ร้านอาหารไทยชื่อดังใจกลางเมือง มีหนุ่มหล่อในชุดสูทแสนภูมิฐานและสาวสวยในชุดเดรสสีหวานกำลังนั่งรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ชายหนุ่มคอยตักอาหารและดูแลเธอสมกับเป็นสุภาพบุรุษที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
เธอคนนั้นคือ จิดาภา หรือ จีด้า เจ้าของร้านเบเกอรี่สไตล์คาเฟ่ชื่อดัง เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย หวาน ดูเรียบร้อย เก่งและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และที่สำคัญ เธอคือลูกสาวของเพื่อนร่วมรุ่นในมหาวิทยาลัยของแม่เขาเอง ถึงแม้แม่ของเขากับแม่ของเธอจะไม่ได้สนิทสนมกันมาก แต่ก็รู้จักมักคุ้นและได้ติดต่อกันเสมอ
ในวันที่เธอเปิดร้านวันแรก แม่ของเขาก็ไปร่วมงานด้วย จึงทำให้ได้รู้จักกับสาวน้อยที่ทั้งสวยและเก่งแบบที่แม่ชอบ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามานั่งอยู่ตรงหน้าเธอในวันนี้
อันที่จริง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนทั้งคู่มารับประทานอาหารร่วมกัน ก่อนหน้านี้ คุณนายญาดาผู้เจ้ากี้เจ้าการและต้องการตามหาศรีสะใภ้ในอุดมคติเหมือนหนูยาหยีของแม่ ก็ดันถูกอกถูกใจหนูจีด้าเข้าให้อีกคน ความซวยนั้นจึงมาตกอยู่ที่เขาที่เป็นลูกชายคนที่สอง และไม่มีทีท่าว่าจะหาเมียเป็นตัวเป็นตนเสียที การจับคู่ครั้งนี้แม่จึงจัดให้
เอาเข้าจริงๆ เขาก็ยังไม่คิดที่จะมีใคร เพราะเหตุผลหลักๆ ก็คือยังเข็ดกับความรักครั้งเก่าเมื่อตอนเรียนปริญญาโทอยู่ที่อังกฤษ เขาเป็นคนรักคนยาก และเธอคนนั้นกลับเป็นรักแรกพบของเขา เขาตามจีบจนเธอใจอ่อนยอมคบด้วย และเราก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันหลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เราสองคนไปกันได้ดีในทุกเรื่อง ไม่เคยทะเลาะ ไม่เคยขัดใจ ไม่เคยมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเลยสักครั้ง เหมือนเขากับเธอถูกสร้างให้มาคู่กันอย่างไรอย่างนั้น เพราะทุกอย่างมันราบรื่นสวยงามไปเสียหมด
เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว พวกเขาทั้งคู่ตัดสินใจยังไม่กลับเมืองไทย จะยังคงอยู่ทำงานที่นั่นเพื่อหาประสบการณ์กันก่อน เขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันเหมือนคู่สามีภรรยาไม่มีผิด มีเงินเก็บร่วมกัน วางแผนถึงอนาคต เธอดูแลบ้าน อาหารการกิน เสื้อผ้า และเรื่องส่วนตัวของเขาทุกเรื่อง แม้เธอจะออกไปทำงานนอกบ้านเหมือนกันกับเขา มันทำให้เขาทึ่งมากและยิ่งรักและทุ่มเทให้เธอหมดทั้งใจ โดยไม่มีสักเศษเสี้ยวที่เหลือทิ้งไว้เผื่อความเจ็บปวดอีกเลย
