LOGINหนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ฟ้าใสยังคงเข้าไปทำงานที่บริษัทของแอนดริวปกติ แต่ที่แปลกไปคือมีกวินที่เข้ามาวอแวอยู่ไม่ห่าง โดยใช้งานเป็นข้ออ้างในการขอพบฟ้าใส ทำให้ตอนนี้ฟ้าใสรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ตอบตกลงรับงานไป
"ฟ้า ทำงานกับคุณวินเป็นไงบ้าง"
"เหนื่อยค่ะพี่วิ นี่ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ฟ้าเหมือนจะตายเลย"
"ทำไมล่ะ"
"คุณกวินนิสัยเหมือนเด็กๆ เลย เอาแต่ใจด้วย ชอบใช้งานฟ้า ดูแล้วมันไม่เกี่ยวกับงานเลย ทำให้ฟ้าเสียเวลามากเลยค่ะ"
"คุณวินเนี่ยนะ นิสัยเหมือนเด็กๆ"
วิภาดาทวนคำที่ฟ้าใสพูดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เพราะปกติในแวดวงธุรกิจ หรือในกลุ่มคนที่ทำงานกับกวินจะรู้กันดีว่ากวินเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก ในเวลางานห้ามทำอย่างอื่น
"ใช่ค่ะ ฟ้าคิดไว้ว่าหลังจากเสร็จงานชิ้นนี้แล้ว ฟ้าก็จะไม่ทำงานให้คุณกวินแล้วค่ะ"
"แล้วคุณวินจะยอมเหรอ"
วิภาดาสังเกตุเห็นว่าฟ้าใสคงจะเหนื่อยมากจริงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน ฟ้าใสก็ไม่เคยบ่น สู้ทุกงาน แต่มาทำงานกับกวินแค่อาทิตย์เดียวฟ้าใสกลับถอดใจซะแล้ว
"ฟ้าก็ต้องไปคุยกับเขาอีกที"
"แล้ววันก่อนได้เซ็นสัญญากันไว้หรือเปล่า"
"เซ็นค่ะ ฟ้าเสนอไปสามเดือน ตอนแรกคุณวินจะทำสัญญา 1ปี แต่ฟ้าว่ามันยาวไป ขอฟ้าลองแค่สามเดือนก่อน"
"วันนี้ไม่ต้องไปบริษัทโน้นเหรอ"
"วันนี้ฟ้าขอคุณกวินเข้ามาเคลียร์งานที่นี่ก่อนค่ะ"
"คุณวินยอม" วิภาดาเลิกคิ้วถาม
"ตอนแรกก็ไม่หรอกค่ะ แต่ฟ้าไม่ฟัง"
"ดื้อที่หนึ่งเลยเรา"
"นิดนึงค่ะ จะให้ตามใจคุณกวินทุกอย่าง งานฟ้าคงไม่เสร็จ"
จริงๆ แล้วเมื่อตอนเช้า ก่อนฟ้าใสจะเข้าบริษัท เธอได้โทรบอกวินว่าว่าจะเข้ามาเคลียร์งานที่บริษัทของแอนดริว แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือไม่ ฟ้าใสเลยบอกกลับไปว่า ก็เรื่องของคุณแล้วกัน แล้วฟ้าใสก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องทันที
"ฟ้าใส คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
เสียงกวินโวยวายมาแต่ไกล เมื่อเห็นฟ้าใสนั่งอยู่ตรงโต๊ะประจำตำแหน่ง ซึ่งพนักงานในแผนกก็เริ่มชินตากับการมาของกวินแล้ว ตอนแรกหลายคนต่างพากันสงสัย และตีความกันไปต่างๆ นาๆ แต่เมื่อฟ้าใสอธิบายทุกคนจึงเลิกสนใจเรื่องนี้
"ก็ฉันโทรไปบอกคุณแล้วนะ"
"แต่ผมยังไม่อนุญาติ"
"แต่ฉันมีงานที่ต้องเคลียร์นะคะ"
"แต่วันนี้คุณต้องไปบริษัทผม"
ต่างคนต่างมีข้อแม้ อ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ เพื่อใฟ้อีกฝ่ายยอม แต่ก็ไม่เป็นผล
"ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย"
"ไม่ได้ เก็บของเลย ไปพร้อมผม"
"ใจร้ายจัง"
