ระหว่างที่เธอกับก้องภพกำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นไปเห็นชายหนุ่มรูปงามที่แสนคุ้นเคย เดินควงคู่มากับหญิงสาวสวยหวานซ่อนเปรี้ยวคนหนึ่ง เขาตวัดสายตาเรียบเฉยขึ้นมองเธอ ก่อนเดินเลยโต๊ะของเธอไปโดยไม่สนจะจะมองมาที่เธออีกแม้เพียงหางตา
ความสนิทสนมของหนุ่มสาวคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกนั้น ทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอวูบโหวงเต้นแกว่งไกว จังหวะของมันช้าลงอย่างต่อเนื่องจนเหมือนว่ามันจะหยุดเต้น จนเธอต้องถอนหายใจออกมายาวๆครั้งหนึ่งเพื่อลดความกดดันปวดหน่วงในหน้าอกข้างซ้ายของเธอ
เธอแอบเหลือบสายตาไปมองเขาที่นั่งหันหน้าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ ก็เห็นเขายิ้มแย้มมีความสุข ดวงตาหวานเชื่อมจ้องมองไปที่สาวสวยคนนั้นไม่วางตา นี่คงเป็นคนรักใหม่ของเขาสินะ เผลอๆอาจเป็นภรรยาที่แต่งงานกันแล้วก็ได้
ความรู้สึกแน่นในอกกลับมาอีกครั้ง เขาจะมีใครมันก็เรื่องของเขา ทุกอย่างมันจบลงไปนานแล้ว จบลงเพราะเธอ แล้วคนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึก ความจริง ในวันนี้ที่เธอเห็นเขามีความสุข มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างที่เขาใฝ่ฝัน เธอน่าจะต้องยินดีไปกับเขาสิถึงจะถูก
“ริสา ทานเยอะๆนะครับ เดี๋ยวกลับไปหาน้องปั้นหยาก็โดนลูกบ่นเอาหรอก”
เมื่อนึกถึงลูกสาวตัวน้อย หน้าตาจิ้มลิ้มละม้ายคล้ายคนเป็นพ่อทุกกระเบียดนิ้วก็ต้องอมยิ้ม อย่างน้อยๆ เรื่องเลวร้ายที่สวรรค์เล่นตลกกับชีวิตเธอ ก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมาหนึ่งเรื่อง นั่นคือการมีน้องปั้นหยา ลูกสาวสุดน่ารักของเธอเกิดมาบนโลกใบนี้เพื่อเป็นตัวแทนของเขา ผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ
ถามว่าหลังจากที่เธอรู้ตัวแล้วว่าตั้งท้อง ทำไมเธอไม่กลับไปหาเขา ให้เขารับผิดชอบแล้วแต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ขอตอบเลยว่าเธอไม่กล้า เธอละอายเกินไปที่จะทำแบบนั้น เธอทิ้งเขามาอย่างใจดำที่สุด หายจากชีวิตเขาไปเป็นเดือนๆ แล้วอยู่ๆก็จะอุ้มท้องซมซานกลับไปให้เขารับผิดชอบหรือ เขาคงไล่ตะเพิดเธอออกมาแทบไม่ทัน และอีกอย่างคือเธอลบช่องทางที่จะสามารถติดต่อเขาไปหมดแล้วทุกช่องทาง เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาพบเจอกันให้ปวดใจอีก หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็โทรหาเพื่อนร่วมรุ่นชาวอังกฤษที่อาจได้ข่าวคราวของเขาบ้าง เธอคนนั้นก็บอกเพียงว่า เขากลับไทยไปแล้ว ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าบ้านช่องเขาอยู่ที่ไหน ไม่มีทางเลยที่เธอจะหาเขาเจอ ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่รับผิดชอบผลของการกระทำของเธอแต่เพียงผู้เดียว
“ริสาคิดถึงลูกจังเลยค่ะ ยิ่งช่วงนี้เพิ่งเริ่มวางระบบใหม่ ไม่รู้จะได้ว่างกลับไปหาลูกได้อีกเมื่อไหร่”
