MAXWELL : PART
"เออ ฉันมันไม่มีหัวใจ แล้วใครใช้ให้เธอมารักฉันวะ" ผมพูดออกมาตามความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ได้แคร์ด้วยซ้ำว่าคนฟังจะรู้สึกแบบไหน เอาจริงๆ เถอะ ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยสร้างภาพในสายตาใคร ไม่เคยให้เกียรติผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าโอเคก็แค่หันมาคุยกัน แต่เมื่อใดที่ผมไม่ต้องการ ผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของผมเท่านั้นเอง อย่างเวกัสก็เช่นกัน ไม่ใช่เธอคนแรกหรอ ที่ยอมเสียครั้งแรกให้กับผม ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่มีผมเป็นคนแรกเหมือนกันกับเธอ แต่ที่ผ่านมา กาลเวลามันก็พิสูจน์แล้วว่าผู้หญิงเหล่านั้นไม่สามารถใช้พรหมจรรย์ที่พวกเธอมีทำให้ผมหยุดที่พวกเธอได้ เพราะใจของผมมันไม่เคยคิดที่จะหยุดอยู่ที่ใคร "ความรักมันห้ามกันไม่ได้..." "แต่ถ้าเธอรักฉัน เธอจะได้รับแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น!" ผมตะคอกเสียงดัง แต่ก็ตามนั้น เวกัสน้ำตาคลอเบ้าทันที ขี้แย นิสัยเด็กๆ แบบนี้มันไม่ใช่สเปคผมเลยสักนิดเดียว "หยุดความคิดที่จะถีบตัวเองมาแทนที่แม่ของมิลิน เพราะแม่ของมิลิน มีแค่คริสตินา แค่คนเดียว!" เวกัสหันหน้าหนีพลางยกมือปาดน้ำตาของตัวเองออกลวกๆ ร่างเล็กหันกลับไปจัดการสวมใส่รองเท้าผ้าใบของเธออีกครั้ง ก่อนที่ผมจะโยนเช็คที่เตรียมไว้ให้ยัยนั่นทันที "ฉันให้" เวกัสปรายตามองเช็คที่ผมให้เพียงนิดก่อนที่เธอจะหยัดกายลุกขึ้น พลางจัดแจงกระเป๋าสะพายที่คล้องบ่า ทำเหมือนไม่เห็นว่าจำนวนเงินที่อยู่บนเช็คใบนั้นมันมากแค่ไหน ห้าแสนที่ให้ มันมากกว่าที่ผู้หญิงทุกคนเคยได้ แต่ยัยนี่กลับทำเหมือนเงินผมเป็นขยะ ไม่แยแส และทำเพียงแค่ชายตาแล "อย่าหยิ่งให้มาก แล้วท่าทีที่เธอทำมันไม่ได้ทำให้ฉันสนใจ!" "กัสไม่สวยเหรอคะ หรือกัสมีดีไม่สู้ผู้หญิงของพี่ตรงไหน" "ก็เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงที่ฉันเคยเอา พยายามถีบตัวเองเพื่อหวังที่จะมาเป็นแม่ของลูกฉัน ฉันเขี่ยทิ้งทุกคน แม้แต่เธอ" "การที่กัสบอกว่าพี่คริสไม่มา กัสแค่ไม่อยากให้มิลินรอเก้อค่ะ กัสไม่ได้อยากทำร้ายความรู้สึกของน้อง กัสไม่ได้อยากทำให้น้องเสียใจ" "แต่มันก็เป็นเพราะคำพูดของเธอที่ทำให้ลูกของฉันเสียใจ หากเลือกได้ ฉันจะสั่งห้ามเธอไม่ให้มายุ่งกับลูกของฉันอีกเลย!" เวกัสหันหน้าหนีทันทีที่ได้ฟัง เธอเหยียบเช็คของผมทำเหมือนมันเป็นเศษกระดาษ จากนั้นก็ทำท่าจะเดินผ่านหน้าผมไป แต่เป็นผมที่คว้าแขนของเวกัสได้ทัน "รับเช็คนั่นไป แล้วถือซะว่า...มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยก็แล้วกัน!" คำตอบที่ผมได้ก็เป็นไปในรูปแบบที่ผมคิด เวกัสร้องไห้ แม้จะไม่มีเสียง แต่น้ำตาของเธอก็ไหล "พี่แม็กซ์ลืมได้..." "ฉันไม่เคยจำ ไม่ว่าจะเอากับผู้หญิงคนไหนก็ตาม!" "แต่กัสไม่ลืม..." "มันเรื่องของเธอ จะรู้สึกหรือไม่รู้สึกอะไรกับฉันมันก็เรื่องของเธอ แต่ฉันจะเตือนในฐานะที่เธอแสนดีกับลูกของฉัน เธอควรหยุดความรู้สึกที่มีต่อฉัน เพราะถ้าเธอไม่ยอมหยุดมัน เธอจะเป็นเพียงของเล่นของฉัน เหมือนกับผู้หญิงทุกคน!" "ขะ ของเล่น" เวกัสทวนคำนั้น แล้วปัดมือของผมออกจากแขนของเธอทันที "เก็บเช็คนั่นไป แล้วเธอจะมีสิทธิ์เข้าออกในบ้านฉันแบบเดิม แต่ถ้าหยิ่งมากนัก ก็ไม่ต้องมาเหยียบบ้านฉัน แล้วอย่าคิดว่าลูกฉันจะหลงเธอมาก แค่พี่เลี้ยงเด็กคนเดียว ฉันมีตัวเลือกให้มิลินเลือกเป็นสิบๆ คน!" เวกัสมองต่ำที่กระดาษแผ่นเล็กที่เธอเหยียบ แล้วสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะก้มเก็บกระดาษแผ่นนั้นแบบที่ผมต้องการ ก็แค่นั้น เกิดมาจะมีใครบ้าง ที่ไม่ต้องการเงิน! "เกิดอะไรขึ้นเหรอแม็กซ์" เสียงที่ดังอยู่ทางด้านหลังส่งผลให้ผมละสายตาจากร่างบอบบางที่อยู่ในชุดนักศึกษา กระโปรงทรงเอสั้นๆ แต่แทนที่จะใส่ส้นตึกส้นสูงแบบที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ชอบใส่กัน แต่ยัยนั่นกับใส่ผ้าใบสีขาว ส่วนด้านบน สวมทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาวปักลายเก๋ๆ ตามเดิม "แม่ได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน ชวนน้องทะเลาะอีกหรือเปล่า" แล้วแม่ของผมก็มองตามหลังเวกัสไปอีกคน "ทำไมถึงชอบคิดว่าผมหาเรื่องยัยนั่นอยู่เรื่อยเลยล่ะครับ ผมควรโกรธยัยนั่นนะครับ ที่เอาเรื่องแย่ๆ ยัดใส่หัวมิลิน" "พูดอะไรบ้าๆ เขาพยายามช่วยต่างหากล่ะ ในเมื่อแม่ของมิลินไม่ยอมมา แล้วอยู่ดีๆ คนเป็นพ่อกลับหายไป มิลินนั่งหงอยคอยอยู่หน้าประตูบ้าน ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่แบบนั้น ต่อให้เวกัสไม่บอก แม่ก็ต้องบอกหลานของแม่อยู่ดี" "เอาเป็นว่าต่อไปนี้ผมจะไม่พยายามพึ่งพายัยนั่นก็แล้วกันนะครับ" ผมบอกแค่นั้น แล้วหวังจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน แต่... "เดี๋ยว!" ผมชะงัก เมื่อต้นแขนถูกมารดาจับเอาไว้ "เมื่อกี้แม่เห็นแว๊บๆ ว่าเวกัสร้องไห้ แล้วแม็กซ์ก็บังคับให้น้องรับอะไรสักอย่าง บอกแม่มาว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร" ผมชะงักไปเพียงนิด อดคิดไม่ได้ว่ามารดาจะได้ยินอะไรบ้าง "ให้ของขวัญวันเกิดครับ" "ของขวัญวันเกิด? คืออะไร เป็นความลับไหม?" "ไม่มีอะไรมากมายหรอกครับ ไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไร" ผมตอบเท่านั้นก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาทันที จริงๆ นั่นแหละ มันไม่มีอะไรสำคัญทั้งนั้น ไม่มีเลย VEGAS : PART ฉันเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บจี๊ดหนักๆ เกิดมาไม่เคยแอบรักใครทั้งนั้น