MAXWELL : PART
บ้านของแม็กซ์เวลล์ เวลา 16:30 น. "คูมพ่อ" แขนเล็กๆ กางออกกว้างเมื่อมิลินพบหน้าผมอีกครั้ง ผมยิ้มกว้างย่อตัวลงต่ำ พลางอ้าแขนรับตัวบุตรสาวเข้าสู่อ้อมกอดทันที "ลูกโป่ง" เสียงใสพูดขึ้นอย่างดีใจ มิลินปรบมือดั่งลั่น มองรอบบ้านที่ถูกประดับด้วยลูกโป่งที่สวยงาม "สวยจังเลยค่ะ มิลินชอบลูกโป่งสีขาว" "งั้นแด๊ดดี้เอาลูกโป่งสีขาวให้มิลินนะครับ" ตามนั้น ผมปลดลูกโป่งตัวที่อยู่ใกล้สุดออกมา แต่ทว่า "ไม่เอาค่ะ มิลินอยากให้ลูกโป่งสีขาวอันเล็กอยู่กับลูกโป่งอันใหญ่ๆ ค่ะ พ่อแม่ลูกต้องอยู่ด้วยกัน" ผมมองหน้าลูกสาวแล้วถึงกับชะงัก ผมรู้สึกว่าพักนี้มิลินพูดถึงอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวบ่อยมาก "คูมแม่ เมื่อไหร่มิลินจะเจอคูมแม่" ดวงตากลมโตใสแป๋วมองมาที่ผม แปลกดีนะ เกิดมามิลินไม่เคยใกล้ชิดกับแม่ด้วยซ้ำ แต่เหมือนกับโหยหา อย่างกับคนเคยพบกัน และคิดถึงกันมากมาย ครืด~ ครืด~ และเหมือนโทรศัพท์จะช่วยชีวิตผมไว้ "มีคนโทรมาครับ แด๊ดดี้ขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ" มิลินพยักหน้ารัวๆ ผมหอมแก้มบุตรสาวทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะปล่อยตัวมิลินลง เป็นจังหวะที่แม่ของผมและเวกัสเดินออกมาพอดี ผมปลีกตัวออกมาคุยโทรศัพท์ เห็นเป็นเบอร์โทรของลูกน้องที่ทำงานที่โทรเข้ามา "อืม.." [นายครับ บิ๊กเซลล์แจ้งว่า พบคุณคริสกับ เอ่อ.. สามีของเธอที่โชว์รูมใหญ่ครับ] "แน่ใจเหรอว่าใช่คริส แล้วเขาไปที่นั่นทำไม" ชื่อของอดีตภรรยาเรียกความสนใจจากผมทันที [นายสะดวกหรือเปล่าครับ ผมอยากให้นายมาดูเองมากกว่า] ผมเหลือบตามองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเพียงนิด คิดคำนวณบางอย่างเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับออกไป "แล้วเจอกัน" ผมละโทรศัพท์ออกจากหูและหมุนตัวกลับ แต่ก็ถึงกับชะงัก เมื่อพบเวกัสยืนมอง "อะไร" "มีเค้กมาส่งแล้วค่ะ ตอนอยู่ด้านในมิลินพูดถึงเรื่องแม่ใหญ่เลย พี่แม็กซ์ยังไม่บอกน้องเหรอคะว่าแม่เขาไม่มา" "ไม่จำเป็นต้องบอก พอถึงเวลา ก็แค่บอกว่าแม่เขาติดงาน เท่านั้นก็พอ" "อีกแล้วเหรอคะ มันซ้ำกับปีเดิมและปีที่แล้วอีกแล้วนะคะ กัสว่าพี่แม็กซ์ควรพูดความจริงกับน้องนะคะ" "เอาเป็นว่าฉันมีปัญญาทำให้มันแตกต่างจากทุกปีก็แล้วกัน ไม่ต้องมายุ่ง!" ผมตอบกลับด้วยความหงุดหงิด ผมรู้ก็แล้วกันว่าผมกำลังทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้เด็กแบบยัยนั่นมาสอนด้วยซ้ำไป VEGAS : PART เวลาผ่านไป