ฝรั่งหนุ่มนั่งไขว่ห้างกำลังอ่านบางสิ่งบางอย่างในสมาร์ทโฟนเครื่องหรู อยู่ที่เก้าอี้หัวโต๊ะของโต๊ะอาหารตัวยาว อิงวรามองเห็นเขาครั้งแรกก็ชะงักเท้า เธอยอมรับเลยว่าฝรั่งหนุ่มตรงหน้านั้น มีหน้าตาที่หล่อเหลา เป็นสเปกของสาวๆ หลายๆ คน หากเธอไม่ถูกเขาล่วงเกินเมื่อคืน เธอเองก็คงคิดกับเขาในแง่ดีเช่นกัน แต่หลังจากผ่านค่ำคืนที่เธอจดจำอะไรไม่ได้มาแล้ว ทำให้เธอมองเขาไม่ดี
“นายคะ มาดามมาแล้วค่ะ” แม่บ้านรายงานมาเฟียหนุ่ม เขาเงยหน้าละสายตาจากตัวหนังสือในสมาร์ทโฟนราคาแพงที่อยู่ในมือแล้วมองไปยังร่างระหงที่ยืนอยู่หลังแม่บ้านของตน “เชิญนั่งก่อนสิคุณ กินมื้อเช้าก่อนแล้วผมจะพาไปส่งที่โรงแรม” เขาผายมือเชื้อเชิญแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นที่เคยได้ยิน แม่บ้านรู้หน้าที่จึงรีบผละตัวออกจากบริเวณนี้ไป “กระเป๋าฉันอยู่ไหนคะ คุณเห็นกระเป๋าฉันหรือเปล่า” เพราะเธออยากใช้สมาร์ทโฟนเพื่อติดต่อหาผู้จัดการส่วนตัวจึงไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาเพิ่งจะบอกเธอมา “กินมื้อเช้าก่อนเถอะครับ กระเป๋าคุณอยู่ในห้องนอนนั่นแหละ ไม่หายไปไหนหรอก” มาเฟียหนุ่มบอกหญิงสาวยิ้มๆ “ฉันก็ไม่ได้กลัวว่ามันจะหายไปไหน ฉันเพียงแค่อยากจะใช้โทรศัพท์ โทรติดต่อหาผู้จัดการส่วนตัว ป่านนี้เธอไม่ตกใจแย่แล้วเหรอ ที่ไม่เห็นฉันอยู่ที่ห้อง” อิงวราเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว แม้เธอจะรู้ว่าเขาหวังดี แต่ตอนนี้ความขุ่นเคืองกลับบดบังสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้เธอจนหมด “เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อคืนผมฝากเอวานบอกผู้จัดการส่วนตัวของคุณให้แล้ว” เอเบลยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบหลังจากพูดจบ อิงวรายืนเก้ๆ กังๆ ก่อนที่จะยอมเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้ทางด้านขวามือของชายหนุ่มแต่โดยดี “เรื่องเมื่อคืน...ช่วยปล่อยให้มันผ่านไปได้ไหมคะ” เสียงหวานถามเขาออกมาอย่างลังเล “ไม่ได้... ผมบอกแล้ว ว่าผมต้องการให้คุณรับผิดชอบ” มาเฟียหนุ่มปฏิเสธหน้าตาย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว ระหว่างเขากับเธอไม่ได้เกินเลยไปถึงขั้นสอดใส่ด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้เขาก็ถือว่าแผนการของคู่ขาพี่ชายสำเร็จ เพราะอย่างน้อยหญิงสาวก็เข้าใจว่าเขาและเธอมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว ถ้าเขาไม่ทำร่องรอยเอาไว้ คิดว่าเธอก็คงจะไม่เชื่อเขาอย่างแน่นอน “แล้วคุณจะให้ฉันรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไงคะ” อิงวราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากพอ เพียงแต่เธอคิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย แล้วทำไมกลายเป็นเขา ที่มาเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากเธอไปเสียได้ “มาเดตกัน” มาเฟียหนุ่มตอบออกมายิ้มๆ พลางจ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา แม้เวลานี้บนใบหน้าของเธอจะไร้เครื่องสำอาง แต่ทว่าความสวยแบบธรรมชาติกลับดึงดูดสายตาของเขามากกว่า “ฉะ...ฉันไม่ชอบเป็นข่าว หรือโด่งดังโดยใช้ทางลัด” อิงวราบอกออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พลางหลุบตามองมือตัวเอง เพราะสายตาของเขาแสดงออกว่าสนใจเธออย่างเปิดเผย ทำให้เธอรู้สึกเขินอายเกินกว่าที่จะสบตากับเขาตรงๆ และที่เธอบอกกับเขาอย่างนี้ เป็นเพราะเธอรู้ดี ว่าเขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หากจะออกเดตกันก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไม่ตกเป็นข่าว แล้วคนอื่นจะมองเธอว่าอย่างไร เธออยากเป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จในอาชีพด้วยตัวเอง ไม่ใช่อาศัยชื่อเสียงของคนอื่นโด่งดังขึ้นมา “เรื่องนักข่าวไม่ใช่ปัญหา ถ้าคุณไม่ต้องการเป็นข่าว...