ผ่านมาสองสามอาทิตย์ การใช้ชีวิตของแก้วตาก็ยังคงดำเนินไปเหมือนกับทุกๆวัน ราบเรียบไม่ได้หวือหวาอะไร ช่วยงานในร้าน ส่งข้าวกล่องตามบริษัทบ้างเป็นครั้งคราว หากลูกจ้างคนที่ทำหน้าหน้าที่ประจำไม่ว่าง เหงาๆก็มีโทรคุยกับพ่อแม่ คุยไลน์กับเพื่อนพ้อง บ่ายสองบ่ายสามก็กลับเข้าคอนโดของพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของป้าเธอที่ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ เขาได้ยกห้องให้น้องสาวอย่างเธอครอบครองชั่วคราว อยู่ถัดจากสถานีรถไฟฟ้าในย่านที่แม่เขาเปิดร้านไปประมาณสี่ถึงห้าสถานี ส่วนป้ากับลุงชัยก็นอนที่บ้านพักของพวกท่านในแถบชานเมือง
“แก้ว เอาข้าวไปส่งให้คุณเลขาคนเดิมทีลูก ครั้งนี้ขึ้นไปชั้นสี่สิบได้เลยนะ ไม่ต้องฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์แล้ว” ป้าภาพูดกับหลานสาวที่ยืนหั่นพักอยู่ข้างๆ “ปกติจะให้ส่งประมาณเที่ยงๆไม่ใช่เหรอจ๊ะ ทำไมวันนี้สิบโมงก็ให้ไปส่งแล้วล่ะคะ” แก้วตาวางมือจากการหั่นผักคะน้า แล้วเดินไปล้างมือให้สะอาด เตรียมตัวไปส่งข้าวตามที่ป้าบอก “คงจะหิวแล้วกระมังถึงสั่งเร็วกว่าปกติ ไปเถอะลูก เดี๋ยวคุณเขาจะรอนาน” “จ้ะ” แก้วตาพยักหน้าหงึกหงัก คว้าถุงหิ้วแล้วเดินออกจากร้านไปอย่างว่องไว ชั้นสี่สิบที่ว่าเป็นชั้นกว้างขวาง อยู่เกือบบนสุดของตัวตึก ถามประชาสัมพันธ์ตอนแรกบัตรขึ้นมา พี่คนสวยเธอก็บอกว่าเป็นชั้นของผู้บริหาร เป็นเขตหวงห้าม คนนอกห้ามเข้า พนักงานยังแทบน้อยคนที่จะได้มีโอกาสขึ้นมา “มันดูอลังการก็จริงแต่มันเงียบจนเกินไป” แก้วตาพึมพำอยู่ตรงกลางทางเดิน มองซ้ายมองขวาเพื่อสำรวจรอบๆตัวที่ตกแต่งเอาไว้อย่างดี ผิดกับชั้นอื่นๆที่เคยมีโอกาสได้ไปส่งข้างลิบลับ ชั้นนี้ราวกับย่อขนาดมาจากโรงแรม โซฟาชุดหรูติดกระจกใสสามารถมองเห็นวิวได้ อยากจะรู้ว่าเคยมีใครได้มานั่งจริงๆรึเปล่า เพราะมันดูเหมือนเป็นชั้นที่ไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ซะเหลือเกิน “ฮึ่ม! สำรวจพอหรือยังสาวน้อย” แก้วตาสะดุ้งโหยงเมื่อมีคนมากระซิบอยู่ข้างหู เกือบจะทำข้าวหลุดมือ พอตั้งสติได้ก็สูดลมหายใจเข้าปอด แล้วหันกลับไปมองคนที่ทำให้หัวใจเกือบวาย “คุณ! เอ่อ...” แก้วตาทำตาโตแล้วชี้นิ้วใส่ร่างสูงตรงหน้า หัวสมองก็ครุ่นคิดชื่อของเขา แม้ครั้งนั้นที่มีโอกาสได้คุยด้วยลูกน้องของเขาจะแนะนำเอาไว้แล้วว่าชื่ออะไร แต่เธอจำไม่ได้ และก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยจนกระทั่งตอนนี้ที่เขาโผล่มาเงียบๆคนเดียว “อันเดรส ฉันชื่ออันเดรสแก้วตา โปรดจำเอาไว้ให้ดี” น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยพูดกับคนตัวเล็กกว่า “ค่ะ คุณอันเดรส” แก้วตายิ้มเขินๆเมื่อจำชื่อคนตรงหน้าไม่ได้ แต่เขาดันจำชื่อของเธอได้แม่นยำ “เอาข้าวมาส่งใช่ไหมตามมาสิ” “ค่ะ” แก้วตาพยักหน้า เดินตามร่างสูงใหญ่ต้อยๆ ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังกว้าง พลางลอบสำรวจตั้งแต่ช่วงไหล่สง่าผ่าเผยลงไปจนถึงช่วงขายาว ยิ่งเขาอยู่ในชุดสูทเช่นนี้แลดูภูมิฐานมาก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าคนอย่างเธอจะมีโอกาสได้เสวนากับนักธุรกิจหล่อรวยคนนี้ หากสาวๆที่อยากเข้าหาเขารู้ว่าการได้มาส่งข้าวกล่องที่นี่ ทำให้มีโอกาสเจอเจ้าของบริษัทล่ะก็ รับรองได้ว่าคงมีคนมาต่อคิวสมัครเป็นลูกจ้างป้าแน่ๆ “อุ๊ย! บอส น้องแก้ว ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะคะ” กิ่งเพชรลุกขึ้นยืน แล้วส่งยิ้มหวานให้สาวน้อยทางด้านหลังเจ้านายหนุ่ม ที่รู้จักก็เพราะเคยมีโอกาสได้พูดคุยกันตอนลงไปรับข้าว “บังเอิญเจอเด็กหลงทางเข้าน่ะเลยพามาด้วย” อันเดรสหันกลับไปมองหน้าเด็กที่ว่ายิ้มๆ “อ๋อค่ะ วันหลังเดินตรงเข้ามาเลยนะจ๊ะไม่ต้องกลัวหลง ชั้นนี้มีแค่ห้องทำงานของบอส เอ่อ คุณอันเดรสเท่านั้นจ้ะ พี่จะนั่งประจำที่อยู่หน้าห้องนี้แหละค่ะ ส่วนสองโต๊ะที่เห็นนั่นของเชสกับเจมส์เขา เราสามคนจะอยู่หน้าห้องบอสแทบจะตลอดเวลาจ้ะ” เลขาสาวใหญ่อธิบายทาง ประกอบกับชี้ให้ดูโต๊ะทำงานว่างๆอีกสองชุดของลูกน้องคนสนิทของเจ้านาย โดยมีอันเดรสยืนฟังอยู่ด้วย “เข้าใจแล้วค่ะ นี่ข้าวที่สั่งไปค่ะพี่กิ่ง ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบบาทค่ะ” แก้วตาเดินถือถุงกล่องข้าวมาให้คุณเลขาที่ป้าชอบเรียก และบอกจำนวนเงินตามใบเสร็จ “รอแป๊บนึงนะจ๊ะคนสวย พี่หยิบเงินก่อน” กิ่งเพชรกุลีกุจอเปิดลิ้นชักนำเงินมาจ่ายค่าข้าวง่วน “เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้คนสวยของคุณเลขาเอง คุณไปจัดข้าวใส่จานให้ผมดีกว่า เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน ตามเข้ามาเอาค่าอาหารด้านในนะแก้วตา” อันเดรสบอกเลขาเสร็จก็เดินนำเข้าไปในห้องทำงาน ทิ้งแก้วตากับคุณเลขายืนงงกันอยู่สองคน“เข้าไปเถอะจ้ะ พี่ขอไปจัดข้าวแป๊บนึง แล้วเดี๋ยวจะตามเข้าไป บอสพี่ใจดีไม่ต้องกลัวหรอกค่ะน้องแก้ว” กิ่งเพชรยิ้มให้แล้วแตะไหล่บางเบาๆ ก่อนจะเดินแยกออกไปอีกทาง
