LOGINช่วงสายของวัน
หญิงสาวรูปร่างอวบนิด ๆ บนที่นอนนุ่ม เมื่อรู้สึกตัวพยายามลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก หนักอึ้งไปหมด เพราะผลของพิษไข้เมื่อคืนนี้ และรู้สึกแปลกใจที่ตื่นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม ต่างจากเมื่อคืนนี้มาก
“ตื่นแล้ว ก็ลุกขึ้นไปทำงานได้แล้ว” เสียงเข้มที่ยินจ้องมองอยู่ข้างที่นอนที่หญิงสาวนอนอยู่นั้น พูดขึ้นมาทันที ที่หญิงสาวลืมตาขึ้น
“คุณ”
“ลุกขึ้น อย่าทำตัวอ่อนแอให้เป็นภาระคนอื่น” เสียงเข้มสั่งขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วคุณเอาตัวฉันมาให้เป็นภาระทำไม” หญิงสาวสวนขึ้นมาทันทีอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไรเลยสักนิด
“ปากดี น่าจะปล่อยให้ตายคาของเก็บของไปเสียดีกว่า” ร่างสูงย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่บนที่นอนทันที
“ตายไปก็ดี ทุกอย่างจะได้จบ ๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วย เพราะอะไรคุณถึงได้เอาตัวฉันมา” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ประชดประชัน
“เธอตายมันก็ง่ายเกินไปสิสาวน้อย เธอยังต้องมีชีวิตอยู่เพื่อชดใช้ ลุกขึ้นมาจากที่นอนของฉันได้แล้ว ฉันจะได้รีบเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทิ้งขยะแขยงสิ้นดี” เสียงเข้มเอ่ยสั่งขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกระชากร่างเธอลุกมาจากที่นอนนั่นทันที
“โอ้ยยย...นี่คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ” หญิงสาวร้องสียงหลงออกมาทันที พร้อมกับก้มมองสำรวจตัวเอง กลับพบว่าเธอไม่ได้ชุดนักศึกษากระโปรงกลีบพีชแล้ว แต่เป็นเสื้อยืดพอดีกับตัวเธอ และกางเกงขายาวสวมทับตัวเธอแล้ว
“เธอเห็นคนอื่นไหมละ”
“ถ้าอย่างนั้นก็...” หญิงสาวตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อร่างสูงตอบออกมาแบบนี้
“แบนไม่สมกับรูปร่างที่อวบเลยสักนิด” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องไปที่หน้าอกของเธอ
“ไอ้บ้า...”
“หยุดเลยนะ” เสียงเข้มสั่งห้ามเอาไว้เสียก่อน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพ่นคำด่าออกมา พร้อมกับสายตาดุดันที่ขู่เธอเอาไว้
“...” หญิงสาวเงียบทันที ไม่พูดหรือตอบโต้อะไรออกมาสักคำ
อคิราห์ลากแขนหญิงสาวออกมาจากห้องนอนของเขา แล้วพาตัวเธอลงไปที่ด้านล่างทันที ดโยไม่พูดอะไรออกมา
“ฉันเดินเองได้” หญิงสาวสะบัดแขนออกอย่างแรง เมื่อเดินลงมาถึงด้านล่าง
“อย่างกับฉันอยากแตะต้องตัวเธอมากนักแหละ ผู้หญิงมักมากในกามอย่างเธอสกปรก” คำดูถูกเหยียดหยาม พ่นออกมาจากปากของเขา
“...” หญิงสาวไม่ตอบโต้อะไรออกมาสักคำ เพราะเบื่อที่จะอธิบาย ถึงจะอธิบายไปอย่างไรเขาก็ไม่รับฟังเธออยู่ดี
“เดินตามมานี้” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง พร้อมกับกึ่งลากกึ่งจูงเธอ แล้วเดินนำหน้าออกไปที่สวนทันที
“คุณจะลากฉันไปไหน”
“ทำงานชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อ” เสียงเรียบเอ่ยไปเพียงแค่นั้น ก็ไม่ได้สนใจต่อ