ผมก็ทำให้ไม่มีข่าวเล็ดลอดออกไปได้เหมือนกัน” อิงวราพูดไม่ออก ดูอย่างไรเขาก็ไม่ยอมง่ายๆ ทำท่าเหมือนจะอยากออกเดตกับเธอจริงๆ “เราจะเดตกันแค่ที่นี่ แต่ถ้าฉันกลับประเทศไทยแล้ว ขอให้เราต่างคนต่างอยู่ได้ไหมคะ” เธอยื่นข้อเสนอออกมา เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะปฏิเสธก็ไม่ได้ ยอมรับไปก่อนก็ไม่เสียหายอะไร ถึงอย่างไรแล้วเธอกับเขา ก็มีความสัมพันธ์เกินกว่าคนรักกันไปแล้ว “ตกลงครับ ที่ว่าเราจะออกเดตกันระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่ แต่ถ้าคุณกลับประเทศไทยไปแล้ว ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นไปได้สวย ไม่มีทางที่ผมจะเลิกคบกับคุณหรอกนะครับ” “ทะ...ทำไมคะ อยู่ที่นี่คุณก็มีผู้หญิงตั้งมากมาย ทำไมคุณถึงอยากจะมาคบหากับฉันที่อยู่ไกลถึงประเทศไทย แทนที่จะเป็นผู้หญิงพวกนั้น” หญิงสาวถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ เขาเป็นถึงมาเฟียระดับโลกที่สาวๆ ต่างหมายปอง อยู่ที่นี่มีผู้หญิงมากมายให้เลือกควงไม่ซ้ำหน้าด้วยซ้ำ ทำไมต้องมายึดติดกับแค่คู่นอนคืนเดียวอย่างเธอ “เพราะคุณต่างจากคนอื่นไง เคยได้ยินคำว่ารักแรกพบไหม สำหรับผม...คุณคงเป็นแบบนั้น” อิงวราถึงกับอึ้งในความปากหวานซื่อตรงของมาเฟียหนุ่ม เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า เขาจะกล้าพูดตรงๆ กับเธอขนาดนี้ แต่เธอจะเชื่อเขาได้อย่างไร ว่าเขาตกหลุมรักเธอจริงๆ ไม่ใช่เพราะติดใจในความสัมพันธ์บนเตียง เรื่องนี้เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ “รับประทานมื้อเช้าก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่โรงแรม แล้วจะไปคุยกับเจ้ลูซี่และขออนุญาตผู้จัดการส่วนตัวของคุณ เพื่อพาคุณไปเดตด้วย” “วันนี้เลยเหรอคะ” อิงวราอุทานถามออกมาด้วยความตกใจ เพราะเธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างกะทันหันเกินไป “คุณอยู่ที่นี่แค่อาทิตย์เดียว และนี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วด้วย เหลือเวลาอีกแค่ห้าวันเท่านั้น ผมมีเวลาทำให้คุณตกหลุมรักผมไม่มาก จะให้เสียเวลาไปอีกไม่ได้หรอก” เขาตอบหญิงสาวนัยน์ตาโตตรงหน้ายิ้มๆ น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นก็จริงจังหนักแน่น ไม่ติดเล่นเลยแม้แต่นิด เพื่อแสดงออกให้เธอเห็นว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้เขาจริงจังแค่ไหน อิงวรารู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ก็ตั้งแต่โตมาเธอยังไม่เคยมีความรัก หรือออกเดตกับผู้ชายมาก่อนเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นแบบนี้จะจบลงแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจ คือเธอจะไม่ยอมตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอนเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมา เป็นท่วงทำนองแสนหวาน แขกที่มาร่วมงาน ต่างเฝ้ามองไปยังเวที ที่ทอดยาวไปข้างหน้า แสงไฟจากสปอตไลท์สาดส่องไปยังเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาว ที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับเจ้าสาว แสนสวย ด้านหลังของทั้งคู่ ยังมีเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวเดินตามมาด้วยระหว่างทางเอเบล เหลือบมองเจ้าสาวของเขาเป็นระยะ วันนี้อิงวราในชุดเจ้าสาวแบบสากลสวยมากจริงๆ เธอทำให้เขาตกหลุมรักเธอ จนนับครั้งไม่ถ้วน จะพูดไปก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เพราะต่างก็ไม่มีใครคิดว่าคำพูดของเขาในวันนั้นจะเป็นเรื่องจริงจัง แต่ในวันนี้เขากลับได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขาตกหลุมรักนางแบบสาวชาวไทยตั้งแต่แรกเห็น และมีความคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอจริง ๆสองบ่าวสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางเวที พิธีการดำเนินไปอย่างชื่นมื่น พิธีกรดำเนินรายการไปตามขั้นตอน มีพิธีการตัดเค้ก และดื่มแชมเปญ เพื่อแสดงความยินดี บ่าวสาวจุมพิตกันจากนั้นวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้น ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว และแขกผู้มาร่วมงานพากันจับคู่เต้นรำ อิงวราอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าบ่าวสุดหล่อ“คุณเชื่อไหม...ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คือภา
หลังจากอิงวราแต่งงานกับเอเบลได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน นางศิริลักษณ์ก็ตัดสินใจละทางโลก มุ่งหน้าสู่ทางธรรม ปลงผมบวชชี ตามความตั้งใจเดิม ที่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนืออิงวราได้เดินทางมาส่งมารดา เธอรู้สึกตื้นตันใจ ที่ในท้ายที่สุดแล้ว มารดาก็ได้เลือกเดินไปบนเส้นทางแห่งธรรม ยอมละทิ้งทางโลก ที่มีแต่กับดักทำให้คนตกลงไปที่ผ่านมามารดาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ไม่ยอมรับสถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาระหนี้สิน ที่สร้างความลำบากให้แก่เธอมากมายแต่อิงวราก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองมารดาเลย ก่อนที่อิงวราจะลามารดากลับกรุงเทพฯ แม่ชีศิริลักษณ์ก็ได้อวยพรให้ลูกสาว มีความสุขในชีวิต อิงวราก้มกราบเท้ามารดา แล้วจึงออกเดินทางกลับเพื่อไปทำหน้าที่ของตนต่อผู้จัดการส่วนตัวที่มาด้วยกัน มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความเป็นกังวลของนางแบบสาวก็พอเข้าใจ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือน อิงวราก็ต้องเดินทางไปแต่งงานที่เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วและหลังจากนั้น หญิงสาวก็ต้องติดตามสามี ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะเอเบล สามีของเธอทำธุรกิจ และมีอำนาจของตระกูลอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้อิงวราต้องติดตามเอเบลไปอาศัยอยู
“บัดนี้ขอประกาศว่า มิสเตอร์เอเบล วินเทอร์ และนางสาวอิงวรา หงส์สิริภา เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ขอพระเจ้าอวยพร”หลังจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมแหวนให้กันและกัน บาทหลวงก็ได้ประกาศสถานะ ให้แก่คนทั้งสอง จากนั้นเจ้าบ่าวจึงรั้งร่างบางของเจ้าสาว ให้เข้ามาในอ้อมแขน แล้วมอบจุมพิตอันแสนหวานให้กับเธอมีเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่แซวดังขึ้น ช่างภาพภายในงานที่มีอยู่กันหลายคน ต่างก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศแห่งความประทับใจของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในครั้งนี้เอาไว้หลังจากพิธีอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้เชิญให้ทุกคน อยู่กินเลี้ยงร่วมกันต่อดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นมา เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เต้นรำ เพื่อนๆ พากันรุมล้อมทั้งสองเอาไว้นางศิริลักษณ์มองไปยังบุตรสาวที่กำลังเต้นรำกับชายหนุ่มที่สวมสูทสีขาวสะอาด นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุข และความรู้สึกปล่อยวางได้เห็นอิงวราในวันที่มีความสุขเช่นนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดให้เธอต้องเป็นห่วงหรือกังวลใจในตัวบุตรสาวอีกแล้วนางศิริลักษณ์ดึงสายตากลับมา พูดคุยกับมาดามเอวาน่า ตอนนี้เธอกำลังนั่งร่วมโต๊ะ อยู่