เสียงบ่นอุบอิบของฟ้าใสขณะเก็บของบนโต๊ะทำงาน มันฟังดูงุ้งงิ้งสำหรับกวิน
"ผมใจร้ายได้มากกว่านี้อีกฟ้าใส ถ้าคุณยังดื้อกับผม"
เมื่อทั้งกวินและฟ้าใสเดินออกไป แอนดริวที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกลับรู้สึกแปลกตากับกวินเวอร์ชั่นนี้
"ทำไมเหมือนเด็กจังวะ"
พูดคนเดียวเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นที่วิภาดาจะได้ยิน เพราะด้านหลังของแอนดริวก็มีวิภาดายืนดูเหตุการณ์อยู่ด้วยเช่นกัน
"คุณว่าใครเด็ก"
แอนดริวสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน
"เอ้าวิ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เฮียว่าใครเด็ก"
"ก็ว่าไอ้วิน ทำไมเวลาอยู่กับฟ้าใสมันทำตัวเหมือนเด็กน้อยจัง"
"ฟ้าใสก็เพิ่งบ่นให้วิฟังนะ ว่าคุณกวินนิสัยเหมือนเด็ก"
"ฟ้าใสเนี่ยนะบ่น"
"ใช่ค่ะ วิสงสารฟ้าใสจัง"
"ทำไมครับ"
"ก็ฟ้าใสบอกว่าคุณวินน่ะ ชอบใช้งานที่ไม่เกี่ยวกับงานของฟ้าใส ทำให้ฟ้าใสเสียเวลามากเลย ตอนนี้งานยังไม่ถึงไหนเลยค่ะ"
"มันทำขนาดนั้นเลย"
"เราจะช่วยฟ้าใสยังไงดีคะ วิสงสาร"
"ตอนนี้ไม่มีใครช่วยฟ้าใสได้หรอก เพราะคนอย่างกวิน ถ้ามันคิดที่จะทำอะไร ก็ไม่มีใครห้ามมันได้หรอก ซึ่งฟ้าใสก็พลาดตั้งแต่ไปรับปากทำงานให้มันแล้วแหละ"
"แต่คุณวินมีคู่หมั้นแล้วนะคะ"
สำหรับบางเรื่องแอนดริวก็ไม่สามารถเล่าให้คนรักฟังได้ เพราะเขารับปากกวินไว้ แต่หากวันนึงมันจำเป็นที่จะต้องพูด แอนดริวก็คงต้องยอมผิดคำพูดกับเพื่อนของเขา
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมันเถอะ เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า เมื่อไหร่จะยอมให้เฮียไปขอหึ"
"รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ ชิ" วิภาดาสบัดก้นเดินไปโดยไม่สนใจแอนดริว
"ก็เฮียอยากแต่งแล้วนิวิ วิฟังเฮียก่อน"
ฝั่งบริษัทของกวิน หลังจากไปรับฟ้าใสมาแล้ว กวินก็ให้ฟ้าใสนั่งทำงานอยู่ในห้องของเขา ไม่ให้ออกไปไหน อยากได้อะไรก็ให้บอก เพราะเขาจะให้คนไปหามาให้
"ตกลงฉันมาทำงานให้คุณ หรือฉันมาเป็นนักโทษคะ"
"ก็ทำงานให้ผมไง"
"แล้วทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอิสระเลย"
"ก็ไม่มีใครมัดคุณไว้นิ ไม่อิสระตรงไหน"
"ฉันต้องการหาที่สงบนั่งเขียนแบบ คุณนั่งจ้องอยู่แบบนี้ฉันคิดไม่ออก"
ไม่ใช่ฟ้าใสจะไม่รู้ว่ากวินเอาแต่จ้องหน้าเธอ เพียงแต่เธอทำไม่สนใจแค่นั้น
"แสดงว่าคุณก็แอบมองผมอยู่ด้วยนะสิ คุณถึงได้รู้ว่าผมแอบมองคุณ"
"คุณกวิน ฉันขี้เกียจเถียงกับคุณแล้วนะ"
"ก็ทำงานไปสิ ผมก็มีงานเหมือนกัน"
ตอนนี้กวินก็ก้มลงไปอ่านเอกสารบนโต๊ะของตัวเองเหมือนกัน พอเห็นว่าฟ้าใสก้มหน้าทำงานต่อ กวินก็เงยหน้าขึ้นมานั่งจ้องฟ้าใสอีกเหมือนเคย
กริ๊งงงงง
"ครับ"
"คุณกวินคะ ตอนนี้คุณอัมพวันมารออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ"