“แต่แดดมันร้อนมากเลยนะ” หญิงสาวพยายามยกเหตุผลมาอ้าง เพราะแดดตอนกลางวันที่ร้อนมาก และเสื้อแขนยาวหรือหมวกเธอก็ไม่ได้ใส่เลย และอีกอย่างเธอก็หิวมากด้วย เพราะตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ ก็ยังไม่ได้ทานอะไร แถมเมื่อคืนก็ยังป่วยอีก
“นั่นมันปัญหาของเธอ ไม่ใช่ของฉัน ถางหญ้าแปลงนี้ออกให้หมดก่อนตะวันจะตกดิน” เสียงเข้มเอ่ยสั่ง เมื่อเดินมาถึงแปลงที่ไร้คนงาน สักคน เพราะแปลงนี้เป็นแปลงที่ร้าง โละทิ้งเตรียมที่จะไถดินปรับสภาพดินแล้ว
“ทำแบบไหนล่ะ” หญิงสาวถามขึ้นมาทันที ที่ร่างสูงยื่นจอบด้ามยาวมาให้เธอ เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำแบบไหน
“หึ ใช้ชีวิตที่สุขสบายจนเคยตัว ไอ้วัฒน์สอนงานเธอ แล้วจำเอาไว้อย่าให้ใครมาช่วยเป็นอันขาด ตกเย็นเดี๋ยวกูจะมาดูอีกที” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมาอย่างดูแคลน แล้วหันไปสั่งธวัฒน์ที่พึ่งเดินตามมาถึงพอดี
“แต่นี่มันใกล้จะเที่ยงแล้วนะครับคุณคิน อีกอย่างแดดก็ร้อนมากด้วย” ธวัฒน์พูแย้นขึ้นมาทันที ที่ได้ยินในเจ้านายหนุ่มสั่ง
“มึงกล้าขัดคำสั่งกูเหรอ” เสียงเข้มตวาดลูกน้องทันที
“ไม่กล้าครับ”
ร่างสูงเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ที่สั่งงานกับธวัฒน์เสร็จ แต่ไม่ได้เดินออกไปไหนไกล กลับมานั่งที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้ ๆ แทน
กรุงเทพมหานคร
“ไหนว่าจะนอนพักอยู่บ้านไง...แล้วนี่แต่งตัวสวยลูกสวยแม่มีเดทกับใครอีกเหรอ” พลอยไพลินถามลูกสาวขึ้นมาเมื่อเห็นหญิงสาวแต่งตัวสวย เดินลงมาจากบันได
“ก็อยู่บ้านเบื่อ ๆ นี่คะ พราวไปก่อนนะคะ อาจจะกลับดึก ๆ หรือไม่ก็เช้านะคะ เผื่อมีงานด่วน” หญิงสาวตอบผู้เป็นแม่ออกไป
“จ๊ะ แล้วนี้ใครมารับเหรอ หรือว่าลูกจะไปเอง” พลอยไพลินถามออกไป แต่ก็พอจะทราบอยู่บ้างเพราะเห็นรถหรูจอดรอที่หน้าประตูรั้วบ้าน
“ไม่ต้องบอกก็รู้ ๆ กันอยู่นะคะ ลูกสาวแม่พลอยเสน่ห์แรงจะตาย”
“จ้า ระวังไว้บ้างน่ะลูก จะคบหาใครต้องดูให้ดีก่อน อย่าพึ่งรีบเปิดตัวหากว่ายังไม่มั่นใจ อย่าลืมว่าเราไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปนะ” ผู้เป็นแม่พร่ำสอน
“ค่าคุณแม่ พราวไปก่อนนะคะ เดี๋ยวคนในรถจะรอนาน แล้วจะพลอยงอนพราวเอา” หญิงสาวรับปากแม่ แล้วเดินออกไปทันที
หญิงสาวเดินออกมาจากบ้าน ขึ้นรถหรูที่มีหนุ่มหล่อดีกรีพระเอกดังทันที ที่จอดรออยู่หน้าบ้านเธอแล้ว
“ร้อนไหม เดินออกมาตั้งไกล บอกว่าจะเข้าไปรับก็ไม่ยอม” เสียงทุ้มของคนขับรถมารับเธอถามขึ้น
เทวินทร์ เพื่อนนักแสดงรุ่นน้องที่พึ่งจะเข้าวงการมาใหม่ ๆ และพึ่งได้ร่วมงานกันกับเธอเป็นครั้งแรก ก็ถูกตาต้องใจ เพราะหญิงสาวมีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์คือสวยสมคำร่ำลือ
“ไปได้แล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอก
“ใจร้อนจัง”
“ใจพราวก็ร้อนพอ ๆ กับอากาศนั่นแหละ ว่าแต่...วินมีอะไรดับร้อนให้พราวไหมค่ะ วันนี้พราวว่างทั้งวันทั้งคืนเลย” เธอเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาหยดย้อย แถมแน่นถ้อยคำชัด ๆ เพื่อสื่อถึงกัน