“งั้นเอางี้ วันหยุดยาวนี้ พี่พาปั้นหยามาหาริสาที่นี่ดีไหมครับ”
“รบกวนพี่ก้องเปล่าๆค่ะ เด็กเล็กไม่ได้ดูแลง่ายๆแบบที่พี่ก้องคิดนะคะ”
“รบกวนอะไรกันริสา ริสาก็รู้ว่าพี่คิดยังไงกับริสา และพี่ก็รักปั้นหยาเหมือนลูกแท้ๆ เรื่องแค่นี้ ทำไมพี่จะทำให้คนที่พี่รักไม่ได้”
“พี่ก้อง ริสาไม่อยากให้พี่มาจมปลักอยู่ที่ริสากับลูก พี่ควรจะต้องมีอนาคตที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น พี่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอเธอคนนั้นเถอะค่ะ”
“ก็ริสากับลูกไง คือคนที่พี่ต้องการคนนั้น”
“พี่ก็รู้ว่าพ่อแม่พี่รังเกียจริสากับลูก ไม่มีทางหรอกค่ะที่ท่านจะยอมรับสิสา”
“พี่ไม่สน พี่โตแล้วนะครับ ตอนนี้ก็มีธุรกิจของตัวเองแล้ว พี่ดูแลริสากับลูกได้โดยไม่ต้องพึ่งพาบารมีพ่อแม่ ถ้าริสาให้โอกาสพี่..”
“อย่าต้องมาผิดใจกับพ่อแม่เพราะผู้หญิงที่ไม่มีค่าคู่ควรอย่างริสาเลยค่ะ”
“ริสา ไม่พูดแบบนั้นครับ ทำไมริสาจะไม่มีค่า พี่รักริสามาก ริสามีค่ากับพี่ที่สุด ไม่ว่าริสาจะผ่านอะไรมา พี่ก็ยังรัก ริสาเปิดโอกาสให้พี่หน่อยได้ไหมครับ”
มือใหญ่อบอุ่นเอื้อมไปกุมมือเธอเอาไว้ที่กลางโต๊ะ การกระทำที่สนิทสนมของทั้งคู่ อยู่ในสายตาคมกริบของคนที่นั่งโต๊ะถัดไปอยู่ตลอดเวลา คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความขัดใจ มือกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นตามลำแขนแกร่ง เขาไม่พอใจกับภาพความสนิทสนมของหนุ่มสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก
ผู้ชายคนนี้สินะ ที่ทำให้เธอทิ้งเขามาอย่างเลือดเย็นที่สุด วันนี้ยังตามมาสวีทหวานโชว์ให้เขาเห็น ตอกย้ำรอยแผลเป็นที่มันยังอักเสบเลือดซิบๆของเขาอีกต่างหาก
ผู้หญิงแพศยา เขาสบถคำนั้นในใจ อยากตรงเข้าไปกระชากมือของไอ้หมอนั่นออกจากมือของเธอ แล้วจับเธอมากระแทกจูบแรงๆ ให้สะใจกับความร่านและใจง่ายของเธอนัก
ปรมัตถ์ถอนหายใจแรงๆหลายครั้ง เขาตั้งสติแล้วหันกลับมาสนใจผู้หญิงที่มีค่าตรงหน้าดีกว่า
“จีด้าครับ พี่ขอโทษนะ ที่เกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเลยเถิดไปแบบนั้น พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ”
หญิงสาวแก้มแดงก้มหน้างุด หลบสายตาคมที่มีแววสำนึกผิดของเขาอย่างเอียงอาย เธอจะไม่ซักไซ้เขาถึงเรื่องผู้หญิงที่ชื่อ ริสา ที่เขาหลุดออกมาเมื่อคืนอีก เพราะคนรักอิสระอย่างเขาคงไม่ชอบใจนักที่เธอจะมาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวและจุกจิกจู้จี้ ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกับเขาเลย ถ้าเธออยากรู้เดี๋ยวค่อยหาทางสืบเอา หรือบางทีอาจไม่จำเป็นต้องสืบอะไรก็ได้ เพราะอย่างไรเสีย ในตอนนี้ เขาก็มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ปัถย์ จีด้าก็ไม่ได้ขัดขืน จะโทษพี่ปัถย์ได้อย่างไรคะ”
ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทีเขินอายของเธอ เวลาอยู่บนเตียงก็ท่าทางร้อนแรง แต่เวลาอยู่ในอารมณ์อื่น ก็เขินอายอย่างน่ารัก เหมือนกับเธอคนนั้นไม่มีผิดเลยจริงๆ
ดวงตาคมเหลือบไปมองยังหนุ่มสาวสองคนนั้นที่ยังคงนั่งกุมมือกันบนโต๊ะไม่ยอมปล่อย นี่ขนาดห้องอาหารยังถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ ในที่ลับตาคนอย่างในห้องนอน เธอคงนอนอ้าซ่าให้ไอ้หมอนั่นมันกระแทกแล้วนอนกรีดร้องครวญครางแทบขาดใจเหมือนที่เคยทำกับเขาสินะ
กรามแกร่งขบกันแน่น ก่อนรีบเบือนสายตากลับมาที่คู่สนทนาที่ควรจะน่าสนใจกว่าผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นในตอนนี้
“พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก พี่จะระวังตัวพี่ให้มากกว่านี้ จะไม่ทำให้จีด้าเสียหายอีกครับ”
“ขอบคุณที่ให้เกียรติจีด้านะคะ”
แม้ในใจจะแอบขัดใจกับความเป็นสุภาพบุรุษและความทึ่มของเขานิดหน่อย แต่ก็แสร้งทำส่งยิ้มหวานให้กับเขาไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขาถึงมีท่าทีระวังตัวกับเธอขนาดนี้ ทั้งๆที่ตัวตนจริงๆแล้ว เขาออกจะเป็นที่กล่าวขานถึงเรื่องการเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย
“เดี๋ยวบ่ายๆ จีด้ากลับเลยนะคะ หายมาสองวันแล้ว ที่ร้านคงวุ่นวายแย่”
“บ่ายพี่มีประชุม ไปส่งจีด้าไม่ได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ จีด้าใช้บริการรถตู้ของโรงแรมได้ค่ะ แค่นี้เอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
เมื่อเลิกงาน เขาก็ตรงดิ่งไปที่คลับของทางโรงแรมเพื่อหาเครื่องดื่มดีกรีแรงๆ ดับความร้อนรุ่มในจิตใจทันที เขานั่งดื่มคนเดียวอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยิ่งมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด ความรู้สึกหึงหวงไม่พอใจ โกรธแค้นผู้หญิงคนนั้นมันยิ่งพลุ่งพล่านผสมปนเปกันไปหมดจนยากจะแยกออก จึงตัดสินใจกลับห้องพัก VIP ของทางโรงแรมทันที
ท่านประธานหนุ่มหล่อเดินออกจากลิฟต์ได้ก็รีบเดินเร็วๆผ่านห้องหนึ่งไป บนชั้น VIP นี้มีห้องพักเพียง 2 ห้องเท่านั้น ห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในเป็นของเขา ส่วนห้องที่เขาเพิ่งเดินผ่านไปนั้นเป็นห้องของใครเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของ
ในขณะที่เขากำลังแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้องของตัวเองอยู่นั้น ก็มีเสียงเปิดประตูจากด้านในของห้องที่เขาเพิ่งเดินผ่านมา ความสงสัยทำให้เขาหันกลับไปมองห้องนั้นอีกครั้ง และก็ต้องกัดกรามแกร่งจนสันกรามขึ้นนูน มือใหญ่ทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดขึ้นตามข้อมือ เพราะภาพตรงหน้าที่เขาเห็น คือเธอ ผู้หญิงสารเลวคนนั้น เปิดประตูออกมาพร้อมกับไอ้ผู้ชายหน้าอ่อนรูปหล่อนั่น ท่าทีสนิทสนมหัวร่อต่อกระซิกยิ่งทำให้เขาใจเต้นรัว