"ครับ เดี๋ยวผมออกไป"
เมื่อวางสายจากเลขากวินก็ปิดแฟ้มเอกสารแล้วเดินไปหยุดยังโต๊ะทำงานของฟ้าใส จนฟ้าใสที่เริ่มสั่งเกตุว่ากวินมายืนอยู่ข้างๆ ฟ้าใสจึงหันไปมอง ในขณะเดียวกันกับที่กวินโน้มตัวลงไป ทำให้จมูกของฟ้าใสหยุดอยู่ตรงแก้มของเขาพอดิบพอดี
"เออะ! เอ่อ ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
ฟ้าใสรีบก้มหน้ากล่าวคำขอโทษทันที ส่วนกวินได้แต่ยืนยิ้มให้กับท่าทีเขินอายของฟ้าใสอย่างอารมณ์ดี
"ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ"
ที่ไม่ถือเพราะจริงๆ แล้ว มันเป็นความตั้งใจของกวิน เขาหาจังหวะก้มลงไปในจังหวะที่ฟ้าใสหันมาพอดี
"คุณมีอะไรจะให้ฉันทำเหรอคะ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้"
"วันนี้คุณอัมพวันเข้ามาคุยเรื่องกระเป๋าที่จะสั่ง ผมอยากชวนคุณไปด้วย"
"อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บของแปบนึงนะคะ"
ด้านอัมพวัน ที่วันนี้มีนัดกับกวินเพื่อมาคุยกันเรื่องกระเป๋า หล่อนได้พาลูกชายคนเล็กมาด้วย เพราะรู้แล้วว่าวันนี้จะต้องได้เจอกับฟ้าใส อัมพวัน เอ็นดูฟ้าใสมากจนอยากจะได้มาเป็นลูกสะไภ้ จึงพยายามเป็นแม่สื่อให้ลูกชายกับฟ้าใสมาตลอด ซึ่งลูกชายคนเล็กของหล่อนก็มีท่าทีถูกใจฟ้าใสอยู่ไม่น้อย
"สวัสดีค่ะคุณอัมพวัน คุณจอห์น"
ฟ้าใสที่เข้ามาในห้องรับแขกก็กล่าวทักทายอัมพวันและลูกชาย ส่วนกวินแค่ยกมือสวัสดีโดยไม่ได้กล่าวอะไร
"ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ละคะ"
"พอดีวันนี้ตาจอห์นว่างน่ะ ป้าก็เลยชวนมา ตอนแรกก็ปฏิเสธจะไม่มาให้ได้ พอบอกว่ามาเจอหนูฟ้าใส เลยเปลี่ยนใจกะทันหันเลยล่ะ"
"คุณแม่ครับ"
"ไม่ต้องอายหรอก คิดถึงก็บอกเขาไปสิ"
"ผมว่าเรามาคุยธุระของเรากันก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมมีธุระต่อ ส่วนใครจะคิดถึงใครค่อยว่ากันอีกที"
กวินที่นั่งฟังอัมพวันจับลูกชายใส่พานให้ฟ้าใส ก็รู้สึกหมั่นไส้ ที่อีกคนไม่ปฏิเสธ เอาแต่นั่งยิ้มอย่างเดียว
คุยกันไปได้สักพักฟ้าใสก็เอาแบบที่เขียนไว้คร่าวๆให้อัมพวันดู
"แบบประมาณนี้ได้มั้ยคะ อยากปรับแก้ตรงไหนบอกฟ้าได้เลยนะคะ"
"ถูกใจป้าทุกอย่างแหละ หนูน่ะ เย็นนี้ว่างมั้ยจ๊ะ"
"ไม่ว่างครับ พอดีต้องไปธุระกับผมต่อ"
ฟ้าใสทำได้เพียงอ้าปาก แต่กวินกลับแย่งตอบไปก่อน
"ว้าเสียดายจัง วันนี้ตาจอห์นตั้งใจจะมาชวนหนูไปทานข้าวด้วยกัน ใช่มั้ยตาจอห์น"
"ใช่ครับ น้องฟ้า"
"ขอโทษด้วยนะครับ วันนี้ไม่สะดวก ไว้โอกาสหน้าละกัน ไปคุณฟ้า ขอโทษด้วยนะครับ ผมต้องรีบไป"
"เอ่อ ค่ะๆ ฟ้าขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ฟ้าใสพูดออกไปแบบงงๆ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าธุระที่กวินพูด คือเรื่องอะไร
ส่วนกวินก็ลากฟ้าใสออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่หงุดหงิด...