“อยากไปไหนล่ะ” ชายหนุ่มแกล้งถามออกไป แต่ก็รู้ ๆ อยู่ว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร
ใช่แล้วเธอเป็นคนที่จัดได้ว่าอยู่ในโหมดคนเซ็กส์จัด เพราะเธอใช้ร่างกายบำเรอให้กับหนุ่มทุกคนที่เธอคบกาได้อย่างถึงใจสุด ๆ เหตุนี้จึงทำให้หนุ่มมาติดพันธุ์เธอ
และรถหรูที่ชายหนุ่มคนนี้ขับ ส่วนหนึ่งก็ได้มาจากอัครา ที่ให้เธอมาตลอดทุกครั้งที่มานอนด้วยกัน
“ที่เงียบ ๆ ที่มีแค่เรา” หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงหวาน พร้อมกับมือที่ลูบไปตามอกแกร่งของชายหนุ่มรุ่นน้อง
“ได้เลย...” ชายหนุ่มรับคำ แล้วรีบขับรถออกจากตรงนี้ทันที
พัชร์สิตาจะใช้อีกชื่อหนึ่ง หากว่าเป็นคนนอกวงการที่เข้าหาเธอ แต่สำหรับเทวินทร์คือคนอาชีพเดียวกัน คงจะปิดบังกันไม่ได้อยู่แล้ว
บทส่งท้าย(จบ)ทุกคนและญาติสนิทต่างพากันมามุงอยู่ที่ห้องหอของคู่บ่าว-สาว โดยที่อคิราห์ใช้บ้านของเขานั้นเอง ที่แปลงโฉมมาเป็นเรือนหอของเขาและเธอ“แม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดน่ะ เพราะลูกชายแม่ก็อายุปาไปขนาดนี้แล้ว เชิญคุณพงษ์กับคุณพลอยดีกว่าคะ” นิตยาพูดขึ้นมาทันที“ผมขอเป็นตัวแทนก็แล้วกันน่ะ” พงษ์พิพัฒน์จึงเป็นฝ่ายพูดพูดขึ้นเอง“เชิญคะ” นิตยาอนุญาตทันที“พ่อขอให้ลูกทั้งสอง มีแต่ความสุขในชีวิตคู่รักกันไปจนแก่เฒ่า จนกว่าจะตายจากกันเลยนะ ผิดถูกรู้จักให้อภัยกัน จำไว้น่ะ การแต่งงานมันคือตอนจบของบทละคร แต่ชีวิตจริงแล้วมันคือการเริ่มต้นของชีวิตคู่ต่างหาก สุดท้ายนี้ พ่อขอให้ลูกทั้งสองรักกันให้เหมือนวันแรกที่รักกันน่ะ มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองเลย” พงษ์พิพัฒน์ร่ายยาวออกเป็นคำสอนทันที“ขอบคุณครับ/คะ” ทั้งคู่เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยทันที ที่พงษ์พิพัฒน์เอ่ยจบ“ประโยคสุดท้ายนี้ ผมจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ ตอนนี้ก็มีแล้วอยู่ในท้อง รอคลอดอีกจะจัดให้อย่างงามเลยครับ” อคิราห์พูดขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงคำสอนของพ่อตา แล้วเอ่ยรับปากออกมาอย่างมั่นใจในตัวเอง“พี่คิน!” หญิงสาวข้างกายตวัดสายตามองค้อนใส่สา
วิวาห์ พารักหนึ่งเดือนต่อมาไร่อคิราห์บรรยากาศงานแต่งงานของทั้งคู่ ถูกจัดขึ้นมาในไร่ของเขาเอง ที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่นของแขกเหรื่อแต่เรียบง่าย มีการเชิญแค่ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายมาร่วมเป็นสักขีพยาน และคนงานในไร่เพียงเท่านั้น ตอนแรกเขาตั้งใจจะจัดงานที่ใหญ่โต ประกาศข่าวให้โลกรู้ไปเลย แต่สิตาพัชร์ขอเอาไว้ด้วยแล้วมีหรือที่คนอย่างเขาจะกล้าขัดใจเมียรัก ขอแค่เธอปริปากพูด เขาก็พร้อมจะสยบในทันที แล้วอีกอย่างเธอก็ตั้งครรภ์อยู่ด้วย หากว่าแขกเหรื่อมากันเยอะ ก็จะต้องต้อนรับกันนาน เกรงว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยเอาด้วย“ว่าไงไอ้เจ้าบ่าว และว่าที่คุณพ่อ มาแรงแซงพวกกูเลยน่ะมึง” ธีรเมธเอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่เดินเข้ามาหาทั้งคู่ พร้อมกับเธียรวัฒน์ ที่เดินมาตามหลังสบทบด้วยอีกคน“พวกพี่คุยกันไปก่อนเลยน่ะ แพรขอตัวไปหาป้าติ๋มกับคุณพ่อก่อน” สิตาพัชร์เมื่อเห็นว่าเพื่อนของสามีมา เธอจึงขอตัวออกมาจากตรงนั้น เพื่อที่จะให้พวกเขาได้คุยกันสะดวกขึ้น ในฐานะเพื่อนสนิทกัน“เดินระวังนะครับ แล้วอย่าไปนานล่ะ ใกล้จะถึงเวลาเข้าห้องหอแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอไม่ค่อยระวังตัวเลย แถมยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเธอ
สิ่งล้ำค่ารุ่งเช้าบ้านโยธาพิวัฒน์พงษ์พิพัฒน์ให้เจ้าหน้าที่อำเภอเข้ามาที่บ้าน เพื่อดำเนินเรื่องการจดทะเบียนสมรสของลูกสาวคนเล็กในวันนี้เดิมที่อคิราห์จะพาเธอไปที่สำนักงานเขตเอง แต่เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อยู่อาจจะไม่ค่อยสะดวก ผู้เป็นพ่อเลยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้านแทนเสียเองและเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้กลับไปพักที่คอนโดฯ เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับเธอ โดยที่เขาให้เมฆากับนิตยาผู้เป็นแม่กลับไร่ไปก่อน ส่วนตัวเขาจะขอพาสิตาพัชร์ทำธุระ จัดการทุกอย่างทางนี้เสร็จแล้วจะกลับไปที่ไร่ และจัดงานแต่งขึ้นทันที“หนูอยากเปลี่ยนชื่อไหมหนูแพร” พงษ์พิพัฒน์ผู้เป็นพ่อถามลูกสาวขึ้นมาทันที“ไม่ค่ะ แพรว่าชื่อนี้ก็ดีอยู่แล้ว” เธอรีบปฏิเสธในทันทีที่พ่อของเธอถามถึงเรื่องนี้“ทำไม่ล่ะแพร” อคิราห์ถามเธอขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจในความคิดของเธอ เมื่อเธอปฏิเสธพ่อของเธอเช่นนั้น “ก็เพราะชื่อนี้ยังไงล่ะคะ ถึงทำให้แพรกับพี่คินได้มาเจอกัน แล้วก็รักกัน...” เธอพูดขึ้นมาด้วยน้พเสียงที่อ่อนนุ่ม พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่น้ำตาคลอเบ้าอย่างหวานซึ้งอคิราห์ที่ได้ยินดังนั้น กลับพูดไม่ออกทันที เพราะไม่รู้จะสันหาคำไหนมาขอบคุณเธอ จึงได
เลี้ยงต้อนรับลูกเขยทุกคนที่ยังคงอยู่กันที่บ้านหลังนี้ต่อ คุยเสวนากันตามคนที่พึ่งจะผูกดองกัน และร่วมรับประทานมื้อกลางวันร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยพงษ์พิพัฒน์ได้จัดเลี้ยงฉลองให้แก่หญิงสาวที่เป็นลูกสาวคนเล็ก และว่าที่ลูกเขยหมาด ๆ ที่ริมสระน้ำข้างบ้าน“รถใครมาอีกล่ะ...ติ๋มไปดูหน่อยสิ” เสียงผู้นั่งหัวโต๊ะของพงษ์พิพัฒน์พูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงรถดังเข้ามาภายในบริเวณบ้านอย่างสงสัย เพราะตนมั่นใจว่าไม่ได้เชิญใครที่ไหนแล้วทุกคนที่อยู่กลางวงสังสรรค์นั่น หยุดทุกการกระทำ แล้วหันไปตามต้นเสียงที่ได้ยินเสียงรถกันอย่างสามัคคีกันทุกคน และติยาแม่บ้านของที่นี่ จึงรีบเดินออกไปแต่ไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย“พราว!” เสียงเอ่ยเรียกชื่อขึ้นมาดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มเจ้าของเสียง ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาสิตาพัชร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้กันพงษ์พิพัฒน์และอคิราห์ทันที ที่เดินเข้ามาถึงวงสังสรรค์ติยาเมื่อทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร ก็รีบขึ้นไปตามหญิงสาวที่อยู่ชั้นบนของบ้านในทันที เพราะเกรงว่าจะมีปากเสียงกัน“หยุดครับ” อคิราห์รีบลุกขึ้นเอ่ยห้าม และรีบดึงหญิงสาวข้างกายเข้ามาใกล้ตัว แล้วเอาตัวเขาเอาบังเอาไว้ทันที“แกเป็นใครว
