เข้าสู่ระบบหนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ฟ้าใสยังคงเข้าไปทำงานที่บริษัทของแอนดริวปกติ แต่ที่แปลกไปคือมีกวินที่เข้ามาวอแวอยู่ไม่ห่าง โดยใช้งานเป็นข้ออ้างในการขอพบฟ้าใส ทำให้ตอนนี้ฟ้าใสรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ตอบตกลงรับงานไป
"ฟ้า ทำงานกับคุณวินเป็นไงบ้าง"
"เหนื่อยค่ะพี่วิ นี่ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ฟ้าเหมือนจะตายเลย"
"ทำไมล่ะ"
"คุณกวินนิสัยเหมือนเด็กๆ เลย เอาแต่ใจด้วย ชอบใช้งานฟ้า ดูแล้วมันไม่เกี่ยวกับงานเลย ทำให้ฟ้าเสียเวลามากเลยค่ะ"
"คุณวินเนี่ยนะ นิสัยเหมือนเด็กๆ"
วิภาดาทวนคำที่ฟ้าใสพูดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เพราะปกติในแวดวงธุรกิจ หรือในกลุ่มคนที่ทำงานกับกวินจะรู้กันดีว่ากวินเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก ในเวลางานห้ามทำอย่างอื่น
"ใช่ค่ะ ฟ้าคิดไว้ว่าหลังจากเสร็จงานชิ้นนี้แล้ว ฟ้าก็จะไม่ทำงานให้คุณกวินแล้วค่ะ"
"แล้วคุณวินจะยอมเหรอ"
วิภาดาสังเกตุเห็นว่าฟ้าใสคงจะเหนื่อยมากจริงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน ฟ้าใสก็ไม่เคยบ่น สู้ทุกงาน แต่มาทำงานกับกวินแค่อาทิตย์เดียวฟ้าใสกลับถอดใจซะแล้ว
"ฟ้าก็ต้องไปคุยกับเขาอีกที"
"แล้ววันก่อนได้เซ็นสัญญากันไว้หรือเปล่า"
"เซ็นค่ะ ฟ้าเสนอไปสามเดือน ตอนแรกคุณวินจะทำสัญญา 1ปี แต่ฟ้าว่ามันยาวไป ขอฟ้าลองแค่สามเดือนก่อน"
"วันนี้ไม่ต้องไปบริษัทโน้นเหรอ"
"วันนี้ฟ้าขอคุณกวินเข้ามาเคลียร์งานที่นี่ก่อนค่ะ"
"คุณวินยอม" วิภาดาเลิกคิ้วถาม
"ตอนแรกก็ไม่หรอกค่ะ แต่ฟ้าไม่ฟัง"
"ดื้อที่หนึ่งเลยเรา"
"นิดนึงค่ะ จะให้ตามใจคุณกวินทุกอย่าง งานฟ้าคงไม่เสร็จ"
จริงๆ แล้วเมื่อตอนเช้า ก่อนฟ้าใสจะเข้าบริษัท เธอได้โทรบอกวินว่าว่าจะเข้ามาเคลียร์งานที่บริษัทของแอนดริว แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือไม่ ฟ้าใสเลยบอกกลับไปว่า ก็เรื่องของคุณแล้วกัน แล้วฟ้าใสก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องทันที
"ฟ้าใส คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
เสียงกวินโวยวายมาแต่ไกล เมื่อเห็นฟ้าใสนั่งอยู่ตรงโต๊ะประจำตำแหน่ง ซึ่งพนักงานในแผนกก็เริ่มชินตากับการมาของกวินแล้ว ตอนแรกหลายคนต่างพากันสงสัย และตีความกันไปต่างๆ นาๆ แต่เมื่อฟ้าใสอธิบายทุกคนจึงเลิกสนใจเรื่องนี้
"ก็ฉันโทรไปบอกคุณแล้วนะ"
"แต่ผมยังไม่อนุญาติ"
"แต่ฉันมีงานที่ต้องเคลียร์นะคะ"
"แต่วันนี้คุณต้องไปบริษัทผม"
ต่างคนต่างมีข้อแม้ อ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ เพื่อใฟ้อีกฝ่ายยอม แต่ก็ไม่เป็นผล
"ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย"
"ไม่ได้ เก็บของเลย ไปพร้อมผม"
"ใจร้ายจัง"