“แล้วทำไมไม่ให้ตั้งแต่เมื่อกี้นี้ จะให้เข้าไปทำไมก็ไม่รู้ แค่หยิบเงินออกมาจ่ายค่าข้าวมันยากมากเลยหรือไง” เสียงเล็กบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเคาะประตู เมื่อไม่มีคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง เธอเลยเปิดเข้าไปเลยร้านคาเฟ่สไตล์วินเทจมีลูกค้านั่งทานเกือบเต็มทุกโต๊ะทั้งที่เพิ่งเปิดร้านได้ราวสิบห้านาที นอกจากเมนูเบเกอรี่แล้วในบางวันก็มีขนมไทยเพิ่มเติมเข้ามา ขนมของที่นี่ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ ราคาเข้าถึงง่าย“สวัสดีค่ะพี่แก้ว/สวัสดีครับ”“หวัดดีจ้ะ วันนี้ลูกค้าเยอะตั้งแต่ร้านเปิดเลย เหนื่อยกันหน่อยนะ ขนมที่พี่ให้คนเอามาส่งมาถึงแล้วใช่ไหมจ๊ะ”“ขนมมาส่งแล้วค่ะ ต่อให้ลูกค้าเยอะกว่านี้พวกเราก็รับมือไหวค่ะพี่แก้ว” เด็กสาวตอบรับอย่างกระตือรือร้น ได้ทำงานกับเจ้านายสาวสวยและใจดีสุดๆ อย่างพี่แก้วตาโชคดีที่สุดแล้ว“พวกเราช่วยงานพี่ได้มากจริงๆ ขอบใจนะจ๊ะที่ทำงานหนักเพื่อร้านของเรา” แก้วตาพูดกับลูกน้องอีกเล็กน้อยจากนั้นแยกตัวเข้าห้องทำงาน ถ้าไม่ติดธุระอะไรเธอจะเข้ามาดูร้านทุกวัน …วันนี้มาเช้าหน่อย “หนีพี่กับลูกมาที่ร้านคนเดียวอีกแล้วนะยาหยี” คนตามมาทีหลังหน้าตาบอกบุญไม่รับ เพราะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเมียถึงต้องหอบลูกตามมาหาที่ร้าน รอผัวตื่นก่อนก็ไม่ได้“เบาเสียงหน่อยค่ะ” เตือนสามีจอมเอาแต่ใจที่มาถึงก็น่าตีเลยพลางอมยิ้มมองลูกรักในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ “ห้ามทำหน้าบึ้งด้วยค่ะเดี๋ยวลูกค้าตกใจ” แต่อันเดรสตอนนี้
“อ้าวยัยแก้ว หอบหิ้วอะไรมาเยอะแยะล่ะนั่น ทำอย่างกับจะไปเปิดท้ายขายของที่ไหนงั้นแหละ ภาพลักษณ์ไม่เหมาะสมกับที่เป็นภรรยาของคุณอันเดรสเลย ดูลำบากกว่าที่ฉันคิดไว้อีก” น้ำเสียงเย้ยหยันระคนถากถางที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของบุคคลที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไม่ได้ทำให้แก้วตาโกรธ แต่เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้ถึงได้โชคร้ายที่บังเอิญมาเจอเพื่อนที่ไม่อาจนับว่าเป็นเพื่อนที่นี่“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน ว่าแต่เธอเถอะ มาทำอะไรที่บริษัทสามีฉันดี้”ทว่าคนถูกถามยังไม่ทันจะตอบ“ยาหยี มาถึงนานยังคะ พี่ติดคุยงานกับอันโตนิโอเลยลงมาช้า ขอโทษนะครับ” อันเดรสมาถึงก็หอมแก้มนวลฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึงก่อนจะแย่งของในมือเมียทั้งหมดมาถือไว้ ภาพแสดงความรักเหล่านี้เป็นที่คุ้นตากันดีของพนักงาน แก้วตายิ้มหวานพลางควงแขนสามี จูบแก้มสากเบาๆ เมื่อเขาเอียงแก้มมาให้ “แก้วเพิ่งมาถึงค่ะ บังเอิญเจอคนรู้จักเลยแวะทักทายนิดหน่อยน่ะค่ะ พี่อันเดรสเคยเจอเธอแล้วพอจะจำได้ไหมคะ” เธอใช้สายตามอง อันเดรสจึงมองตาม“คนนี้เหรอ” “ค่ะ คนนี้”“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณอันเดรส ดี้เป็นเพื่อนของแก้ว เราเคยเจอกันแล้วที่กระบี่ ดี้เห็นว่า