ผู้ชายคนนั้นลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมาจากห้องเธอ พร้อมโผเข้ากอดกันแน่นเป็นการล่ำลา เธอยืนมองส่งผู้ชายคนนั้นจนหายเข้าไปในลิฟต์ ในขณะที่เธอกำลังหมุนตัวจะกลับเข้าห้อง ก็ปะทะสายตาเข้ากับดวงตาคมกริบที่แดงก่ำลุกโชนด้วยเปลวไฟจนเธอชะงักเท้าค้าง
“คุณปัถย์”
“หึ”
เขาแค่นหัวเราะในลำคอหนึ่งครั้งเป็นการเย้ยหยันเธอ ก่อนเปิดประตูเข้าห้องของตัวเองไป ตามด้วยเสียงปิดประตูอย่างแรงดังปัง
ดวงตากลมโตเศร้าสร้อยมองเขาหายเข้าไปในห้องด้วยความเจ็บแปลบในหัวใจ ดูจากท่าทางเขาคงกำลังเข้าใจเธอกับก้องภพผิด คงคิดว่าเราสองคนอยู่ห้องเดียวกันสินะ ความจริงแล้ว เขาก็แค่มาบอกลา เพราะบังเอิญว่ามีธุระด่วนที่กรุงเทพ จึงต้องรีบกลับกะทันหันอย่างนี้ และเธอก็ฝากตุ๊กตาที่เธอเพิ่งหาซื้อมาไปให้ลูกสาวของเธอเท่านั้นเอง แต่ไม่เป็นไร เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขาจะเข้าใจว่าเธอเป็นอะไรกับใครก็ไม่ได้มีผลต่อการทำงานร่วมกัน
“โถ่เว้ย แม่ง คุณมันผู้หญิงแพศยา มารยา คนหลอกลวง คุณออกไปจากหัวของผมซะทีสิวะ”
เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมใช้มือเสยผมลวกๆอย่างหงุดหงิดหลายครั้ง ก่อนตามมาด้วยคำสบถหยาบคายอีกเป็นขบวน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไปเห็นภาพบาดตาของผู้หญิงเจ้ามารยาคนนั้นคนเดียว
“หึ ส่งผัวใหม่กลับไปแล้วหรอ ดี เตรียมต้อนรับผัวเก่าคนนี้ไว้ให้ดี ฉันจะเอาคืนช่วงเวลาสี่ปีที่ฉันเสียไป จะเอาเธอให้ยับแล้วถีบเธอตกสวรรค์ เอาให้ไอ้ผัวใหม่มันรับไม่ได้แล้วเขี่ยเธอทิ้ง ทีนี้เธอได้กระอักเลือดตายแน่ ริสา”
“นี่เจ้าปราณต์มันยังไม่ตื่นมากินข้าวหรอเนี่ย จะเที่ยงแล้วนะ” ปรินทร์ พี่ชายคนโตเอ่ยถามถึงน้องชายคนที่สาม กับปุณณัตถ์ น้องชายคนสุดท้องที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนในช่วงเวลาอาหารมื้อเที่ยง หลังจากวันแต่งงานของปรมัตถ์กับอริสาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ซึ่งพอได้ยินดังนั้น พ่อแม่ของพวกเขาก็หันมามองเพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน “อยู่ที่ไหนล่ะครับ กลับกรุงเทพไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ปุณณัตถ์ ดาราหนุ่มรูปหล่อได้ทีรีบฟ้อง เพราะงอนพี่ชายคนนี้หน่อยๆ มีอย่างที่ไหน สองครั้งแล้วที่นอนห้องเดียวกัน แต่ปล่อยให้เขานอนอยู่ในห้องนอนคนเดียวจนเกือบเช้า ส่วนตัวเองโน่น ไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น คุยสักพักก็นั่งดูอะไรผ่านกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อมาในโทรศัพท์ก็ไม่รู้ นั่งจ้องนอนจ้องอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ใส่ใจน้องชายคนเล็กอย่างเขาเลย “มันจะรีบกลับไปไหน นานๆได้มาเที่ยวกันทั้งครอบครัวทีนึง” ปรินทร์อดที่จะบ่นไม่ได้ เพราะเขากับภรรยาสาวค่อนข้างจะงานรัดตัว ไหนจะลูกที่ยังเล็กมาก กว่าจะมีโอกาสได้มารวมตั