เขาเป็นผู้ชายคนเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็เป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ฉันเจ็บมากเช่นกัน ฉันยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆ มองเวลาที่อยู่บนนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเร่งฝีเท้าในการเดิน ตากลมโตมองหาแท็กซี่ที่อาจจะมีวิ่งผ่าน แต่ไม่มีเลยสักคัน วันนี้ฉันสายมาก ฉันควรรีบไปมหา'ลัยตั้งแต่ออกจากบ้าน แต่เป็นเพราะเป็นห่วงมิลินมากทำให้ฉันเลือกเข้าไปหาน้องก่อน แล้วดูสิ่งที่ฉันเจอสิ แย่ชะมัดเลย เวลา 15:30 น. ห้างสรรพสินค้า "โอ๊ย รีบอะไรของแกนักหนาเนี่ย!" เสียงของมินตราแผดร้อง เมื่อถูกฉันลากให้ไปโซนที่ยัยนั่นต้องการไวๆ "ฉันรีบกลับบ้าน แกเร็วๆ เลย อยากได้เครื่องสำอางแบบไหน ยี่ห้ออะไร แกรีบจัดเลย" เพราะเกิดมามีเพื่อนแค่คนเดียว เพื่อนอยากไปไหน ฉันก็เลยอยากตามใจเพื่อนบ้าง แต่เพราะมีเพื่อนสวย เป็นสาวมั่น เปรี้ยวและแซ่บมาก ที่ๆ เพื่อนของฉันอยากไปก็เห็นจะมีแต่โซนเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง "เร็วๆ สิมิ้นท์ ฉันรีบกลับมาก" ก็นั่นแหละ ที่วันนี้ฉันอยากกลับเร็วกว่าทุกวัน เพราะอยากกลับไปหามิลิน โดยไม่ต้องเห็นหน้าเขาคนนั้นเท่านั้นเอง "รีบอะไรกันนักหนาเล่า ผู้หญิงกับการเลือกเครื่องสำอางมันเป็นของคู่กัน แกเองก็เหมือนกันนะกัส ควรเปลี่ยนสไตล์เป็นสาวเปรี้ยวแซ่บซี้ดแบบฉันบ้าง จะได้มีแฟนสักทีไง!" แล้วคำตอบที่ยัยมิ้นท์ได้รับ คือการที่ฉันส่ายหัวกลับไปกลับมา ไม่ใช่ว่าฉันไม่แต่งตัวนะ ฉันแต่งตัวเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันตามปกตินั่นแหละ แต่ไม่ได้หวือหวาหรือทำตัวให้เป็นที่โดดเด่นอะไรมากมาย เพราะฉันมองว่า มันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น "ไม่แต่งก็เรื่องของแกก็แล้วกัน แต่มานี่ๆ แกเป็นเพื่อนฉัน แกควรรู้ว่าเครื่องสำอางแต่ละชนิด มันช่วยให้ความสวยของเราเฉิดฉายในรูปแบบไหนได้บ้าง..." แล้วสุดท้ายฉันก็ต้องเดินตามยัยมิ้นท์อย่างไม่มีทางเลี่ยง ฟังในสิ่งที่นางพูดไปพลางๆ แม้จะไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย แต่สุดท้ายบางสิ่งบางอย่างมันก็เข้าหูฉันอยู่ดี แล้วหลังจากที่ฉันและยัยมิ้นท์เสร็จธุระจากการซื้อของ ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันรีบลากยัยมิ้นท์ออกจากห้าง แล้วด้วยความที่ไม่ทันระวัง พลั่กกก! ทำให้ฉันชนเข้ากับร่างของคนหนึ่งคนเข้าอย่างจัง "ขะ ขอโทษค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้ แต่ถึงกับชะงักไปเมื่อคนที่ฉันชนคือเขาคนนั้น คนที่ทำฉันร้องไห้เมื่อคืน ซ้ำยังกราดคำพูดแย่ๆ ใส่ฉันในตอนเช้า เขาคือคนคนเดียวกัน "เวกัส..." เป็นพี่นิกกี้ที่เป็นคนทักฉัน ฉันยกมือไหว้เขาแบบที่เคยทำ ในขณะที่อีกคนทำเฉย เหมือนคนไม่รู้จักกัน "มาช็อปปิ้งหรอ" พี่นิกกี้ถามซ้ำ พลางมองถุงกระดาษที่อยู่ในมือของฉัน ซึ่งมันล้วนแต่เป็นของยัยมิ้นท์ทั้งนั้น "พาเพื่อนมาซื้อของค่ะ กำลังจะกลับ" ฉันรีบตัดบททุกอย่าง ดูๆ แล้ว เหมือนพี่แม็กซ์จะไม่อยากให้พี่นิกกี้ทักฉันด้วยซ้ำ "อ้าวงั้นเหรอ กลับทางเดียวกันเลย พี่จะไปหามิลินพอดี กลับด้วยกันสิ!" "ถ้ามึงจะชวนคนอื่นกลับ ก็ให้ไปขึ้นรถมึง เพราะผู้หญิงสามคนที่จะนั่งรถของกูได้ ก็คือแม่กู มิลิน และแม่ของมิลิน คนอื่นไม่มีสิทธิ์!" พี่แม็กซ์ทิ้งท้ายประโยคด้วยการมองสบตาฉัน จุกมากนะ มันโคตรจุกเลย! ----VEGAS PARTหลายเดือนต่อมา"...รีบมานะคะคุณพ่อ" ฉันมองมิลินที่คุยโทรศัพท์กับคนเป็นพ่อแล้วเผลออมยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีที่จริงจังที่คนตัวเล็กกำลังเป็น แปดเดือนกว่าคืออายุครรภ์ของฉัน และหลายเดือนที่ผ่านมานั้นทำให้มิลินเรียกคุณพ่อไม่ใช่คูมพ่อแบบที่เคยผ่านมา มิลินยังคงพูดเก่ง ขี้อ้อน และสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุขให้กับคนในครอบครัวได้ดีเหมือนที่ผ่านมา"แม่กัสขา คุณพ่อบอกว่าจะรีบกลับบ้านตอนนี้เลยค่ะ" มิลินละโทรศัพท์ออกจากหู แล้วรีบคลานขึ้นมาหาฉันที่อยู่บนเตียง"แม่กัสปวดท้องมากหรือเปล่าคะ" แม้จะแลดูเหมือนไม่รู้ภาษา แต่ทว่าคำพูดคำจาเวลาถามไถ่กลับเหมือนคนที่โตเป็นผู้ใหญ่"เจ็บแล้วก็หาย เจ็บแล้วก็หายค่ะ" "คุณย่าบอกว่า น้องใกล้จะออกมาจากท้องของแม่กัสแล้วใช่ไหมคะ" "ใช่แล้วค่ะ น้องๆ ของมิลินกำลังจะออกมาอยู่กับมิลินแล้ว" "คุณครูของมิลินบอกว่าเวลาแม่คลอดน้อง แม่จะเจ็บมากๆ แม่กัสจะไหวไหมคะ" ฉันเอียงคอมองสบตากับดวงตากลมโตใสแป๋วแล้วยิ้มกว้าง เด็กคนนี้ช่างน่ารัก มิลินน่ารักมากเลย"เวลาคลอดน้อง คุณแม่จะเจ็บค่ะ แต่คุณแม่ไหว เพราะคุณแม่ดีใจ ที่ลูกๆ ได้เกิดมา ลูกเป็นความสุขของคุณแม่นี่คะ" มิลิ
VEGAS PARTหลายวันต่อมาทุกๆ คำสัญญาพี่แม็กซ์เลือกที่จะรักษา เขาพาฉันไปหามารดาทั้งที่เขาไม่รู้เลยว่า เขาจะเจอกับอะไรบ้าง แต่เขาก็เดินหน้า ตั้งใจที่จะฟันฝ่า จนสุดท้ายมันก็มาถึงวันของเราฉันได้ใส่ชุดเจ้าสาวที่สวยมาก ชุดไทยสีเงินขาวสวยดุจนางพญา ช่างแต่งหน้าชื่อดังเนรมิตฉัน จนกลายเป็นจุดเด่นที่สุดในงาน เหมือนเจ้าหญิงที่ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับเจ้าชาย แม่ของฉันมาร่วมงานแต่งงานของฉัน พร้อมทั้งน้องสาวต่างพ่อ ครอบครัวพี่แม็กซ์อยู่กันพร้อมหน้า และรอบตัวเราก็ถูกหล่อรวมไปด้วยคนที่ฉันทั้งรู้จักและไม่รู้จัก พี่แม็กซ์ชวนแขกผู้ใหญ่ของเขามาเยอะมาก อีกทั้งเพื่อนพ้องและลูกน้องที่อยู่จนล้นงาน แขกเรื่อที่เยอะมาก ไม่ได้ทำให้ฉันใจสั่น เท่าคำมั่นสัญญาที่ว่าพี่แม็กซ์จะมีฉัน ดูแลฉัน และรักฉันตลอดไปและการกราบเท้าเจ้าบ่าวทั้งแต่วินาทีแรกที่ขบวนขันหมากเดินเข้าบ้าน มันก็เป็นสิ่งยืนยันว่าฉันจะเป็นเมียที่ดี และจะดูแลสามีและอยู่เคียงคู่กันตราบนานเท่านานเขาสวมแหวนให้ฉันที่นิ้วนางข้างซ้าย ฉันยกมือไหว้ในขณะที่เจ้าบ่าวเลื่อนมือมากุมมือของฉันเป็นการรับไหว้ เสียงเฮและเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วทั้งงาน ทุกคนร่วมเป็นสักขีพยาน