เสียงบ่นอุบอิบของฟ้าใสขณะเก็บของบนโต๊ะทำงาน มันฟังดูงุ้งงิ้งสำหรับกวิน
"ผมใจร้ายได้มากกว่านี้อีกฟ้าใส ถ้าคุณยังดื้อกับผม"
เมื่อทั้งกวินและฟ้าใสเดินออกไป แอนดริวที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกลับรู้สึกแปลกตากับกวินเวอร์ชั่นนี้
"ทำไมเหมือนเด็กจังวะ"
พูดคนเดียวเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นที่วิภาดาจะได้ยิน เพราะด้านหลังของแอนดริวก็มีวิภาดายืนดูเหตุการณ์อยู่ด้วยเช่นกัน
"คุณว่าใครเด็ก"
แอนดริวสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน
"เอ้าวิ! มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เฮียว่าใครเด็ก"
"ก็ว่าไอ้วิน ทำไมเวลาอยู่กับฟ้าใสมันทำตัวเหมือนเด็กน้อยจัง"
"ฟ้าใสก็เพิ่งบ่นให้วิฟังนะ ว่าคุณกวินนิสัยเหมือนเด็ก"
"ฟ้าใสเนี่ยนะบ่น"
"ใช่ค่ะ วิสงสารฟ้าใสจัง"
"ทำไมครับ"
"ก็ฟ้าใสบอกว่าคุณวินน่ะ ชอบใช้งานที่ไม่เกี่ยวกับงานของฟ้าใส ทำให้ฟ้าใสเสียเวลามากเลย ตอนนี้งานยังไม่ถึงไหนเลยค่ะ"
"มันทำขนาดนั้นเลย"
"เราจะช่วยฟ้าใสยังไงดีคะ วิสงสาร"
"ตอนนี้ไม่มีใครช่วยฟ้าใสได้หรอก เพราะคนอย่างกวิน ถ้ามันคิดที่จะทำอะไร ก็ไม่มีใครห้ามมันได้หรอก ซึ่งฟ้าใสก็พลาดตั้งแต่ไปรับปากทำงานให้มันแล้วแหละ"
"แต่คุณวินมีคู่หมั้นแล้วนะคะ"
สำหรับบางเรื่องแอนดริวก็ไม่สามารถเล่าให้คนรักฟังได้ เพราะเขารับปากกวินไว้ แต่หากวันนึงมันจำเป็นที่จะต้องพูด แอนดริวก็คงต้องยอมผิดคำพูดกับเพื่อนของเขา
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมันเถอะ เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า เมื่อไหร่จะยอมให้เฮียไปขอหึ"
"รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ ชิ" วิภาดาสบัดก้นเดินไปโดยไม่สนใจแอนดริว
"ก็เฮียอยากแต่งแล้วนิวิ วิฟังเฮียก่อน"
ฝั่งบริษัทของกวิน หลังจากไปรับฟ้าใสมาแล้ว กวินก็ให้ฟ้าใสนั่งทำงานอยู่ในห้องของเขา ไม่ให้ออกไปไหน อยากได้อะไรก็ให้บอก เพราะเขาจะให้คนไปหามาให้
"ตกลงฉันมาทำงานให้คุณ หรือฉันมาเป็นนักโทษคะ"
"ก็ทำงานให้ผมไง"
"แล้วทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอิสระเลย"
"ก็ไม่มีใครมัดคุณไว้นิ ไม่อิสระตรงไหน"
"ฉันต้องการหาที่สงบนั่งเขียนแบบ คุณนั่งจ้องอยู่แบบนี้ฉันคิดไม่ออก"
ไม่ใช่ฟ้าใสจะไม่รู้ว่ากวินเอาแต่จ้องหน้าเธอ เพียงแต่เธอทำไม่สนใจแค่นั้น
"แสดงว่าคุณก็แอบมองผมอยู่ด้วยนะสิ คุณถึงได้รู้ว่าผมแอบมองคุณ"
"คุณกวิน ฉันขี้เกียจเถียงกับคุณแล้วนะ"
"ก็ทำงานไปสิ ผมก็มีงานเหมือนกัน"
ตอนนี้กวินก็ก้มลงไปอ่านเอกสารบนโต๊ะของตัวเองเหมือนกัน พอเห็นว่าฟ้าใสก้มหน้าทำงานต่อ กวินก็เงยหน้าขึ้นมานั่งจ้องฟ้าใสอีกเหมือนเคย
กริ๊งงงงง
"ครับ"
"คุณกวินคะ ตอนนี้คุณอัมพวันมารออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ"