เล่นใหญ่“พี่คิน!” หญิงสาวตวัดสายตาค้อนใส่ทันที เมื่อได้รับรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของเขา แล้วหยิกเข้าไปที่ต้นแขนของเขาด้วยอย่างแรง“โอ้ยยย” อคิราห์ร้องออกมาเสียงหลงทันที เมื่อถูกคนที่นั่งข้างกายหยิกเข้ามาที่ต้นแขนเต็ม ๆทุกคนที่ยังอยู่บริเวณนั้น ต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ และเอ็นดูทั้งคู่ เมื่อคนอย่างอคิราห์ที่ไม่เคยยอมใครมาก่อน กลับต้องสยบให้แก่หญิงสาว“ดูก็รู้แล้วนะครับว่าใครจะมีอำนาจสูงสุดต่อไปนี้” เมฆาที่นั่งอยู่กับพื้น ใกล้ ๆกับเหล่าบรรดาแม่บ้านและคนสวนของบ้าน ต่างพากันซุบซิบออกมาเสียงดังพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน“ไอ้เมฆ!” อคิราห์หันมาจ้องโทษที่เมฆาไว้ทันที ด้วยสาตายที่ดุดัน“เอาล่ะ มีกันอยู่แค่นี้ ก็ทำพิธีกันแค่นี้แหล่ะ ไหนล่ะแหวนเอามาสวมให้น้องสิ ทำพอแต่เป็นพิธีไปก่อน” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังทันที“แม่ครับ” อคิราห์หันไปนิตยาทันที เพราะเขาก็ลืมเรื่องนี้จนสนิท จะมาทาบทามลูกดสาวเขาแต่กลับมาเสียตัวเปล่า“แหวนวงนี้อาจจะไม่ได้มีราคาแพงมากนัก แต่เป็นแหวนประจำตระกูลของแม่เอง ถึงจะสู้ราคาหลายล้านจากสร้อยคอของหนูแพรไม่ได้ แต่มันก็เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ล้ำค่าที่สุด ที่แม่เต็
สารภาพต่อหน้าผู้ใหญ่“ดิฉันขอไม่พูดอ้อมค้อมเลยแล้วกันนะคะ ที่จริงแล้วคนที่ลูกชายดิฉันจะให้มาสู่ขอ คือหนูแพรวา ลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ต่างหากคะ”“สู่ขอยัยแพร!” พัชร์สิตาเน้นย้ำ“ใช่แล้วค่ะ เพราะหนูแพรคือแฟนของตาคิน และคนที่ทำหนูแพรท้องก็คือตาคินนี้แหละค่ะ ทั้งคู่รักกัน แล้ววันนี้ก็ถือว่าเป็นวันดีเลยมาทำทุกอย่างให้ถูกต้องสักที ถึงจะข้ามขั้นไปหน่อย แต่ทางเรายินดียอมรับหนูแพรเป็นลูกสะใภ้คะ” นิตยาร่ายยาวออกมาทันที“ร้ายมากเลยน่ะครับลูกชายคุณ เอ่อ...” พงษ์พิพัฒน์พูดแหย่ทางอคิราห์ แล้วหันมาถามทางนิตยาต่อ“นิตยาคะ หรือเรียกว่านิตก็พอ และยังเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ตามกฎหมายของ นายอัครา รัตนสืบสิงห์ พอจะคุ้นบ้างไหมค่ะ คุณพราวฟ้า!” นิตยาบอกกับพงษ์พิพัฒน์ในประโยคแรก แต่ประโยคหลังกลับเน้นเสียงขึ้น แล้วหันมาทางพัชร์สิตาแทนทำเอาพัชร์สิตาที่ได้ยินดังนั้น แทบจะนั่งไม่ติด เพราะชื่อผู้ชายที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันกับอคิราห์ แถมยังเป็นพ่อลูกกันอีก“ลูกชายคุณนิตไม่รู้หรือครับ ว่าลูกสาวผมยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย” พงษ์พิพัฒน์พูดขึ้นอีกครั้ง“ทราบคะ ตาคินทราบดีว่าหนูแพรยังเด็ก แต่ทำอย