VEGAS PART"มาค่ะ มิลินจะวัดไข้ให้แม่กัส" คนตัวเล็กบอกพร้อมๆ กับการสอดปรอทวัดไข้เข้ามาในรักแร้ของฉัน"ลูกสาวแด๊ดดี้เป็นคุณหมอเด็กเหรอครับ" ผู้เป็นพ่อหยอกเย้าพร้อมกับยิ้มกว้าง"มิลินเป็นคูมหมอตัวเล็กค่ะ คูมหมอตัวเล็กจะดูแลคูมแม่" ฉันกับพี่แม็กซ์อมยิ้มแล้วมองหน้ากัน ทุกๆ คำพูดของเด็กวัยห้าขวบมันสร้างความสุขให้พวกเราอย่างคาดไม่ถึง ฉันยอมให้มิลินเรียนรู้ในสิ่งที่คุณย่าเคยทำให้กับเธอตอนที่เธอมีไข้ ก่อนที่เสียงเล็กๆ จะถูกเอื้อนเอ่ยออกมาคล้อยหลังที่เสียงสัญญาณจากปรอทวัดไข้ดังออกมา"สามสิบหกจุดหนึ่ง แม่กัสไม่มีไข้ค่ะ" ไม่รู้ว่าจะหาความสุขในรูปแบบไหนที่จะดีได้เท่าความสุขที่ฉันได้รับอยู่ในตอนนี้ ต่อให้มีฉันก็มั่นใจว่าจะไม่ยอมแลกกับความสุขในตอนนี้อย่างแน่นอน"เหรอคะ ถ้าแม่กัสไม่มีไข้ ถ้าอย่างนั้น แม่กัสสามารถกอดมิลินได้โดยที่มิลินไม่ต้องกลัวติดไข้ใช่ไหมคะ""ใช่แล้วค่ะ คิกๆ" เพียงเท่านั้นมิลินก็ใช้เข่ารองนั่งแล้วรวบลำคอของฉันเข้าไปกอดทันทีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโลชั่นและแป้งเด็ก ติดอยู่ที่ปลายจมูกของฉัน ฉันสูดดมกลิ่นหอมๆ ในแบบฉบับของมิลินเข้าให้ลึกจนเต็มปอด และสวมกอดคนตัวเล็กเอาไว้เช่นกันเวลาผ่านไป
VEGAS PARTเหตุการณ์เมื่อสักครู่มันทำให้ฉันรู้สึกใจหายขึ้นมา การที่มิลินเดินมาจับมือฉัน ทั้งๆ ที่แม่ของน้องยังนั่งอยู่ตรงนั้นมันทำให้จุกลึกๆ ในใจ แอบคิดว่าหากคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นฉันหัวใจก็คงสลาย เมื่อลูกเลือกที่จะเดินจากไป ทั้งๆ ที่คนเป็นแม่อาจจะกำลังคิดถึงจนสุดใจ"ไหวไหมกัส เธอหน้าซีดไปนะ แวะโรงพยาบาลไหม" น้ำเสียงที่ห่วงใยจากคนข้างๆ ทำให้ฉันเลือกที่จะส่ายหน้ากลับไป ฉันแพ้กลิ่นน้ำหอมแบบนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งพอได้พักร่างกายสักหน่อย อาการมันจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งครั้งนี้ก็คงจะเช่นกัน"กลับไปพักที่บ้านก็พอแล้วค่ะ" "แน่ใจนะ?" คนถามเอ่ยออกมาอย่างห่วงใย ทั้งสีหน้าและแววตาของเขา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าห่วงฉันไปหมด ฉันเลือกที่จะคลี่ยิ้มจางๆ กลับไปจากนั้นก็เลือกที่จะยืนยันอีกที"ไหวจริงๆ ค่ะ กลับบ้านกันนะคะ" แล้วสุดท้าย พี่แม็กซ์ก็เลือกที่จะพยักหน้าออกมาบ้านของแม็กซ์เวลล์เวลา 13:20 น.ช่วงบ่ายแบบนี้เป็นไปได้ว่าคุณป้ามารีญาอาจจะนอนพักผ่อนที่ด้านบน ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นพลขับทันทีที่กลับมาถึงบ้าน เขาก็รีบไปหาน้ำส้มมาให้ฉันและมิลินทานทันที "ขอบคุณที่ดูแลนะคะ แต่กัสรู้สึกผิดอยู่นะคะที่เ