“แก้วยังทำความสะอาดไม่เสร็จ พี่อันเดรสปล่อยแก้วลงเดี๋ยวนี้นะคะ ไม่ต้องหาข้ออ้างหื่นเลย” “ห่วงอะไรเรื่องทำความสะอาด เดี๋ยวพี่ช่วย แต่ต้องหลังจากพี่เราฟัดกันแล้วเท่านั้น” “แต่แก้วอยากทำให้เรียบร้อยก่อน” เธอยังยืนยัน“แต่พี่อยากรักเมีย หิวมาก อยากกิน ให้พี่กินนะคะ” มาถึงห้องนอนชายหนุ่มก็วางเมียลงแล้วรวบเอวคอดมากอดแนบอก สูดดมพวงแก้มหอมกรุ่นหนักๆ “เวลาแก้วเข้าครัวทำพี่หิวตลอด ตอนใส่ผ้ากันเปื้อนแก้วน่ารัก และเซ็กซี่มาก พี่ต้องอดทนทุกครั้งที่จะไม่กินแก้วตอนกำลังวุ่นวายกับสิ่งที่ทำ” มือเขาไม่อยู่สุข ลูบไล้ไปตามไขสันหลังตรง แผ่นหลังบาง พลางซุกหน้าเม้มซอกคอขาวๆ ที่มีรอยแดงจางๆ กระจายหลายจุด“พี่อันเดรสน่ะ” แล้วเธอก็พูดอะไรไม่ออกด้วยอับจนปัญญา ความจริงก็รู้สึกได้อยู่หรอกเวลาที่เธอเข้าครัวมักจะมีสายตาร้อนแรงคู่หนึ่งคอยมองตลอดถ้าอยู่ด้วยกัน พี่อันเดรสชอบเข้ามาคลอเคลียแล้วก็จบลงด้วยการที่เธอถูกกินต่อ วันนี้จำเลยสารภาพเองเธอควรจะตามใจเขาสินะ แต่เธอก็ตามใจเขาตลอดนี่นา ไม่ตามใจก็เอาแต่ใจจนได้“ยาหยีของพี่ดูอวบขึ้นนะคะ โดยเฉพาะตรงนี้ พี่ว่ามันใหญ่ขึ้น พี่ชอบมาก” ฝ่ามืออุ่นร้อนบีบคลึงเต้านมเปลือยเปล่า
หลังผ่านพ้นงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ คู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันก็บินลัดฟ้าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ยุโรปหนึ่งเดือนเต็ม โดยแบกความหวังจากทั้งสองครอบครัวไปด้วย พวกเขาตั้งตารอวันที่ลูกสาวลูกชายกลับมาพร้อมข่าวดีเรื่องหลานน้อย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเจ้าตัวเล็กยังไม่ยอมมาเกิด ทางด้านเรือนหอ อันเดรสเลือกจะใช้เพนท์เฮาส์ หนึ่งเพราะสะดวกในเรื่องการเดินทางไปทำงาน สองคือต้องการความเป็นส่วนตัว เรื่องนี้สร้างขัดใจแก่มาดามอันนาที่ต้องการอยู่ใกล้ลูกสะใภ้คนโปรดไม่น้อย ทว่าได้รับการปลอบโยนจากลูกชายที่ทั้งรักทั้งชังที่รับปากว่าถ้ามีหลานเมื่อไหร่จะย้ายกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์เรื่องจึงจบลง“พี่อันเดรสขามาลองชิมขนมสูตรใหม่ของแก้วหน่อยค่ะ” แก้วตาเรียกสามีที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอทีวีเสียงหวานขณะมือสาละวนอยู่กับการทำความสะอาดอุปกรณ์ทำขนมที่เพิ่งใช้ไป อุปกรณ์ทุกชิ้นที่เธอมีเป็นของใหม่นำเข้าทั้งหมด มีเกือบทุกแบบ บางชิ้นน่ารักจนไม่อยากหยิบออกมาใช้ ซึ่งผู้สนับสนุนหลักก็ไม่ใช่ใคร คุณยักษ์สามีตัวโตของเธอเองที่เป็นคนจ่ายเงิน โดยภาพรวมแล้วที่เธอมีอยู่เรียกว่าสามารถเปิดร้านเล็กๆ ได้เลยล่ะเรื่องของเรื่องคือก่อนจะแต่งงาน