บ้านของแม็กซ์เวลล์ เวลา 21:21 น. "ป้าโทรหาตาแม็กซ์ไม่ติดเลย ป่านนี้ไปอยู่ที่ไหน ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ" มารีญาพูดออกมาในขณะที่มือยังคงกดโทรศัพท์ "ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้สำคัญกับลูกแค่ไหน ตาแม็กซ์นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ" "ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณป้า กัสว่าพี่แม็กซ์อาจจะกำลังรีบกลับมา" "คูมย่า" เสียงเล็กๆ ที่ดังอยู่ทางด้านหลังส่งผลให้ฉันหมุนตัวกลับไปทันที มิลินที่อยู่ในชุดเจ้าหญิงสีขาว ผมยาวๆมัดไว้เป็นสองข้าง ดวงตากลมโตคู่นั้นคลอน้ำตา "ทำไมไม่กินขนมกับพี่อ้อยในบ้านล่ะลูก ข้างนอกยุงเยอะนะคะ" ป้ามารีญาเดินเข้าไปหาหลานสาว ย่อเข่าทั้งสองข้างลงกับพื้น แล้วจับมือหลานสาวมากุม "คูมพ่ออยู่หนาย มิลินอยากหาคูมพ่อ" "เดี๋ยวคูมพ่อก็มาแล้วค่ะ ย่าโทรตามคูมพ่อแล้ว" "คุมพ่อไปรับคูมแม่มาหามิลินเหรอคะ" คำพูดของเด็กหญิงวัยห้าขวบ ส่งผลให้หัวใจของฉันกระตุกอย่างแรง หลายวันแล้ว ที่มิลินรอคอยอย่างมีความหวัง เหมือนที่ครั้งหนึ่ง ฉันเคยคอยใครสักคนเหมือนกัน "มิลินอยากหาคูมพ่อแล้ว" คุณป้ามารีญาหันมามองฉันด้วยความหนักใจ ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าแม่มิลินไม่มา แต่ไม่มีใครยอมพูดกับมิลินตรงๆ เลย "มิลินอยากเป่าเค้ก อยากนอนกับคุณพ่อแล้วก็คูมแม่" น้ำตาที่คลอหน่วยของมิลินทำให้ฉันทนไม่ไหว ต้องทิ้งตัวลงไปนั่งข้างๆ ป้ามารีญาอีกคน "มิลินขา มิลินไปเอาของขวัญกับพี่กัสหน่อยสิคะ กล่องใหญ่มากๆ เลย" "ของขวัญมิลินเหรอคะ?" เด็กหญิงวัยห้าขวบเอียงคอมอง ตากลมโตกระพริบถี่ มองฉันเหมือนมีความหวัง "ใช่แล้วค่ะ ของขวัญของมิลินเอง ปะ ไปกับพี่กัสนะคะ" ฉันยื่นมือออกไปด้านหน้า เพื่อขอมือเล็กๆ ของมิลินแบบทุกครั้ง ซึ่งมิลินเองยอมวางมือมาทับมือฉันเช่นกัน ฉันจูงมือเด็กหญิงมาที่มุมหนึ่งของตัวบ้าน โดยมีป้ามารีญาที่เดินตาม "ว้าว~" เสียงสดใสดังขึ้นเมื่อฉันดึงผ้าคลุมกล่องของขวัญลายการ์ตูนสีขาวออกห่าง มิลินยิ้มกว้าง แล้วเดินไปโอบกล่องของขวัญไว้ทันที "ใหญ่มาก" "สุขสันต์วันเกิดค่ะคนสวยของพี่กัส ทุกอย่างที่อยู่ในกล่องของขวัญ พี่กัสให้มิลินหมดเลยค่ะ" "ขอบคุณค่ะ" "พี่กัสรักมิลินนะคะ มิลินรักพี่กัสไหมเอ่ย..." ฉันเอียงหน้าถาม มิลินเลยผละจากกล่องของขวัญ แล้วมากอดฉันแทน "มิลินรักพี่กัสค่ะ" ฉันกอดเด็กหญิงที่คลุกคลีมาตั้งแต่น้องเกิดด้วยความรู้สึกหลายๆ อย่าง รัก และมีความผูกพันธ์กัน