"ครับ เดี๋ยวผมออกไป"
เมื่อวางสายจากเลขากวินก็ปิดแฟ้มเอกสารแล้วเดินไปหยุดยังโต๊ะทำงานของฟ้าใส จนฟ้าใสที่เริ่มสั่งเกตุว่ากวินมายืนอยู่ข้างๆ ฟ้าใสจึงหันไปมอง ในขณะเดียวกันกับที่กวินโน้มตัวลงไป ทำให้จมูกของฟ้าใสหยุดอยู่ตรงแก้มของเขาพอดิบพอดี
"เออะ! เอ่อ ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
ฟ้าใสรีบก้มหน้ากล่าวคำขอโทษทันที ส่วนกวินได้แต่ยืนยิ้มให้กับท่าทีเขินอายของฟ้าใสอย่างอารมณ์ดี
"ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ"
ที่ไม่ถือเพราะจริงๆ แล้ว มันเป็นความตั้งใจของกวิน เขาหาจังหวะก้มลงไปในจังหวะที่ฟ้าใสหันมาพอดี
"คุณมีอะไรจะให้ฉันทำเหรอคะ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้"
"วันนี้คุณอัมพวันเข้ามาคุยเรื่องกระเป๋าที่จะสั่ง ผมอยากชวนคุณไปด้วย"
"อ้อ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเก็บของแปบนึงนะคะ"
ด้านอัมพวัน ที่วันนี้มีนัดกับกวินเพื่อมาคุยกันเรื่องกระเป๋า หล่อนได้พาลูกชายคนเล็กมาด้วย เพราะรู้แล้วว่าวันนี้จะต้องได้เจอกับฟ้าใส อัมพวัน เอ็นดูฟ้าใสมากจนอยากจะได้มาเป็นลูกสะไภ้ จึงพยายามเป็นแม่สื่อให้ลูกชายกับฟ้าใสมาตลอด ซึ่งลูกชายคนเล็กของหล่อนก็มีท่าทีถูกใจฟ้าใสอยู่ไม่น้อย
"สวัสดีค่ะคุณอัมพวัน คุณจอห์น"
ฟ้าใสที่เข้ามาในห้องรับแขกก็กล่าวทักทายอัมพวันและลูกชาย ส่วนกวินแค่ยกมือสวัสดีโดยไม่ได้กล่าวอะไร
"ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้ละคะ"
"พอดีวันนี้ตาจอห์นว่างน่ะ ป้าก็เลยชวนมา ตอนแรกก็ปฏิเสธจะไม่มาให้ได้ พอบอกว่ามาเจอหนูฟ้าใส เลยเปลี่ยนใจกะทันหันเลยล่ะ"
"คุณแม่ครับ"
"ไม่ต้องอายหรอก คิดถึงก็บอกเขาไปสิ"
"ผมว่าเรามาคุยธุระของเรากันก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมมีธุระต่อ ส่วนใครจะคิดถึงใครค่อยว่ากันอีกที"
กวินที่นั่งฟังอัมพวันจับลูกชายใส่พานให้ฟ้าใส ก็รู้สึกหมั่นไส้ ที่อีกคนไม่ปฏิเสธ เอาแต่นั่งยิ้มอย่างเดียว
คุยกันไปได้สักพักฟ้าใสก็เอาแบบที่เขียนไว้คร่าวๆให้อัมพวันดู
"แบบประมาณนี้ได้มั้ยคะ อยากปรับแก้ตรงไหนบอกฟ้าได้เลยนะคะ"
"ถูกใจป้าทุกอย่างแหละ หนูน่ะ เย็นนี้ว่างมั้ยจ๊ะ"
"ไม่ว่างครับ พอดีต้องไปธุระกับผมต่อ"
ฟ้าใสทำได้เพียงอ้าปาก แต่กวินกลับแย่งตอบไปก่อน
"ว้าเสียดายจัง วันนี้ตาจอห์นตั้งใจจะมาชวนหนูไปทานข้าวด้วยกัน ใช่มั้ยตาจอห์น"
"ใช่ครับ น้องฟ้า"
"ขอโทษด้วยนะครับ วันนี้ไม่สะดวก ไว้โอกาสหน้าละกัน ไปคุณฟ้า ขอโทษด้วยนะครับ ผมต้องรีบไป"
"เอ่อ ค่ะๆ ฟ้าขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ฟ้าใสพูดออกไปแบบงงๆ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าธุระที่กวินพูด คือเรื่องอะไร
ส่วนกวินก็ลากฟ้าใสออกไปจากห้องด้วยท่าทางที่หงุดหงิด...