“อ๊า ซี๊ดดดดด พอนะคะ” “ครับ” เขาใช้ฝักบัวฉีดล้างทำความสะดาดส่วนนั้นให้กับเธอจนสะอาดหมดจด แล้วฉกวูบลงมาจูบหนักๆบนติ่งเกสรสาวที่บวมเป่งเพราะความปรารถนาของเธอทันที “อ๊ะ ปัถย์คะ” ลิ้นร้อนไม่ยอมน้อยหน้า มันตวัดระรัวที่ติ่งนั่นจนกายสาวสั่นสะท้าน จนต้องจิกทึ้งเส้นผมที่กลางศีรษะของเขาเพื่อระบายอารมณ์ “ปัถย์ พอเถอะ ริสาไม่ไหว อ๊ะ อ๊ะ เสียววววว” ฟังที่ไหน เจ้าบ่าวกลัดมันยังคงเดินหน้าทรมานเธอต่อไปด้วยเรียวลิ้นอันร้ายกาจของเขา เขาเริ่มจ้วงแทงมันลงไปในร่องรักของเธอไม่ยั้งจนเกิดเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะลามก แต่ยิ่งเร้าอารมณ์ให้เธอเตลิดเปิดเปิงไปไกล อริสาเด้งส่วนนั้นเข้าใส่ลิ้นของเขาตามจังหวะการจ้วงแทง เธอเสียวเหลือเกิน จนอยากให้เขากระทำรุนแรงกับเธอมากกว่านี้ จึงได้ใจกล้าเอ่ยร้องขอออกไป “อ๊าย อ๊าย ปัถย์ขา แรงๆ ริสาเสียวววว อ๊ายยย” มือน้อยยกขึ้นมาบีบขยำหน้าอกตัวเองอย่างที่เขาเคยทำให้เป็นประจำ สะโพกก็เกร
ทางเดินที่ทอดยาว บนหาดทรายขาวละเอียด ที่ด้านข้างมีเสาไม้เตี้ยๆ เรียงราย บนหัวเสามีช่อดอกไม้ในธีมสีเขียวขาวประดับเอาไว้และพันด้วยผ้าสีขาวพลิ้วไหวทุกต้น หนุ่มสาวเดินคล้องแขนกันไปตามทางเดินนั้น สาวสวยในชุดลูกไม้ฝรั่งเศสเปิดไหล่มีระบาย กระโปรงแคบก่อนปล่อยชายบานออกเป็นหางปลา ผมหยักสีน้ำตาลอ่อน รวบขึ้นเกล้าระท้ายทอยถักเปียวนทั่วศีรษะ ก่อนประดับดอกไม้เล็กๆแซมตามผมนั้น ใบหน้าสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสีหวาน เน้นขับความงามตามธรรมชาติของเจ้าสาวคนสวย ที่เดินเคียงคู่มากับชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีดำ ทั้งคู่กำลังเดินไปยังซุ้มไม้ขนาดใหญ่ที่มีผ้าสีขาวพลิ้วบางพันเอาไว้อย่างสวยงาม และประดับด้วยช่อดอกไม้ธีมเดียวกันกับที่ประดับตามเสาเตี้ยๆนั้นโดยทุกย่างก้าวที่เดินผ่านไป ก็มีกลีบกุหลาบสีขาวโปรยปรายไปตลอดทาง งานแต่งงานริมชายหาดในฝันของปรมัตถ์กับอริสา ถูกจัดขึ้นอย่างสวยงามและเรียบง่าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความสวยงามและชื่นมื่นของเหล่าบรรดาญาติๆและเพื่อนสนิท รวมทั้งลูกสาวตัวน้อยในชุดแบบเดียวกันกับคนเป็นแม่ ที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นย่าตลอดเวล
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เอาเสื้อผ้าและตุ๊กตากระต่ายมาให้ลูกสาวเสร็จเรียบร้อย ก็กำลังจะกลับเข้าห้อง แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือก้องภพ ผู้ชายที่เขาเคยคิดว่าเป็นแฟนใหม่ของเธอ “อ้าว พี่ก้อง มาตอนไหนคะ ทำไมไม่โทรหาริสาละคะ มายืนรอนานแล้วหรอ เข้าห้องก่อนนะคะ” หญิงสาวเอ่ยทักทายและโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจ เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่เขามาหา ก้องภพมองข้ามไหล่ของหญิงสาวไปยังชายหนุ่มหล่อด้านหลัง