แม้จะไม่ใช่สายเลือดกันเลยก็ตาม ฉันรู้จักป้ามารีญาในฐานะผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่คอยช่วยเหลือฉันหลายๆ อย่าง พ่อกับแม่ของฉันเลิกกัน แล้วทิ้งฉันไปคนละทิศคนละทาง พ่อตายจาก แม่มีสามีใหม่ ชีวิตไปคนละทิศละทาง ทิ้งบ้าน ทิ้งเงินทองให้ฉัน แต่ไม่หลงเหลือความสุขให้ฉันเลย "วันนี้วันเกิดพี่กัส พี่กัสได้ของขวัญไหมคะ" คำถามจากเด็กหญิงส่งผลให้หัวใจของฉันสั่นไหว "ของขวัญจากคุณย่าไงคะ ย่าให้ของขวัญวันเกิดพี่กัส แต่เล็กกว่าของมิลินเยอะเลยค่ะ" ป้ามารีญาเป็นคนตอบ "แล้วคูมพ่อล่ะคะ คูมพ่อให้ของขวัญพี่กัสไหม" "...แด๊ดดี้ของมิลินบอกว่า หากพี่กัสอยากได้อะไร แด๊ดดี้จะซื้อให้ทุกอย่างเลยค่ะ" พอได้ยินแบบนั้น มิลินจึงพยักหน้ารัวๆ "แล้วมิลินล่ะคะ มีของขวัญให้พี่กัสไหม?" เป็นอีกครั้งที่เด็กหญิงส่ายหน้ารัวๆ "ถ้าอย่างนั้น พี่กัสไม่เอาของขวัญ แต่ขออะไรสักอย่างได้ไหมคะ" "ได้ค่ะ" ฉันยิ้มให้กับท่าทีใสซื่อ แม้จะยังไม่รู้ว่าฉันจะขออะไร แต่มิลินก็ตอบตกลงในทันที "พี่กัสอยากให้มิลินเป็นเด็กดี เชื่อฟังแด๊ดดี้ เชื่อฟังคุณย่า เป็นเด็กดีของแด๊ดดี้ เป็นเด็กดีของคุณย่า เพราะคนสองคนนี้ รักมิลินที่สุดในโลกเลยค่ะ" เด็กหญิงอมยิ้ม แล้วพยักหน้ารัวๆ "มิลินรักคูมพ่อ รักคูมย่า รักคูมแม่ รักพี่กัสด้วยค่ะ" แม้จะเป็นเพียงคำพูดของเด็กห้าขวบแต่ก็ทำฉันยิ้มได้ เพราะทุกวันนี้ ไม่มีเลยคนที่บอกว่ารักฉัน สักคนก็ไม่มีเลย จากนั้นคุณป้ามารีญาก็พามิลินไปดูของขวัญของคุณย่า พร้อมทั้งของคุณอาที่ส่งล่วงหน้ามาจากต่างประเทศ พี่แม็กซ์มีน้องชายแท้ๆ หนึ่งคน เห็นว่า อายุห่างกันมากอยู่เหมือนกัน เข็มนาฬิกายังคงหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตัวเลขที่เริ่มขยับ บ่งบอกว่า กำลังดึกเข้าไปทุกวินาที ไม่มีวี่แววว่าแด๊ดดี้ของมิลินจะกลับบ้าน ป้ามารีญาไม่สามารถติดต่อเขาได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับ มีเพียงฉันที่รู้ว่าเขาไปที่ไหน เพราะบังเอิญได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ก่อนจะออก เวลา 22:10 น. "คูมพ่อไปหนาย..." น้ำเสียงของมิลินเริ่มงอแง และไม่โอเคจนฉันรู้สึกได้ บ่อยครั้งที่มิลินชะเง้อคอมองหา ไม่มีวี่แววเลยว่ารถพี่แม็กซ์จะกลับเข้ามา ฉันลอบมองที่ใบหน้าขอคุณป้ามารีญา เห็นว่า เหมือนท่านจะไม่โอเคแล้วเหมือนกัน "มิลินอยากหาคูมพ่อ" เด็กหญิงวัยห้าขวบน้ำตาคลอ ภาพที่เด็กผู้หญิงนั่งคอยให้พ่อกับแม่กลับบ้าน สะกิดหัวใจของฉันอย่างจัง ผู้ใหญ่หลายคนคิดว่าความรู้สึกของเด็กไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะโกหกไปวันๆ ยังไงก็ได้ ฉันเข้าใจว่าเหตุผลที่ทำให้ผู้ใหญ่เลือกทำ มันจำเป็นและบางทีก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ฉันรู้สึกไม่โอเคจริงๆ นะ ฉันไม่โอเคเลย "มิลินอยากหาคูมพ่อ...