หลังจากที่กวินขอฟ้าใสแต่งงานในวันนั้นกวินก็กลับมาเป็นคนเดิมที่ไม่ว่าฟ้าใสจะอยู่ที่ไหนที่ตรงนั้นก็จะมีกวิน เขากลัวฟ้าใสจะไปไหนไม่บอกเขา แม้จะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง แต่ฟ้าใสก็ชอบ เพราะอย่างน้อยฟ้าใสก็รับรู้ได้ว่ากวินยังรักเธออยู่"พี่วินคะ กลับไปทำงานเถอะ เดี๋ยวเที่ยงค่อยมารับฟ้าไปทานข้าวนะ"กวินจะมาส่งฟ้าใสที่บริษัททุกเช้า แล้วค่อยไปทำงาน แต่วันนี้เขางอแงเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเช้าฟ้าใสไม่ยอมรออาบน้ำพร้อมเขา"ไม่วันนี้พี่จะนั่งรอฟ้าอยู่ที่นี่""มึงโดนปลดจากบอร์ดผู้บริหารแล้วเหรอ"แอนดริวที่เดินผ่านเห็นกวินวอแวฟ้าใสไม่เลิกก็นึกหมั่นไส้"ใครจะกล้าปลดกู""พ่อมึงไง งานการไม่ทำแบบนี้ ก็ว่าไม่นาน""มึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว กูก็อยากกลับไปทำงานเหมือนกัน แต่กูจะเอาเมียกูไปด้วย"แอนดริวตวัดสายตาไปมองกวินทันที เรื่องนี้คือปัญหาใหม่ของ แอนดริวที่เขาต้องรับมือจากกวิน เพราะตั้งแต่กวินขอฟ้าใสแต่งงานและฟ้าใสตอบตกลง กวินก็มาที่บริษัททุกวัน เพื่อมาบอกกับแอนดริวว่าเขาจะให้ฟ้าใสลาออกไปทำงานกับเขา"ไอ้วิน มึงจะใจดำกับกูไปถึงไหน"คราวก่อนก็ครั้งหนึ่งที่กวินพยายามหลอกล่อให้ฟ้าใสไปทำงานให้เขา พอมาตอนนี้ก็เอาอีก
"พี่วิน"ฟ้าใสที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องก็เห็นกวินนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา"หืม ว่าไง"กวินตอบกลับโดยไม่ได้เงยหน้าไปมองฟ้าใส"ทำอะไรอยู่คะ""คุยกับเพื่อน ฟ้ามีอะไรหรือเปล่า"ช่วงนี้กวินดูแปลกๆ เขาติดโทรศัพท์ บางวันก็กลับบ้านดึกและไม่โทรมาบอกฟ้าใสล่วงหน้า พอฟ้าใสถามก็มักจะบอกว่าคุยเรื่องงาน มีนัดกับลูกค้า"วันนี้ฟ้าขอออกไปหาพี่เค้กนะคะ""อืม...ไปสิ"ปกติกวินจะต้องพูดว่าขอไปด้วย หรือไม่ก็ค่อยไปได้ไหม วันนี้ยังไม่ว่าง เขาอยากพาไปเอง แต่วันนี้เขาดูไม่สนใจอะไรเลย ด้วยความน้อยใจที่มันสะสมมาหลายวันแล้ว ฟ้าใสจึงหยิบกุญวิวรถแล้วเดินออกไปจากห้องทันทีเมื่อฟ้าใสออกไปเขาก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะยกยิ้ม ทุกอย่างที่เขากับเพื่อนๆ วางแผนไว้เป็นไปตามแผนทุกอย่าง เมื่อสามสี่วันมานี้เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจฟ้าใส เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานฟ้าใส เขาเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว รอแค่เจ้าสาวของเขาเท่านั้นฟ้าใสขับรถออกมาเรื่อยๆ ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปหาสลิลลา แต่เธอก็เปลี่ยนใจขับรถไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย ตลอดทางฟ้าใสเอาแต่คิดว่า ถ้าวันหนึ่งกวินหมดรักเธอขึ้นมาล่ะ เธอจะทำยังไง เธอจะอยู่ได้ไหมหากไม่มีกวิน จนเกือบหนึ่ง