แต่มันก็ราบรื่นสวยงามและมีความสุขได้ไม่นาน เมื่ออยู่ๆ วันหนึ่งเมื่อเขากลับมาถึงห้องพัก ก็พบเพียงความว่างเปล่า เธอคนนั้นเก็บของออกจากห้องของเขาหมดทุกชิ้น เหลือเอาไว้เพียงภาพถ่ายที่เธอกับเขาถ่ายคู่กันตอนไปฉลองในวันครบรอบปีที่สองเท่านั้น
ไม่มีจดหมาย ไม่มีสาเหตุ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีอะไรที่บ่งบอกให้เขารู้ถึงเหตุผลที่เธอทำอย่างนั้น เขาติดต่อเธอไม่ได้อีกเลย ไม่ว่าจะช่องทางใดๆ เขาเมามาย ไม่กินข้าวกินปลา ลาออกจากงาน ไม่หลับไม่นอน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวและจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ตรมจนร่างกายผ่ายผอม เขาร้องไห้ทุกวันเป็นเดือนๆ ทั้งยามหลับและยามตื่นก็ละเมอเพ้อหาถึงแต่เธอคนนั้น
จนพี่ชายคนโตต้องบินมาหาถึงที่เพราะทางบ้านไม่มีใครติดต่อเขาได้เลย และพี่ชายของเขาก็เป็นคนฉุดดึงเขาให้ออกมาจากช่วงชีวิตที่บัดซบนั้น ชีวิตที่เหมือนคนตายทั้งๆ ที่ยังหายใจ ชีวิตบัดซบที่เธอคนนั้น คนที่เขารักที่สุดในชีวิตเป็นคนหยิบยื่นให้อย่างเลือดเย็น
หลังจากนั้น จากความรักสุดหัวใจที่มีให้ ก็กลายเป็นความโกรธแค้นเกลียดชังอย่างสุดชีวิต และเขาก็ใช้ความโกรธเกลียดนี้เป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนให้เขายังหายใจและมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้
และที่เขายอมออกมาเดทกับเธอคนนี้ เพราะอยากลองให้โอกาสตัวเองดูอีกสักครั้ง บางทีผู้หญิงที่เขาหาเอง อาจไม่ได้ดีเหมือนที่คนสายตาแหลมคมอย่างแม่หาให้ก็ได้ ดูอย่างพี่ชายเขาสิ แม่หาเมียให้ ก็ได้ผู้หญิงแสนดี เรียบร้อยอ่อนหวาน เก่งทั้งงานบ้านงานเรือน ทั้งงานในบริษัทเธอก็คอยช่วยเหลืออยู่เคียงข้างพี่ชายเขาได้ และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกชายตัวน้อยๆ เป็นโซ่ทองคล้องใจ ชีวิตแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักตั้งแต่แรก ก็ไม่เห็นจะแย่เสมอไป เพราะคนทั้งคู่ตอนนี้รักใคร่กลมเกลียวกันมากและมีชีวิตครอบครัวที่สวีทและมีความสุขสุดๆ จนน้องๆ ทุกคนต่างอิจฉา
ครั้งแรกที่เขาเจอเธอคนนี้ เพราะแผนการของคุณนายญาดานั่นแหละ ใช้ให้เขาไปรับขนมเค้กจากร้านของเธอ ให้คอนแทคไลน์อย่างดิบดี เขาก็ทักไปหาเพื่อให้เธอแชร์โลเคชันมาให้ แต่เมื่อไปถึงที่ร้าน กลับพบว่าเจ้าของร้านที่เขาคุยด้วย ทั้งสาว สวย หุ่นดี น่ารักและดูเรียบร้อยมากๆ ความสวยของเธอทำเอาเขาชะงักไปเหมือนกัน เพราะนานหลายปีแล้ว ที่ไม่ได้มองพิจารณาผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน ส่วนมากก็พวกคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว หรือพวกผู้หญิงที่เสียเงินซื้อมาบำเรอความใคร่ จะต้องมองอะไรนักหนา แค่หน้าอกโตๆ สะโพกเด้งๆ เอวคอดๆ ก็เพียงพอแล้ว