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาฟ้าใสยังคงเข้าไปทำงานที่บริษัทของแอนดริวปกติ แต่ที่แปลกไปคือมีกวินที่เข้ามาวอแวอยู่ไม่ห่าง โดยใช้งานเป็นข้ออ้างในการขอพบฟ้าใส ทำให้ตอนนี้ฟ้าใสรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่ตอบตกลงรับงานไป"ฟ้า ทำงานกับคุณวินเป็นไงบ้าง""เหนื่อยค่ะพี่วิ นี่ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียว ฟ้าเหมือนจะตายเลย""ทำไมล่ะ""คุณกวินนิสัยเหมือนเด็กๆ เลย เอาแต่ใจด้วย ชอบใช้งานฟ้า ดูแล้วมันไม่เกี่ยวกับงานเลย ทำให้ฟ้าเสียเวลามากเลยค่ะ""คุณวินเนี่ยนะ นิสัยเหมือนเด็กๆ"วิภาดาทวนคำที่ฟ้าใสพูดอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าฟังไม่ผิด เพราะปกติในแวดวงธุรกิจ หรือในกลุ่มคนที่ทำงานกับกวินจะรู้กันดีว่ากวินเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก ในเวลางานห้ามทำอย่างอื่น"ใช่ค่ะ ฟ้าคิดไว้ว่าหลังจากเสร็จงานชิ้นนี้แล้ว ฟ้าก็จะไม่ทำงานให้คุณกวินแล้วค่ะ""แล้วคุณวินจะยอมเหรอ"วิภาดาสังเกตุเห็นว่าฟ้าใสคงจะเหนื่อยมากจริงๆ เพราะตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน ฟ้าใสก็ไม่เคยบ่น สู้ทุกงาน แต่มาทำงานกับกวินแค่อาทิตย์เดียวฟ้าใสกลับถอดใจซะแล้ว"ฟ้าก็ต้องไปคุยกับเขาอีกที""แล้ววันก่อนได้เซ็นสัญญากันไว้หรือเปล่า""เซ็นค่ะ ฟ้าเสนอไปสามเดือน ตอนแร
และตอนนี้ทั้ง 5 คนก็มายืนอยู่หน้าร้านที่ฟ้าใสคุ้นเคย ก่อนหน้านี้ที่เจอกันที่ลานจอดรถ ฟ้าใสพยายามปฏิเสธ เพราะอยากเร่งงานให้เสร็จ แต่กวินก็คะยั้นคะยอและลากเธอขึ้นรถของเขาไป ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสอง รวมไปถึงวิภาดาด้วย ฟ้าใสจึงเสนอร้านกาแฟร้านนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากบริษัท แถมยังได้ช่วยหาลูกค้าให้สลิลลาอีกด้วยจริงๆ แล้ววันนี้หลังเลิกงาน ฟ้าใสตั้งใจจะแวะมาหาสลิลลาที่ร้าน เพราะเธอไม่ได้แวะมาสองวันแล้ว เนื่องจาก ต้องเร่งงานที่จะต้องเสนอลูกค้า"อ้าวน้องฟ้า วันนี้ทำไมมาไวจัง""ฟ้ามากับคุณดริวค่ะ""อ๋อๆ สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ"หลังจากทุกคนนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มกับเบเกอร์รี่เรียบร้อยแล้ว สลิลลาจึงขอตัวไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อ"ดูท่าทางเบบี๋จะสนิทกับเจ้าของร้านนะ""ใช่ค่ะพี่เจมส์ ฟ้ากับพี่เค้กรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ เมื่อก่อนฟ้าเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่""อ๋อ คงจะเป็นขนมจากร้านนี้แน่เลย ที่เจษชอบซื้อกลับไปฝากพี่ แต่พอเรียนจบก็ไม่เห็นซื้อไปฝากอีกเลย สงสัยเพราะเบบี๋ไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว มันเลยไม่มา""แต่มันเปลี่ยนมาเที่ยวที่บริษัทกูแทน" เมื่อจบประโยคของแอนดริว ก็ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมา
หลายวันแล้ว ที่กวินก็ยังคงแวะเวียนไปยังบริษัทของแอนดริวอยู่บ่อยๆ จนแอนดริวต้องมานั่งกุมขมับตัวเองอยู่ในห้องทำงานหลังจากที่กวินกลับไปแล้วทุกครั้ง"เป็นอะไรคะ""เฮียปวดหัวกับไอ้วิน""คุณวินทำไมคะ""มันมาป่วนเฮียได้ทุกวัน จะมาเอาตัวฟ้าใสไปทำงานด้วยให้ได้""ได้ไง คุณวินก็นะ หรือคุณวินจะแค่แกล้งเฮียเล่น""เฮียไม่รู้ว่าต้องทำไง เหมือนงานนี้มันจะเอาจริง""วันก่อนที่วิแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน วิก็รู้สึกว่าคุณวินดูแปลกๆ นะคะ""ยังไง""คุณวินดูสนใจฟ้าใสเป็นพิเศษ""มันจะทำอะไรของมัน"แอนดริวก็จนปัญญาที่จะคิด เพราะทุกครั้งที่มากวินจะมีข้อเสนอมากมาย มาหลอกล่อแอนดริว เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน แอนดริวจึงรู้วิธีการรับมือและเอาตัวรอดมาได้ตลอด แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน"ทำไมคุณไม่ถามไปตรงๆ ละคะว่าทำไมต้องเป็นฟ้าใส""เฮียเคยถามแล้ววิ มันบอกว่า อยากได้คนเก่งๆ ไปทำงานด้วย"ทั้งแอนดริวและวิภาดา ต่างก็คิดว่าถ้ากวินต้องการหาคนเก่งจริงๆ คงจะหาได้ไม่ยากและที่สำคัญทีมออกแบบของบริษัทกวินเองก็เป็นทีมที่มีคุณภาพภาพ และเก่งๆทั้งนั้น แต่ทำไมต้องมาเจาะจงว่าต้องเป็นฟ้าใสเท่านั้น
ในช่วงวันหยุดสองวันที่ผ่านมา ฟ้าใสอาสาไปเฝ้าน้องชายที่โรงพยาบาล เพื่อให้แม่ได้พักผ่อน เนื่องจากน้องชายมีโรคประจำตัว ต้องเข้าออกโรงพยายาบาลบ่อยๆ ทุกคนในครอบครัวจึงดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษมาตลอด ทำให้ฟ้าใสซึ่งเป็นพี่โตต้องดูแลตัวเองมาตลอด เพราะแม่ต้องทำงานไปด้วยและดูแลน้องไปด้วยฟ้าใสเป็นเด็กกำพร้า พ่อของเธอเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอ 7 ขวบ ซึ่งตอนนั้นน้องชายก็ยังเล็กอยู่ แม่มักจะบอกฟ้าใสเสมอว่า ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่แม่ไม่รัก จริงๆ แล้วแม่รักลูกทั้งสองคนมาก แต่ที่แม่ต้องแบ่งเวลาให้น้องมากกว่า เพราะน้องไม่สบาย ส่วนเธอก็เข้าใจ เพราะนอกเหนือจากเวลางานแล้ว ฟ้าใสก็ยกเวลาทั้งหมดให้ครอบครัวเช่นกัน"วันนี้พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงาน""ไม่อยากให้พี่ไปเลยครับ""อย่างอแงกับพี่สิสกาย"จริงๆ แล้ว สกายเป็นเด็กฉลาด แต่เนื่องด้วยไม่สบายอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้เขาต้องหยุดเรียนเป็นประจำ ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ทำให้สกายเข้ารับการรักษาได้แค่ในโรงบาลของรัฐ ซึ่งโรคที่สกายเป็น หากจะให้ดีต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูงมากด้วย"เดี๋ยววันหยุดพี่จะกลับมาหาใหม่นะ สกายอย่าดื้อ