กวินปลุกฟ้าใสตั้งแต่เช้า เขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ เรื่องราวที่เหมือนเป็นไดอารี่เล่มเล็กๆ ของเขา ไดอารี่ที่เขาปล่อยให้มันว่างเปล่ามาเกือบสองปี ตั้งแต่นี้ไปเขาจะเขียนมันต่อให้สมบูรณ์"พี่วินจะรีบไปไหนคะ""ต้องรีบสิ เดี๋ยวจะเลยเวลานะ""เวลาอะไรคะ""เหอะน่า ไปขึ้นรถกัน"ฟ้าใสที่ยังคงสงสัยกับท่าทีของกวินตั้งแต่เมื่อคืน ดูกวินจะตื่นเต้นออกนอกหน้าไปหน่อย แม้เธอจะพยายามถามสักเท่าไหร่ กวินก็ไม่ยอมบอกกวินขับรถออกไปจนถึงถนนเส้นหนึ่ง เขากะเวลาให้มันพอเหมาะเหมือนทุกๆ เช้าที่เขาไปทำงาน เนื่องจากเป็นเช้าวันจันทร์ผู้คนจึงพลุกพล่าน ฟ้าใสรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ เธอจำได้ว่าตอนสมัยเรียนเธอเดินผ่านมันประจำ ฟ้าใสกวาดสายตาไปเรื่อยๆ จนสะดุดตาเข้ากับใครคนหนึ่ง"พี่วินจอดรถก่อนค่ะ"กวินจึงเลี้ยวเข้าไปจอดตรงฟุตบาทตามคำร้องขอของฟ้าใสทันที ส่วนฟ้าใสก็ไม่รอช้าลงจากรถแล้ววิ่งไปหายายแก่ๆ ที่กำลังเข็นรถซึ่งเธอก็คุ้นเคยดี"มาค่ะยาย ฟ้าช่วยนะ""อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยายคิดถึงมากเลยนะ"คุณยายหันมาเห็นฟ้าใสก็จำได้ทันที เด็กสาวในวันนั้นกับวันนี้ดูไม่เปลี่ยนไปเลย ความน่ารักสดใส แววตาที่มีแต่
ฟ้าใสถูกกวินอุ้มมาวางไว้บนที่นอนอย่างเบามือ เหมือนกับกลัวว่าคนตัวเล็กของเขาจะบอบช้ำ กวินค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อฟ้าใสทีละเม็ดจนหมด สายตาที่จ้องใบหน้าหวานนั้นอย่างไม่วางตา ทำให้ฟ้าใสเขินจนตัวแดงไปหมด"พะ...พี่วินคะ""หืม""อย่าจ้องกันแบบนี้สิ"ฟ้าใสเอามือมาปิดบนอกที่ไร้สิ่งปกปิดของตัวเองอย่างเขินอาย"ทำไม เขินพี่หรือไง""ก็พี่วินเล่นมองกันแบบนี้ ฟ้าก็ต้องเขินสิ""ยังไม่ชินอีกเหรอ หืม"กวินที่ก้มลงเอาหน้ามาใกล้ฟ้าใส จ้องไปในดวงตาคู่ใสที่เขาตกหลุมรักทุกครั้งที่มอง ฟ้าใสก็จ้องกลับอย่างไม่วางตา"เรื่องแบบนี้ใครมันจะชินกันละคะ"ฟ้าใสก็เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อของกวินเช่นกัน กวินได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำนั้น ถึงฟ้าใสจะไม่เจนจัดเรื่องแบบนี้ แต่กวินรู้ว่าฟ้าใสกำลังเรียนรู้จากเขา และทุกครั้งที่ฟ้าใสอัพเลเวลของตัวเอง กวินก็จะตื่นเต้นทุกครั้งเช่นกันกวินค่อยๆ จูบหน้าผากมน ไล่ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เปลือกตาสองข้าง"ต่อไปตานี้ต้องมีไว้มองพี่แค่คนเดียวนะครับ"ฟ้าใสพยักหน้า"แก้มนี้ก็ของพี่ จมูกนี้ก็ของพี่ คางนี้ก็ของพี่ ทั้งหมดบนหน้านี้เป็นของพี่"กวินจูบไปตามส่วนต่างๆ ที่เขาพูดก่อนจะมาหยุดตรงปากอวบอิ่มคล้าย