และเมื่อเขากลับถึงบ้านในวันนั้น แม่ก็ยิงคำถามใส่เขารัวๆ ว่าถูกใจหนูจีด้าของแม่ไหม น้องสวยถูกใจไหม บลาๆๆๆ ตบท้ายด้วยแม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้ หาโอกาสชวนน้องไปทานข้าวเพื่อทำความรู้จักกันหน่อยนะลูก นั่นไง ว่าแล้วเชียว ทุกอย่างมันอยู่ในแผนการของคุณนายตั้งแต่ต้น
สุดท้าย เขาที่เหงาๆ ไม่มีอะไรทำและทนการรบเร้าของแม่ไม่ไหว จึงได้ทักไลน์ของเธอไปอีกหน เพื่อขอนัดทานข้าวเย็นกับเธอ ทักมันตรงๆ แบบนี้นี่แหละ ซึ่งเธอก็อ่าน แต่เงียบหายไปนานจนเขาใจแป้ว คิดว่าความหล่อเหลาและเสน่ห์ของตนเองมันลดลงไปจนสาวๆ ที่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า เมินเขาได้ขนาดนี้เลยหรือ
แต่สามชั่วโมงให้หลังจากนั้น เธอถึงได้ตอบไลน์เขากลับมาว่าตกลง เขานี่แทบกระโดดร้องตะโกนก้องห้อง เพราะความมั่นใจของเขาที่หายไปในตอนแรก มันกลับคืนมาอีกครั้ง อย่างน้อยๆ สาวที่แม่หาให้ ก็ไม่ได้เมินเขาละวะ
ครั้งแรกที่เขาไปรับเธอจากที่ร้าน แล้วออกมาทานข้าวเย็นด้วยกัน เธอมีท่าทีเอียงอาย ไม่ค่อยกล้ามองหน้าสบตาเขานัก มันดูเหมือนเธอมีใจให้เขา แต่ก็ยังสงวนท่าทีอยู่มาก และเขาเองก็รู้สึกชอบไม่น้อยกับท่าทีเอียงอาย ไม่เหมือนผู้หญิงกร้านชีวิตที่เขาเคยเจอๆมา ในวันนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาและเธอได้พูดคุยทำความรู้จักกัน ทัศนคติและนิสัยใจคอของเธอทำให้เขาใจสั่น เธอคนนี้มีหลายๆ อย่างที่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นมากทีเดียว ทั้งความเด็ดเดี่ยว กล้าได้กล้าเสีย มุ่งมั่น ลองได้ตั้งใจคิดจะทำอะไร ต้องทำให้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนอ่อนโยน ใจเย็น ขี้สงสารและมีจิตใจดี
ใช่ว่าเขาจะมูฟออนออกจากเธอคนนั้นไม่ได้หรอกนะ แต่เขาแค่รู้สึกว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้ มีลักษณะนิสัยบางอย่างที่เหมือนเธอคนนั้น ก็คงอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขาเคยลองอยู่ร่วมกับคนๆนั้นในอดีตมาแล้ว ถ้าเธอไม่ทิ้งเขาไปเสียก่อน ป่านนี้เราทั้งคู่อาจมีลูกก่อนพี่ชายเขาด้วยซ้ำไป
แต่ก็แค่นั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงอดีตที่เจ็บปวด สู้มองไปข้างหน้าเหมือนที่พี่ชายเขาบอกจะดีกว่า ไม่แน่ น้องจีด้าคนนี้ อาจเป็นคนฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากเหวลึกนั้นก็เป็นได้
หลังจากนั้น เขากับเธอก็ติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา ออกมาทานข้าวเย็นกันบ้าง ไปเที่ยวหรือช้อปปิ้งบ้างตามประสาคนกำลังทำความรู้จักและเรียนรู้กัน ซึ่งทุกอย่างก็ราบรื่นและไปได้สวย ถึงแม้ทุกครั้งที่เจอเธอ ในใจลึกๆ ของเขาจะมีภาพเงาของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คอยซ้อนทับอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