ด้านฟ้าใสเมื่อกลับมาถึงโต๊ะก็เจอกับวิภาดาที่ยืนทำหน้าตื่นอยู่ เพราะก่อนหน้านี้หลังจากเสร็จธุระที่ห้องน้ำ แอนดริวโทรเข้ามาพอดี วิภาดาเลยไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน จู่ๆ รถพยาบาลก็ขับเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าร้าน และมีพยาบาลกับบุรุษพยาบาลวิ่งเข้ามาในร้าน วิภาดาเลยวิ่งกลับเข้ามาในร้านเพื่อดูว่ามีใครเป็นอะไร แต่กลับไม่พบฟ้าใสบนโต๊ะอาหาร จึงทำให้ตกใจ"ฟ้าเป็นอะไรมั้ย""ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีคุณลุงเขามีอาการชักเกร็ง ฟ้าเลยเข้าไปช่วย""แล้วนี่เลือดใคร"วิภาดายกแขนของฟ้าใสขึ้นมาดู เพราะมีรอยเลือดอยู่ตรงบริเวณปลายแขนเสื้อของฟ้าใส เมื่อพลิกไปพลิกมาก็พบว่ามีบาดแผลอยู่ตรงบริเวณนิ้ว คงเกิดจากตอนที่เอามือกวาดเศษจานที่แตก"คงจะโดนตอนที่ไปช่วยคุณลุงค่ะ""แล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยเหรอ แผลก็ไม่ได้เล็กมากนะ""เมื่อกี้คงจะตกใจค่ะ เลยไม่ทันได้สังเกตุ""จริงๆ เลยนะเรา เวลาช่วยคนอื่นไม่เคยระวังตัวเลย ไปเดี๋ยวพี่พาไปทำแผล""ไม่เป็นไรค่ะ ในรถฟ้ามีกล่องยาอยู่ ล้างแผลติดพลาสเตอร์ก็ได้แล้วค่ะ""งั้นกลับกันเลยดีกว่า ฟ้าจะได้พักผ่อนด้วยเดี๋ยวพี่ไปเคลียร์ค่าอาหารก่อนนะ ฟ้าไปรอพี่ที่นอกร้านได้เลย"กวินที่นั่งดูทั้งสองคนสนทนากัน
"บอสกำลังมา" สาวรุ่นใหญ่ตำแหน่งสอดส่องที่คนในแผนกร่วมกันตั้งฉายาให้วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในแผนก"เก็บเร็ว!!"ทุกคนกุลีกุจอเก็บเครื่องสำอางค์ และรวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน กวาดลงไปในลิ้นชักภายในพริบตาพนักงานในบริษัทแห่งนี้ต่างรู้ดีว่า บอสของพวกเขาไม่ชอบให้ทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในเวลางาน"สวัสดีค่ะบอส""สวัสดีครับบอส"พนักงานทุกคนต่างลุกขึ้นกล่าวทักทายในขณะที่เจ้านายของพวกเขาเดินผ่านแผนกออกแบบของตนปกติ บริษัท จะมีลิฟท์เพื่อขึ้นตรงไปยังชั้นผู้บริหาร ซึ่ง วิน หรือกวิน จะเลือกใช้เวลาที่เขามีงานด่วนเร่งรีบเท่านั้น ทำให้ทุกๆ วันที่เขาเข้าบริษัท กวินจึงเลือกที่จะเดินผ่านแผนกออกแบบ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของตัวเองแต่ใช่ว่าบอสคนนี้ จะไม่สนใจอะไรเลย เขาไม่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของพนักงาน ทุกครั้งเขาจะหันไปยิ้มอ่อนๆ และผงกหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกลับ ด้วยเหตุนี้พนักงานในบริษัทไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่ ต่างหลงไหลในความหล่อของเขา จนอยากจะเอาทั้งตัวและหัวใจใส่พานให้กวินไป"วันนี้ผมมีนัดที่ไหนหรือเปล่า คุณริน" เมื่อถึงห้องทำงานเขาก็นั่งลงเปิดแฟ้มเอ





![บำเรอรักบอดี้การ์ดของคุณพ่อ [ Love Slave ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