สามเดือนต่อมาณ ชายทะเลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย สถานที่แห่งนี้ถูกเนรมิต ให้กลายเป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงาน ของทายาทมาเฟียระดับโลก อย่างลูกชายคนที่สอง ของตระกูลวินเทอร์ กับนางแบบสาวชาวไทย แขกที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้ กลับมีเพียงแค่คนสนิทของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวเท่านั้นนั่นก็เป็นเพราะความต้องการของเจ้าสาว ที่อยากจะจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ในสถานที่ที่ถูกเจ้าบ่าวขอแต่งงาน มีคนสนิทมาร่วมเป็นสักขีพยานแต่อีกสองเดือนหลังจากนี้ พิธีฉลองมงคลสมรสที่แท้จริง จะถูกจัดขึ้นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ที่เมืองชิคาโก้ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายเจ้าบ่าวมิสเตอร์และมิสซิสวินเทอร์ อย่างนายลูเซียโน และมาดามเอวาน่า พร้อมด้วยครอบครัวของเอเดน และเอวาน พี่ชายคนโตของเอเบล ก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน ให้กับทายาทคนที่สองของตระกูลวินเทอร์ ที่กำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวของตัวเอง“เอวาน...น้อง ๆ ก็แต่งงาน มีครอบครัวกันหมดแล้ว เราล่ะ...เมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างเขาสักที”นายลูเซียโน เอ่ยปากถามบุตรชายค
“พระอาทิตย์ตกดินสวยจังเลยค่ะ”“ชอบไหม” อิงวราหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลา“ชอบค่ะ”"ชอบผมหรือชอบทะเลกว่ากัน" เสียงทุ้มดังมาจากข้างใบหู"ก็ต้องชอบคุณมากกว่าอยู่แล้วสิคะ" เสียงหวานตอบออกมาเจือความขบขันเอเบลโน้มใบหน้าลงไป จุมพิตที่แก้มเนียนของเธอ อิงวราหลับตาพริ้ม ซึมซับความสุขที่มาเฟียหนุ่มมอบให้ ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะยืนกอดกัน มองพระอาทิตย์ดวงโต ที่ค่อยๆ จมหายไปกับท้องทะเลหลังจากที่พระอาทิตย์ยามเย็น หายไปในท้องทะเลแล้ว แสงจากหลอดไฟบนเสาไฟสูง ที่เรียงรายอยู่ริมชายหาด ก็ถูกเปิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เอเบลจูงมืออิงวรา พาเธอเดินกลับไปยังสถานที่เดิมตอนนี้สถานที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปถึง เบื้องหน้าจึงมีซุ้มดอกไม้สีขาว ผ้าสีขาวปลิวไสว รายล้อมไปด้วยไฟประดับและบนหาดทรายมีเทียนที่ถูกปักเอาไว้ เป็นคำว่า Will You Marry Me? อิงวราได้เห็นภาพเบื้องหน้าก็ใจเต้นแรง เธอหันกลับมามองแฟนหนุ่มเอเบลคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นทราย เข่าอีกข้างหนึ่งชันขึ้น มือหนาล้วงกล่องแหวนออกมาจาก
เสียงคลื่นซัดสาดกระทบเข้าฝั่ง ดังปะปนไปกับเสียงของเพลงเบาๆ หลังจากที่เอเบลกินอิงวราจนเป็นที่พอใจ และนอนพักผ่อนเอาแรง จนพละกำลังฟื้นกลับคืนมาเต็มที่แล้ว เขาก็ได้พาหญิงสาว ออกมานั่งกินปิ้งย่างที่ริมทะเล ตามความต้องการของเธอนางแบบสาวนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะ แต่สุดท้ายแล้วใบหน้าสวย ก็คลี่คลายความขุ่นเคือง ที่มีอยู่บนใบหน้าลง นั่นก็เป็นเพราะกุ้งตัวใหญ่ในจานตรงหน้า ซึ่งเอเบลเป็นคนที่คอยแกะเปลือก ให้กับเธอด้วยมือของเขาเอง“กินเยอะๆ นะที่รัก ผมว่าคุณผอมเกินไปแล้ว” เอเบลเอ่ยขณะวางกุ้งเผาแกะเปลือกตัวที่สอง ลงบนจานให้กับแฟนสาว“อิงค์ผอมเหรอคะ อิงค์ว่าหลังจากที่คุณกลับไปครั้งก่อน น้ำหนักอิงค์ก็ขึ้นมาตั้งสองกิโล” อิงวราตาโต พลางถามเขาออกมาอย่างไม่อยากเชื่อเอเบลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทำเพียงส่งยิ้มให้กับเธอ มือหนายังคงแกะกุ้ง ที่จอร์ชกับเดวิดทำหน้าที่ย่าง ให้กับพวกเขาจนสุกแล้ว วางลงบนจานให้กับเธออย่างต่อเนื่องบอดี้การ์ดทั้งสี่ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง แดนกับเพื่อนชาวไทยของเขา คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รอบๆ บริเวณนี้ ให้แก่เจ้านายทั้งสอง&ldq