“จีด้าทานกุ้งทอดซอสมะขามนี่หน่อยนะครับ รสชาติใช้ได้เลย แต่พี่ว่ายังอร่อยน้อยกว่าที่จีด้าทำนะ”
เขาตักอาหารที่ว่าใส่จานให้เธออย่างเอาใจ ก็ได้รับยิ้มหวานๆ เป็นรางวัล
“ขอบคุณมากค่ะพี่ปัถย์ ออกมาทานข้าวเย็นกับพี่บ่อยๆ จีด้าอ้วนตายพอดี”
“อ้วนกว่านี้อีกนิดก็ได้ครับ พี่ว่าจีด้าผอมไปนะ”
“จีด้าซ่อนรูปหรอกค่ะ จริงๆ จีด้าอ้วนกว่านี้นะ แค่พี่ปัถย์ยังไม่เคยเห็นแค่นั้นเองค่ะ”
เธอมองสบตาเขานิ่งก่อนยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง ผู้ชายที่โลดโผนมามากมายอย่างเขาย่อมมองออกว่าเธอหมายถึงอะไร และก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากเธอกับเขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แฟนกันคู่ไหนๆ เขาก็นอนด้วยกันทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ เขากับเธอสถานะยังไม่ชัดเจน ไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้ว คนอย่างเขาต่อให้ไม่ต้องเป็นแฟนกัน ก็ทำอะไรๆเธอได้ ของชอบเสียอีก แต่ที่เขายังไม่ได้จัดการเธอ ทั้งๆที่ก็พอมองออกว่าเธอเองก็ไม่ได้หวงเนื้อหวงตัวกับเขาขนาดนั้น ถ้าเขาจะทำ เธอก็น่าจะยินยอมเสียด้วยซ้ำ แต่ที่เขาเลือกจะไม่ทำ เพราะเธอไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้ เธอเป็นคนที่แม่เขาอยากได้เป็นสะใภ้ แน่นอนว่าถ้าเขาไปจิ้มเธอเข้าให้แล้ว งานแต่งงานต้องจัดรอท่าเขาไม่เกินสามเดือนนับจากนี้แน่นอน
ถึงแม้ว่าเธอจะสวย หวาน แอบเซ็กซี่ น่ารักและน่าฟันขนาดไหน แต่เขาก็คงยังไม่คิดสั้น เอาชีวิตอิสระไปผูกติดกับเธอเร็วขนาดนั้น รอให้เขาชัวร์ว่าเธอคือคำตอบสุดท้ายแน่ๆแล้ว ค่อยทบต้นทบดอกกับเธอก็ยังไม่สาย
แต่ไอ้เขามันก็เป็นผู้ชายมีเลือดเนื้อและความต้องการสูงปรี๊ดคนหนึ่ง และแน่นอนว่าในตอนนี้ ที่เขายังมีชีวิตอิสระเต็มที่ เขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะนอนกับใครก็ได้ ซึ่งเขาเลือกที่จะนอนกับพวกที่ทำอาชีพด้านนี้โดยตรงหรือพวกรักสนุกไม่คิดผูกพันเหมือนกันมากกว่า เพราะฉะนั้น เธอยังเป็นของต้องห้ามของเขาอยู่ ถ้ายังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน อย่าไปหลวมตัวหน้ามืดปล้ำเธอเลยทีเดียว
“ทานข้าวเสร็จแล้ว เราไปดูหนังกันนะคะพี่ปัถย์”
เธอเอ่ยชวนเขาเป็นครั้งแรก ปกติแล้ว จะเป็นเขาเสียทุกครั้งที่เอ่ยปากชวนเธอออกไปไหนมาไหน นั่นคงเป็นเพราะว่า เธออาจรู้สึกว่าสนิทสนมกับเขามากขึ้นแล้วก็เป็นได้ จึงเริ่มแสดงท่าทีและคำพูดให้เขาขนลุกได้หลายครั้งในวันนี้ ที่ขนลุกนี่ก็ไม่ใช่เพราะกลัวหรือรังเกียจ แต่ขนลุกเพราะความรู้สึกของชายหนุ่มมันเตลิดเปิดเปิงไปต่างหาก จนต้องเอาความขรึมและพูดน้อยที่เป็นบุคลิกเฉพาะตัวของเขาเข้าข่มเสียหลายครั้ง