คูมพ่อไปรับคูมแม่ที่ไหน" "แม็กซ์นะแม็กซ์ ทำแบบนี้ได้ยังไง!" "กัสว่าเราควรคุยกับมิลินตรงๆ นะคะ ปล่อยให้คอยโดยไม่มีจุดหมาย มิลินยิ่งเสียใจ" ฉันมองตามเด็กหญิงห้าขวบ ที่เดินออกไปยืนคอยพ่อหน้าบ้าน หัวใจของฉันยิ่งกระตุกซ้ำ เมื่อเห็นมิลินนั่งชันเข่า คอยที่หน้าประตู หดหู่เป็นบ้า เมื่อภาพในวัยเด็กของฉันมันย้อนคืนกลับมา "ป้าว่า..." "ให้กัสบอกมิลินเถอะนะคะ กัสรักน้อง เป็นห่วงความรู้สึกของน้อง ถ้าจะให้ปล่อย ให้มิลินคิดไปเองว่าแม่จะมา กัสบอกเลยว่ากัสไม่สามารถหาวิธีรับมือกับผลลัพธ์สุดท้ายที่มันจะตามมาได้ แต่หากกัสไปบอกกับน้องตรงๆ แล้วต่อจากนั้น มิลินจะมีปฏิกิริยาแบบไหน กัสเชื่อว่ากัสรับมือกับน้องได้อย่างแน่นอน" "เมื่อไม่มีทางเลือกก็คงต้องเป็นแบบนั้น ป้าสงสารหลานเหมือนกัน" พอตกลงกันแบบนั้น ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ มิลิน โดยที่มีป้ามารีญายืนมอง "ยุงกัด..." เสียงเล็กๆ ร้องบอกพร้อมทั้งน้ำตาเม็ดโตที่คลอออกมา ฉันรีบไล่ฝ่ามือไปตามร่างกายของเด็กหญิงเพื่อขับไล่ยุงไม่ให้กัดผิวเนียนๆ "มิลินง่วงแล้ว คูมพ่อยังไม่มาเลยค่ะ" แล้วน้ำตาของเด็กหญิงก็ร่วงเผาะออกมา ทำให้ฉันคว้าตัวมิลินเข้ามากอดทันที "คนดีของพี่กัส ไม่ร้องนะคะคนเก่ง" "ฮึก...มิลินอยากหาพ่อ" "คุณพ่อติดธุระค่ะ คุณย่ากำลังพยายามโทรหาคุณพ่อ ให้พี่กัสอยู่เป็นเพื่อนมิลินนะ" "คูมแม่ ฮึก...คูมแม่มิลินทำไมยังไม่มา" "...คุณแม่ คุณแม่ไม่ได้มาค่ะ คุณแม่คงอยู่ไกลมาก" "ฮึก...ตะ แต่ ฮึก...คูมพ่อบอกว่าคูมแม่จะมา" "ไม่มาค่ะ วันนี้คูมแม่ไม่ได้มา แต่ไม่ได้หมายความว่า มิลินจะไม่ได้เจอคุณแม่นะคะ วันหลังค่ะ วันหลังมิลินจะได้เจอคุณแม่แน่ๆ" "แต่วันนี้วันเกิดมิลินนี่คะ ฮึก...แล้วทำไมคูมแม่ไม่มา" "วันเกิดพี่กัส ยังไม่มีใครมาเลยค่ะ คุณพ่อของพี่กัสอยู่บนสวรรค์ ส่วนคุณแม่ อยู่ไกลมากเลยค่ะ แต่มิลินโชคดีมากๆ นะคะ ได้ของขวัญกล่องใหญ่กว่าพี่กัส มีคุณพ่ออยู่ด้วยที่บ้านทุกวัน มีคุณย่าคอยทำอาหารให้ทานทุกวัน แต่พี่กัสไม่มีใครเลยค่ะ มิลินอย่าโกรธคุณแม่นะคะที่วันนี้คุณแม่มาไม่ได้ เพราะวันหลังมิลินยังมีโอกาสที่จะเจอคุณแม่ได้ แต่ดูอย่างพี่กัสสิคะ คุณพ่อพี่กัสอยู่บนสวรรค์ ทำยังไงพี่กัสก็ไม่มีโอกาสได้เจอคุณพ่อเลย แต่พี่กัสก็ไม่เห็นร้องไห้เลยค่ะ" ฉันพยายามสวมกอดมิลินเอาไว้ รู้ดีว่าเด็กหญิงวัยห้าขวบยังไม่เข้าใจ แต่ยังไงมิลินก็ควรรู้ว่าคุณแม่ของเขาไม่ได้มา เขาจะได้ไม่ต้องตั้งความหวังเขาจะได้ไม่ต้องคอยอยู่แบบนี้ ฉันรู้ว่าการรอคอย มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย "ทำไมคูมพ่อ ฮึก...ถึงบอกว่าคูมแม่จะมา ฮึก...แล้วทำไมคูมแม่ถึงไม่มา" "เวกัส!" เสียงเรียกชื่อฉัน ทำให้ใบหน้าของฉันหันไปทิศทางนั้นทันที หัวใจของฉันเต้นถี่ มีความหวังว่ามิลินจะไม่ต้องนั่งคอยอีกต่อไป แม้ข้างกายของพี่แม็กซ์จะไม่มีแม่ของมิลินมาด้วย แต่ฉันเชื่อว่า แค่คนเป็นพ่อสวมกอดลูกบ้าง ให้ความสำคัญกับลูกให้มากๆ และอธิบายที่มาที่ไปทุกอย่าง มิลินจะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน "คูมพ่อ ฮึก..." ทันทีที่เห็นว่าใครมา มิลินหาพ่อทันที พี่แม็กซ์มารับลูกออกไปจากหน้าตักของฉัน เขาสวมกอดบุตรสาววัยห้าขวบของตัวเองเอาไว้แน่น ฉันมองภาพนั้น พร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา แต่ทว่า อีกไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจของฉันกลับกระตุกวูบเมื่อแววตาที่เกรี้ยวกราดตวัดมองฉันอย่างไม่พอใจ นานมาก ที่พ่อกับลูกเขาใช้เวลาปรับความเข้าใจกัน ทั้งฉันและป้ามารีญาไม่มีใครกล้าเข้าหน้าพวกเขาเลยสักคน ภาพที่เห็นคือมิลินร้องไห้ คนเป็นพ่อพยายามกอดปลอบตลอดเวลา ก่อนที่ผลลัพธ์สุดท้าย มิลินจะหลับไป โดยไม่ทันมีโอกาสได้เป่าเค้ก หรือปาร์ตี้สนุกๆ แบบที่เด็กหญิงวัยห้าขวบวาดฝันว่าจะทำ หมับ~ "อ๊ะ.." ฉันร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อทันทีที่มิลินหลับไปเขาก็อุ้มลูกไปนอนบนฟูกด้านล่าง แล้วตรงเข้ามากระชากข้อมือฉันอย่างแรง "แม็กซ์ ทำอะไร ปล่อยน้อง!" "ฝากคุณแม่ดูมิลินด้วยนะครับ ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับเวกัส" "แม็กซ์เวลล์!" "ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ผมจะให้ของขวัญวันเกิดยัยนี่เท่านั้นเอง!" ***********VEGAS PARTหลายเดือนต่อมา"...รีบมานะคะคุณพ่อ" ฉันมองมิลินที่คุยโทรศัพท์กับคนเป็นพ่อแล้วเผลออมยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังที่คนตัวเล็กกำลังเป็น แปดเดือนกว่าคืออายุครรภ์ของฉัน และหลายเดือนที่ผ่านมานั้นทำให้มิลินเรียกคุณพ่อไม่ใช่คูมพ่อแบบที่เคยผ่านมา มิลินยังคงพูดเก่ง ขี้อ้อน และสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขให้กับคนในครอบครัวได้ดีเหมือนที่ผ่านมา"แม่กัสขา คุณพ่อบอกว่าจะรีบกลับบ้านตอนนี้เลยค่ะ" มิลินละโทรศัพท์ออกจากหู แล้วรีบคลานขึ้นมาหาฉันที่อยู่บนเตียง"แม่กัสปวดท้องมากหรือเปล่าคะ" แม้จะแลดูเหมือนไม่รู้ภาษา แต่ทว่าคำพูดคำจาเวลาถามไถ่กลับเหมือนคนที่โตเป็นผู้ใหญ่"เจ็บแล้วก็หาย เจ็บแล้วก็หายค่ะ" "คุณย่าบอกว่า น้องใกล้จะออกมาจากท้องของแม่กัสแล้วใช่ไหมคะ" "ใช่แล้วค่ะ น้องๆ ของมิลินกำลังจะออกมาอยู่กับมิลินแล้ว" "คุณครูของมิลินบอกว่าเวลาแม่คลอดน้อง แม่จะเจ็บมากๆ แม่กัสจะไหวไหมคะ" ฉันเอียงคอมองสบตากับดวงตากลมโตใสแป๋วแล้วยิ้มกว้าง เด็กคนนี้ช่างน่ารัก มิลินน่ารักมากเลย"เวลาคลอดน้อง คุณแม่จะเจ็บค่ะ แต่คุณแม่ไหว เพราะคุณแม่ดีใจ ที่ลูกๆ ได้เกิดมา ลูกเป็นความสุขของคุณแม่นี่คะ" มิลิ
VEGAS PARTหลายวันต่อมาทุกๆ คำสัญญาพี่แม็กซ์เลือกที่จะรักษา เขาพาฉันไปหามารดาทั้งที่เขาไม่รู้เลยว่า เขาจะเจอกับอะไรบ้าง แต่เขาก็เดินหน้า ตั้งใจที่จะฟันฝ่า จนสุดท้ายมันก็มาถึงวันของเราฉันได้ใส่ชุดเจ้าสาวที่สวยมาก ชุดไทยสีเงินขาวสวยดุจนางพญา ช่างแต่งหน้าชื่อดังเนรมิตฉัน จนกลายเป็นจุดเด่นที่สุดในงาน เหมือนเจ้าหญิงที่ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับเจ้าชาย แม่ของฉันมาร่วมงานแต่งงานของฉัน พร้อมทั้งน้องสาวต่างพ่อ ครอบครัวพี่แม็กซ์อยู่กันพร้อมหน้า และรอบตัวเราก็ถูกหล่อรวมไปด้วยคนที่ฉันทั้งรู้จักและไม่รู้จัก พี่แม็กซ์ชวนแขกผู้ใหญ่ของเขามาเยอะมาก อีกทั้งเพื่อนพ้องและลูกน้องที่อยู่จนล้นงาน แขกเรื่อที่เยอะมาก ไม่ได้ทำให้ฉันใจสั่น เท่าคำมั่นสัญญาที่ว่าพี่แม็กซ์จะมีฉัน ดูแลฉัน และรักฉันตลอดไปและการกราบเท้าเจ้าบ่าวทั้งแต่วินาทีแรกที่ขบวนขันหมากเดินเข้าบ้าน มันก็เป็นสิ่งยืนยันว่าฉันจะเป็นเมียที่ดี และจะดูแลสามีและอยู่เคียงคู่กันตราบนานเท่านานเขาสวมแหวนให้ฉันที่นิ้วนางข้างซ้าย ฉันยกมือไหว้ในขณะที่เจ้าบ่าวเลื่อนมือมากุมมือของฉันเป็นการรับไหว้ เสียงเฮและเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วทั้งงาน ทุกคนร่วมเป็นสักขีพยาน
VEGAS PART"มาค่ะ มิลินจะวัดไข้ให้แม่กัส" คนตัวเล็กบอกพร้อมๆ กับการสอดปรอทวัดไข้เข้ามาในรักแร้ของฉัน"ลูกสาวแด๊ดดี้เป็นคุณหมอเด็กเหรอครับ" ผู้เป็นพ่อหยอกเย้าพร้อมกับยิ้มกว้าง"มิลินเป็นคูมหมอตัวเล็กค่ะ คูมหมอตัวเล็กจะดูแลคูมแม่" ฉันกับพี่แม็กซ์อมยิ้มแล้วมองหน้ากัน ทุกๆ คำพูดของเด็กวัยห้าขวบมันสร้างความสุขให้พวกเราอย่างคาดไม่ถึง