย""วิเล่าให้ฟังว่าเจษชวนทุกปี แต่ฟ้าใสปฏิเสธ ปีนี้เลยจะลองไปสักครั้ง""กูกลับก่อนละกัน เจอกันคืนนี้สองทุ่มนะไอ้ดริว กูไปละนะไอ้วิน" เจมส์ลุกขึ้นเดินไปใกล้ๆ กวิน แล้วตบไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินออกไป...ณ.ผับจอมพล ตอนนี้เป็นเวลานัดหมาย เหล่านางแบบคุณแบบหลายคนที่สนิทก็ต่างมาร่วมแฮปปี้เบิร์ธเดย์กับเจ้าของวันเกิด แต่เจษฎากลับนั่งมองแค่ประตูร้าน เขาลุ้นว่าฟ้าใสจะมาตามที่รับปากไว้หรือเปล่าเมื่อประตูถูกเปิดออก เจษฎากลับยิ้มกว้าง ลุกจากที่นั่งทันทีเพื่อวิ่งไปหาฟ้าใส"เบบี๋ ดีใจจังที่บี๋มา""อื้ออ ปล่อยเราก่อน
รถสปอร์ตเลี้ยวเข้ามาจอดยังบริษัทของแอนดริว เมื่อจอดรถเสร็จเจ้าของรถหนุ่มหล่อก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเพื่อนสนิททันที"มึงมาทำไมแต่เช้า" แอนดริวถามขึ้นเมื่อกวินเดินเข้ามาในห้อง"กูมาหาฟ้าใส""ไม่อยู่" แอนดริวตอบสั่นๆ ก่อนจะก้มไปอ่านเอกสารต่อ"ไปไหน กูโทรไปก็ไม่รับ""โทรมาลาเมื่อเช้า บอกว่ามีธุระสำคัญที่บ้าน" คราวนี้เขาไม่ได้ละสายตาจากเอกสาร"ลากี่วัน"เมื่อกวินยังไม่หยุดถามแอนดริวจึงวางปากกาลงแล้วเงยหน้ามามองหน้าของกวิน"ไม่รู้ บอกเสร็จธุระจะกลับมา""ถ้าลาเป็นเดือนล่ะ""ก็ให้ลา"ด้วยความเอือมระอาแอนดริวจึงตอบประชดไปแบบนั้น ถ้าลาเป็นเดือนก็ต้องลาออกแล้วแหละ ถามมาได้"มึงบ้าไปแล้ว""มึงก็บ้าไปแล้ว งานการไม่ทำ มาตามหาแต่ฟ้าใส""ก็กูมีธุระ""ธุระ หรือมึงคิดถึงกันแน่""กู...มี...ธุ...ระ""แล้วแต่มึง แต่กูบอกอะไรให้อย่างนึงนะ ว่าไม่มีใครชอบคนใจร้ายหรอก""กูใจร้ายตรงไหน ให้ทำงานในห้อง พาไปกินข้าว แถมไปรับไปส่ง ดูแลดียิ่งกว่าคู่หมั้นกูอีก""ใช้งานเขาหนักขนาดนั้น แถมยังบังคับอีกไม่เรียกใจร้าย เรียกว่าอะไรวะ แล้วที่สำคัญตัวมึงเองก็มีคู่หมั้น แต่ทำตัวเหมือนจีบพนักงานกู ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอวะ""ใ