“อ๊า อ๊า คุณปัถย์ อื้อ หนูนาไม่ไหวแล้วค่ะ”
สองร่างโยกขยับตอกกระแทกกันอย่างรุนแรง จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นลั่นห้อง หญิงสาวใต้ร่างกรีดร้องครวญครางมานานนับชั่วโมงจนเสียงแหบแห้ง ชายหนุ่มกลัดมันที่อยู่ด้านบนก็ยังไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ เขาตั้งหน้าตั้งตากระแทกกระทั้นร่องรักของเธออย่างแรงชนิดที่ว่าไม่มีคำว่าปรานีจนเธอเริ่มรู้สึกเจ็บระบม ไม่รู้ว่าชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ไปโกรธใครมา ถึงได้ดุดันซอยเอวถี่ยิบขนาดนี้
มือแกร่งของเขาบีบขยำบนร่างเธออย่างแรงในทุกส่วน ยิ่งเขาเมามันและเข้าใกล้เส้นชัย อารมณ์ของเขายิ่งพุ่งทะยานสูงสุดยากที่จะดับ มือแกร่งข้างหนึ่งยกขึ้นไปบีบคอสาวสวยเซ็กซี่ใต้ร่างเอาไว้เบาๆ เขาเกร็งข้อมือเพราะกลัวว่าอารมณ์ปรารถนาและอารมณ์โกรธเกรี้ยวดิบเถื่อนในตัวเขาจะทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่เป็นอยู่
สะโพกสอบกระแทกถี่ยิบซอยกระชั้นก่อนเกร็งกระตุกคำรามลั่นห้อง ปลดปล่อยความใคร่ออกมาจนเต็มปลอกป้องกัน เมื่ออาการเกร็งกระตุกหยุดลง เขาก็ดึงแกนกายใหญ่โตนั้นออกมาจากร่องรักที่บวมเป่งของสาวสวยใต้ร่างทันที แล้วรูดปลอกป้องกันนั้นทิ้งลงไปกองรวมกันกับอันก่อนหน้าในถังขยะข้างเตียงอย่างรวดเร็ว
เขาลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันที่เอวสอบหลวมๆ อย่างหมิ่นเหม่ ก่อนมองไปยังกลางเตียงก็เห็นหญิงสาวที่เขาซื้อมานอนด้วยเพื่อระบายความต้องการทางร่างกาย นอนอ่อนระทวยบอบช้ำอย่างน่าสงสาร
“ขอโทษด้วยที่รุนแรง เดี๋ยวฉันจะจ่ายให้เธอเพิ่มเป็นค่าชดเชยแล้วกัน”
เขาหยิบเงินสดออกมาจากกระเป๋าปึกใหญ่เป็นค่าทำขวัญสาวสวยที่ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยนิ้วมือของเขาเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ที่ลำคอ ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเกร็งข้อมือไม่ให้เธอต้องเจ็บมากมายแล้วก็ตาม
ที่เป็นแบบนี้ต้องโทษผู้หญิงสารเลวคนนั้นเพียงคนเดียว ตั้งแต่เธอคนนั้นทิ้งเขาไป ไม่ว่าเขาจะหลับนอนกับใคร ก็จะเห็นใบหน้าของผู้หญิงใต้ร่างเป็นหน้าของเธอคนนั้นเสมอ ความโกรธแค้นมันทำให้เขาเผลอตัวลงมือกระทำรุนแรงกับคู่นอนเขาทุกครั้งเหมือนกัน
“เธอออกไปได้แล้ว ขอบใจมาก”
วันนี้หลังจากที่เขาไปส่งจิดาภาแล้ว ก็รีบตรงดิ่งมาที่คอนโดมิเนียมหรูของตนเองทันที เพราะเขาเรียกใช้บริการสาวไซด์ไลน์และให้เธอมารอเขาอยู่ที่ล็อบบี้คอนโดแล้ว ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าวันนี้จิดาภาสาวเรียบร้อยขยันอ่อยเขาเหลือเกิน ทั้งจับมือ ทั้งควงแขนในโรงหนัง เอาหน้าอกใหญ่โตของเธอมาถูที่แขนของเขา ไอ้เขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เจอสาวสวยเจ้าเสน่ห์ทำแบบนั้นเข้าไป เขาก็ถึงขั้นต้องรีบใช้บริการสาวไซด์ไลน์กันเลยทีเดียว
เขาเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนที่จะกลับไปนอนที่บ้านเหมือนทุกคืน โดยไม่ลืมที่จะหยิบตะกร้าถังขยะที่มีเศษซากน้ำรักในถุงยางอนามัยชั้นดีที่กองรวมกันอยู่ในนั้นถึงสามชิ้นเอาเข้าห้องน้ำไปเททิ้งในชักโครกด้วย
เมื่อเขาออกจากห้องน้ำมา ก็ไม่เจอเธอคนนั้นแล้ว มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาเรียกใช้บริการสาวไซด์ไลน์ หรือแม้กระทั่งคู่นอนคู่ควงหรือใครก็ตามที่เขามีสัมพันธ์ด้วย เขาไม่เคยนอนค้างคืนด้วยสักครั้ง เมื่อทุกอย่างจบ ก็แยกย้าย ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เขาก็ต้องกลับบ้าน และตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยมาดท่านรองประธานคนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่เจ้าปราณต์มันยังไม่ตื่นมากินข้าวหรอเนี่ย จะเที่ยงแล้วนะ” ปรินทร์ พี่ชายคนโตเอ่ยถามถึงน้องชายคนที่สาม กับปุณณัตถ์ น้องชายคนสุดท้องที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนในช่วงเวลาอาหารมื้อเที่ยง หลังจากวันแต่งงานของปรมัตถ์กับอริสาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ซึ่งพอได้ยินดังนั้น พ่อแม่ของพวกเขาก็หันมามองเพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน “อยู่ที่ไหนล่ะครับ กลับกรุงเทพไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ปุณณัตถ์ ดาราหนุ่มรูปหล่อได้ทีรีบฟ้อง เพราะงอนพี่ชายคนนี้หน่อยๆ มีอย่างที่ไหน สองครั้งแล้วที่นอนห้องเดียวกัน แต่ปล่อยให้เขานอนอยู่ในห้องนอนคนเดียวจนเกือบเช้า ส่วนตัวเองโน่น ไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น คุยสักพักก็นั่งดูอะไรผ่านกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อมาในโทรศัพท์ก็ไม่รู้ นั่งจ้องนอนจ้องอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ใส่ใจน้องชายคนเล็กอย่างเขาเลย “มันจะรีบกลับไปไหน นานๆได้มาเที่ยวกันทั้งครอบครัวทีนึง” ปรินทร์อดที่จะบ่นไม่ได้ เพราะเขากับภรรยาสาวค่อนข้างจะงานรัดตัว ไหนจะลูกที่ยังเล็กมาก กว่าจะมีโอกาสได้มารวมตั
“อ๊า ซี๊ดดดดด พอนะคะ” “ครับ” เขาใช้ฝักบัวฉีดล้างทำความสะดาดส่วนนั้นให้กับเธอจนสะอาดหมดจด แล้วฉกวูบลงมาจูบหนักๆบนติ่งเกสรสาวที่บวมเป่งเพราะความปรารถนาของเธอทันที “อ๊ะ ปัถย์คะ” ลิ้นร้อนไม่ยอมน้อยหน้า มันตวัดระรัวที่ติ่งนั่นจนกายสาวสั่นสะท้าน จนต้องจิกทึ้งเส้นผมที่กลางศีรษะของเขาเพื่อระบายอารมณ์ “ปัถย์ พอเถอะ ริสาไม่ไหว อ๊ะ อ๊ะ เสียววววว” ฟังที่ไหน