ฉันยอมให้มิลินเรียนรู้ในสิ่งที่คุณย่าเคยทำให้กับเธอตอนที่เธอมีไข้ ก่อนที่เสียงเล็กๆ จะถูกเอื้อนเอ่ยออกมาคล้อยหลังที่เสียงสัญญาณจากปรอทวัดไข้ดังออกมา"สามสิบหกจุดหนึ่ง แม่กัสไม่มีไข้ค่ะ" ไม่รู้ว่าจะหาความสุขในรูปแบบไหนที่จะดีได้เท่าความสุขที่ฉันได้รับอยู่ในตอนนี้ ต่อให้มีฉันก็มั่นใจว่าจะไม่ยอมแลกกับความสุขในตอนนี้อย่างแน่นอน"เหรอคะ ถ้าแม่กัสไม่มีไข้ ถ้าอย่างนั้น แม่กัสสามารถกอดมิลินได้โดยที่มิลินไม่ต้องกลัวติดไข้ใช่ไหมคะ""ใช่แล้วค่ะ คิกๆ" เพียงเท่านั้นมิลินก็ใช้เข่ารองนั่งแล้วรวบลำคอของฉันเข้าไปกอดทันทีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโลชั่นและแป้งเด็ก ติดอยู่ที่ปลายจมูกของฉัน ฉันสูดดมกลิ่นหอมๆ ในแบบฉบับของมิลินเข้าให้ลึกจนเต็มปอด และสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้เช่นกันเวลาผ่านไป
VEGAS PARTเหตุการณ์เมื่อสักครู่มันทำให้ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมา การที่มิลินเดินมาจับมือฉัน ทั้งๆ ที่แม่ของน้องยังนั่งอยู่ตรงนั้นมันทำให้จุกลึกๆ ในใจ แอบคิดว่าหากคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นฉันหัวใจก็คงสลาย เมื่อลูกเลือกที่จะเดินจากไป ทั้งๆ ที่คนเป็นแม่อาจจะกำลังคิดถึงจนสุดใจ"ไหวไหมกัส เธอหน้าซีดไปนะ แวะโรงพยาบาลไหม" น้ำเสียงที่ห่วงใยจากคนข้างๆ ทำให้ฉันเลือกที่จะส่ายหน้ากลับไป ฉันแพ้กลิ่นน้ำหอมแบบนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งพอได้พักร่างกายสักหน่อย อาการมันจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งครั้งนี้ก็คงจะเช่นกัน"กลับไปพักที่บ้านก็พอแล้วค่ะ" "แน่ใจนะ?" คนถามเอ่ยออกมาอย่างห่วงใย ทั้งสีหน้าและแววตาของเขา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าห่วงฉันไปหมด ฉันเลือกที่จะคลี่ยิ้มจางๆ กลับไปจากนั้นก็เลือกที่จะยืนยันอีกที"ไหวจริงๆ ค่ะ กลับบ้านกันนะคะ" แล้วสุดท้าย พี่แม็กซ์ก็เลือกที่จะพยักหน้าออกมาบ้านของแม็กซ์เวลล์เวลา 13:20 น.ช่วงบ่ายแบบนี้เป็นไปได้ว่าคุณป้ามารีญาอาจจะนอนพักผ่อนที่ด้านบน ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นพลขับทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เขาก็รีบไปหาน้ำส้มมาให้ฉันและมิลินทานทันที "ขอบคุณที่ดูแลนะคะ แต่กัสรู้สึกผิดอยู่นะคะที่เ