ในตอนเย็นของวันเดียวกันฟ้าใสตัดสินใจกลับไปที่บ้านของกวินอีกครั้ง เธอจะไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ เธออยากทำอะไรเพื่อกวินบ้าง"เชิญด้านในค่ะ คุณผู้ชายรออยู่"ฟ้าใสเดินเข้าไปยังห้องรับแขกอีกครั้ง เธอไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของกวิน เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อมอีกครั้ง ไม่มีการเชิญแขกนั่ง แต่ฟ้าใสก็ไม่คิดที่จะนั่งอยู่แล้ว เธอแค่ต้องการมาพูดอะไรสักอย่างแล้วก็ไป"กลับมา มีธุระอะไร""ฟ้าขอโทษที่เสียมารยาทออกไปเมื่อตอนเช้า แต่ที่ฟ้ากลับมา ฟ้าจะมาพูดเรื่องคุณกวินค่ะ""ว่ามาสิ""ฟ้าไม่รู้ว่าที่ฟ้ากำลังจะทำมันถูกมั้ย มันจะดูเห็นแก่ตัวหรือเปล่า คุณกวินเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคทุกอย่างคุณท่านเลี้ยงเขามาอย่างดี แต่เขาดันมารักผู้หญิงแบบฟ้า ซึ่งฟ้าก็เข้าใจที่คุณท่านจะไม่ชอบฟ้า เพราะคนเป็นพ่อแม่ ก็อยากจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว จริงๆ ฟ้าก็กลัวมาตลอด ฟ้าพยายามหนีเขา ฟ้าไม่กล้าที่จะคิดกับเขาไปมากกว่าคนรู้จัก เพราะฟ้ารู้ตัวดีว่าฟ้าก็ไม่คู่ควร แต่จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าฟ้าจะขอให้เราได้รักกัน""เธอรักลูกชายฉันจริงๆ เหรอ ต่อไปเขาจะไม่มีอะไรเลยนะ""ฟ้าไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง คุณกวิน
ด้านฟ้าใสเมื่อออกจากบ้านของกวินเขาก็ตรงไปหาสลิลลาที่ร้าน แม้เป็นวันอาทิตย์แต่ร้านก็ยังคงเปิด เมื่อเห็นสภาพของฟ้าใสสลิลลาจึงเลือกที่นั่งที่เป็นมุมอับของร้าน เพื่อไม่ให้ลูกค้าตกใจ ฟ้าใสเลือกที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้สลิลลาฟัง"ดีขึ้นหรือยัง"ฟ้าใสเอาแต่พยักหน้า ทั้งที่น้ำตายังคลออยู่เต็มหน่วย"พี่โทรหาคุณเจมส์แล้วนะ เดี๋ยวก็คงมา ฟ้าอยากถามอะไรถามเขาได้เลยนะ""พี่เจมส์จะไม่บอกคุณกวินใช่มั้ยคะ ว่าฟ้าอยู่ที่นี่""ไม่หรอกพี่สั่งไว้แล้ว"ไม่ใช่แค่กวินที่ปวดใจ ฟ้าใสก็ปวดใจเช่นกัน เธอไม่รู้ต้องทำไง ถ้าเลือกเห็นแก่ตัวแล้วให้กวินทิ้งทุกอย่างเพื่อมาหาเธอ เธอทำไม่ได้หรอก"เบบี๋"ฟ้าใสหันไปมองตามเสียง กลับเป็นเจษฎาที่เป็นคนเรียก"เจษมาได้ไง""ตอนพี่เค้กโทรไป เราก็อยู่กับพี่เจมส์ พอรู้เรื่องก็เป็นห่วง เลยขอตามมาด้วย"เจษฎาเดินเข้าไปกอดปลอบเพื่อนเบาๆ เขารู้ว่าตอนนี้ฟ้าใสอ่อนแอ เพราะไม่อย่างนั้นฟ้าใสไม่ปล่อยน้ำตานองหน้าแบบนี้หรอก นี่แสดงว่ากลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว"เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"ฟ้าใสจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่บ้านของกวินให้จอมพลกับเจษฎาฟังอีกครั้ง"พ่อพูดแบบนั้นจริงเหรอ""ค่ะ""ปกติพ่