เจ้าบ่าวกลัดมันยังคงเดินหน้าทรมานเธอต่อไปด้วยเรียวลิ้นอันร้ายกาจของเขา เขาเริ่มจ้วงแทงมันลงไปในร่องรักของเธอไม่ยั้งจนเกิดเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะลามก แต่ยิ่งเร้าอารมณ์ให้เธอเตลิดเปิดเปิงไปไกล อริสาเด้งส่วนนั้นเข้าใส่ลิ้นของเขาตามจังหวะการจ้วงแทง เธอเสียวเหลือเกิน จนอยากให้เขากระทำรุนแรงกับเธอมากกว่านี้ จึงได้ใจกล้าเอ่ยร้องขอออกไป “อ๊าย อ๊าย ปัถย์ขา แรงๆ ริสาเสียวววว อ๊ายยย” มือน้อยยกขึ้นมาบีบขยำหน้าอกตัวเองอย่างที่เขาเคยทำให้เป็นประจำ สะโพกก็เกร
ทางเดินที่ทอดยาว บนหาดทรายขาวละเอียด ที่ด้านข้างมีเสาไม้เตี้ยๆ เรียงราย บนหัวเสามีช่อดอกไม้ในธีมสีเขียวขาวประดับเอาไว้และพันด้วยผ้าสีขาวพลิ้วไหวทุกต้น หนุ่มสาวเดินคล้องแขนกันไปตามทางเดินนั้น สาวสวยในชุดลูกไม้ฝรั่งเศสเปิดไหล่มีระบาย กระโปรงแคบก่อนปล่อยชายบานออกเป็นหางปลา ผมหยักสีน้ำตาลอ่อน รวบขึ้นเกล้าระท้ายทอยถักเปียวนทั่วศีรษะ ก่อนประดับดอกไม้เล็กๆแซมตามผมนั้น ใบหน้าสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสีหวาน เน้นขับความงามตามธรรมชาติของเจ้าสาวคนสวย ที่เดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีดำ ทั้งคู่กำลังเดินไปยังซุ้มไม้ขนาดใหญ่ที่มีผ้าสีขาวพลิ้วบางพันเอาไว้อย่างสวยงาม และประดับด้วยช่อดอกไม้ธีมเดียวกันกับที่ประดับตามเสาเตี้ยๆนั้นโดยทุกย่างก้าวที่เดินผ่านไป ก็มีกลีบกุหลาบสีขาวโปรยปรายไปตลอดทาง งานแต่งงานริมชายหาดในฝันของปรมัตถ์กับอริสา ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามและเรียบง่าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสวยงามและชื่นมื่นของเหล่าบรรดาญาติๆและเพื่อนสนิท รวมทั้งลูกสาวตัวน้อยในชุดแบบเดียวกันกับคนเป็นแม่ ที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นย่าตลอดเวล
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เอาเสื้อผ้าและตุ๊กตากระต่ายมาให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อย ก็กำลังจะกลับเข้าห้อง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือก้องภพ ผู้ชายที่เขาเคยคิดว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอ “อ้าว พี่ก้อง มาตอนไหนคะ ทำไมไม่โทรหาริสาละคะ มายืนรอนานแล้วหรอ เข้าห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยทักทายและโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจ เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขามาหา ก้องภพมองข้ามไหล่ของหญิงสาวไปยังชายหนุ่มหล่อด้านหลัง ก็ต้องแปลกใจ นี่มันเจ้าของโรงแรมคนใหม่ ทำไมมาเดิมตามหลังริสาของเขาต้อยๆแบบนี้ “เพิ่งมาถึงเองครับ เอ่อ สวัสดีครับคุณปัถย์” “สวัสดีครับ” ท่าทางชักจะยังไงยังไง