ก็ต้องแปลกใจ นี่มันเจ้าของโรงแรมคนใหม่ ทำไมมาเดิมตามหลังริสาของเขาต้อยๆแบบนี้ “เพิ่งมาถึงเองครับ เอ่อ สวัสดีครับคุณปัถย์” “สวัสดีครับ” ท่าทางชักจะยังไงยังไง ผู้ชายด้วยกันมองกันออก ปรมัตถ์คนนี้มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม้ริมฝีปากจะพยายามยิ้ม แต่ดวงตานั่นไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย แต่เท่าที่รู้มา เขามีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงานกันในเร็วๆนี้แล้วนี่นา ทำไมถึงมาทำท่าหวงก้างอริสาของเขาแบบนี้ “เข้าห้องก่อนนะคะ”
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงโรงแรมได้ ก็ตรงดิ่งไปที่ห้องของแม่เขา เพื่อที่จะไปบอกข่าวดีและไปรับลูกสาวตัวน้อยเพื่อพาไปทำงานด้วยในทันที แต่พวกเขาก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่พ่อแม่และน้องชายของเขาเท่านั้น แต่มีพ่อและแม่ของจิดาภา รวมทั้งเจ้าตัวที่กำลังเป็นโจทก์ของเขาในตอนนี้ด้วย “กลับมาแล้วหรอตาปัถย์ ริสา เข้ามาก่อนสิลูก” ปรมัตถ์กับอริสายกมือไหว้ผู้ใหญ่ผู้มาใหม่สองคนในห้องอย่างนอบน้อม แต่สิ่งที่ได้มาคือการเมินเฉยและเชิดใส่ โดยเฉพาะจันทร์จิรา มารดาของจิดาภา รายนั้นเชิดหน้าเสียจนคอแทบหักอยู่แล้ว “มานั่งคุยกันก่อนลูก” ปราบเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้ ให้มานั่งลงเพื่อที่จะพูดคุยตกลงกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงให้รู้เรื่อง “ตาปัถย์ทำอย่างนี้กับลูกสาวน้าได้ยังไง ลูกสาวน้าไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนนะ คิดจะชอบก็เข้าหา พอได้สมใจก็ถีบหัวส่ง” ปรมัตถ์หัวคิ้วย่นแทบชนกัน ทำไมผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเขาฟันจิดาภาแล้วทอดทิ้งแบ
ครืด ครืด ครืด โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นขึ้น ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่กับลูกและเมีย ที่ห้องอาหารของโรงแรม ใจจริงเขายังไม่อยากออกไปไหน เพราะไม่อยากเจอกับคู่หมั้นสาว แต่ลูกสาวตัวน้อยดันรบเร้าอยากออกมาเดินเล่นริมสระน้ำ พ่อกับแม่จึงจำเป็นต้องตามใจลูก เพราะวันนี้ทั้งวัน ก็ขังให้เธออุดอู้อยู่แต่ในห้องแล้ว “จีด้าโทรมา ผมไม่อยากรับเลย” เขายกหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาดูแล้วก็แทบอยากวางคว่ำหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม “รับเถอะค่ะ จะได้รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไร” เมื่อเมียสุดที่รักพูดแบบนั้น ก็จำเป็นต้องทำตามสินะ “ครับ จีด้า” “พี่ปัถย์อยู่ไหนคะ จีด้าขนกระเป๋าเข้าไปอยู่ในห้องพี่ตั้งแต่บ่าย จีด้าเพลียหลับไป ตื่นขึ้นมาพี่ก็ยังไม่กลับ ไปอยู่กับแม่นั่นหรอ” เธอส่งเสียงดังโวยวายมาตามสายจนคนที่นั่งข้างๆยังได้ยิน “เรียกริสาให้ดีๆหน่อยจีด้า อย่างน้อยเขาก็แก่กว่าจีด้าหลายปี”