เสื้อคลุมผ้าขนหนูสีขาวเนื้อนุ่มค่อยๆ ร่วงหล่นจากลาดไหล่เล็ก บราเซียร์แสนสวยที่โอบอุ้มภูเขาลูกขนาดล้นมือถูกปลดตะขอก่อนจะไปตกอยู่มุมไหนสักที่ในห้องหอ จากนั้นร่างอ้อนแอ้นพลิกกลับมานั่งคร่อมตักในลักษณะหันหน้าเข้าหากัน ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบแนบผิวเนื้อขาวผ่องน่าทะนุถนอม ขบเม้มลาดลำคอหอมกรุ่น ลูบแผ่นหลังเรียบเนียนเรื่อยลงมาแถวสะโพกผายแล้ววกกลับขึ้นไปบีบคลึงเต้าเต่งตึง “คิดถึงจะแย่”“อื้อ เบาหน่อยค่ะ” ความคิดถึงของเขารุนแรงเหลือเกิน ท้องน้อยแก้วตาเสียงวาบ ปลายเล็บสวยจิกเกร็งลงบนบ่าแกร่ง แอ่นหยัดเต้าใส่มือหนา แหงนหน้าเริ่ด ผมยาวสลวยสะบัดพลิ้วไหว อันเดรสอ้าปากงับเต้างาม ดูดดื่มด้วยความกระหายจัด แก่นกายขยายเหยียดเบียดกลีบกุหลาบ ร้องครางเสียงอู้อี้ยามเมียรักขยับ“แก้วจ๋า วันนี้เมียพี่สวยเป็นพิเศษ สวยจนไม่กล้าละสายตาไปที่อื่นเลย หวงมากด้วย” ชายหนุ่มงึมงำ เฝ้าดูดเลียยอดหัวนมชูชันจนแข็งชี้หน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างบางเกี่ยวเอว “ทูนหัว นางฟ้าของพี่ ผัวหิวยาหยีมากรู้ไหม” พากันลงไปนอนบนเตียงทับกลีบกุหลาบกระจาย แก้วตายื่นมือเกี่ยวคอแกร่ง ไล้ปลายนิ้วแถวท้ายทอยสามี“สามีแก้วก็หล่อมากค่ะ หล่อจนแก้ว
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งตัวทันทีที่ได้อยู่ในห้องหอซึ่งก็คือห้องนอนของแก้วตาตามลำพังอันเดรสก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า จัดการล็อกประตูจนมั่นใจแล้วว่าหลังจากนี้จะไม่มีใครเปิดเข้ามาได้ เขาเดินตรงมาสวมกอดภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วยความรักใคร่ ร่างสูงยืนซ้อนด้านหลัง หอมแก้มเนียน และจูบซอกคอหอมกรุ่น ซุกไซ้ผิวขาวผ่อง กระซิบถามเสียงค่อย “พร้อมจะเข้าหอกับพี่หรือยังยาหยี” ริมฝีปากอุ่นแตะจุมพิตใบหูนิ่มซ้ำๆ พิธีในวันนี้ความจริงจะจัดที่โรงแรมก็ได้แต่ด้วยความอยากเอาใจพ่อตาแม่ยายงานจึงถูกจัดขึ้นที่บ้านอัศวเทวา วันงานเลี้ยงฉลองถึงจัดที่โรงแรมในกรุงเทพฯ“ถ้าตอบว่าไม่พร้อมล่ะคะ ความจริงแล้วเราสองคนก็เข้าหอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนทุกเรื่องหรอกค่ะ” นับครั้งไม่ถ้วนเชียวล่ะ คิดในใจพลางสบตาสามีในกระจก อมยิ้มเมื่อคนใจร้อนอยากรีบเข้าหอเงยหน้าขึ้นมาเม้มปากจ้องกลับอย่างเอาแต่ใจ แก้วตาทำเป็นไม่เห็น ลงมือถอดเครื่องประดับออกทีละชิ้นโดยเริ่มที่ต่างหูอย่างไม่รีบร้อนส่วนหนึ่งเพราะต้องการแกล้งอันเดรสงับซอกคอขาวด้วยความมันเขี้ยว ไล้ปลายนิ้วแถวหน้าท้องแบนราบลามมาสะโพกผาย กุมบั้นท้ายงามงอนแล้วบีบเบา