ผู้ชายด้วยกันมองกันออก ปรมัตถ์คนนี้มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม้ริมฝีปากจะพยายามยิ้ม แต่ดวงตานั่นไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย แต่เท่าที่รู้มา เขามีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้แล้วนี่นา ทำไมถึงมาทำท่าหวงก้างอริสาของเขาแบบนี้ “เข้าห้องก่อนนะคะ”
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงโรงแรมได้ ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของแม่เขา เพื่อที่จะไปบอกข่าวดีและไปรับลูกสาวตัวน้อยเพื่อพาไปทำงานด้วยในทันที แต่พวกเขาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่พ่อแม่และน้องชายของเขาเท่านั้น แต่มีพ่อและแม่ของจิดาภา รวมทั้งเจ้าตัวที่กำลังเป็นโจทก์ของเขาในตอนนี้ด้วย “กลับมาแล้วหรอตาปัถย์ ริสา เข้ามาก่อนสิลูก” ปรมัตถ์กับอริสายกมือไหว้ผู้ใหญ่ผู้มาใหม่สองคนในห้องอย่างนอบน้อม แต่สิ่งที่ได้มาคือการเมินเฉยและเชิดใส่ โดยเฉพาะจันทร์จิรา มารดาของจิดาภา รายนั้นเชิดหน้าเสียจนคอแทบหักอยู่แล้ว “มานั่งคุยกันก่อนลูก” ปราบเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้ ให้มานั่งลงเพื่อที่จะพูดคุยตกลงกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงให้รู้เรื่อง “ตาปัถย์ทำอย่างนี้กับลูกสาวน้าได้ยังไง ลูกสาวน้าไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนนะ คิดจะชอบก็เข้าหา พอได้สมใจก็ถีบหัวส่ง” ปรมัตถ์หัวคิ้วย่นแทบชนกัน ทำไมผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเขาฟันจิดาภาแล้วทอดทิ้งแบ
ครืด ครืด ครืด โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นขึ้น ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่กับลูกและเมีย ที่ห้องอาหารของโรงแรม ใจจริงเขายังไม่อยากออกไปไหน เพราะไม่อยากเจอกับคู่หมั้นสาว แต่ลูกสาวตัวน้อยดันรบเร้าอยากออกมาเดินเล่นริมสระน้ำ พ่อกับแม่จึงจำเป็นต้องตามใจลูก เพราะวันนี้ทั้งวัน ก็ขังให้เธออุดอู้อยู่แต่ในห้องแล้ว “จีด้าโทรมา ผมไม่อยากรับเลย” เขายกหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูแล้วก็แทบอยากวางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม “รับเถอะค่ะ จะได้รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไร” เมื่อเมียสุดที่รักพูดแบบนั้น ก็จำเป็นต้องทำตามสินะ “ครับ จีด้า” “พี่ปัถย์อยู่ไหนคะ จีด้าขนกระเป๋าเข้าไปอยู่ในห้องพี่ตั้งแต่บ่าย จีด้าเพลียหลับไป ตื่นขึ้นมาพี่ก็ยังไม่กลับ ไปอยู่กับแม่นั่นหรอ” เธอส่งเสียงดังโวยวายมาตามสายจนคนที่นั่งข้างๆยังได้ยิน “เรียกริสาให้ดีๆหน่อยจีด้า อย่างน้อยเขาก็แก่กว่าจีด้าหลายปี”