MAXWELL PART"มิลินไม่เห็นรู้จักพี่คนนี้เลยค่ะ" มิลินเอ่ยออกมาตรงๆ ยิ่งทำให้พนักงานฝ่ายขายของผมหน้าเสียมากกว่าเดิม"คูมพ่อขา มิลินชอบคุยกับพี่คนนี้เหรอคะ ทำไมมิลินไม่เห็นจำได้เลยล่ะ" ผมมองสบตากับดวงตากลมโตใสซื่อของบุตรสาว เห็นมิลินเอียงคอมองพนักงานของผมอย่างพิจารณา"ไม่เห็นรู้จักเลยค่ะ" ผมอมยิ้มให้กับท่าทีตรงไปตรงมาของคนตัวเล็ก ตรงๆ พิมพ์แบบผมมาเป๊ะเลย"พี่เจี๊ยบคงจะเคยเห็นรูปมิลินในห้องทำงานของแด๊ดดี้มั้งครับ" ผมตอบสั้นๆ จริงๆ แล้วก็พอจะดูออกว่าอะไรเป็นอะไร"เอ่อ งั้นเจี๊ยบขอตัวไปทำงานนะคะ" "เชิญครับ" พนักงานสาวก้มหน้า เธอไม่กล้าหันไปมองสบตากับมิลินและเวกัสด้วยซ้ำ จากนั้นก็รีบลุกแล้วเดินก้มหน้าออกไปจากห้องรับรองโดยไวมีพิรุธจนโดนจับโป๊ะได้แบบนั้น หวังว่าผมคงจะไม่มีปัญหากับคนเป็นเมีย"พี่คนนั้นบอกว่าจะนั่งเป็นเพื่อนมิลินค่ะคูมพ่อ แต่มิลินบอกว่ามิลินอยากอยู่กับแม่กัส" "เหรอครับ มิลินพูดถูกต้องมากๆ เลย มิลินต้องบอกกับทุกคนว่ามิลินมีคุณแม่แล้วโอเคไหมครับ" ผมหรี่ตามองบุตรสาว พร้อมๆ กับการใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งวนกันจนเป็นวงกลมในท่าโอเค"โอเคค่ะ" มิลินตอบรับออกมาทันที พร้อมๆ กับการยิ้มกว้า
VEGAS PARTใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาในจังหวะที่อีกคนเดินลงจากเตียง ไปคว้ากล่องทิชชู่ทั้งที่ตัวเขาก็เปลือยเปล่าตรงนั้นก็ชี้โด่ไปมาแบบนั้น เขาไม่อายเลยหรือไงกันฉันเม้มปากแน่นในจังหวะที่ที่นอนยุบลงเล็กน้อยเมื่ออีกคนกลับขึ้นเตียงมาอีกครั้ง เขาดึงทิชชู่ออกมาจากกล่องจากนั้นก็ปาดเช็ดคราบน้ำรักของเขาที่เปรอะอยู่บนหน้าท้องของฉันออกอย่างใส่ใจ"เพิ่งรู้เลยนะว่าเมียฉันร้อนแรงเหมือนกัน" เขายกยิ้มพลางเงยหน้าขึ้นมองสบตากับฉัน สายตาแบบนั้นฉันไม่กล้ามองนานเลยจริงๆพี่แม็กซ์เปล่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะคว้าชุดนอนแล้วนำมาสวมใส่ให้ฉัน จากนั้นเขาก็ชูบราของฉันขึ้นมาตรงหน้าแล้วบอกออกมา"ทีหลังเวลานอนไม่ใส่นี่แล้วนะ จับไม่ถนัด" เขายิ้มกว้างแล้วรีบก้าวขาลงจากเตียงไปทันที ปล่อยฉันให้อยู่กับที่แต่ใบหน้านี่แดงก่ำ ทั้งเขิน ทั้งอาย จนไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนแล้วเหมือนกันแล้วพี่แม็กซ์ก็เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง โดยที่สวมใส่กางเกงผ้าขายาวแบบใส่นอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"มานี่" เขานั่งพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง พลางกางแขนเรียกฉันให้เข้าไปหา ฉันยอมเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่าย โดยการพิงร่างกับแผงอกแกร่ง ก่อนที่สอง