MAXWELL PART"มิลินไม่เห็นรู้จักพี่คนนี้เลยค่ะ" มิลินเอ่ยออกมาตรงๆ ยิ่งทำให้พนักงานฝ่ายขายของผมหน้าเสียมากกว่าเดิม"คูมพ่อขา มิลินชอบคุยกับพี่คนนี้เหรอคะ ทำไมมิลินไม่เห็นจำได้เลยล่ะ" ผมมองสบตากับดวงตากลมโตใสซื่อของบุตรสาว เห็นมิลินเอียงคอมองพนักงานของผมอย่างพิจารณา"ไม่เห็นรู้จักเลยค่ะ" ผมอมยิ้มให้กับท่าทีตรงไปตรงมาของคนตัวเล็ก ตรงๆ พิมพ์แบบผมมาเป๊ะเลย"พี่เจี๊ยบคงจะเคยเห็นรูปมิลินในห้องทำงานของแด๊ดดี้มั้งครับ" ผมตอบสั้นๆ จริงๆ แล้วก็พอจะดูออกว่าอะไรเป็นอะไร"เอ่อ งั้นเจี๊ยบขอตัวไปทำงานนะคะ" "เชิญครับ" พนักงานสาวก้มหน้า เธอไม่กล้าหันไปมองสบตากับมิลินและเวกัสด้วยซ้ำ จากนั้นก็รีบลุกแล้วเดินก้มหน้าออกไปจากห้องรับรองโดยไวมีพิรุธจนโดนจับโป๊ะได้แบบนั้น หวังว่าผมคงจะไม่มีปัญหากับคนเป็นเมีย"พี่คนนั้นบอกว่าจะนั่งเป็นเพื่อนมิลินค่ะคูมพ่อ แต่มิลินบอกว่ามิลินอยากอยู่กับแม่กัส" "เหรอครับ มิลินพูดถูกต้องมากๆ เลย มิลินต้องบอกกับทุกคนว่ามิลินมีคุณแม่แล้วโอเคไหมครับ" ผมหรี่ตามองบุตรสาว พร้อมๆ กับการใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งวนกันจนเป็นวงกลมในท่าโอเค"โอเคค่ะ" มิลินตอบรับออกมาทันที พร้อมๆ กับการยิ้มกว้า
VEGAS PARTใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาในจังหวะที่อีกคนเดินลงจากเตียง ไปคว้ากล่องทิชชู่ทั้งที่ตัวเขาก็เปลือยเปล่าตรงนั้นก็ชี้โด่ไปมาแบบนั้น เขาไม่อายเลยหรือไงกันฉันเม้มปากแน่นในจังหวะที่ที่นอนยุบลงเล็กน้อยเมื่ออีกคนกลับขึ้นเตียงมาอีกครั้ง เขาดึงทิชชู่ออกมาจากกล่องจากนั้นก็ปาดเช็ดคราบน้ำรักของเขาที่เปรอะอยู่บนหน้าท้องของฉันออกอย่างใส่ใจ"เพิ่งรู้เลยนะว่าเมียฉันร้อนแรงเหมือนกัน" เขายกยิ้มพลางเงยหน้าขึ้นมองสบตากับฉัน สายตาแบบนั้นฉันไม่กล้ามองนานเลยจริงๆพี่แม็กซ์เปล่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะคว้าชุดนอนแล้วนำมาสวมใส่ให้ฉัน จากนั้นเขาก็ชูบราของฉันขึ้นมาตรงหน้าแล้วบอกออกมา"ทีหลังเวลานอนไม่ใส่นี่แล้วนะ จับไม่ถนัด" เขายิ้มกว้างแล้วรีบก้าวขาลงจากเตียงไปทันที ปล่อยฉันให้อยู่กับที่แต่ใบหน้านี่แดงก่ำ ทั้งเขิน ทั้งอาย จนไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนแล้วเหมือนกันแล้วพี่แม็กซ์ก็เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง โดยที่สวมใส่กางเกงผ้าขายาวแบบใส่นอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"มานี่" เขานั่งพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง พลางกางแขนเรียกฉันให้เข้าไปหา ฉันยอมเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่าย โดยการพิงร่างกับแผงอกแกร่ง ก่อนที่สอง